“อ้วก!”
หญิงสาวสำรอกเอาสิ่งที่เธอพยายามเก็บกลั้นไว้ก่อนออกจากไนต์คลับเพื่อจะได้ปลดปล่อยมันในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานบันเทิงที่เธอวิ่งออกมา มีนายันฝ่ามือกับผนังตึกและก้มลงมองบนพื้นก็เห็นแต่สิ่งที่เธอกระดกมันเข้าไปในปากแก้วแล้วแก้วเล่าตั้งแต่หัวค่ำในท้องของเธอร้อนไปหมด มันไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากน้ำสีทับทิมที่เธออยากกินให้ลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เซบาสเตียน มิลเลอร์ หนุ่มหล่อพ่อรวยที่หลอกล้วงเอาหัวใจของเธอไปทำลายด้วยความเจ้าชู้
“เฮ้...สาวน้อย เป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายหรือจ๊ะ?”
เสียงห้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้มีนาหยุดชะงัก เธอมีอาการอ่อนเพลียจากการอาเจียนอย่างเห็นได้ชัด ร่างเล็กค่อย ๆ หันกลับไปมองก็พบว่ามีชายอเมริกันผิวขาวตัวโตในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมแจ็คเก็ตมีฮู๊ดยืนห่างจากเธอไม่กี่ก้าว เขามองมาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนอยากรู้
“ไม่ค่ะ...ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะกลับแล้วล่ะค่ะ” / “แน่หรือ...ไม่เป็นไรแน่หรือ...ให้ฉันช่วยเธอดีมั้ย หน้าตาเธอดูไม่ดีเลยนะสาวน้อย”
ชายคนนั้นทำให้เธอตระหนกด้วยการก้าวพรวดเข้ามาและยื้อแขนเธอไว้
“เอ๊ะ! ปล่อยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร” มีนาสะบัดแขนแต่ดูเหมือนชายชาวอเมริกันคนนั้นยังพยายามแสดงความเป็นห่วงเป็นใยซึ่งหญิงสาวไม่ได้ต้องการมันสักนิด
“อ่ะน่า...อย่าขัดขืนซี ฉันจะช่วยเธอนะสาวน้อย ดูหน้าเธอซีดอย่างกับกระดาษ มานี่มา...ฉันจะพาเธอไปส่งนะยาหยี”
“ปล่อยฉันนะ!...นี่คุณจะทำอะไร ช่วยด้วย... โอ๊ย!” เมื่อเห็นท่าไม่ดีร่างแน่งน้อยจึงออกแรงอันน้อยนิดผลักไสแต่ไม่ทันระวังตัวเธอกลับเป็นฝ่ายล้มลงนั่งก้นจ้ำเบ้าเสียเอง ใบหน้าของชายคนนั้นที่แสดงความห่วงใยเปลี่ยนเป็นถมึงทึงในทันที
“ดื้อนักนังนี่ ทำเป็นเล่นตัวดีนักเดี๋ยวฉันจะอุ้มเธอกลับไปเอง!” / “เฮ้ย! นั่นแกจะทำอะไรแฟนฉัน” คนตัวโตชะงักกึกเมื่อเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอย่างดุดัน ชายร่างใหญ่หันไปด้วยความฉุนเฉียวจึงพบว่ามีใครอีกคนที่ความสูงและความกำยำไล่เลี่ยกันทำให้เขาหยุดก่อนหันกลับไปยังหญิงสาวที่นั่งหมดแรงหลังพิงผนังตึก มีนาอยากจะพูดแต่เสียงของเธอเหมือนเหือดหายไปในวินาทีที่ร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนในชุดสูทก้าวเข้ามา มีนาได้ยินเสียงของคนตัวโตที่พยายามลวนลามเธอดังขึ้น
“มะ...ไม่มีอะไรหรอก...แฟนนายเหรอ...เอ้อ...ฉันเห็นเธอไม่สบายเลยเข้ามาดู...ฉันไปล่ะ” แล้วเขาก็ถอยห่างออกไปด้วยใบหน้าบอกความเสียดายที่ถูกขัดจังหวะ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นอีกครั้งขณะเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทย่อตัวลงใกล้ ๆ หญิงสาวขยับจนหลังเบียดกับผนัง ช่วงเวลานั้นแม้อ่อนเพลียจนแทบจะลุกไม่ไหวทว่าเธอก็เห็นใบหน้าเขาใต้แสงไฟชัดเจน ใบหน้าคร้ามเข้มของชายชาวอเมริกันที่หล่อเหลาบาดใจในชุดสูทสีเทา สิ่งที่สะกดหญิงสาวเอาไว้ชั่วขณะคือประกายอันเจิดจรัสของดวงตาสีมรกตเข้มราวกับหมุดตรึงเธอไม่ให้ขยับชั่วครู่
“คุณ...เป็นอะไรไป ผู้ชายคนเมื่อกี๊ไม่ได้เข้ามาช่วยคุณอย่างที่เขาว่าใช่มั้ย...คุณ...” ร่างสูงใหญ่เอื้อมมือไปแตะไหล่บางที่ลู่ลง ท่าทางเธอเหมือนคนหมดแรง แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยออกมาฉุนจัดจนทำให้เขาย่นจมูก
“นี่คุณเมาหรือ...บ้านของคุณอยู่ที่ไหน...คุณ...คุณ”
มือหนาจับไหล่ของหญิงสาวที่ดวงตาคู่สวยบนใบหน้าหวานอยู่ในอาการครึ่งเปิดครึ่งปิดเขย่าไปมาเบา ๆ ขณะที่เขาพยายามเรียกหญิงสาวเพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้นมารับรู้ทว่าก็ดูเหมือนไร้ผล มีนาเองอยากบอกอยากพูดและอยากขยับแต่ในหัวของเธอหนักอึ้ง มือไม้อ่อนเปลี้ย ทุกอย่างในตัวเธอกำลังเสียศูนย์โดยเฉพาะสติสัมปชัญญะที่กำลังจะดับวูบ
“เฮ้...คุณ...อย่าเพิ่งหลับซี ผมถามว่าคุณชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน...อ้าว”
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกเมื่อเห็นหญิงสาวหลับตาลงพร้อมกับท่าทางคอพับคออ่อนทั้งแขนขาก็กะปลกกะเปลี้ยลงในอ้อมแขนของเขา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองรอบ ๆ ก็เห็นว่าคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มานอนหลับเพราะฤทธิ์เหล้าอยู่ตรงนี้ เธอคงเมามาจากผับบาร์ที่ไหนสักแห่งในย่านที่ผู้คนพลุกพล่านแต่ก็ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยหากจะทิ้งให้เธออยู่ลำพัง ในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจช้อนร่างเล็กไว้ด้วยท่อนแขนทรงพลังก่อนจะพาเธอกลับไปที่รถเอสยูวีคันใหญ่ของเขาซึ่งจอดห่างจากที่นั้นไปไม่ไกล
“เฮ้อ!...ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะสาวน้อย”
เขาถอนหายใจอีกครั้งขณะพูดกับตัวเองเมื่อวางร่างเล็กบอบบางลงบนเบาะข้างคนขับและหญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก ในชั่วขณะนั้นเองที่ชายหนุ่มได้มีโอกาสเพ่งมองสาวน้อยแปลกหน้าชัด ๆ จากอแสงไฟริมถนนที่สาดส่องเข้ามา ผู้หญิงชาวเอเชียผิวขาวราวกับหิมะ ใบหน้าใต้กรอบเรือนผมดำยาวเงางามนั้นสวยหวานสะกดสายตา
จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักเป็นรูปกระจับ แก้มนวลเนียนเป็นสีแดงปลั่งคงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ในสายตาของเขาเธอเป็นผู้หญิงสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดไม่ใช่เล่น ไม่อย่างนั้นไอ้ผู้ชายคนที่เขาเข้าไปขัดจังหวะเมื่อครู่คงไม่พยายามหาทางลวนลามเธอเป็นแน่
แต่...เธอเป็นใครกัน เขาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่ความสงสัยนั้นจะแล่นลิ่วไปไกลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงปิดประตูและรีบวิ่งกลับไปนั่งฝั่งคนขับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายขณะสตาร์ทเครื่องยนต์“ครับ...ผมแม็กเซ็น...ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับ เรื่องขยายอู่รื้อซากเรือที่ตุรกีค่อยคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”แม็กเซ็นกล่าวจบก็วางโทรศัพท์ลงข้างตัวและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวชาวเอเชีย เจ้าของใบหน้าแสนสวยที่นอนอยู่บนเบาะข้าง ๆ ซึ่งเธอมีอาการงัวเงียขึ้นมาเป็นบางครั้ง ปกติเขาไม่ชอบออกมาท่องราตรีจนดึกดื่น แต่คืนนี้มีเหตุจำเป็นต้องออกมารับรองแขกซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เขารั้งตำแหน่งประธานกรรมการเพื่อตกลงเรื่องการทำโปรเจ็คใหญ่ของบริษัทอย่างไม่อาจเลี่ยงหลังจากทานอาหารในภัตตาคารหรูและพูดคุยกันจนเห็นว่าเวลาล่วงไปจนใกล้เที่ยงคืนแล้วเขาก็เตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อนแต่ก็ดันมาเห็นภาพที่ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้ นั่นคือผู้ชายตัวโตที่กำลังยื้อยึดผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพาเธอคนนั้นกลับมาที่รถด้วยเพราะเธอเมามายจนหมดรูป“คุณ...นี่คุณ” แม็กเซ็นเรียกหญิงสาวอี
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางร่างเล็กบอบบางลงบนเตียงขนาดใหญ่ เขาต้องช่วยดึงชายกระโปรงของชุดสีกุหลาบที่เลิกขึ้นไปถึงต้นขาขาวเนียนของหญิงสาวซึ่งเธอยังบิดตัวไปมาบนที่นอนหนานุ่ม แม็กเซ็นทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และรู้สึกมึนงงเล็ก ๆ กับการกระทำของตัวเองในเหตุการณ์ที่ไม่เคยประสบพบ โตมาจนเป็นหนุ่มอายุตั้งสามสิบถึงจะเคยควงผู้หญิงก็ไม่เคยพาใครคนไหนมาที่บ้านและถึงขนาดเข้ามาในห้องนอนของเขาแม้แต่คนเดียว เขายังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำ ไม่ได้ตั้งใจสักนิดที่จะแอบอ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ที่เมามายแทบไม่ได้สติ แต่เขาเห็นว่าเธอกำลังถูกรังแกและแค่คิดว่าจะช่วยไว้ก็เท่านั้น แม็กเซ็นถอนหายใจทว่าก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพิศมองดวงหน้าหวานซึ่งดวงตากลมโตคู่นั้นยังกระพริบถี่ ๆ และริมฝีปากอิ่มสวยยังพึมพำเหมือนว่าสติอันน้อยนิดยังคงทำงานอยู่ ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้เมาพับอยู่ข้างถนนก็เหมือนอาหารโอชะให้พวกเสือสิงห์คาบไปขย้ำก็เท่านั้น เขาคิดในใจแต่ก่อนที่จะลุกขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของเธอดังขึ้น“แค่ก...แค่ก” “มีน่า คุณเป็นอะไร” ร่างสูงโถมตัวเข้าหาจนหลงลืมไปว่าเขาอยู่ในท่าคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ เธอไอออกมาและเกือบสำ
“แม็กเซ็น...ได้โปรด...กอดฉันนะคะ”มีนาเว้าวอน เสียงหวานนั้นสะท้อนเข้าไปทำลายความอดกลั้นของชายหนุ่มให้พังทลาย แม็กเซ็นยิ่งจูบเธอหนักหน่วง ในกายของเขาเหมือนมีความร้อนแล่นพล่านไปในทุกอณูเส้นเลือด มันสูบฉีดแรงและทำให้เขาเจ็บร้าวที่กลางลำตัวใยค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้แต่ร่างกายแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวสิ้นแรงไปเสียอย่างนั้น ไม่มีแรงจะพาตัวเองออกห่างจากร่างนุ่มนิ่มที่บดเบียดอยู่ด้านล่างหมดสิ้นความพยายามแม้แต่จะถอนริมฝีปากออกจากจุมพิตบนเรียวปากอิ่มที่เรียกร้องเขาอยู่ตลอดเวลา“มีนา...”และแล้วความอดทนของเขาก็ป่นเป็นผงเหมือนแก้วแตกละเอียด ใบหน้าคร้ามเข้มเลื่อนจากจากริมฝีปากฉ่ำระเรื่อยลงมาที่คางมนและซุกไซ้ลำคอหญิงสาวที่กลิ่นน้ำมันหอมนั้นเย้ายวนจนกลบกลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเธอได้หมด มือหนานั้นไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่ลูบไล้ไปตามสีข้างก่อนจะหยุดลงที่เนินทรวงอวบอิ่มใต้เนื้อผ้าของชุดสีชมพูกุหลาบเขาบีบเคล้นมันเบา ๆ และเริ่มหนักมือขึ้นเมื่อความนุ่มหยุ่นนั้นดีดเด้งสู้ฝ่ามือหนาใหญ่ นานแล้วที่แม็กเซ็นไม่ได้สัมผัสกับความเย้ายวนและนุ่มนวลเช่นนี้ เขาควรระวังตัวเองกับผู้หญิงแปลกหน้าแต่กลับก
“มีน...นี่เธอจะดื่มมากเกินไปแล้วนะ”เสียงเอ็ดอึงที่ดังอยู่ข้างหูหญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีกุหลาบดูเหมือนจะเบากว่าเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่รอบไนต์คลับและไม่อาจหยุดยั้งคนฟังให้หยุดการกระทำของตัวเองได้ ปูนิ่มนั่งส่ายหัวดิกขณะมองมีนาเพื่อนสนิทของเธอที่กระดกแก้วไวน์เข้าปากคราวแล้วคราวเล่าจนแก้มเนียนทั้งสองข้างเป็นสีแดงสุกปลั่ง“ฉันไม่ได้เมานะ ปู...ก็แค่ไวน์เอง”มีนาเถียงแต่ยังรินน้ำสีแดงเข้มใส่แก้วตรงหน้าจนหมดขวด“พอเถอะน่า มีน” ปูนิ่มเตือนและแตะแขนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างเธอท่ามกลางคนมากมายภายในไนต์คลับกลางกรุงลอส แองเจลิสที่บ้างก็ลุกขึ้นขยับตามจังหวะดนตรี บ้างก็เป็นหนุ่มสาวที่นั่งก่ายกอดตามวิถีของชาวตะวันตกปูนิ่มถอนหายใจและคิดไม่ออกว่าจะห้ามเพื่อนของเธอซึ่งเริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเช่นไรดี ปกติ มีนา ซึ่งเป็นเพื่อนชาวไทยที่เธอสนิทด้วยที่สุดไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ความเครียดบางอย่างที่เธอรู้ว่ากำลังรุมเร้าเพื่อนสนิททำให้ปูนิ่มตัดสินใจชวนกันออกมาท่องราตรีบ้างเพื่อคลายความหม่นหมองในหัวใจ“มีน...ฉันว่าเธอควรจะพอได้แล้วนะ”เสียงของปูนิ่มไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเพลงรอบ ๆ ทว่าคราวนี้กลับทำให้