7
เรียนดี กิจกรรมเด่น
เด็กหนุ่มที่เข้ามาทักมีผิวขาว ตัดผมรองทรง และแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพวกลูกคุณหนูส่วนใหญ่ในโรงเรียนเอสเค แต่อย่าให้ภาพลักษณ์ภายนอกหลอกลวงเชียวล่ะ เพราะเด็กโรงเรียนนี้ก๋ากั่น และทันโลกแบบสุดๆ ดูได้จากเพื่อนเขาหลายๆ คนเป็นตัวอย่าง
แล้วนี่อะไร ไอ้เด็กนี่ใส่กางเกงนักเรียนขาอย่างสั้น หน้าขาวๆ นั่นก็มีแก้มป่องอมชมพูซะน่าหยิก ปากก็แวววาวด้วยลิปกลอส ดูน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงหลายๆ คนอีก
ทรงอย่างนี้ ท่าทางจะฮอตในหมู่ผู้ชายน่าดู เสียดายที่เขาไม่ชอบเด็ก
“ไปตามเพื่อนๆ น้องมาสิ พี่จะได้พาดูทีเดียว” ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก แต่ภารกิจมันค้ำคอ ไหนๆ ก็จะพาทัวร์ภาควิชาแล้ว ควรพาไปหลายๆ คน จะได้ได้แต้มเยอะๆ
“ผมอยากไปกับพี่แค่สองคนนี่ครับ” ชีต้าพูดเสียงแผ่ว แล้วก็ช้อนขนตางอนๆ ขึ้นมองเขา
ไอ้เด็กนี่มันร้ายวุ้ย!
“น้องคิดว่า ตัวเองมีสิทธิ์เลือกงั้นเหรอ?” เวลาเอ่ยถ้อยคำเย็นชาใส่ ก่อนจะหันไปตะโกนทางอื่นเสียงดัง “น้องคนไหนอยากชมภาควิชาเคมี มารวมกันตรงนี้เร็ว ทัวร์จะออกในอีกห้านาที”
หารู้ไม่ว่า ท่าทางไม่สนใจของเขานั้น ทำให้เด็กหนุ่มมอปลายอยากจะเอาชนะเป็นที่สุด
ถ้าพี่เขาไม่สนใจชีต้าจริงๆ พี่เขาก็ต้องปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้ว แต่นี่แค่ไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง แสดงว่าพี่เขาดูแบดแค่หน้าตากับคำพูด แต่จิตใจนั้น... อ่อนโยนสุดๆ
คิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ ชีต้าก็ยืนมองคนหล่อคอยตะโกนต้อนเหล่านักเรียนให้มารวมกลุ่มกัน มองจากที่ไกลๆ ตอนแรกก็ว่าหล่อแล้ว ยิ่งมามองใกล้ๆ ก็ยิ่งเคลิ้ม
พี่เขาจะรู้ตัวบ้างมั้ยนะว่า ตาเฉี่ยวๆ คางเรียวๆ และเสียงทุ้มนั่น ทำให้ตัวเองดูแบด ดูกร้าวใจสุดๆ
หลังจากรวบรวมเหล่านักเรียนจากหลากหลายโรงเรียนได้ทั้งหมดห้าคน เวลาก็เดินนำน้องๆ ไปยังโถงทางเดินชั้นหนึ่งของตึกภาควิชา ซึ่งมีการจัดนิทรรศการโชว์ภาพกิจกรรมต่างๆ ของภาคเอาไว้ ทั้งกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่ (งานรับน้องแบบซอฟต์ๆ) กิจกรรมวันไหว้ครู วันรับปริญญา การแข่งกีฬาระหว่างวิศวะเคมีของแต่ละมหาวิทยาลัย วันเชิญศิษย์เก่ามาบอกเล่าประสบการณ์ และอื่นๆ
“อันนี้เป็นห้องภาค หรือก็คือห้องพักของนักศึกษาทุกชั้นปี เอาไว้มั่วสุมกัน”
“แนะนำให้มันดีๆ หน่อย เดี๋ยวน้องๆ เขาก็เข้าใจผิดกันหมดหรอก” น่าน นักศึกษาสาวชั้นปีสองที่นั่งเล่นไอแพดอยู่บนม้านั่งในห้องภาครีบท้วง “พวกน้องอย่าไปเชื่อมันมากล่ะ ห้องนี้เอาไว้เป็นที่เก็บของในล็อกเกอร์ กับไว้เตรียมอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมต่างๆ อีกอย่าง ตึกภาคก็มีเวลาเปิดปิด ไม่สามารถนอนค้างคืน หรือมั่วสุมกันได้”
“ครับๆ ไอ้คุณน่าน ว่างนักก็มาช่วยกันพาน้องเดินสิ”
“มันหน้าที่ฝ่ายปฏิคมไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงมาทำหน้าที่นี้ได้ล่ะ” หญิงสาวผมสั้นหรี่ตาอย่างจับผิด เพราะเธอจำได้ว่าเพื่อนชายไม่ได้อยู่ฝ่ายนั้น
“มาช่วยก็บุญแล้วมั้ย อย่าเรื่องมากน่า” เวลาจิ๊ปาก
“อันไหนล็อกเกอร์ของพี่เวลาเหรอครับ” ชีต้าถามขึ้นมา ทำเอาน่านผิวปากให้
“วี้ดวิ่ว~ แน่มากไอ้หนู อยากรู้เลขล็อกเกอร์ไว้ส่งจดหมายรักหรือไง”
ใจจริงชีต้าอยากจะบอกว่า โบราณมากเลยครับป้า แต่ก็พูดออกไปอีกอย่างหนึ่ง “ไว้แอบขโมยของต่างหากล่ะครับ... แฮ่” แล้วก็ส่งยิ้มน่ารักละลายหัวใจให้
แต่รอยยิ้มนั้นใช้ไม่ได้ผลกับมัคคุเทศน์จำเป็นอย่างเวลา
แปะ... แปะ... แปะ...
นักศึกษาหนุ่มเพียงยกมือขึ้นตบดังๆ สามครั้งให้กับความพยายามนี้
“ฉันก็อยากรู้เลขล็อกเกอร์ด้วยเหมือนกัน”
สรรพนามแทนตนต่างออกไป แต่น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ก็ทำให้เวลารู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“เด็กวิทยามายุ่งอะไรกับคณะวิศวะ” เวลาหรี่ตามองตินที่เดินล้วงกระเป๋าเข้าห้องภาคมาอย่างชิลๆ ชายหนุ่มยังคงแต่งตัวเรียบร้อย ใส่แว่น ดูภูมิฐาน หลอกตาคนเหมือนเดิม
“อยากมาดูคณะอื่นจัดงานบ้างน่ะ” ตินยักไหล่
“มาก็ดี เอาเสื้อของมึงคืนไปด้วย”
และในที่สุดหมายเลขล็อกเกอร์ที่คนสองคนสงสัยก็ได้รับการเปิดเผย เมื่อเวลาเดินไปหมุนรหัสกุญแจ และเปิดตู้ล็อกเกอร์หมายเลขสามสิบเก้า หยิบเสื้อช็อปสีกรมท่าออกมา
“อะ แต๊งกิ้ว”
ตินรับเสื้อช็อปที่ถูกโยนมา ก่อนจะยกขึ้นดมกลิ่นท่ามกลางสายตาความสงสัยของเหล่าน้องๆ มอปลาย โดยเฉพาะชีต้าที่เริ่มจ้องมองปฏิกิริยาของทั้งคู่อย่างจับผิด
“ซักผ้าหอมดีนี่” คนดมกล่าวชม
“ถ้ากูรู้ว่ามึงจะดม กูคงเอาไปคลุกขี้มาให้แทน”
“คณะวิทยาศาสตร์มีเสื้อช็อปด้วยเหรอครับ” ชีต้าถามแทรกขึ้นมา ซึ่งคนถูกถามก็รู้สึกได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนจากเด็กหนุ่มหน้าขาวแก้มป่อง
“มีสิ มีหลายตัวพอให้เด็กวิศวะอย่างมันยืมด้วย” คนใส่แว่นว่า ก่อนจะเดินไปโอบไหล่เวลา พลางมองปฏิกิริยาตอบรับของเด็กน้อยกางเกงน้ำเงินไปด้วย
“ไว้มายืมช็อปกูได้ตลอดนะ” เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูของเวลา เจ้าเด็กนั่นก็มองตามตาขวาง กำมือแน่นโดยที่ไม่คิดจะเก็บอาการใดๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่เวลาจะทันได้ตั้งตัว และสะบัดแขนของอีกฝ่ายออก ตินก็ยกมือออกไปเองเสียแล้ว
“สัด! อย่ามาทำตัวตีสนิท ไปไกลๆ ตีนกูเลยนะมึง”
ด่าไปทีโดยไม่สนใจว่า จะมีน้องๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ด้วย ยิ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแสนสุภาพ แต่ดูกวนโอ๊ยเหลือเกินตอบกลับมาจากอีกฝ่าย เวลาก็มีแต่จะอารมณ์เสียยิ่งขึ้น
ไอ้ที่ด่าไป ไม่ช่วยให้หายหงุดหงิดเลยสักนิด
ก็เขาน่ะ ไม่ชอบให้คนมาทำตัวรุ่มร่ามใส่เป็นที่สุด
“ไปละ น้องๆ ก็อย่าไปหลงคารมเจ้านี่มากนักล่ะ ระวังจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า” ตินทิ้งระเบิดไว้ให้เจ้าเด็กหน้าขาวล้วนๆ จากนั้นก็เดินพาดเสื้อช็อปออกไปอย่างเท่ๆ
...ทิ้งบรรยากาศอันอึมครึมเอาไว้อย่างนั้น
“อั้ยยะ คนได้คะแนนควิซเต็มมาแล้วคร้าบบบ” ภูเขาล้อคนที่เพิ่งพาเหล่านักเรียนออกมาส่งหน้าตึกภาควิชาเสร็จ
“ล้อกูว่านอนดูดาวยังจะดีซะกว่า” เวลาหมายถึงเรื่องที่เขาโดนล้ออยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่ผลคะแนนควิซจะออก โชคดีที่คนที่ล้อเขาเรื่องคะแนนควิซมีเพียงเพื่อนๆ ชั้นปีเดียวกันเท่านั้น
ก็งี้แหละ พวกขี้อิจฉาอะเนอะ เห็นว่าเขาทำคะแนนได้ดี เลยล้อให้อาย จะได้คะแนนตก... ไม่มีทางซะหรอก เขายังไม่อยากอายุสั้น ยังไม่เคยมีเมียเลยสักคน
“เหมือนจะมีน้องคนหนึ่งยังไม่อยากกลับนะ” ภูเขาพยักพเยิดไปทางเด็กชายกางเกงน้ำเงิน ที่ยังคงเมียงมองเพื่อนตนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
“ช่วยไล่กลับไปหน่อยดิ”
“ไม่ชอบหรือไง น้องเขาออกจะน่ารัก”
“กูไม่กินเด็ก”
ขณะที่ชีต้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะรวบรวมความกล้าเข้ามาขอช่องทางติดต่อของพี่เวลาดีหรือไม่ ก็มีรุ่นพี่วิศวะอีกคนหนึ่งเดินตัดหน้าเข้าไปเสียก่อน
“ไอ้น้อง พี่เอาชีตมาให้แล้ว”
ปึก!
เสียงกองกระดาษหนักๆ ถูกกระแทกลงบนโต๊ะไม้หน้าตึกภาคที่เวลานั่งอยู่
“อ้าว พี่เซ็ต ขอบคุณมากครับพี่” เวลายกมือพนมไหว้ท่วมหัว เมื่อเห็นพี่รหัสสุดรักสุดเลิฟของตนอุตส่าห์แบกชีตและหนังสือกองใหญ่มาให้
“แล้วน้องถุงเท้ายาว กางเกงสั้นนั่นมีอะไรกับมึงปะวะ จ้องมึงตาเป็นมันเชียว”
“น้องเขาเพิ่งเดินดูภาคเราเสร็จ เดี๋ยวก็คงกลับไปนั่นแหละพี่”
“ดูท่าทางจะไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
เซ็ต พี่รหัสปีสามพูดเมื่อเห็นเด็กมอปลายคนนั้นจู่ๆ ก็ทำท่าเหมือนรวบรวมความกล้า ก่อนจะเดินมาทางพวกเขา
“พี่เวลาครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”
“มีเรื่องอะไรจะคุย ก็คุยตรงนี้แหละ พี่ๆ คนอื่นเขาก็ช่วยตอบได้” เวลาพูดอย่างเย็นชา
คนที่เข้ามาใหม่อย่างเซ็ตพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว ก็เลยเป็นฝ่ายพูดกับเด็กคนนั้นแทน “จะเอาเบอร์ไอ้เวรมันเหรอ”
ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นดูตกใจนิดหน่อยที่ถูกคนรู้ทัน ก่อนจะรีบละล่ำละลักปฏิเสธ “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ขอแค่ไอจีก็พอ”
“แน่ใจนะว่า จะเอาไอจีมัน ไม่มีรูปสักรูป ไอจีสตอรีก็ไม่อัป เห็นมีไว้ฟอลแต่คนสวยๆ”
“งั้นไลน์ก็ได้ครับ” ชีต้าเริ่มหน้าซีด พูดเสียงแผ่วอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอามือถือมาสิ” เซ็ตแบมือขอ ทำให้ซีต้ายื่นมือถือไปให้อย่างงงๆ
“ใครอนุญาตพี่กัน” เวลาเห็นว่าเซ็ตกำลังจะแอดไลน์ลงไปในเครื่องของเด็กนั่น ก็เลยรีบลุกขึ้นมาพยายามแย่งมือถือไป แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของพี่รหัสกลับไวกว่า... สมกับเป็นนักกีฬายูโดของมหาวิทยาลัย
“ใครเขาจะแอดไลน์มึงกัน กูแอดไลน์กูต่างหากเล่า”
“แล้วไป อย่าให้เห็นว่าพี่ส่งคอนแท็กต์ผมไปให้คนอื่นโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตนะ”
“เออ มึงไม่เห็นหรอก”
คำตอบรับอย่างว่าง่ายนั้นฟังดูตงิดๆ แปลกๆ แต่เวลาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาคว้าถุงกระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุกองชีตและหนังสือขึ้นมา เพื่อเดินเอาไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ห้องภาค ด้วยไม่อยากจะอยู่รับรู้ถึงสายตาของเด็กมอปลายนั่นอีก
[ยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจที่สามวันแรกสำเร็จ ได้รับแต้ม 40 แต้ม]
เสียงประกาศของระบบที่เงียบไปนาน ดังขึ้น
คราวนี้ไม่มีของรางวัลผ่านภารกิจครั้งแรกแล้ว?
[เนื่องจากภารกิจนี้สามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงไม่มีรางวัลพิเศษให้]
ขี้งกฉิบหาย
[ระบบก็จนเหมือนกันนะโฮสต์]
มีวิธีที่จะทำให้ได้แต้มเยอะๆ บ้างมั้ย
[ถ้าในตอนนี้มีอยู่วิธีหนึ่ง...]
...
[โฮสต์จะต้องทำให้เพื่อนคนอื่นตั้งใจเรียนตามโฮสต์ให้ได้ โดยแต้มที่ได้รับจะประมวลผลจากความขยันและความสำเร็จของเพื่อนคนนั้น]
นี่มันยิ่งกว่ามิชชันอิมพอสซิเบิลอีกนะ
[มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นโฮสต์]
งั้นก็ช่างแม่งมันเถอะ!!!
8แลกสร้อย ทัศนียภาพของคณะวิทยาศาสตร์เป็นอะไรที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่มีภาควิชาและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะวิทยาศาสตร์มีพื้นที่ใหญ่พอๆ กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ และมีตึกสูงมากมาย ทั้งตึกเก่าและตึกใหม่ อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาปีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเหยียบคณะนี้เลย “นายๆ ภาควิชาเคมีเทคนิคไปทางไหนเหรอ” เวลาสุ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ข้างใต้ตึกที่สูงที่สุดของคณะวิทยา “อยู่ทางโน้น เลยตึกเก่าๆ นั่นไปอีก อธิบายค่อนข้างยากแฮะ เดี๋ยวเรานำทางให้ก็แล้วกัน” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอ็นดูคนตัวโตที่ยืนนิ่งแอ็กท่าอยู่นาน เพราะไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดีหรือเปล่า ก็เลยเป็นคนเสนอตัวช่วยนำทางให้ “ขอบใจมาก” เวลาไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างใด ระหว่างที่เดินไปกับนักศึกษาชายคนนั้น เขาก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับคณะที่ไม่เคยคิดจะสนใจคณะนี้ไปด้วย “...คณะนี้มีชมรมอยู่สี่ชมรม บางชมรมก็ซ้ำกับของมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ค่อยมีคนในคณะนี้ไปเข้าร่วมเท่าไร เช่น พวกชมรมค่ายอาสา ชมรมอนุรักษ์ อะไรงี้” “อ่าฮะ” เวล
9ระบบจับคู่? คนที่หลับตาเดินได้ทุกซอกทุกมุมคณะวิศวะ พอได้มาเดินในหอสมุดกลางก็เหมือนกับคนแปลกถิ่นที่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง จะมองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยไปเสียหมด ด้วยความที่เวลาใกล้สอบ เขามักจะขลุกอยู่แต่ในคณะตัวเองกับห้องเพื่อน จึงไม่เคยได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกๆ ของหอสมุดกลางแห่งนี้ ทั้งที่มีนักศึกษานั่งอยู่ตามโซนต่างๆ มากมาย แต่กลับเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงขีดเขียน และเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น จุดที่ตินนัดเขาไว้คือชั้นสี่ของอาคารซึ่งมีทั้งหมดเก้าชั้นหลังนี้ เนื่องจากชั้นสี่เป็นโซนที่สามารถใช้เสียงได้ และมีห้องขนาดเล็กจำนวนมากพร้อมกระดานไวท์บอร์ดไว้ให้จอง เพื่อใช้ในการประชุมหรือจัดติวข้อสอบ แต่ตินก็ไม่ได้จองห้องส่วนตัวไว้หรอกนะ... มันคงจะพิลึกน่าดูถ้าจองห้องเพื่อติวกันแค่สองคน หลังจากแตะบัตรนักศึกษา เดินขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่แล้ว เวลาก็เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองหาโต๊ะที่ติวเตอร์ส่วนตัวน่าจะนั่งอยู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นชั้นที่ใช้เสียงได้ บรรยากาศจึงค่อนข้างจะคึกคักอยู่หน่อยๆ เพราะบางคนก็มานั่งเล่
10คนติวส่วนตัวเท่านั้น “เอาสิ ถ้าอยากติว ก็มาติวด้วยกันได้” ยังไม่ทันที่เวลาจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจออกไป คนที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ก็เป็นฝ่ายตอบตกลงเสียก่อน พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ... “จริงดิ ขอบใจมากเว้ยเพื่อน เดี๋ยวกูไปขนของมาก่อน” เวลาคว้าตัวบิวไว้ทัน ก่อนที่เขาจะผละออกไป “โทษที กูเรียนอ่อนมาก เลยจำเป็นต้องมีคนติวส่วนตัว จะให้ติวรวมคงไม่ถนัด ถ้ามึงอยากติวนัก คงต้องขอให้ตินติวแยกให้แล้วแหละ” ไม่รู้ว่าเผลอใส่แรงมากไปหน่อยหรือทำเสียงดุเกินไปหรือเปล่า ตอนที่ปล่อยมือออก บิวถึงได้ลูบข้อมือตัวเองพร้อมกับเหล่มองเขาอย่างเกรงๆ “เออ กูไม่ขัดพวกมึงก็ได้ มีอะไรดีๆ ก็มาติวกูต่อด้วยแล้วกัน” จากนั้นเพื่อนร่วมภาคตัวเล็กกว่าก็รีบถือถ้วยบะหมี่ที่เส้นน่าจะอืดแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่คิดจะถามหาช่องทางติดต่อของตินแต่อย่างใด “จากที่ติวมึงมา มึงก็ไม่ใช่คนที่ตามเนื้อหาไม่ทันนี่ ทำไมไปปฏิเสธเพื่อนเสียอย่างนั้นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม “ก็กูเคยบอกแล้วไงว่า จะติวกับมึงแค่ตัวต่อตัว”
11ระบบเด็กเกรียน การออกกำลังกายกลางแจ้งยามดึกเป็นกิจกรรมที่คนไทยหลายๆ คนโปรดปราน... ไม่เว้นแม้แต่เขา ก็อากาศเมืองไทยมันร้อน เล่นกีฬาตอนกลางคืนนี่แหละกำลังสบาย เหงื่อออกพอเป็นพิธี ไม่ได้เหงื่อท่วมตัวเหมือนช่วงกลางวัน “มึงซิ่วมาคณะวิศวะเลยดีมั้ย” เวลาเหน็บคนต่างคณะที่โผล่มาเล่นบาสอยู่ที่สนามบาสของคณะเขาได้ยังไงก็ไม่รู้ “ไม่ละ ไม่อยากดึงมีนคณะ เดี๋ยวมึงจะต้องถอนซะเปล่าๆ” ตินทำหน้ากวน “แหวะ อยากจะอ้วก ไอ้คนหลงตัวเอง” รู้อยู่หรอกว่ามันเรียนเก่ง มีดีให้หลง แต่เขารับไม่ได้จริงๆ “แพ้ท้องลูกใครล่ะ กูไม่รับเลี้ยงนะ” “ห้วย!!” อยากจะด่าเป็นอวัยวะเพศชาย แต่เดี๋ยวไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ “มึงสิท้อง” เขาน่ะเป็นผู้ชายสายรุก จะไปท้องได้ไงล่ะ ปัญญาอ่อน “ถ้ากูท้อง มึงต้องรับผิดชอบแล้วแหละ” ตินต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “พอเลยพวกมึง จะเล่นมั้ยน่ะบาส หยอดกันไปหยอดกันมาไม่ได้ทำให้ท้องได้หรอกนะ ไว้ค่อยไปทำในที่ลับตาคนโน่น” ไอ้พี่วิคเตอร์ก็เอาอีกคน ตอนต้นห้าม แต่ตอนหลังยุยงเต็มที่ นี่มันไม่ใช่โลกที่ผู้ชายท้องได้โว
12กลัวก็ฟ้องแม่มึงสิ เงื่อนไขพิเศษ อะไรคือเงื่อนไขพิเศษ ไม่สิ ระบบเด็กเกรียนคืออะไรต่างหาก [[ยินดีที่ได้รู้จักโฮสต์ ระบบคือระบบเด็กเกรียน มาแทนที่ระบบเด็กเรียนชั่วคราว]] แล้วระบบนี้มีหน้าที่อะไรบ้างล่ะ มีภารกิจแบบไหน [[ระบบไม่มีภารกิจหลัก มีแต่ภารกิจย่อยให้โฮสต์เลือกทำได้ตามใจชอบ หากทำสำเร็จจะได้รับแต้มอุ้งเท้าสำหรับแลกของในคลังระบบเด็กเกรียนโดยเฉพาะ]] เปิดคลังเด็กเกรียน เวลาที่ตอนนี้มาหลบมุมดูดบุหรี่อยู่ที่มุมหนึ่งของอัฒจันทร์ ลองเรียกเปิดคลังดู ก่อนจะพบว่าสินค้าภายในคลังเปลี่ยนแปลงไป เหลือของให้แลกซื้อเพียงสองหน้าเท่านั้น และใช้แต้มอุ้งเท้าเพียงแค่สิบถึงหนึ่งร้อยแต้มในการแลก แถมของในคลังทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียน แต่มีส่วนช่วยในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เช่น ของสำหรับแกล้งคนเล็กๆ น้อยๆ อย่างตุ๊กตาเด็กเปรต ภายนอกดูเหมือนอาร์ตทอยชื่อดัง แต่เมื่อถึงยามค่ำคืนจะลุกขึ้นมาเดิน ทำเสียงดังหลอกหลอนผู้เป็นเจ้าของ ทำให้นอนกระสับกระส่าย จะตื่นก็ตื่นไม่ได้ หรือเป็นของที่ใช้ป้องกันตัว อย่างเช่น นกหวีดกรีดร้อง ส่งคลื่นความถี่สูงท
13ทะเลาะกับรถ “เลิกนั่งเก๊กได้แล้วไอ้ลูกชาย ดื่มให้มันเยอะๆ ให้มันคุ้มๆ หน่อย” “พ่อนั่นแหละ กลับได้แล้ว” ตินบอกพ่อของตนที่เนื้อตัวแดงก่ำไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ไรวะ ไม่หนุกเลย ทีหลังไม่เอามึงมาเป็นเพื่อนแล้ว” “แม่สั่งให้ผมมา ยังไงผมก็ต้องมา” หนุ่มวิทยายักไหล่อย่างไม่แยแสคำพูดคำจานั่น คืนนี้เขาถูกแม่บังเกิดเกล้าสั่งให้มาเป็นเพื่อนพ่อที่งานคืนสู่เหย้า ให้มาคอยคุมความประพฤติ และคุมไม่ให้พ่อมอมตัวเองจนต้องเข้าโรงพยาบาลเสียก่อน เมื่อต้นปีที่งานเลี้ยงรุ่นก็ทีหนึ่งแล้ว ยังจะให้เขาตามมาคุมพ่อที่งานคืนสู่เหย้าซึ่งถูกจัดอยู่ในมหาวิทยาลัยอีก ที่เขายอมมางานนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเวลา อีกฝ่ายบอกเขาว่า วันนี้ไม่มาติวเพราะติดหน้าที่สานสัมพันธ์นายช่างในงานคืนสู่เหย้าของคณะ ไอ้เขาก็อยากรู้ซะด้วยสิว่า หน้าที่นี้มันทำอะไรบ้าง ก็เลยตามพ่อที่เรียนจบคณะวิศวะจากสถาบันเดียวกันกับเขามาโดยไม่ปริปากบ่น พอได้มาร่วมงาน ก็ได้ถึงบางอ้อว่า ไอ้หน้าที่นี้มันทำกันยังไง ที่แท้ก็เป็นเด็กดริงก์ คอยดื่มเหล้าตามที่พี่ๆ สั่ง และคอยเอนเตอร์เทนพวกศิษย์
14ผู้หญิงทำให้มึงจุกไม่ได้หรอก [[โฮสต์ๆ ได้โอกาสแกล้งคนแล้ว]] “งืม แจ๊บๆ” เสียงดูดริมฝีปากเป่าฟองเล่นน้ำลายตัวเองของคนที่ยังไม่ยอมตื่น ทำให้ระบบรู้สึกเอือมระอาเป็นที่สุดที่ต้องเห็นภาพคนโตตัวทำตัวเหมือนเด็กทารก อีกทั้งภาพตรงหน้ายังดูปัญญาอ่อนมากกว่าจะน่ารัก [[โฮสต์ไม่อยากได้ของวิเศษแล้วเหรอ]] “อืมมม รำคาญ” [[โฮสต์กอดผู้ชายอยู่ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า]] พอมีเสียงรบกวนดังขึ้นในหัวหลายๆ ครั้งเข้า สมองของชายหนุ่มก็เริ่มประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับมา ผู้ชาย? กอด? [[ถ้าไม่รีบตื่น โฮสต์จะพลาดโอกาสทำมิดีมิร้าย เอ๊ย โอกาสแกล้งอีกฝ่ายนะ]] คราวนี้เวลาค่อยๆ ลืมตาขึ้น และภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นก็คือร่างของใครบางคนที่ถูกเขากอดก่ายอยู่ราวกับกอดหมอนข้าง แค่มองเพียงเสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ฉิบหาย ไม่ใช่ไอ้ภูเขานี่หว่า ไอ้เราก็เผลอทำตัวโพผัวมากไปหน่อย เล่นกอดอีกฝ่ายซะแน่นเลย ตินในยามนี้แต่งตัวด้วยชุดนอนแขนยาวขายาวเหมือนพวกลูกคุณหนู ผมสีน้ำตาลเข้มอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงนิดหน่อย ปอยผมหน้าม้าที่ระอยู่บนเปลือกตาซึ่ง
15มีอะไรเด็ดๆ ให้ดู ขณะที่บทสนทนาของทั้งสองคนชักจะทะลึ่งเข้าไปกันใหญ่ และการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เสียงกดกริ่งห้องก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เป็นเหตุให้เจ้าของห้องต้องยอมปล่อยคนที่แกล้งตนไป ตินเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันทับเป้ากางเกงเปียกๆ ของตนลวกๆ ก่อนจะแง้มประตูออกดู พลั่ก! คนที่มาเยือนผลักประตูเปิดกว้าง ก่อนจะแทรกตัวมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้ตั้งตัว “พ่อมาทำไม” ตินปิดประตูตามหลังพลางถามออกไป “แม่ให้พ่อมาดูน่ะสิว่า แกกลับถึงห้องจริงมั้ย เห็นไม่รับโทรศัพท์” “ถึงจริง และก็หลับเป็นตายด้วย ผมโตจนบรรลุนิติภาวะแล้วนะ ไม่ต้องตามเช็กกันขนาดนี้ก็ได้” ตินบ่น นี่เขาเพิ่งเงียบหายไปไม่กี่ชั่วโมง ถ้าหายไปเป็นวัน คงจะโดนโทร. แจ้งความคนหายเป็นแน่ “เอาน่า แม่แกเป็นห่วง แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แล้วทำไมต้องแต่งตัวประหลาดๆ พิลึกพิลั่นแบบนั้นด้วยล่ะ” คนเป็นพ่อมีสภาพเหมือนคนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ เพราะยังนอนไม่เต็มอิ่ม แต่โดนภรรยาสุดที่รักปลุกขึ้นมาใช้งานเสียก่อน เขาจ้องไปยังการแต่งกายของลูกชายตนพร้อมกับเบ้ปาก นี่
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง
27งานลอยกระทง [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ทำภารกิจที่หกสำเร็จ ได้รับแต้มทั้งหมด 40 แต้ม และของรางวัลการผ่านภารกิจเป็นยาเสน่ห์อาจารย์รักอาจารย์หลง] [ติ๊ง! เนื่องจากโฮสต์ผ่านภารกิจด้วยเงื่อนไขสูงสุด ได้รับอั่งเปาพิเศษ สุ่มสินค้าจากระบบได้จำนวนสองครั้ง] ถึงแม้เสียงประกาศจากระบบจะน่าตื่นตาตื่นใจมากแค่ไหน แต่เวลาก็เลือกที่จะจดจ่ออยู่กับคนข้างกายมากกว่า หลังจากที่ตินพารุ่นน้องปีหนึ่งเดินมาถึงระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว รุ่นพี่ปีสี่อีกหลายคนก็รีบวิ่งลงน้ำทะเล ไปช่วยแบกร่างของทั้งคู่ขึ้นมานอนบนชายหาดที่มีคนเตรียมผ้าปูรองไว้ได้สำเร็จ โชคดีที่ฝ่ายปฐมพยาบาลรู้วิธีช่วยคนจมน้ำ ก็เลยสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้บ้าง ก่อนที่รถพยาบาลจะตามมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน คราวนี้เสียงหวอของรถพยาบาลดังทั่วรีสอร์ตจนนักศึกษาส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาเกือบหมด พวกนักศึกษาชั้นปีสามก็เลยคอยทำหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้น้ำทะเลอีก ส่วนเวลาก็ขับรถยนต์ของตินตามรถพยาบาลไป เพราะแค่คนจมน้ำหนึ่งคน และคนว่ายน้ำจนหมดแรงหนึ่งคนก็แน่นรถของโรงพยาบาลแล้ว
26ฮีโร่ ย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุ ตินที่ไม่มีหนุ่มนักเลงอย่างเวลาคอยตามอยู่ข้างกายอีกต่อไปนั้น ดึงดูดความสนใจของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากเด็กปีหนึ่งสองคนที่พากันเดินมาขอชนแก้วด้วย แต่หลังจากชนแล้วก็ไม่คิดที่จะเดินกลับไปแต่อย่างใด พวกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่อย่างใจกล้า “ทำไมหนูไม่เห็นพี่ตอนที่ทำกิจกรรมเลยล่ะคะ” หญิงสาวผมหน้าม้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่ อย่าไปถามอะไรอย่างนั้นสิ ถามว่าพี่ตินกินอะไรถึงได้หล่อแบบนี้ดีกว่า” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เพื่อนสาวอีกคนพาเปลี่ยนเรื่อง “พอเลยพวกเอ็ง อย่าไปแซวเยอะ เดี๋ยวไอ้ตินมันเขินหมด” ธีโอรีบออกหน้าช่วยเมื่อเห็นตินเพียงยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดเหล่านั้น ในความคิดของธีโอ ตินก็เป็นเพียงเด็กเนิร์ดตั้งใจเรียนที่กินเหล้าได้นิดหน่อย วันๆ เอาแต่ทำกิจกรรมของสโมสรกับพวกค่ายต่างๆ คงไม่ชินกับการที่ถูกสาวมาเต๊าะเอาซึ่งๆ หน้า “พี่ตินไม่เขินหรอก ท่าทางดูเป็นผู้นำแบบเนี้ย น่าจะนำสาวๆ มาเยอะ” น้องผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีส้มว่า “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่เป็นแค่รองประธานสโมสรนิสิตกั
25พยายามเอาใจ ร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขาเท่าเข่าเหมือนหนุ่มเกาหลี แต่คีบอีแตะหนีบสไตล์ไทย โอบไหล่เวลาเบาๆ อย่างแสดงความสนิทสนม เขาส่งยิ้มไปให้เหล่าเด็กปีหนึ่งที่มองมาหน้าสลอน “พี่ต้องขอพาเพื่อนพี่ไปก่อนนะ” “อะ...เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่” น้องผู้หญิงคนหนึ่งรีบละล่ำละลักออกมา หลังจากตกใจในความหล่อของหนุ่มแว่นจนตาค้าง เผลออ้าปากหวออยู่นานสองนาน “...” ตินหยุดเดิน หันกลับไปมอง เป็นสัญญาณให้เธอพูดต่อ “คือ... พี่มาร่วมวงกับพวกเราสิคะ พวกเรากำลังชวนพี่เวลาอยู่พอดี” “ขอบคุณครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า น้องๆ สนุกกันไปเถอะ” ตินปฏิเสธอย่างสุภาพ ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากน้องผู้หญิงคนอื่นได้มากขึ้น “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบออกไป เวลาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไอ้หมอนี่มันชื่อติน พวกพี่ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากแขนคนข้างตัวเดินออกมาแทน ที่เวลาพูดแทรก ก็เพราะไม่อยากให้ตินบอกอะไรออกไปมาก เดี๋ยวถ้ารุ่นน้องรู้ว่า ตินไม่ได้อยู่คณะวิศวะ กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาในภ