8
แลกสร้อย
ทัศนียภาพของคณะวิทยาศาสตร์เป็นอะไรที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความที่มีภาควิชาและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะวิทยาศาสตร์มีพื้นที่ใหญ่พอๆ กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ และมีตึกสูงมากมาย ทั้งตึกเก่าและตึกใหม่
อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาปีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเหยียบคณะนี้เลย
“นายๆ ภาควิชาเคมีเทคนิคไปทางไหนเหรอ”
เวลาสุ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ข้างใต้ตึกที่สูงที่สุดของคณะวิทยา
“อยู่ทางโน้น เลยตึกเก่าๆ นั่นไปอีก อธิบายค่อนข้างยากแฮะ เดี๋ยวเรานำทางให้ก็แล้วกัน”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอ็นดูคนตัวโตที่ยืนนิ่งแอ็กท่าอยู่นาน เพราะไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดีหรือเปล่า ก็เลยเป็นคนเสนอตัวช่วยนำทางให้
“ขอบใจมาก”
เวลาไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างใด ระหว่างที่เดินไปกับนักศึกษาชายคนนั้น เขาก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับคณะที่ไม่เคยคิดจะสนใจคณะนี้ไปด้วย
“...คณะนี้มีชมรมอยู่สี่ชมรม บางชมรมก็ซ้ำกับของมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ค่อยมีคนในคณะนี้ไปเข้าร่วมเท่าไร เช่น พวกชมรมค่ายอาสา ชมรมอนุรักษ์ อะไรงี้”
“อ่าฮะ” เวลาส่งเสียงรับรู้
“เออ คุยมาตั้งนาน ลืมถามเลย เด็กวิศวะอย่างนายมีธุระอะไรที่ภาคเคมเทคกันแน่” เพราะวันนี้เวลาใส่เสื้อช็อปสีแดงมาเรียน จึงเป็นที่สังเกตได้อย่างง่ายดายว่า เขามาจากคณะวิศวะ
“มาหาเพื่อนน่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ที่ภาคหรือเปล่านี่สิ”
“ใครน่ะ เผื่อฉันจะรู้จัก”
“ติน ปีสอง”
“ที่ใส่แว่น ผมสีน้ำตาลทรงทูบล็อกปะ”
“เย็ป คนนั้นแหละ”
“งั้นนายน่าจะไปผิดที่แล้วแหละ ตอนนี้ตินน่าจะอยู่ที่ห้องสโมสรนิสิตของคณะ เห็นว่าวันนี้มีประชุมกัน เพื่อนเราก็ไปประชุมอยู่ด้วย”
“เจ้านั่นมันเป็นเด็กกิจกรรมเหรอเนี่ย”
“เป็นเพื่อนกันมาได้ไงเนี่ย หมอนั่นค่อนข้างจะดังเลยนะ พวกเด็กกิจกรรมนี่รู้จักกันหมดแหละ นอกจากจะเรียนเก่ง ได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์ และเป็นหัวหน้าชั้นปีแล้ว ขึ้นปีสามเมื่อไหร่ ตำแหน่งนายกสโมฯ ยังนอนมาอีกด้วย เห็นว่านายกสโมฯ คนปัจจุบันเริ่มทาบทามเขาไว้แล้ว”
โพรไฟล์ดีต่างจากเขาลิบลับ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกหมอนั่นมาเป็นเป้าหมาย
การที่เวลามาคณะที่ไม่เคยมาในวันนี้ ก็เพราะภารกิจที่สี่ที่ระบบมอบให้... ภารกิจหาติวเตอร์
เงื่อนไขของภารกิจก็คือ ติวเตอร์ที่หามาต้องเป็นติวเตอร์ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา สามารถติวให้ได้เป็นการส่วนตัว และต้องไม่ใช้เงินในการจ้าง
ซึ่งไอ้เงื่อนไขหลังสุดนี่แหละ ที่ทำให้ทุกอย่างดูเป็นไปไม่ได้
ทุกวันนี้โลกต้องขับเคลื่อนไปด้วยเงินทั้งนั้น ในเมื่อจะหาคนมาติวให้ แต่ไม่ให้เงิน แล้วจะให้อะไรกัน เวลายิ่งเป็นเงินเป็นทองอยู่ ถ้าเป็นเขา คงไม่คิดจะติวให้ใครฟรีๆ หรอก
สุดท้ายนักศึกษาคณะวิทยาก็เลยเปลี่ยนเส้นทาง เดินนำเขาไปยังตึกที่อยู่ข้างๆ ตึกที่สูงที่สุดแทน ก่อนหย่อนเขาทิ้งไว้ยังหน้าห้องสโมสรนิสิตของคณะ
“นั่งรอตรงนี้ได้ เดี๋ยวก็คงประชุมกันเสร็จแล้ว”
“ขอบใจว่ะ”
บอกลาคนนำทางเสร็จ เวลาก็ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นเหมือนบ้านทันที เขาจัดการเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ไม้ยาวที่เชื่อมต่อกับโต๊ะ โดยที่ถอดเสื้อช็อปมาคลุมหน้าไว้
ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงระบบก็เตือนขึ้น
[โฮสต์ เป้าหมายออกมาแล้ว]
ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง ตั้งแต่มีระบบเข้ามา เขาก็แทบไม่มีเวลาได้ทำตัวเป็นปลาเค็มอีกเลย น่าเบื่อชะมัด
ไม่ต้องเสียเวลามองหาแต่อย่างใด เพราะคนที่เขาตามหานั้นโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเหล่านักศึกษาคนอื่นที่เดินออกมาพร้อมกัน โดดเด่นทั้งในด้านความสูง หน้าตา และบุคลิก
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่า บุคลิกและออร่าบางอย่าง ทำให้หมอนั่นดูโดดเด่นกว่านักศึกษาคนไหนไหน และให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่กว่า
“ติน ขอคุยด้วยหน่อยดิ”
หนุ่มวิศวะไม่ได้แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาอย่างสงสัย เพราะเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการคิดหาข้ออ้างมารวบรัดอีกฝ่ายให้กลายมาเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ได้
“พ่อมาตามแล้วเหรอวะ” เด็กวิทยาคนหนึ่งแซว
“พ่อกูที่ไหน กูนี่พ่อมัน” ตินย้อน
“ไอ้ตีน!” เสียงโกรธเคืองดังมาจากคนที่จู่ๆ ก็จะมีพ่อบุญธรรม
ไม่เอาพ่อบุญธรรมเว้ย แต่พ่อบุญทุ่มนี่ ยังพอน่าคิด...
“ใจเย็นๆ พวก” หนุ่มวิทยาเพียงยิ้มน้อยๆ เขาโบกมือลาเพื่อน และยกมือไหว้รุ่นพี่ชมรมที่แยกย้ายกันไป
“ถ้าจะกินข้าวเย็นก็ตามมาที่ร้านลุงซันนะ”
รุ่นพี่คนหนึ่งพูดทิ้งท้ายกับติน ก่อนที่จะพากันเดินออกจากบริเวณนี้ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของห้องชมรมต่างๆ ของคณะวิทยาไป
“ไม่นึกว่าจะเจอมึงที่คณะนี้” หลังจากมองส่งทุกคนจากไปแล้ว ตินก็มองไปยังคนที่วันนี้ใส่ช็อปภาคสีแดงสวย
“อะ กูให้” คนที่ท่องในใจเป็นร้อยครั้งว่า ทำเพื่อภารกิจๆ ยื่นกล่องขนมช็อกโกแลตทรงลูกบาศก์ขนาดจิ๋วชื่อดังให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งเขาก็รับมันไปแต่โดยดี
เออ ไอ้นี่นี่หลอกง่ายซะจริง ขอเสื้อช็อปก็ให้ ยื่นช็อกโกแลตให้ก็รับ
“มีอะไรอีกหรือเปล่า”
“ช่วยมาเป็นติวเตอร์ให้กูหน่อยดิ” เวลาพูดเสียงเรียบ พยายามทำตัวให้ดูเรียบร้อย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนหน้าตากวนประสาทจนคนหมั่นไส้มานักต่อนัก
คนที่ได้ยินคำร้องขอโดยไม่ทันตั้งตัวได้แต่หรี่ตามอง “วิชาอะไรบ้างล่ะ”
“ก็พวกวิชาที่เรียนคล้ายๆ กัน อย่างออเคม เคมีเอนจีเนียร์ แมตช์ ไรเงี้ย” เวลาหมายถึงวิชาเคมีอินทรีย์ วิศวกรรมเคมี และคณิตศาสตร์สำหรับวิศวกร
“มึงจะจ่ายค่าตอบแทนยังไงล่ะ”
“ก็ขนมหรือของกินอะไรก็ได้ที่มึงชอบ กูซื้อให้ได้หมด”
“แล้วถ้ากูอยากกินมึงล่ะ”
เพียงแค่มองหน้าคนพูด หนุ่มวิศวะก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายล้อเล่น
“สัด เอาดีๆ ดิ๊ มึงนั่นแหละที่จะโดนกูกิน” บอกไว้ก่อนว่าเขาน่ะโซหลัว ชอบรุกเว้ย
แต่มองๆ ดูอีกที ไอ้เด็กวิทยาคนนี้มันก็ค่อนข้างจะโอเค อยู่ในสเปกเขาเหมือนกันนะ ไม่เหมือนเด็กมอปลายกางเกงน้ำเงินคนนั้น
“จะให้ติวให้ ยังไม่คิดจะลงทุนอะไรเลย เวลาของกูก็มีค่าเหมือนกันนะ”
“กูให้เงินไม่ได้หรอกนะ ถ้ามึงไม่ติว กูไปถามคนอื่นก็ได้ ได้ข่าวว่าเพื่อนมึงก็มีคนเรียนเก่งเหมือนกันนี่ แถมยังหน้าตาดูใจดีด้วย น่าจะหลอกง่ายอยู่”
ในเมื่อลีลานัก เขาไปขอให้คนอื่นติวให้ก็ได้หรอก ระบบก็ไม่ได้กำหนดแบบเฉพาะเจาะจงซะหน่อยว่าต้องเป็นใคร
เวลาพาดเสื้อช็อปไว้บนบ่า ก้าวขาเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็หยุดชะงักเพราะถูกเด็กวิทยาดึงเสื้อยืดไว้
“ปล่อยมือเลย! เสื้อยืดกูย้วยหมด” เวลาบ่น ก็ไม่ได้หวังให้รั้งเขาไว้เท่าไรหรอกนะ แต่อย่างน้อยก็ช่วยเรียกหรือจับแขนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่ได้หรือไง นี่เล่นมาดึงเสื้อผ้า ทำอย่างกับรังเกียจเนื้อตัวของเขางั้นแหละ
...วันนี้อุตส่าห์อาบน้ำมาซะหอมฉุย หลังจากไม่ได้อาบมาตั้งสองวัน
“กูยอมเป็นติวเตอร์ให้ก็ได้ แต่เอาเกียร์มึงมาเป็นของมัดจำ” ตินปล่อยมือจากเสื้อยืด ก่อนจะจ้องไปยังสร้อยคอห้อยจี้เฟืองที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมา
“เดี๋ยววว กูจะเบี้ยวได้ไง มึงต่างหากล่ะที่จะเบี้ยวกู” เวลาขมวดคิ้ว แล้วไอ้นี่ก็มาขอถูกวันซะด้วยนะ ปกติเขาใส่สร้อยคอที่ไหน มีวันนี้ที่กะจะเริ่มวันใหม่แบบสดใสซะหน่อย ก็เลยหยิบมาใส่เล่นๆ
“หรือไม่อยากให้กูติวให้?”
“ครับๆ เอาไปเลยครับ คุณตินอยากได้อะไร กูประเคนให้ได้หมดเลย” เวลารีบถอดสร้อยคอให้อีกฝ่ายอย่างไว ไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด ถึงแม้การจะได้มาต้องผ่านการรับน้องอยู่เป็นเดือน แต่เพื่อการทำภารกิจให้สำเร็จ... เขายอมแลก
“ส่วนนี่ของกู ยืนยันว่ากูไม่เบี้ยวแน่ๆ” ตินล้วงมือหยิบสร้อยคอที่ห้อยจี้อะตอมของคณะวิทยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง จี้นี่เขาได้มาจากการเข้าร่วมห้องเชียร์ ฝึกร้องเพลงเชียร์อยู่ทุกวันจนเป๊ะสุดๆ
แลกของกันเสร็จสรรพ ทั้งคู่ก็จัดการแลกไลน์กันต่อ
“พรุ่งนี้เจอกันที่หอสมุดล่ะ” เวลายกมือลา
“มึงจะพาเพื่อนคนอื่นมาให้กูติวด้วยมั้ย”
“ไม่ละ กูจะติวกับมึงแค่สองต่อสอง”
9ระบบจับคู่? คนที่หลับตาเดินได้ทุกซอกทุกมุมคณะวิศวะ พอได้มาเดินในหอสมุดกลางก็เหมือนกับคนแปลกถิ่นที่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง จะมองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยไปเสียหมด ด้วยความที่เวลาใกล้สอบ เขามักจะขลุกอยู่แต่ในคณะตัวเองกับห้องเพื่อน จึงไม่เคยได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกๆ ของหอสมุดกลางแห่งนี้ ทั้งที่มีนักศึกษานั่งอยู่ตามโซนต่างๆ มากมาย แต่กลับเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงขีดเขียน และเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น จุดที่ตินนัดเขาไว้คือชั้นสี่ของอาคารซึ่งมีทั้งหมดเก้าชั้นหลังนี้ เนื่องจากชั้นสี่เป็นโซนที่สามารถใช้เสียงได้ และมีห้องขนาดเล็กจำนวนมากพร้อมกระดานไวท์บอร์ดไว้ให้จอง เพื่อใช้ในการประชุมหรือจัดติวข้อสอบ แต่ตินก็ไม่ได้จองห้องส่วนตัวไว้หรอกนะ... มันคงจะพิลึกน่าดูถ้าจองห้องเพื่อติวกันแค่สองคน หลังจากแตะบัตรนักศึกษา เดินขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่แล้ว เวลาก็เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองหาโต๊ะที่ติวเตอร์ส่วนตัวน่าจะนั่งอยู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นชั้นที่ใช้เสียงได้ บรรยากาศจึงค่อนข้างจะคึกคักอยู่หน่อยๆ เพราะบางคนก็มานั่งเล่
10คนติวส่วนตัวเท่านั้น “เอาสิ ถ้าอยากติว ก็มาติวด้วยกันได้” ยังไม่ทันที่เวลาจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจออกไป คนที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ก็เป็นฝ่ายตอบตกลงเสียก่อน พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ... “จริงดิ ขอบใจมากเว้ยเพื่อน เดี๋ยวกูไปขนของมาก่อน” เวลาคว้าตัวบิวไว้ทัน ก่อนที่เขาจะผละออกไป “โทษที กูเรียนอ่อนมาก เลยจำเป็นต้องมีคนติวส่วนตัว จะให้ติวรวมคงไม่ถนัด ถ้ามึงอยากติวนัก คงต้องขอให้ตินติวแยกให้แล้วแหละ” ไม่รู้ว่าเผลอใส่แรงมากไปหน่อยหรือทำเสียงดุเกินไปหรือเปล่า ตอนที่ปล่อยมือออก บิวถึงได้ลูบข้อมือตัวเองพร้อมกับเหล่มองเขาอย่างเกรงๆ “เออ กูไม่ขัดพวกมึงก็ได้ มีอะไรดีๆ ก็มาติวกูต่อด้วยแล้วกัน” จากนั้นเพื่อนร่วมภาคตัวเล็กกว่าก็รีบถือถ้วยบะหมี่ที่เส้นน่าจะอืดแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่คิดจะถามหาช่องทางติดต่อของตินแต่อย่างใด “จากที่ติวมึงมา มึงก็ไม่ใช่คนที่ตามเนื้อหาไม่ทันนี่ ทำไมไปปฏิเสธเพื่อนเสียอย่างนั้นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม “ก็กูเคยบอกแล้วไงว่า จะติวกับมึงแค่ตัวต่อตัว”
11ระบบเด็กเกรียน การออกกำลังกายกลางแจ้งยามดึกเป็นกิจกรรมที่คนไทยหลายๆ คนโปรดปราน... ไม่เว้นแม้แต่เขา ก็อากาศเมืองไทยมันร้อน เล่นกีฬาตอนกลางคืนนี่แหละกำลังสบาย เหงื่อออกพอเป็นพิธี ไม่ได้เหงื่อท่วมตัวเหมือนช่วงกลางวัน “มึงซิ่วมาคณะวิศวะเลยดีมั้ย” เวลาเหน็บคนต่างคณะที่โผล่มาเล่นบาสอยู่ที่สนามบาสของคณะเขาได้ยังไงก็ไม่รู้ “ไม่ละ ไม่อยากดึงมีนคณะ เดี๋ยวมึงจะต้องถอนซะเปล่าๆ” ตินทำหน้ากวน “แหวะ อยากจะอ้วก ไอ้คนหลงตัวเอง” รู้อยู่หรอกว่ามันเรียนเก่ง มีดีให้หลง แต่เขารับไม่ได้จริงๆ “แพ้ท้องลูกใครล่ะ กูไม่รับเลี้ยงนะ” “ห้วย!!” อยากจะด่าเป็นอวัยวะเพศชาย แต่เดี๋ยวไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ “มึงสิท้อง” เขาน่ะเป็นผู้ชายสายรุก จะไปท้องได้ไงล่ะ ปัญญาอ่อน “ถ้ากูท้อง มึงต้องรับผิดชอบแล้วแหละ” ตินต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “พอเลยพวกมึง จะเล่นมั้ยน่ะบาส หยอดกันไปหยอดกันมาไม่ได้ทำให้ท้องได้หรอกนะ ไว้ค่อยไปทำในที่ลับตาคนโน่น” ไอ้พี่วิคเตอร์ก็เอาอีกคน ตอนต้นห้าม แต่ตอนหลังยุยงเต็มที่ นี่มันไม่ใช่โลกที่ผู้ชายท้องได้โว
12กลัวก็ฟ้องแม่มึงสิ เงื่อนไขพิเศษ อะไรคือเงื่อนไขพิเศษ ไม่สิ ระบบเด็กเกรียนคืออะไรต่างหาก [[ยินดีที่ได้รู้จักโฮสต์ ระบบคือระบบเด็กเกรียน มาแทนที่ระบบเด็กเรียนชั่วคราว]] แล้วระบบนี้มีหน้าที่อะไรบ้างล่ะ มีภารกิจแบบไหน [[ระบบไม่มีภารกิจหลัก มีแต่ภารกิจย่อยให้โฮสต์เลือกทำได้ตามใจชอบ หากทำสำเร็จจะได้รับแต้มอุ้งเท้าสำหรับแลกของในคลังระบบเด็กเกรียนโดยเฉพาะ]] เปิดคลังเด็กเกรียน เวลาที่ตอนนี้มาหลบมุมดูดบุหรี่อยู่ที่มุมหนึ่งของอัฒจันทร์ ลองเรียกเปิดคลังดู ก่อนจะพบว่าสินค้าภายในคลังเปลี่ยนแปลงไป เหลือของให้แลกซื้อเพียงสองหน้าเท่านั้น และใช้แต้มอุ้งเท้าเพียงแค่สิบถึงหนึ่งร้อยแต้มในการแลก แถมของในคลังทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียน แต่มีส่วนช่วยในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เช่น ของสำหรับแกล้งคนเล็กๆ น้อยๆ อย่างตุ๊กตาเด็กเปรต ภายนอกดูเหมือนอาร์ตทอยชื่อดัง แต่เมื่อถึงยามค่ำคืนจะลุกขึ้นมาเดิน ทำเสียงดังหลอกหลอนผู้เป็นเจ้าของ ทำให้นอนกระสับกระส่าย จะตื่นก็ตื่นไม่ได้ หรือเป็นของที่ใช้ป้องกันตัว อย่างเช่น นกหวีดกรีดร้อง ส่งคลื่นความถี่สูงท
13ทะเลาะกับรถ “เลิกนั่งเก๊กได้แล้วไอ้ลูกชาย ดื่มให้มันเยอะๆ ให้มันคุ้มๆ หน่อย” “พ่อนั่นแหละ กลับได้แล้ว” ตินบอกพ่อของตนที่เนื้อตัวแดงก่ำไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ไรวะ ไม่หนุกเลย ทีหลังไม่เอามึงมาเป็นเพื่อนแล้ว” “แม่สั่งให้ผมมา ยังไงผมก็ต้องมา” หนุ่มวิทยายักไหล่อย่างไม่แยแสคำพูดคำจานั่น คืนนี้เขาถูกแม่บังเกิดเกล้าสั่งให้มาเป็นเพื่อนพ่อที่งานคืนสู่เหย้า ให้มาคอยคุมความประพฤติ และคุมไม่ให้พ่อมอมตัวเองจนต้องเข้าโรงพยาบาลเสียก่อน เมื่อต้นปีที่งานเลี้ยงรุ่นก็ทีหนึ่งแล้ว ยังจะให้เขาตามมาคุมพ่อที่งานคืนสู่เหย้าซึ่งถูกจัดอยู่ในมหาวิทยาลัยอีก ที่เขายอมมางานนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเวลา อีกฝ่ายบอกเขาว่า วันนี้ไม่มาติวเพราะติดหน้าที่สานสัมพันธ์นายช่างในงานคืนสู่เหย้าของคณะ ไอ้เขาก็อยากรู้ซะด้วยสิว่า หน้าที่นี้มันทำอะไรบ้าง ก็เลยตามพ่อที่เรียนจบคณะวิศวะจากสถาบันเดียวกันกับเขามาโดยไม่ปริปากบ่น พอได้มาร่วมงาน ก็ได้ถึงบางอ้อว่า ไอ้หน้าที่นี้มันทำกันยังไง ที่แท้ก็เป็นเด็กดริงก์ คอยดื่มเหล้าตามที่พี่ๆ สั่ง และคอยเอนเตอร์เทนพวกศิษย์
14ผู้หญิงทำให้มึงจุกไม่ได้หรอก [[โฮสต์ๆ ได้โอกาสแกล้งคนแล้ว]] “งืม แจ๊บๆ” เสียงดูดริมฝีปากเป่าฟองเล่นน้ำลายตัวเองของคนที่ยังไม่ยอมตื่น ทำให้ระบบรู้สึกเอือมระอาเป็นที่สุดที่ต้องเห็นภาพคนโตตัวทำตัวเหมือนเด็กทารก อีกทั้งภาพตรงหน้ายังดูปัญญาอ่อนมากกว่าจะน่ารัก [[โฮสต์ไม่อยากได้ของวิเศษแล้วเหรอ]] “อืมมม รำคาญ” [[โฮสต์กอดผู้ชายอยู่ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า]] พอมีเสียงรบกวนดังขึ้นในหัวหลายๆ ครั้งเข้า สมองของชายหนุ่มก็เริ่มประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับมา ผู้ชาย? กอด? [[ถ้าไม่รีบตื่น โฮสต์จะพลาดโอกาสทำมิดีมิร้าย เอ๊ย โอกาสแกล้งอีกฝ่ายนะ]] คราวนี้เวลาค่อยๆ ลืมตาขึ้น และภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นก็คือร่างของใครบางคนที่ถูกเขากอดก่ายอยู่ราวกับกอดหมอนข้าง แค่มองเพียงเสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ฉิบหาย ไม่ใช่ไอ้ภูเขานี่หว่า ไอ้เราก็เผลอทำตัวโพผัวมากไปหน่อย เล่นกอดอีกฝ่ายซะแน่นเลย ตินในยามนี้แต่งตัวด้วยชุดนอนแขนยาวขายาวเหมือนพวกลูกคุณหนู ผมสีน้ำตาลเข้มอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงนิดหน่อย ปอยผมหน้าม้าที่ระอยู่บนเปลือกตาซึ่ง
15มีอะไรเด็ดๆ ให้ดู ขณะที่บทสนทนาของทั้งสองคนชักจะทะลึ่งเข้าไปกันใหญ่ และการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เสียงกดกริ่งห้องก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เป็นเหตุให้เจ้าของห้องต้องยอมปล่อยคนที่แกล้งตนไป ตินเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันทับเป้ากางเกงเปียกๆ ของตนลวกๆ ก่อนจะแง้มประตูออกดู พลั่ก! คนที่มาเยือนผลักประตูเปิดกว้าง ก่อนจะแทรกตัวมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้ตั้งตัว “พ่อมาทำไม” ตินปิดประตูตามหลังพลางถามออกไป “แม่ให้พ่อมาดูน่ะสิว่า แกกลับถึงห้องจริงมั้ย เห็นไม่รับโทรศัพท์” “ถึงจริง และก็หลับเป็นตายด้วย ผมโตจนบรรลุนิติภาวะแล้วนะ ไม่ต้องตามเช็กกันขนาดนี้ก็ได้” ตินบ่น นี่เขาเพิ่งเงียบหายไปไม่กี่ชั่วโมง ถ้าหายไปเป็นวัน คงจะโดนโทร. แจ้งความคนหายเป็นแน่ “เอาน่า แม่แกเป็นห่วง แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แล้วทำไมต้องแต่งตัวประหลาดๆ พิลึกพิลั่นแบบนั้นด้วยล่ะ” คนเป็นพ่อมีสภาพเหมือนคนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ เพราะยังนอนไม่เต็มอิ่ม แต่โดนภรรยาสุดที่รักปลุกขึ้นมาใช้งานเสียก่อน เขาจ้องไปยังการแต่งกายของลูกชายตนพร้อมกับเบ้ปาก นี่
16เล่นกับหมา หมาเลียปาก ร้านหวานเย็น เป็นหนึ่งในร้านของหวานชื่อดังของมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ร้านมีพื้นที่กว้างขวาง มีทั้งโซนห้องแอร์และโซนเอาต์ดอร์ไว้ส่องสาวที่เดินผ่านไปมา ทำให้มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกอย่างมากมาย ทำกำไรได้มหาศาล นอกจากเมนูของหวานที่มีทั้งขนมไทย เช่น พวกบัวลอย ซาหริ่ม ลอดช่อง เฉาก๊วย แปะก๊วย เต้าทึง ที่สามารถเลือกมิกซ์กันได้ตามใจชอบแล้ว ยังมีของหวานอย่างพวกโรตี แพนเค้ก โทสตี้ และเค้กต่างๆ อีกมากมาย ที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นน้ำสมุนไพรไทยแบบหวานตัดขา และเมนูน้ำชงอีกมากมาย เรียกได้ว่า ครบวงจรสุดๆ ด้วยความที่ร้านเปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าลากยาวไปจนถึงตีสาม จึงเป็นที่นิยมของเหล่าขี้เมา ที่มักจะหาอะไรกินให้สร่างหลังออกจากร้านเหล้า หนุ่มวิศวะอย่างเวลาเลือกนั่งในโซนห้องแอร์ จัดการยึดโต๊ะมุมในสุด เพราะต้องการจะใช้เป็นสถานที่สำหรับติวสอบ “เอาขนมปังเนยนมหนึ่ง แล้วก็บลูเบอร์รีโยเกิร์ตปั่นหนึ่งแก้ว” สั่งขนมกับพนักงานประเทศเพื่อนบ้านเสร็จ ก็เรียกคลังของระบบเด็กเกรียนขึ้นมาดูเล่นๆ ขณะนี้เขามีแต้มทั้งหมด 60 อุ้งเท้า มีของที่ใช้แ
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง
27งานลอยกระทง [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ทำภารกิจที่หกสำเร็จ ได้รับแต้มทั้งหมด 40 แต้ม และของรางวัลการผ่านภารกิจเป็นยาเสน่ห์อาจารย์รักอาจารย์หลง] [ติ๊ง! เนื่องจากโฮสต์ผ่านภารกิจด้วยเงื่อนไขสูงสุด ได้รับอั่งเปาพิเศษ สุ่มสินค้าจากระบบได้จำนวนสองครั้ง] ถึงแม้เสียงประกาศจากระบบจะน่าตื่นตาตื่นใจมากแค่ไหน แต่เวลาก็เลือกที่จะจดจ่ออยู่กับคนข้างกายมากกว่า หลังจากที่ตินพารุ่นน้องปีหนึ่งเดินมาถึงระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว รุ่นพี่ปีสี่อีกหลายคนก็รีบวิ่งลงน้ำทะเล ไปช่วยแบกร่างของทั้งคู่ขึ้นมานอนบนชายหาดที่มีคนเตรียมผ้าปูรองไว้ได้สำเร็จ โชคดีที่ฝ่ายปฐมพยาบาลรู้วิธีช่วยคนจมน้ำ ก็เลยสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้บ้าง ก่อนที่รถพยาบาลจะตามมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน คราวนี้เสียงหวอของรถพยาบาลดังทั่วรีสอร์ตจนนักศึกษาส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาเกือบหมด พวกนักศึกษาชั้นปีสามก็เลยคอยทำหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้น้ำทะเลอีก ส่วนเวลาก็ขับรถยนต์ของตินตามรถพยาบาลไป เพราะแค่คนจมน้ำหนึ่งคน และคนว่ายน้ำจนหมดแรงหนึ่งคนก็แน่นรถของโรงพยาบาลแล้ว
26ฮีโร่ ย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุ ตินที่ไม่มีหนุ่มนักเลงอย่างเวลาคอยตามอยู่ข้างกายอีกต่อไปนั้น ดึงดูดความสนใจของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากเด็กปีหนึ่งสองคนที่พากันเดินมาขอชนแก้วด้วย แต่หลังจากชนแล้วก็ไม่คิดที่จะเดินกลับไปแต่อย่างใด พวกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่อย่างใจกล้า “ทำไมหนูไม่เห็นพี่ตอนที่ทำกิจกรรมเลยล่ะคะ” หญิงสาวผมหน้าม้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่ อย่าไปถามอะไรอย่างนั้นสิ ถามว่าพี่ตินกินอะไรถึงได้หล่อแบบนี้ดีกว่า” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เพื่อนสาวอีกคนพาเปลี่ยนเรื่อง “พอเลยพวกเอ็ง อย่าไปแซวเยอะ เดี๋ยวไอ้ตินมันเขินหมด” ธีโอรีบออกหน้าช่วยเมื่อเห็นตินเพียงยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดเหล่านั้น ในความคิดของธีโอ ตินก็เป็นเพียงเด็กเนิร์ดตั้งใจเรียนที่กินเหล้าได้นิดหน่อย วันๆ เอาแต่ทำกิจกรรมของสโมสรกับพวกค่ายต่างๆ คงไม่ชินกับการที่ถูกสาวมาเต๊าะเอาซึ่งๆ หน้า “พี่ตินไม่เขินหรอก ท่าทางดูเป็นผู้นำแบบเนี้ย น่าจะนำสาวๆ มาเยอะ” น้องผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีส้มว่า “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่เป็นแค่รองประธานสโมสรนิสิตกั
25พยายามเอาใจ ร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขาเท่าเข่าเหมือนหนุ่มเกาหลี แต่คีบอีแตะหนีบสไตล์ไทย โอบไหล่เวลาเบาๆ อย่างแสดงความสนิทสนม เขาส่งยิ้มไปให้เหล่าเด็กปีหนึ่งที่มองมาหน้าสลอน “พี่ต้องขอพาเพื่อนพี่ไปก่อนนะ” “อะ...เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่” น้องผู้หญิงคนหนึ่งรีบละล่ำละลักออกมา หลังจากตกใจในความหล่อของหนุ่มแว่นจนตาค้าง เผลออ้าปากหวออยู่นานสองนาน “...” ตินหยุดเดิน หันกลับไปมอง เป็นสัญญาณให้เธอพูดต่อ “คือ... พี่มาร่วมวงกับพวกเราสิคะ พวกเรากำลังชวนพี่เวลาอยู่พอดี” “ขอบคุณครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า น้องๆ สนุกกันไปเถอะ” ตินปฏิเสธอย่างสุภาพ ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากน้องผู้หญิงคนอื่นได้มากขึ้น “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบออกไป เวลาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไอ้หมอนี่มันชื่อติน พวกพี่ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากแขนคนข้างตัวเดินออกมาแทน ที่เวลาพูดแทรก ก็เพราะไม่อยากให้ตินบอกอะไรออกไปมาก เดี๋ยวถ้ารุ่นน้องรู้ว่า ตินไม่ได้อยู่คณะวิศวะ กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาในภ