6
เสื้อช็อปใคร
“ช่วยด้วยๆ ช่วยลูกช้างด้วย”
ร่างสูงของหนุ่มตี๋ขาวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเน่าๆ กางเกงบ็อกเซอร์ วิ่งใส่ตีนหมา โกยแน่บลงมาจากหอพักชั้นสี่ ทำให้คนที่บังเอิญเดินผ่านสับสนงุนงงไปหมด
“ไฟไหม้ๆๆๆ หนีก่อน หนีๆๆ”
แต่พอได้ยินเสียงร้องโวยวายว่าไฟไหม้ คนเดินผ่านก็เริ่มตกใจตาม ส่วนพวกที่อยู่ห้องข้างเคียงหรือห้องที่ชายหนุ่มวิ่งผ่าน ก็มีเปิดประตูออกมาดูบ้างประปราย สงสัยว่าจะไฟไหม้ได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเลยสักแอะ
เวลาไม่รีบร้อนตามไป เขาคว้าเสื้อและกางเกงนักศึกษาของเพื่อนในตู้เสื้อผ้า เข็มขัด รองเท้าผ้าใบเน่าๆ พร้อมกับกระเป๋าคาดเอวที่บรรจุของใช้ส่วนตัวของภูเขามา ปิดไฟปิดแอร์ หยิบกุญแจ ปิดล็อกประตูห้อง ก่อนจะเดินตามไปอย่างชิลๆ เดินหล่อๆ หนีบกระเป๋าหนังของตนไปด้วย และคอยบอกคนที่ชะเง้อหน้าออกมามองว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนเขาเพียงแค่ตื่นตูมไปเองเท่านั้น
ตามลงไปจนถึงข้างหน้าหอ จึงได้เห็นเพื่อนของตนที่นั่งแผ่หลาอ้าขาโชว์ไข่หอบแฮ่กอยู่บนพื้น
“ไอ้เวร มึงหลอกกู” เหนื่อยแทบตายก็ยังมีแรงยกนิ้วชี้หน้าด่าเพื่อนทรยศ เพื่อนทรพี!
“กูหลอกตรงไหน ไฟไหม้จริงๆ”
คำพูดและสีหน้าจริงจังของเพื่อน ทำให้ภูเขาเริ่มสงสัย
“ไหม้จริงเหรอวะ”
“จริงๆ แต่กูดับไปแล้ว” เวลาโกหกหน้าตาย “มึงรีบวิ่งออกมาก่อน กูเลยไม่ทันได้พูดต่อ”
ภูเขาที่ตื่นเต็มตาแล้ว แหงนหน้ามองเพื่อนตน เกือบจะเชื่อท่าทางมั่นใจนั่นอยู่แล้ว แต่ดันนึกอะไรขึ้นได้
“ไอ้สัด ไม่ต้องมาหลอกกู มึงบอกให้รีบหนี โกหกไม่เนียนนะมึง”
“แล้วไง” เวลายักไหล่รับอย่างกวนๆ “ไหนๆ มึงก็ตื่นแล้ว แต่งตัว แล้วไปเรียนกัน” เขาโยนเสื้อผ้าทั้งหมดลงบนตัวเพื่อนเชื้อสายจีน
“ไม่ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เวลากวาดมองคนพูดที่ยังคงนั่งแหมะอยู่กับพื้นช้าๆ ก่อนจะปรายตาไปทางเหล่าผู้เช่าที่เปิดประตูชะโงกหน้ามาดูคนเพี้ยนที่โวยวายเสียงดัง
“มึงจะนั่งโชว์ไข่อยู่อย่างนี้เนี่ยนะ?”
“ทีเมื่อคืนมึงยังนอนดูดาวบนกระโปรงรถคนอื่นได้เลย”
ประโยคเด็ดถูกปล่อยออกมา ทำเอาคนฟังถึงกับงง เพราะจำเหตุการณ์หลังกลับจากร้านเหล้าไม่ได้เลยสักนิด
“อย่ามามั่ว กูไม่เชื่อหรอก” เวลาพูด
“หึๆ” เสียงหลุดหัวเราะขำเบาๆ ของคนที่เดินผ่านมา ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
เป็นเด็กวิทยาภาคเคมีเทคนิค วิชาหลักเคมีวิศวกรรม คนที่ทำแลปข้างๆ เวลานั่นเอง
“นี่ไง ตินก็เป็นพยานได้ เขาเห็นมึงนอนเมื่อวาน” ภูเขารีบดึงตินมาเป็นพวกทันที
ระบบ เมื่อคืนฉันทำอะไรไปบ้าง
[โฮสต์ร้องเพลงในรถแท็กซี่ ชมดาวชมท้องฟ้าบนกระโปรงรถ แล้วก็ไม่ยอมนอนบนเตียง เตะผ้าห่มลงพื้น ก่อนจะนอนกอดผ้าห่มแล้วหลับไป]
ได้รับคำบรรยายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เวลาก็ได้แต่ยอมรับความจริง พฤติกรรมการเมาแบบใหม่มาอีกแล้วสินะ ครั้งก่อนๆ อย่างมากเขาก็แค่ยืนเถียงกับเสาไฟฟ้า ไม่ได้เพ้อหนักขนาดนี้
“ก็คนมันเมานี่ ไม่เคยเห็นคนเมาหรือไง” พูดเสร็จ เวลาก็หันไปหาติน “นายน่ะ เอาเสื้อช็อปมาดิ๊” เขาหาเรื่องเอาเสื้อที่อีกฝ่ายพาดบ่าอยู่มาหน้าด้านๆ
“มึงจะเอาเสื้อช็อปของวิทยาไปทำไม” ตินถาม
นอกจากเสื้อกาวน์เวลาทำแลปแล้ว นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ก็มีเสื้อช็อปเช่นกัน แต่ไม่ได้มีกันครบทุกภาค และมักจะเริ่มมีกันตอนปีสอง
สีกรมท่าเป็นสีเสื้อช็อปของภาควิชาเขา ซึ่งวันนี้เขากะหยิบมาใส่เล่นๆ ทับเสื้อยืด เพราะไม่อยากใส่เสื้อเชิ้ตก็เท่านั้น
“ก็มึงหัวเราะกู... ดังนั้นมึงต้องเอาช็อปมาให้กูยืม” จะได้กลบสภาพเน่าๆ ของเสื้อนักศึกษาที่เขาใส่ซ้ำด้วย
“ซักก่อนคืนด้วยล่ะ” เด็กวิทยาโยนเสื้อช็อปของตนให้อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย “ดูแลเพื่อนมึงดีๆ ด้วยล่ะ ทำคนเขาตกใจหมด”
จากนั้นตินก็เดินกลับเข้าหอไปอีกครั้ง เพราะกะจะหยิบเสื้อช็อปอีกตัวในห้องมาใส่แทน
ฝ่ายเวลาที่ตั้งใจจะวางท่า กะเบ่งอำนาจข่มใส่เพื่อขู่กรรโชกของรักของหวงอีกฝ่ายมาอย่างเต็มที่ และควรจะรู้สึกดีที่เอาคืนคนที่หัวเราะเยาะตนได้สำเร็จ กลับงงเป็นไก่ตาแตกให้กับความว่าง่ายของเด็กวิทยาคนนั้น
ถ้าถูกพวกนักเลงไถเงิน มันจะไม่ให้ไปจนหมดเนื้อหมดตัวเลยหรือไงกัน?
[โฮสต์ เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีก่อนจะเริ่มชั้นเรียน]
ชายหนุ่มมองเสื้อช็อปที่ปักคำว่า ‘Faculty of Science’ ในมือ แล้วก็หยิบมันมาสวม เขาเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะลากเพื่อนตนให้ลุกขึ้นมา
“ไปเรียนได้แล้ว”
“เออ กูไปเรียนก็ได้ แต่มึงต้องให้กูเอาคลิปมึงไปให้คนอื่นดูนะ”
“ดูอย่างเดียวพอ ไม่ต้องส่งต่อล่ะ” เวลาทำท่าเหมือนจำใจยอม ทั้งที่ปกติแล้วคลิปของเขาก็ถูกเอาให้เพื่อนคนอื่นดูอยู่ตลอดนั่นแหละ ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน สงสัยไอ้ภูเขามันจะลืม
...
สุดท้าย เวลาก็พาภูเขามาเข้าเรียนได้เป็นผลสำเร็จ โดยที่เขาอาศัยช่วงเวลาบนรถแท็กซี่ในการอ่านบทเรียนล่วงหน้าจนทันในที่สุด
แม่งงง เหนื่อยยิ่งกว่ามีสอบอีก ไอ้การที่ต้องอ่านแข่งกับเวลาให้ทันเนี่ย
“ไอ้เวร มึงใส่เสื้อของใครมาวะ” คิขุถาม
“ช็อปคณะวิทยานี่หว่า” ธีโออ่านตัวหนังสือที่อกขวาของเสื้อ
“เออ กูหยิบมามั่วๆ น่ะ”
“มึงไปนอนห้องภูเขามาจริงเปล่าวะ ไอ้ภูเขาจะมีช็อปวิทยาได้ไง” คิขุจับผิด
“ไม่เชื่อ ก็ถามมันเองดิ๊” เวลาโบ้ยไปทางหนุ่มตี๋ที่ตอนนี้นอนฟุบโต๊ะอย่างหมดสภาพ เพราะต้องนั่งแต่งตัวในรถแท็กซี่ บุญแค่ไหนแล้วที่รถยอมจอดรับคนบ้าที่ใส่แต่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์แบบมันน่ะ
“มันนอนห้องกูจริง แต่ช็อปนั่นน่ะของเด็กวิทยาที่ชื่อตินโน่น”
“อ้าว สันดานเก่ายังไม่เลิกอีกเหรอ ไปดอยของคนอื่นมาอีกแล้วนะมึง” ธีโอด่า
ไม่มีหรอกการซงการแซวแบบที่ทุกคนคาดหวัง ไอ้เพื่อนพวกนี้มันรู้สันดานเขาดี ชอบไปดอยของคนอื่นมาใช้มั่วซั่วไปหมด แล้วก็คืนบ้างไม่คืนบ้างเพราะลืม
“หรือมึงจะดมเสื้อนักศึกษาเน่าๆ ของกูล่ะ” เวลาท้า ทำท่าจะถอดเสื้อช็อปออก แล้วยื่นเสื้อข้างในให้เพื่อนดม จนธีโอต้องยอมแพ้
โชคดีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี ภูเขาที่เพิ่งฟื้นคืนชีพ กำลังจะหยิบมือถือออกมาเปิดคลิปคนเมาเรื้อนให้เพื่อนคนอื่นได้ดู เลยต้องพักไว้ก่อน
เข้าห้องมายังไม่ทันที่จะให้นักศึกษาได้เตรียมตัวเตรียมใจใดๆ อาจารย์ก็แจ้งข่าวร้ายเรื่องควิซก่อนเรียนทันที
“สแกนคิวอาร์โค้ดนี้แล้วตอบให้ครบทุกคำถามล่ะ ไม่ต้องห่วง ควิซนี้คิดเป็นคะแนนแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ผมเพิ่มให้เป็นพิเศษสำหรับคนที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา”
เมื่อเปิดแบบฟอร์มควิซที่มีทั้งหมดห้าข้อดู เวลาก็ค้นพบว่ามีแต่เรื่องง่ายๆ ที่เขารู้มาหมดแล้ว จึงสามารถตอบได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
[ต้องยกความดีความชอบให้ระบบนะเนี่ย]
ระบบที่ดูจริงจังมาโดยตลอด พูดอย่างขี้เล่น
แต่คนที่อ่านน่ะมันคือเขาต่างหากเล่า
“มีอะไรให้ช่วยปะพี่”
“อ้าว เวลา คนชอบดูดาวนี่เอง เมื่อคืนนี้ได้ไปดูดาวที่ไหนอีกหรือเปล่า”
แทนที่จะตอบคำถามเขา พี่ปีสามในภาคดั๊นมาล้อเขาเรื่องนี้แทน
เรื่องนอนดูดาวบนกระโปรงรถกลายเป็นที่โจษจันกันไปทั่วภาคอย่างรวดเร็ว แรกๆ ก็โดนล้ออยู่แค่ชั้นปีสอง แต่พอผ่านไปหลายวัน ไม่รู้ว่าเพราะความดังของเขาที่ทำให้คนมักจะสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว หรือเพราะอะไรกันแน่ ข่าวถึงได้กระจายไปทุกชั้นปีได้ โชคยังดี ที่ภาคอื่นยังไม่รู้ ไม่งั้นคงโดนล้อยันลูกบวชของจริง
ที่เขามาถามก็เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สาม เรียนดีแล้ว กิจกรรมต้องเด่นด้วย เนื่องจากสองวันนี้มีกิจกรรมโอเพ้นเฮ้าส์ของมหาวิทยาลัย ที่มักจะถูกจัดขึ้นทุกสองปี จึงไม่มีการเรียนการสอน และเหล่านักศึกษาต้องช่วยกันจัดการตกแต่งตึกภาคให้เรียบร้อย รวมถึงทำป้าย ทำสื่อต่างๆ หรือจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำให้น้องๆ มัธยมปลายได้รู้จักกับภาควิชาเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์กันมากขึ้น
และไอ้รุ่นพี่ที่เขามาถามก็ทำหน้าที่ฝ่ายดูแลความเรียบร้อย คอยดูภาพรวมต่างๆ และจัดคนไปช่วยเสริมยามขาดแคลนแรงงาน
เอาจริงๆ งานโอเพ่นเฮ้าส์นี้ ไม่ต้องมาช่วยกันทุกคนก็ได้ เพราะไม่ได้มีการหักคะแนนอะไร แต่พอเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเรียน เป็นเรื่องของความสามัคคีแล้วละก็ คณะเขาก็รักพวกพ้อง และให้ความร่วมมือได้ดีไม่แพ้คณะอื่น
...ซะเมื่อไหร่ล่ะ!
เจ้าพวกนี้มันแห่กันมาส่องนักเรียนสาวๆ สวยๆ ต่างหาก
พอมีเด็กสาวมัธยมปลายน่ารักๆ หลุดมานะ เล่นล้อมหน้าล้อมหลังพาแนะนำคณะซะจนน้องหลายๆ คนเริ่มกลัวเลย บางคนก็แกล้งเนียนไปช่วยคณะอื่นที่มีสาวๆ เยอะด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ากะจะฟันยับทั้งเด็กมอปลายและเด็กมหาวิทยาลัย
“แต่ละฝ่ายมีคนช่วยครบหมดแล้ว นายไปคอยเดินเก็บขยะกับรอเก็บงานก็แล้วกัน” พี่คอนเน่ว่า
“ก็ได้พี่ ชิลดี”
จากนั้นเวลาก็เลยมีโอกาสเดินไปเดินมา และแอบอู้ได้สะดวก เพราะระบบไม่ได้ระบุสักหน่อยว่า ให้เขาช่วยเรื่องอะไร และต้องช่วยมากแค่ไหน
[ถึงโฮสต์จะอาศัยช่องโหว่เก่งแค่ไหน แต่ภารกิจนี้จะได้แต้มตามระดับความช่วยเหลือนะ ยิ่งช่วยกิจกรรมมาก ยิ่งได้แต้มมาก]
เอ้า แล้วทำไมไม่บอกกันก่อน
[ระบบบอกแล้วว่า ของรางวัลภารกิจนี้คือแต้มขั้นต่ำ 10 แต้ม]
ขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน กะจะไปเสนอตัวช่วยเพื่อนพาน้องทำกิจกรรมแจกของสักหน่อย ก็มีเด็กนักเรียนชายมอห้ากางเกงน้ำเงินเดินเข้ามาหาเขาเสียก่อน
“พี่ช่วยพาผมเดินดูภาควิชาพี่หน่อยสิครับ”
7เรียนดี กิจกรรมเด่น เด็กหนุ่มที่เข้ามาทักมีผิวขาว ตัดผมรองทรง และแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพวกลูกคุณหนูส่วนใหญ่ในโรงเรียนเอสเค แต่อย่าให้ภาพลักษณ์ภายนอกหลอกลวงเชียวล่ะ เพราะเด็กโรงเรียนนี้ก๋ากั่น และทันโลกแบบสุดๆ ดูได้จากเพื่อนเขาหลายๆ คนเป็นตัวอย่าง แล้วนี่อะไร ไอ้เด็กนี่ใส่กางเกงนักเรียนขาอย่างสั้น หน้าขาวๆ นั่นก็มีแก้มป่องอมชมพูซะน่าหยิก ปากก็แวววาวด้วยลิปกลอส ดูน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงหลายๆ คนอีก ทรงอย่างนี้ ท่าทางจะฮอตในหมู่ผู้ชายน่าดู เสียดายที่เขาไม่ชอบเด็ก “ไปตามเพื่อนๆ น้องมาสิ พี่จะได้พาดูทีเดียว” ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก แต่ภารกิจมันค้ำคอ ไหนๆ ก็จะพาทัวร์ภาควิชาแล้ว ควรพาไปหลายๆ คน จะได้ได้แต้มเยอะๆ “ผมอยากไปกับพี่แค่สองคนนี่ครับ” ชีต้าพูดเสียงแผ่ว แล้วก็ช้อนขนตางอนๆ ขึ้นมองเขา ไอ้เด็กนี่มันร้ายวุ้ย! “น้องคิดว่า ตัวเองมีสิทธิ์เลือกงั้นเหรอ?” เวลาเอ่ยถ้อยคำเย็นชาใส่ ก่อนจะหันไปตะโกนทางอื่นเสียงดัง “น้องคนไหนอยากชมภาควิชาเคมี มารวมกันตรงนี้เร็ว ทัวร์จะออกในอีกห้านาที” หารู้ไม่ว่า ท่าทางไม่สนใจของเขานั้น ทำให้เด็
8แลกสร้อย ทัศนียภาพของคณะวิทยาศาสตร์เป็นอะไรที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่มีภาควิชาและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะวิทยาศาสตร์มีพื้นที่ใหญ่พอๆ กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ และมีตึกสูงมากมาย ทั้งตึกเก่าและตึกใหม่ อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาปีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเหยียบคณะนี้เลย “นายๆ ภาควิชาเคมีเทคนิคไปทางไหนเหรอ” เวลาสุ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ข้างใต้ตึกที่สูงที่สุดของคณะวิทยา “อยู่ทางโน้น เลยตึกเก่าๆ นั่นไปอีก อธิบายค่อนข้างยากแฮะ เดี๋ยวเรานำทางให้ก็แล้วกัน” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอ็นดูคนตัวโตที่ยืนนิ่งแอ็กท่าอยู่นาน เพราะไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดีหรือเปล่า ก็เลยเป็นคนเสนอตัวช่วยนำทางให้ “ขอบใจมาก” เวลาไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างใด ระหว่างที่เดินไปกับนักศึกษาชายคนนั้น เขาก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับคณะที่ไม่เคยคิดจะสนใจคณะนี้ไปด้วย “...คณะนี้มีชมรมอยู่สี่ชมรม บางชมรมก็ซ้ำกับของมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ค่อยมีคนในคณะนี้ไปเข้าร่วมเท่าไร เช่น พวกชมรมค่ายอาสา ชมรมอนุรักษ์ อะไรงี้” “อ่าฮะ” เวล
9ระบบจับคู่? คนที่หลับตาเดินได้ทุกซอกทุกมุมคณะวิศวะ พอได้มาเดินในหอสมุดกลางก็เหมือนกับคนแปลกถิ่นที่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง จะมองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยไปเสียหมด ด้วยความที่เวลาใกล้สอบ เขามักจะขลุกอยู่แต่ในคณะตัวเองกับห้องเพื่อน จึงไม่เคยได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกๆ ของหอสมุดกลางแห่งนี้ ทั้งที่มีนักศึกษานั่งอยู่ตามโซนต่างๆ มากมาย แต่กลับเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงขีดเขียน และเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น จุดที่ตินนัดเขาไว้คือชั้นสี่ของอาคารซึ่งมีทั้งหมดเก้าชั้นหลังนี้ เนื่องจากชั้นสี่เป็นโซนที่สามารถใช้เสียงได้ และมีห้องขนาดเล็กจำนวนมากพร้อมกระดานไวท์บอร์ดไว้ให้จอง เพื่อใช้ในการประชุมหรือจัดติวข้อสอบ แต่ตินก็ไม่ได้จองห้องส่วนตัวไว้หรอกนะ... มันคงจะพิลึกน่าดูถ้าจองห้องเพื่อติวกันแค่สองคน หลังจากแตะบัตรนักศึกษา เดินขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่แล้ว เวลาก็เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองหาโต๊ะที่ติวเตอร์ส่วนตัวน่าจะนั่งอยู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นชั้นที่ใช้เสียงได้ บรรยากาศจึงค่อนข้างจะคึกคักอยู่หน่อยๆ เพราะบางคนก็มานั่งเล่
10คนติวส่วนตัวเท่านั้น “เอาสิ ถ้าอยากติว ก็มาติวด้วยกันได้” ยังไม่ทันที่เวลาจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจออกไป คนที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ก็เป็นฝ่ายตอบตกลงเสียก่อน พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ... “จริงดิ ขอบใจมากเว้ยเพื่อน เดี๋ยวกูไปขนของมาก่อน” เวลาคว้าตัวบิวไว้ทัน ก่อนที่เขาจะผละออกไป “โทษที กูเรียนอ่อนมาก เลยจำเป็นต้องมีคนติวส่วนตัว จะให้ติวรวมคงไม่ถนัด ถ้ามึงอยากติวนัก คงต้องขอให้ตินติวแยกให้แล้วแหละ” ไม่รู้ว่าเผลอใส่แรงมากไปหน่อยหรือทำเสียงดุเกินไปหรือเปล่า ตอนที่ปล่อยมือออก บิวถึงได้ลูบข้อมือตัวเองพร้อมกับเหล่มองเขาอย่างเกรงๆ “เออ กูไม่ขัดพวกมึงก็ได้ มีอะไรดีๆ ก็มาติวกูต่อด้วยแล้วกัน” จากนั้นเพื่อนร่วมภาคตัวเล็กกว่าก็รีบถือถ้วยบะหมี่ที่เส้นน่าจะอืดแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่คิดจะถามหาช่องทางติดต่อของตินแต่อย่างใด “จากที่ติวมึงมา มึงก็ไม่ใช่คนที่ตามเนื้อหาไม่ทันนี่ ทำไมไปปฏิเสธเพื่อนเสียอย่างนั้นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม “ก็กูเคยบอกแล้วไงว่า จะติวกับมึงแค่ตัวต่อตัว”
11ระบบเด็กเกรียน การออกกำลังกายกลางแจ้งยามดึกเป็นกิจกรรมที่คนไทยหลายๆ คนโปรดปราน... ไม่เว้นแม้แต่เขา ก็อากาศเมืองไทยมันร้อน เล่นกีฬาตอนกลางคืนนี่แหละกำลังสบาย เหงื่อออกพอเป็นพิธี ไม่ได้เหงื่อท่วมตัวเหมือนช่วงกลางวัน “มึงซิ่วมาคณะวิศวะเลยดีมั้ย” เวลาเหน็บคนต่างคณะที่โผล่มาเล่นบาสอยู่ที่สนามบาสของคณะเขาได้ยังไงก็ไม่รู้ “ไม่ละ ไม่อยากดึงมีนคณะ เดี๋ยวมึงจะต้องถอนซะเปล่าๆ” ตินทำหน้ากวน “แหวะ อยากจะอ้วก ไอ้คนหลงตัวเอง” รู้อยู่หรอกว่ามันเรียนเก่ง มีดีให้หลง แต่เขารับไม่ได้จริงๆ “แพ้ท้องลูกใครล่ะ กูไม่รับเลี้ยงนะ” “ห้วย!!” อยากจะด่าเป็นอวัยวะเพศชาย แต่เดี๋ยวไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ “มึงสิท้อง” เขาน่ะเป็นผู้ชายสายรุก จะไปท้องได้ไงล่ะ ปัญญาอ่อน “ถ้ากูท้อง มึงต้องรับผิดชอบแล้วแหละ” ตินต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “พอเลยพวกมึง จะเล่นมั้ยน่ะบาส หยอดกันไปหยอดกันมาไม่ได้ทำให้ท้องได้หรอกนะ ไว้ค่อยไปทำในที่ลับตาคนโน่น” ไอ้พี่วิคเตอร์ก็เอาอีกคน ตอนต้นห้าม แต่ตอนหลังยุยงเต็มที่ นี่มันไม่ใช่โลกที่ผู้ชายท้องได้โว
12กลัวก็ฟ้องแม่มึงสิ เงื่อนไขพิเศษ อะไรคือเงื่อนไขพิเศษ ไม่สิ ระบบเด็กเกรียนคืออะไรต่างหาก [[ยินดีที่ได้รู้จักโฮสต์ ระบบคือระบบเด็กเกรียน มาแทนที่ระบบเด็กเรียนชั่วคราว]] แล้วระบบนี้มีหน้าที่อะไรบ้างล่ะ มีภารกิจแบบไหน [[ระบบไม่มีภารกิจหลัก มีแต่ภารกิจย่อยให้โฮสต์เลือกทำได้ตามใจชอบ หากทำสำเร็จจะได้รับแต้มอุ้งเท้าสำหรับแลกของในคลังระบบเด็กเกรียนโดยเฉพาะ]] เปิดคลังเด็กเกรียน เวลาที่ตอนนี้มาหลบมุมดูดบุหรี่อยู่ที่มุมหนึ่งของอัฒจันทร์ ลองเรียกเปิดคลังดู ก่อนจะพบว่าสินค้าภายในคลังเปลี่ยนแปลงไป เหลือของให้แลกซื้อเพียงสองหน้าเท่านั้น และใช้แต้มอุ้งเท้าเพียงแค่สิบถึงหนึ่งร้อยแต้มในการแลก แถมของในคลังทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียน แต่มีส่วนช่วยในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เช่น ของสำหรับแกล้งคนเล็กๆ น้อยๆ อย่างตุ๊กตาเด็กเปรต ภายนอกดูเหมือนอาร์ตทอยชื่อดัง แต่เมื่อถึงยามค่ำคืนจะลุกขึ้นมาเดิน ทำเสียงดังหลอกหลอนผู้เป็นเจ้าของ ทำให้นอนกระสับกระส่าย จะตื่นก็ตื่นไม่ได้ หรือเป็นของที่ใช้ป้องกันตัว อย่างเช่น นกหวีดกรีดร้อง ส่งคลื่นความถี่สูงท
13ทะเลาะกับรถ “เลิกนั่งเก๊กได้แล้วไอ้ลูกชาย ดื่มให้มันเยอะๆ ให้มันคุ้มๆ หน่อย” “พ่อนั่นแหละ กลับได้แล้ว” ตินบอกพ่อของตนที่เนื้อตัวแดงก่ำไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ไรวะ ไม่หนุกเลย ทีหลังไม่เอามึงมาเป็นเพื่อนแล้ว” “แม่สั่งให้ผมมา ยังไงผมก็ต้องมา” หนุ่มวิทยายักไหล่อย่างไม่แยแสคำพูดคำจานั่น คืนนี้เขาถูกแม่บังเกิดเกล้าสั่งให้มาเป็นเพื่อนพ่อที่งานคืนสู่เหย้า ให้มาคอยคุมความประพฤติ และคุมไม่ให้พ่อมอมตัวเองจนต้องเข้าโรงพยาบาลเสียก่อน เมื่อต้นปีที่งานเลี้ยงรุ่นก็ทีหนึ่งแล้ว ยังจะให้เขาตามมาคุมพ่อที่งานคืนสู่เหย้าซึ่งถูกจัดอยู่ในมหาวิทยาลัยอีก ที่เขายอมมางานนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเวลา อีกฝ่ายบอกเขาว่า วันนี้ไม่มาติวเพราะติดหน้าที่สานสัมพันธ์นายช่างในงานคืนสู่เหย้าของคณะ ไอ้เขาก็อยากรู้ซะด้วยสิว่า หน้าที่นี้มันทำอะไรบ้าง ก็เลยตามพ่อที่เรียนจบคณะวิศวะจากสถาบันเดียวกันกับเขามาโดยไม่ปริปากบ่น พอได้มาร่วมงาน ก็ได้ถึงบางอ้อว่า ไอ้หน้าที่นี้มันทำกันยังไง ที่แท้ก็เป็นเด็กดริงก์ คอยดื่มเหล้าตามที่พี่ๆ สั่ง และคอยเอนเตอร์เทนพวกศิษย์
14ผู้หญิงทำให้มึงจุกไม่ได้หรอก [[โฮสต์ๆ ได้โอกาสแกล้งคนแล้ว]] “งืม แจ๊บๆ” เสียงดูดริมฝีปากเป่าฟองเล่นน้ำลายตัวเองของคนที่ยังไม่ยอมตื่น ทำให้ระบบรู้สึกเอือมระอาเป็นที่สุดที่ต้องเห็นภาพคนโตตัวทำตัวเหมือนเด็กทารก อีกทั้งภาพตรงหน้ายังดูปัญญาอ่อนมากกว่าจะน่ารัก [[โฮสต์ไม่อยากได้ของวิเศษแล้วเหรอ]] “อืมมม รำคาญ” [[โฮสต์กอดผู้ชายอยู่ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า]] พอมีเสียงรบกวนดังขึ้นในหัวหลายๆ ครั้งเข้า สมองของชายหนุ่มก็เริ่มประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับมา ผู้ชาย? กอด? [[ถ้าไม่รีบตื่น โฮสต์จะพลาดโอกาสทำมิดีมิร้าย เอ๊ย โอกาสแกล้งอีกฝ่ายนะ]] คราวนี้เวลาค่อยๆ ลืมตาขึ้น และภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นก็คือร่างของใครบางคนที่ถูกเขากอดก่ายอยู่ราวกับกอดหมอนข้าง แค่มองเพียงเสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ฉิบหาย ไม่ใช่ไอ้ภูเขานี่หว่า ไอ้เราก็เผลอทำตัวโพผัวมากไปหน่อย เล่นกอดอีกฝ่ายซะแน่นเลย ตินในยามนี้แต่งตัวด้วยชุดนอนแขนยาวขายาวเหมือนพวกลูกคุณหนู ผมสีน้ำตาลเข้มอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงนิดหน่อย ปอยผมหน้าม้าที่ระอยู่บนเปลือกตาซึ่ง
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง
27งานลอยกระทง [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ทำภารกิจที่หกสำเร็จ ได้รับแต้มทั้งหมด 40 แต้ม และของรางวัลการผ่านภารกิจเป็นยาเสน่ห์อาจารย์รักอาจารย์หลง] [ติ๊ง! เนื่องจากโฮสต์ผ่านภารกิจด้วยเงื่อนไขสูงสุด ได้รับอั่งเปาพิเศษ สุ่มสินค้าจากระบบได้จำนวนสองครั้ง] ถึงแม้เสียงประกาศจากระบบจะน่าตื่นตาตื่นใจมากแค่ไหน แต่เวลาก็เลือกที่จะจดจ่ออยู่กับคนข้างกายมากกว่า หลังจากที่ตินพารุ่นน้องปีหนึ่งเดินมาถึงระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว รุ่นพี่ปีสี่อีกหลายคนก็รีบวิ่งลงน้ำทะเล ไปช่วยแบกร่างของทั้งคู่ขึ้นมานอนบนชายหาดที่มีคนเตรียมผ้าปูรองไว้ได้สำเร็จ โชคดีที่ฝ่ายปฐมพยาบาลรู้วิธีช่วยคนจมน้ำ ก็เลยสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้บ้าง ก่อนที่รถพยาบาลจะตามมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน คราวนี้เสียงหวอของรถพยาบาลดังทั่วรีสอร์ตจนนักศึกษาส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาเกือบหมด พวกนักศึกษาชั้นปีสามก็เลยคอยทำหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้น้ำทะเลอีก ส่วนเวลาก็ขับรถยนต์ของตินตามรถพยาบาลไป เพราะแค่คนจมน้ำหนึ่งคน และคนว่ายน้ำจนหมดแรงหนึ่งคนก็แน่นรถของโรงพยาบาลแล้ว
26ฮีโร่ ย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุ ตินที่ไม่มีหนุ่มนักเลงอย่างเวลาคอยตามอยู่ข้างกายอีกต่อไปนั้น ดึงดูดความสนใจของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากเด็กปีหนึ่งสองคนที่พากันเดินมาขอชนแก้วด้วย แต่หลังจากชนแล้วก็ไม่คิดที่จะเดินกลับไปแต่อย่างใด พวกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่อย่างใจกล้า “ทำไมหนูไม่เห็นพี่ตอนที่ทำกิจกรรมเลยล่ะคะ” หญิงสาวผมหน้าม้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่ อย่าไปถามอะไรอย่างนั้นสิ ถามว่าพี่ตินกินอะไรถึงได้หล่อแบบนี้ดีกว่า” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เพื่อนสาวอีกคนพาเปลี่ยนเรื่อง “พอเลยพวกเอ็ง อย่าไปแซวเยอะ เดี๋ยวไอ้ตินมันเขินหมด” ธีโอรีบออกหน้าช่วยเมื่อเห็นตินเพียงยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดเหล่านั้น ในความคิดของธีโอ ตินก็เป็นเพียงเด็กเนิร์ดตั้งใจเรียนที่กินเหล้าได้นิดหน่อย วันๆ เอาแต่ทำกิจกรรมของสโมสรกับพวกค่ายต่างๆ คงไม่ชินกับการที่ถูกสาวมาเต๊าะเอาซึ่งๆ หน้า “พี่ตินไม่เขินหรอก ท่าทางดูเป็นผู้นำแบบเนี้ย น่าจะนำสาวๆ มาเยอะ” น้องผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีส้มว่า “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่เป็นแค่รองประธานสโมสรนิสิตกั
25พยายามเอาใจ ร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขาเท่าเข่าเหมือนหนุ่มเกาหลี แต่คีบอีแตะหนีบสไตล์ไทย โอบไหล่เวลาเบาๆ อย่างแสดงความสนิทสนม เขาส่งยิ้มไปให้เหล่าเด็กปีหนึ่งที่มองมาหน้าสลอน “พี่ต้องขอพาเพื่อนพี่ไปก่อนนะ” “อะ...เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่” น้องผู้หญิงคนหนึ่งรีบละล่ำละลักออกมา หลังจากตกใจในความหล่อของหนุ่มแว่นจนตาค้าง เผลออ้าปากหวออยู่นานสองนาน “...” ตินหยุดเดิน หันกลับไปมอง เป็นสัญญาณให้เธอพูดต่อ “คือ... พี่มาร่วมวงกับพวกเราสิคะ พวกเรากำลังชวนพี่เวลาอยู่พอดี” “ขอบคุณครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า น้องๆ สนุกกันไปเถอะ” ตินปฏิเสธอย่างสุภาพ ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากน้องผู้หญิงคนอื่นได้มากขึ้น “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบออกไป เวลาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไอ้หมอนี่มันชื่อติน พวกพี่ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากแขนคนข้างตัวเดินออกมาแทน ที่เวลาพูดแทรก ก็เพราะไม่อยากให้ตินบอกอะไรออกไปมาก เดี๋ยวถ้ารุ่นน้องรู้ว่า ตินไม่ได้อยู่คณะวิศวะ กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาในภ