แต่...เธอเป็นใครกัน เขาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่ความสงสัยนั้นจะแล่นลิ่วไปไกลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงปิดประตูและรีบวิ่งกลับไปนั่งฝั่งคนขับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายขณะสตาร์ทเครื่องยนต์
“ครับ...ผมแม็กเซ็น...ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับ เรื่องขยายอู่รื้อซากเรือที่ตุรกีค่อยคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”
แม็กเซ็นกล่าวจบก็วางโทรศัพท์ลงข้างตัวและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวชาวเอเชีย เจ้าของใบหน้าแสนสวยที่นอนอยู่บนเบาะข้าง ๆ ซึ่งเธอมีอาการงัวเงียขึ้นมาเป็นบางครั้ง ปกติเขาไม่ชอบออกมาท่องราตรีจนดึกดื่น แต่คืนนี้มีเหตุจำเป็นต้องออกมารับรองแขกซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เขารั้งตำแหน่งประธานกรรมการเพื่อตกลงเรื่องการทำโปรเจ็คใหญ่ของบริษัทอย่างไม่อาจเลี่ยง
หลังจากทานอาหารในภัตตาคารหรูและพูดคุยกันจนเห็นว่าเวลาล่วงไปจนใกล้เที่ยงคืนแล้วเขาก็เตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อนแต่ก็ดันมาเห็นภาพที่ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้ นั่นคือผู้ชายตัวโตที่กำลังยื้อยึดผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพาเธอคนนั้นกลับมาที่รถด้วยเพราะเธอเมามายจนหมดรูป
“คุณ...นี่คุณ” แม็กเซ็นเรียกหญิงสาวอีกครั้ง เขาก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ได้ยินเสียงครางลึกดังอยู่ในลำคอระหง เธอเหมือนกำลังละเมอแต่ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
“คุณ...บอกผมสักหน่อยเถอะว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน” เขาตั้งคำถามและเห็นว่าอีกฝ่ายปรือตาขึ้นมามองทว่าก็ดูเลื่อนลอยและเหมือนเธอยังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ที่ไหน
“กลับบ้านเหรอ...กลับบ้าน...ใช่...ฉันอยากกลับบ้าน” เธอพูดซ้ำไปซ้ำมาจนชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน ตัวเธอก็ไม่มีอะไรสักอย่างที่เขาจะพอรู้ได้ทั้งกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ หรือบัตรประชาชน ดวงหน้างามส่ายสะบัดไปมาบนเบาะที่ปรับเอนลงจนสุด มือไม้ของเธอป่ายแปะกระทั่งจับแขนเขาไว้ได้ ชายหนุ่มมีอาการตกใจเล็ก ๆ เมื่อแขนแกร่งถูกจับยึดเอาไว้พร้อม ๆ กับที่ร่างแน่งน้อยเบียดเข้าหา
“อืม...อือ” เสียงครางขอเธอยังดังอยู่เช่นนั้น แม็กเซ็นมองแล้วก็คิดหนักก่อนจะได้คำตอบว่าควรจะพาผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ไปที่ไหน
“โอเค...ผมจะพาคุณไปส่ง...แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน”
“กลับบ้าน...กลับบ้าน...ฉันอยากกลับบ้าน”
เสียงครางคล้ายละเมอจากคนที่ยังไม่รู้สึกตัวดังไปตลอดทางที่แม็กเซ็นพารถเก๋งคันหรูของเขาแล่นเลาะฝ่าการจราจรคับคั่งใจกลางกรุงลอสแองเจลิสเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ถนนสายซันเซ็ต บูเลอวาร์ด ชายหนุ่มตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายพาผู้หญิงแปลกหน้าแถมมีอาการเมามายกลับไปที่บ้านพักอันหรูหราของเขาในย่านเบลแอร์ตอนที่นาฬิกาดิจิทัลบนคอนโซลหน้ารถบอกเวลาเที่ยงคืนพอดี
เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วแม็กเซ็นก็ตั้งสติก่อนหันกลับไปมองร่างหญิงสาวซึ่งเขาคาดเดาว่าเธอน่าจะเป็นชาวไทยด้วยลักษณะหน้าตารูปร่าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาหนักใจมากไปกว่าอาการของเธอที่เป็นอยู่ตอนนี้
“คุณ...นี่ผมยังไม่รู้เลยนะว่าคุณชื่ออะไร มาจากไหน” เจ้าของร่างสูงใหญ่ยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ ๆ เขาพยายามจะปลุกให้เธอตื่นจากความมึนเมา และแล้วความพยายามของเขาก็ดูเหมือนจะประสบผล
“มีนา...ฉันชื่อ...มีนา”
“มีน่า...คุณชื่อมีน่าอย่างนั้นหรือ?” เขาทวนชื่อนั้นขณะเงี่ยหูฟังจนเผลอเอาจมูกโด่งชนกับแก้มสีแดงปลั่ง ริมฝีปากหยักหนาก็ใกล้กับพวงแก้มนวลเพียงนิดเดียว ลมหายใจร้อนของเธอฉุดความรู้สึกบางอย่างของเขาให้ฟุ้งกระจายขึ้นมาจากเบื้องลึก
“โอเค...คุณชื่อมีน่า...แล้วบ้านของคุณล่ะ”
“อืม” หญิงสาวครางเบา ๆ ก่อนกระหวัดแขนเรียวเกี่ยวลำคอของเขาไว้แทนคำตอบ แม็กเซ็นไม่ทันระวังตัวทำให้จมูกโด่งฝังลงบนแก้มนวลเต็ม ๆ
“ฉันชื่อมีนานะ...มีนา” เธอยังงัวเงียโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ในท่วงทีเหมือนให้ท่าคนแปลกหน้าที่มาเธอมาถึงบ้านของเขา ชายหนุ่มชะงักและเกิดอาการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบาย เขาอยู่ใกล้เธอมากเกินไป ถึงแม้ร่างแน่งน้อยจะมึนเมาทว่าท่าทางของเธอก็ยั่วยวนจนเขาต้องเรียกสติกลับคืน
“มีน่า...ผมจะพาคุณเข้าไปในบ้านก่อนก็แล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” แม็กเซ็นตัดใจดึงแขนเรียวที่เกี่ยวรอบลำคอของเขาออกและเปิดประตูรถเพื่ออุ้มร่างเล็กเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ที่มีแสงส่องสว่างจากโคมไฟด้านหน้า ข้างในซึ่งแสงไฟสาดส่องเข้าไปทำให้เห็นการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างวิจิตนั้นเงียบเชียบ บ้านหลังนี้เป็นที่พักอันสงบของเขาเสมอหลังจากกรำงานด้านธุรกิจของครอบครัวและในเวลาที่ต้องการปลีกวิเวก
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางร่างเล็กบอบบางลงบนเตียงขนาดใหญ่ เขาต้องช่วยดึงชายกระโปรงของชุดสีกุหลาบที่เลิกขึ้นไปถึงต้นขาขาวเนียนของหญิงสาวซึ่งเธอยังบิดตัวไปมาบนที่นอนหนานุ่ม แม็กเซ็นทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และรู้สึกมึนงงเล็ก ๆ กับการกระทำของตัวเองในเหตุการณ์ที่ไม่เคยประสบพบ โตมาจนเป็นหนุ่มอายุตั้งสามสิบถึงจะเคยควงผู้หญิงก็ไม่เคยพาใครคนไหนมาที่บ้านและถึงขนาดเข้ามาในห้องนอนของเขาแม้แต่คนเดียว เขายังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำ ไม่ได้ตั้งใจสักนิดที่จะแอบอ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ที่เมามายแทบไม่ได้สติ แต่เขาเห็นว่าเธอกำลังถูกรังแกและแค่คิดว่าจะช่วยไว้ก็เท่านั้น แม็กเซ็นถอนหายใจทว่าก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพิศมองดวงหน้าหวานซึ่งดวงตากลมโตคู่นั้นยังกระพริบถี่ ๆ และริมฝีปากอิ่มสวยยังพึมพำเหมือนว่าสติอันน้อยนิดยังคงทำงานอยู่ ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้เมาพับอยู่ข้างถนนก็เหมือนอาหารโอชะให้พวกเสือสิงห์คาบไปขย้ำก็เท่านั้น เขาคิดในใจแต่ก่อนที่จะลุกขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของเธอดังขึ้น“แค่ก...แค่ก” “มีน่า คุณเป็นอะไร” ร่างสูงโถมตัวเข้าหาจนหลงลืมไปว่าเขาอยู่ในท่าคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ เธอไอออกมาและเกือบสำ
“แม็กเซ็น...ได้โปรด...กอดฉันนะคะ”มีนาเว้าวอน เสียงหวานนั้นสะท้อนเข้าไปทำลายความอดกลั้นของชายหนุ่มให้พังทลาย แม็กเซ็นยิ่งจูบเธอหนักหน่วง ในกายของเขาเหมือนมีความร้อนแล่นพล่านไปในทุกอณูเส้นเลือด มันสูบฉีดแรงและทำให้เขาเจ็บร้าวที่กลางลำตัวใยค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้แต่ร่างกายแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวสิ้นแรงไปเสียอย่างนั้น ไม่มีแรงจะพาตัวเองออกห่างจากร่างนุ่มนิ่มที่บดเบียดอยู่ด้านล่างหมดสิ้นความพยายามแม้แต่จะถอนริมฝีปากออกจากจุมพิตบนเรียวปากอิ่มที่เรียกร้องเขาอยู่ตลอดเวลา“มีนา...”และแล้วความอดทนของเขาก็ป่นเป็นผงเหมือนแก้วแตกละเอียด ใบหน้าคร้ามเข้มเลื่อนจากจากริมฝีปากฉ่ำระเรื่อยลงมาที่คางมนและซุกไซ้ลำคอหญิงสาวที่กลิ่นน้ำมันหอมนั้นเย้ายวนจนกลบกลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเธอได้หมด มือหนานั้นไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่ลูบไล้ไปตามสีข้างก่อนจะหยุดลงที่เนินทรวงอวบอิ่มใต้เนื้อผ้าของชุดสีชมพูกุหลาบเขาบีบเคล้นมันเบา ๆ และเริ่มหนักมือขึ้นเมื่อความนุ่มหยุ่นนั้นดีดเด้งสู้ฝ่ามือหนาใหญ่ นานแล้วที่แม็กเซ็นไม่ได้สัมผัสกับความเย้ายวนและนุ่มนวลเช่นนี้ เขาควรระวังตัวเองกับผู้หญิงแปลกหน้าแต่กลับก
“มีน...นี่เธอจะดื่มมากเกินไปแล้วนะ”เสียงเอ็ดอึงที่ดังอยู่ข้างหูหญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีกุหลาบดูเหมือนจะเบากว่าเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่รอบไนต์คลับและไม่อาจหยุดยั้งคนฟังให้หยุดการกระทำของตัวเองได้ ปูนิ่มนั่งส่ายหัวดิกขณะมองมีนาเพื่อนสนิทของเธอที่กระดกแก้วไวน์เข้าปากคราวแล้วคราวเล่าจนแก้มเนียนทั้งสองข้างเป็นสีแดงสุกปลั่ง“ฉันไม่ได้เมานะ ปู...ก็แค่ไวน์เอง”มีนาเถียงแต่ยังรินน้ำสีแดงเข้มใส่แก้วตรงหน้าจนหมดขวด“พอเถอะน่า มีน” ปูนิ่มเตือนและแตะแขนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างเธอท่ามกลางคนมากมายภายในไนต์คลับกลางกรุงลอส แองเจลิสที่บ้างก็ลุกขึ้นขยับตามจังหวะดนตรี บ้างก็เป็นหนุ่มสาวที่นั่งก่ายกอดตามวิถีของชาวตะวันตกปูนิ่มถอนหายใจและคิดไม่ออกว่าจะห้ามเพื่อนของเธอซึ่งเริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเช่นไรดี ปกติ มีนา ซึ่งเป็นเพื่อนชาวไทยที่เธอสนิทด้วยที่สุดไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ความเครียดบางอย่างที่เธอรู้ว่ากำลังรุมเร้าเพื่อนสนิททำให้ปูนิ่มตัดสินใจชวนกันออกมาท่องราตรีบ้างเพื่อคลายความหม่นหมองในหัวใจ“มีน...ฉันว่าเธอควรจะพอได้แล้วนะ”เสียงของปูนิ่มไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเพลงรอบ ๆ ทว่าคราวนี้กลับทำให้
“อ้วก!”หญิงสาวสำรอกเอาสิ่งที่เธอพยายามเก็บกลั้นไว้ก่อนออกจากไนต์คลับเพื่อจะได้ปลดปล่อยมันในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานบันเทิงที่เธอวิ่งออกมา มีนายันฝ่ามือกับผนังตึกและก้มลงมองบนพื้นก็เห็นแต่สิ่งที่เธอกระดกมันเข้าไปในปากแก้วแล้วแก้วเล่าตั้งแต่หัวค่ำในท้องของเธอร้อนไปหมด มันไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากน้ำสีทับทิมที่เธออยากกินให้ลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เซบาสเตียน มิลเลอร์ หนุ่มหล่อพ่อรวยที่หลอกล้วงเอาหัวใจของเธอไปทำลายด้วยความเจ้าชู้“เฮ้...สาวน้อย เป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายหรือจ๊ะ?”เสียงห้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้มีนาหยุดชะงัก เธอมีอาการอ่อนเพลียจากการอาเจียนอย่างเห็นได้ชัด ร่างเล็กค่อย ๆ หันกลับไปมองก็พบว่ามีชายอเมริกันผิวขาวตัวโตในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมแจ็คเก็ตมีฮู๊ดยืนห่างจากเธอไม่กี่ก้าว เขามองมาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนอยากรู้“ไม่ค่ะ...ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะกลับแล้วล่ะค่ะ” / “แน่หรือ...ไม่เป็นไรแน่หรือ...ให้ฉันช่วยเธอดีมั้ย หน้าตาเธอดูไม่ดีเลยนะสาวน้อย”ชายคนนั้นทำให้เธอตระหนกด้วยการก้าวพรวดเข้ามาและยื้อแขนเธอไว้“เอ๊ะ! ปล่อยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร” มีนา
“แม็กเซ็น...ได้โปรด...กอดฉันนะคะ”มีนาเว้าวอน เสียงหวานนั้นสะท้อนเข้าไปทำลายความอดกลั้นของชายหนุ่มให้พังทลาย แม็กเซ็นยิ่งจูบเธอหนักหน่วง ในกายของเขาเหมือนมีความร้อนแล่นพล่านไปในทุกอณูเส้นเลือด มันสูบฉีดแรงและทำให้เขาเจ็บร้าวที่กลางลำตัวใยค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้แต่ร่างกายแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวสิ้นแรงไปเสียอย่างนั้น ไม่มีแรงจะพาตัวเองออกห่างจากร่างนุ่มนิ่มที่บดเบียดอยู่ด้านล่างหมดสิ้นความพยายามแม้แต่จะถอนริมฝีปากออกจากจุมพิตบนเรียวปากอิ่มที่เรียกร้องเขาอยู่ตลอดเวลา“มีนา...”และแล้วความอดทนของเขาก็ป่นเป็นผงเหมือนแก้วแตกละเอียด ใบหน้าคร้ามเข้มเลื่อนจากจากริมฝีปากฉ่ำระเรื่อยลงมาที่คางมนและซุกไซ้ลำคอหญิงสาวที่กลิ่นน้ำมันหอมนั้นเย้ายวนจนกลบกลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเธอได้หมด มือหนานั้นไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่ลูบไล้ไปตามสีข้างก่อนจะหยุดลงที่เนินทรวงอวบอิ่มใต้เนื้อผ้าของชุดสีชมพูกุหลาบเขาบีบเคล้นมันเบา ๆ และเริ่มหนักมือขึ้นเมื่อความนุ่มหยุ่นนั้นดีดเด้งสู้ฝ่ามือหนาใหญ่ นานแล้วที่แม็กเซ็นไม่ได้สัมผัสกับความเย้ายวนและนุ่มนวลเช่นนี้ เขาควรระวังตัวเองกับผู้หญิงแปลกหน้าแต่กลับก
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางร่างเล็กบอบบางลงบนเตียงขนาดใหญ่ เขาต้องช่วยดึงชายกระโปรงของชุดสีกุหลาบที่เลิกขึ้นไปถึงต้นขาขาวเนียนของหญิงสาวซึ่งเธอยังบิดตัวไปมาบนที่นอนหนานุ่ม แม็กเซ็นทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และรู้สึกมึนงงเล็ก ๆ กับการกระทำของตัวเองในเหตุการณ์ที่ไม่เคยประสบพบ โตมาจนเป็นหนุ่มอายุตั้งสามสิบถึงจะเคยควงผู้หญิงก็ไม่เคยพาใครคนไหนมาที่บ้านและถึงขนาดเข้ามาในห้องนอนของเขาแม้แต่คนเดียว เขายังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำ ไม่ได้ตั้งใจสักนิดที่จะแอบอ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ที่เมามายแทบไม่ได้สติ แต่เขาเห็นว่าเธอกำลังถูกรังแกและแค่คิดว่าจะช่วยไว้ก็เท่านั้น แม็กเซ็นถอนหายใจทว่าก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพิศมองดวงหน้าหวานซึ่งดวงตากลมโตคู่นั้นยังกระพริบถี่ ๆ และริมฝีปากอิ่มสวยยังพึมพำเหมือนว่าสติอันน้อยนิดยังคงทำงานอยู่ ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้เมาพับอยู่ข้างถนนก็เหมือนอาหารโอชะให้พวกเสือสิงห์คาบไปขย้ำก็เท่านั้น เขาคิดในใจแต่ก่อนที่จะลุกขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของเธอดังขึ้น“แค่ก...แค่ก” “มีน่า คุณเป็นอะไร” ร่างสูงโถมตัวเข้าหาจนหลงลืมไปว่าเขาอยู่ในท่าคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ เธอไอออกมาและเกือบสำ
แต่...เธอเป็นใครกัน เขาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่ความสงสัยนั้นจะแล่นลิ่วไปไกลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงปิดประตูและรีบวิ่งกลับไปนั่งฝั่งคนขับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายขณะสตาร์ทเครื่องยนต์“ครับ...ผมแม็กเซ็น...ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับ เรื่องขยายอู่รื้อซากเรือที่ตุรกีค่อยคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”แม็กเซ็นกล่าวจบก็วางโทรศัพท์ลงข้างตัวและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวชาวเอเชีย เจ้าของใบหน้าแสนสวยที่นอนอยู่บนเบาะข้าง ๆ ซึ่งเธอมีอาการงัวเงียขึ้นมาเป็นบางครั้ง ปกติเขาไม่ชอบออกมาท่องราตรีจนดึกดื่น แต่คืนนี้มีเหตุจำเป็นต้องออกมารับรองแขกซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เขารั้งตำแหน่งประธานกรรมการเพื่อตกลงเรื่องการทำโปรเจ็คใหญ่ของบริษัทอย่างไม่อาจเลี่ยงหลังจากทานอาหารในภัตตาคารหรูและพูดคุยกันจนเห็นว่าเวลาล่วงไปจนใกล้เที่ยงคืนแล้วเขาก็เตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อนแต่ก็ดันมาเห็นภาพที่ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้ นั่นคือผู้ชายตัวโตที่กำลังยื้อยึดผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพาเธอคนนั้นกลับมาที่รถด้วยเพราะเธอเมามายจนหมดรูป“คุณ...นี่คุณ” แม็กเซ็นเรียกหญิงสาวอี
“อ้วก!”หญิงสาวสำรอกเอาสิ่งที่เธอพยายามเก็บกลั้นไว้ก่อนออกจากไนต์คลับเพื่อจะได้ปลดปล่อยมันในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานบันเทิงที่เธอวิ่งออกมา มีนายันฝ่ามือกับผนังตึกและก้มลงมองบนพื้นก็เห็นแต่สิ่งที่เธอกระดกมันเข้าไปในปากแก้วแล้วแก้วเล่าตั้งแต่หัวค่ำในท้องของเธอร้อนไปหมด มันไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากน้ำสีทับทิมที่เธออยากกินให้ลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เซบาสเตียน มิลเลอร์ หนุ่มหล่อพ่อรวยที่หลอกล้วงเอาหัวใจของเธอไปทำลายด้วยความเจ้าชู้“เฮ้...สาวน้อย เป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายหรือจ๊ะ?”เสียงห้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้มีนาหยุดชะงัก เธอมีอาการอ่อนเพลียจากการอาเจียนอย่างเห็นได้ชัด ร่างเล็กค่อย ๆ หันกลับไปมองก็พบว่ามีชายอเมริกันผิวขาวตัวโตในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมแจ็คเก็ตมีฮู๊ดยืนห่างจากเธอไม่กี่ก้าว เขามองมาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนอยากรู้“ไม่ค่ะ...ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะกลับแล้วล่ะค่ะ” / “แน่หรือ...ไม่เป็นไรแน่หรือ...ให้ฉันช่วยเธอดีมั้ย หน้าตาเธอดูไม่ดีเลยนะสาวน้อย”ชายคนนั้นทำให้เธอตระหนกด้วยการก้าวพรวดเข้ามาและยื้อแขนเธอไว้“เอ๊ะ! ปล่อยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร” มีนา
“มีน...นี่เธอจะดื่มมากเกินไปแล้วนะ”เสียงเอ็ดอึงที่ดังอยู่ข้างหูหญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีกุหลาบดูเหมือนจะเบากว่าเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่รอบไนต์คลับและไม่อาจหยุดยั้งคนฟังให้หยุดการกระทำของตัวเองได้ ปูนิ่มนั่งส่ายหัวดิกขณะมองมีนาเพื่อนสนิทของเธอที่กระดกแก้วไวน์เข้าปากคราวแล้วคราวเล่าจนแก้มเนียนทั้งสองข้างเป็นสีแดงสุกปลั่ง“ฉันไม่ได้เมานะ ปู...ก็แค่ไวน์เอง”มีนาเถียงแต่ยังรินน้ำสีแดงเข้มใส่แก้วตรงหน้าจนหมดขวด“พอเถอะน่า มีน” ปูนิ่มเตือนและแตะแขนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างเธอท่ามกลางคนมากมายภายในไนต์คลับกลางกรุงลอส แองเจลิสที่บ้างก็ลุกขึ้นขยับตามจังหวะดนตรี บ้างก็เป็นหนุ่มสาวที่นั่งก่ายกอดตามวิถีของชาวตะวันตกปูนิ่มถอนหายใจและคิดไม่ออกว่าจะห้ามเพื่อนของเธอซึ่งเริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเช่นไรดี ปกติ มีนา ซึ่งเป็นเพื่อนชาวไทยที่เธอสนิทด้วยที่สุดไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ความเครียดบางอย่างที่เธอรู้ว่ากำลังรุมเร้าเพื่อนสนิททำให้ปูนิ่มตัดสินใจชวนกันออกมาท่องราตรีบ้างเพื่อคลายความหม่นหมองในหัวใจ“มีน...ฉันว่าเธอควรจะพอได้แล้วนะ”เสียงของปูนิ่มไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเพลงรอบ ๆ ทว่าคราวนี้กลับทำให้