ชายหนุ่มค่อย ๆ วางร่างเล็กบอบบางลงบนเตียงขนาดใหญ่ เขาต้องช่วยดึงชายกระโปรงของชุดสีกุหลาบที่เลิกขึ้นไปถึงต้นขาขาวเนียนของหญิงสาวซึ่งเธอยังบิดตัวไปมาบนที่นอนหนานุ่ม แม็กเซ็นทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และรู้สึกมึนงงเล็ก ๆ กับการกระทำของตัวเองในเหตุการณ์ที่ไม่เคยประสบพบ โตมาจนเป็นหนุ่มอายุตั้งสามสิบถึงจะเคยควงผู้หญิงก็ไม่เคยพาใครคนไหนมาที่บ้านและถึงขนาดเข้ามาในห้องนอนของเขาแม้แต่คนเดียว เขายังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำ ไม่ได้ตั้งใจสักนิดที่จะแอบอ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ที่เมามายแทบไม่ได้สติ แต่เขาเห็นว่าเธอกำลังถูกรังแกและแค่คิดว่าจะช่วยไว้ก็เท่านั้น แม็กเซ็นถอนหายใจทว่าก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพิศมองดวงหน้าหวานซึ่งดวงตากลมโตคู่นั้นยังกระพริบถี่ ๆ และริมฝีปากอิ่มสวยยังพึมพำเหมือนว่าสติอันน้อยนิดยังคงทำงานอยู่ ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้เมาพับอยู่ข้างถนนก็เหมือนอาหารโอชะให้พวกเสือสิงห์คาบไปขย้ำก็เท่านั้น เขาคิดในใจแต่ก่อนที่จะลุกขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของเธอดังขึ้น
“แค่ก...แค่ก”
“มีน่า คุณเป็นอะไร” ร่างสูงโถมตัวเข้าหาจนหลงลืมไปว่าเขาอยู่ในท่าคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ เธอไอออกมาและเกือบสำลักขณะมือเรียวบางจับลำคอของตัวเองเอาไว้ แม็กเซ็นเผลอจับข้อมือเล็กและก้มหน้าลงไปใกล้กระทั่งเธอหยุดไอแต่ปรือตามองเขาแทน
“คุณ...”
“แม็กเซ็น...เรียกผมว่าแม็กเซ็น คุณบอกได้หรือยังว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน?” ชายหนุ่มยังคงตั้งคำถามเดิม เขาคิดว่าเธอกำลังจะได้สติทว่ากลับตรงข้าม หญิงสาวกระหวัดแขนเรียวเกี่ยวคอเขาเอาไว้อีกหน คราวนี้ใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปจนเกือบชิดทั้งลำตัวหนาใหญ่ก็แนบลงไปกับร่างนุ่ม แม็กเซ็นชะงักงัน หัวใจของเขาเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุณ...ฉันหนาว” เสียงหวานลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสวย ชายหนุ่มพยายามเตือนสติตัวเองว่าเธออยู่ในอาการมึนเมาจนทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทว่าความสวยบาดใจกลับสะกดเขาไว้ให้แนบนิ่งกับเธอเช่นนั้น
“มีน่า...เอ้อ...”
“ฉันหนาว...กอดฉันหน่อยซีคะ” หญิงสาวไม่ร้องขอเปล่า ๆ เธอเบียดร่างกับตัวเขาที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความตกตื่นที่กลางลำตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“มีน่า...พระเจ้า...บอกผมซะทีเถอะว่าบ้านของคุณ...อยู่ที่ไหน?” เขากัดฟันพูดขณะที่เสียงนั้นเริ่มสั่น เขาต้องแกะแขนเรียวที่เกี่ยวลำคอใว้แน่นออก ผลักเธอให้พ้นจากตัวเขา หรือไม่ก็อุ้มเธอกลับไปที่รถแล้วพาไปสถานีตำรวจ หรือ...พาไปทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ให้ไกลจากตัวเขา ทว่าทุกอย่างที่วิ่งวนอยู่ในความคิดสับสนกลับไม่บังเกิดขึ้นเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกเสียจากริมฝีปากหยักหนาที่ประทับลงบนเรียวปากอิ่มสวยที่เผยอออกอย่างเชิญชวน ปลุกความรวดร้าวรันจวนในกายหนุ่มที่เขาไม่อาจปฏิเสธหรือทัดทานมันได้อีกต่อไป
“อืม...อืม” เสียงครางลึกดังมาจากลำคอของหญิงสาว เธอบิดตัวเบา ๆ อยู่ใต้ร่างกำยำสูงใหญ่และยิ่งกระหวัดเรียวแขนรอบลำคอของเขาแน่นขึ้น แม็กเซ็นตอบสนองจุมพิตนั้นอย่างหิวกระหาย เขาจูบเธอในขณะที่ประสาททุกส่วนของร่างกายตื่นตัวเต็มที่ พระเจ้า!...ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรสักอย่างที่จะไม่เป็นการเอาเปรียบผู้หญิงสาวแสนสวยร่างเล็กคนนี้ เธอมาจากไหนเขาไม่รู้เลย รู้ก็แต่ชื่อของเธอ
มีน่า...รู้ก็แต่เพียงว่าตอนนี้เขากำลังถลำลึกเข้าไปในริมฝีปากหวานฉ่ำที่รสของมันราวกับลูกพีชแสนหวานเชิญชวนให้เขาดูดดื่มไม่รู้เอมอิ่ม เสียงตะโกนข้างในบอกเขาให้หยุดทุกอย่างไว้ ไม่ใช่ล้วงลิ้นหนาเข้าไปลึกและกวาดเก็บทุกหยาดหยดของความฉ่ำหวานในริมฝีปากแสนสวย
“พระเจ้า...มีน่า”
“ได้โปรดเถอะค่ะ...ฉันหนาวเหลือเกิน...โอ...คุณคะ”
ร่างเล็กบอบบางยังคงร่ำร้อง เสียงของเธอราวมนต์สะกดของนางไซเรนที่ตรึงเขาไว้กลางห้วงมหาสมุทร
“พระเจ้า...ผมจะพาคุณกลับ...” ชายหนุ่มกล่าวได้แค่นั้นเสียงของเขาก็ถูกเก็บกลืนเข้าไปในริมฝีปากหวานฉ่ำเหมือนลูกพีชอีกหน มีนาเสนอเขาด้วยความเร่งเร้าจากจุมพิตที่แม็กเซ็นไม่อาจปฏิเสธ ร่างนุ่มเบียดเข้าหาและทำให้เขาตื่นตัวจนยากจะควบคุม
“แม็กเซ็น...ได้โปรด...กอดฉันนะคะ”มีนาเว้าวอน เสียงหวานนั้นสะท้อนเข้าไปทำลายความอดกลั้นของชายหนุ่มให้พังทลาย แม็กเซ็นยิ่งจูบเธอหนักหน่วง ในกายของเขาเหมือนมีความร้อนแล่นพล่านไปในทุกอณูเส้นเลือด มันสูบฉีดแรงและทำให้เขาเจ็บร้าวที่กลางลำตัวใยค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้แต่ร่างกายแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวสิ้นแรงไปเสียอย่างนั้น ไม่มีแรงจะพาตัวเองออกห่างจากร่างนุ่มนิ่มที่บดเบียดอยู่ด้านล่างหมดสิ้นความพยายามแม้แต่จะถอนริมฝีปากออกจากจุมพิตบนเรียวปากอิ่มที่เรียกร้องเขาอยู่ตลอดเวลา“มีนา...”และแล้วความอดทนของเขาก็ป่นเป็นผงเหมือนแก้วแตกละเอียด ใบหน้าคร้ามเข้มเลื่อนจากจากริมฝีปากฉ่ำระเรื่อยลงมาที่คางมนและซุกไซ้ลำคอหญิงสาวที่กลิ่นน้ำมันหอมนั้นเย้ายวนจนกลบกลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเธอได้หมด มือหนานั้นไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่ลูบไล้ไปตามสีข้างก่อนจะหยุดลงที่เนินทรวงอวบอิ่มใต้เนื้อผ้าของชุดสีชมพูกุหลาบเขาบีบเคล้นมันเบา ๆ และเริ่มหนักมือขึ้นเมื่อความนุ่มหยุ่นนั้นดีดเด้งสู้ฝ่ามือหนาใหญ่ นานแล้วที่แม็กเซ็นไม่ได้สัมผัสกับความเย้ายวนและนุ่มนวลเช่นนี้ เขาควรระวังตัวเองกับผู้หญิงแปลกหน้าแต่กลับก
“มีน...นี่เธอจะดื่มมากเกินไปแล้วนะ”เสียงเอ็ดอึงที่ดังอยู่ข้างหูหญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีกุหลาบดูเหมือนจะเบากว่าเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่รอบไนต์คลับและไม่อาจหยุดยั้งคนฟังให้หยุดการกระทำของตัวเองได้ ปูนิ่มนั่งส่ายหัวดิกขณะมองมีนาเพื่อนสนิทของเธอที่กระดกแก้วไวน์เข้าปากคราวแล้วคราวเล่าจนแก้มเนียนทั้งสองข้างเป็นสีแดงสุกปลั่ง“ฉันไม่ได้เมานะ ปู...ก็แค่ไวน์เอง”มีนาเถียงแต่ยังรินน้ำสีแดงเข้มใส่แก้วตรงหน้าจนหมดขวด“พอเถอะน่า มีน” ปูนิ่มเตือนและแตะแขนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างเธอท่ามกลางคนมากมายภายในไนต์คลับกลางกรุงลอส แองเจลิสที่บ้างก็ลุกขึ้นขยับตามจังหวะดนตรี บ้างก็เป็นหนุ่มสาวที่นั่งก่ายกอดตามวิถีของชาวตะวันตกปูนิ่มถอนหายใจและคิดไม่ออกว่าจะห้ามเพื่อนของเธอซึ่งเริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเช่นไรดี ปกติ มีนา ซึ่งเป็นเพื่อนชาวไทยที่เธอสนิทด้วยที่สุดไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ความเครียดบางอย่างที่เธอรู้ว่ากำลังรุมเร้าเพื่อนสนิททำให้ปูนิ่มตัดสินใจชวนกันออกมาท่องราตรีบ้างเพื่อคลายความหม่นหมองในหัวใจ“มีน...ฉันว่าเธอควรจะพอได้แล้วนะ”เสียงของปูนิ่มไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเพลงรอบ ๆ ทว่าคราวนี้กลับทำให้
“อ้วก!”หญิงสาวสำรอกเอาสิ่งที่เธอพยายามเก็บกลั้นไว้ก่อนออกจากไนต์คลับเพื่อจะได้ปลดปล่อยมันในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานบันเทิงที่เธอวิ่งออกมา มีนายันฝ่ามือกับผนังตึกและก้มลงมองบนพื้นก็เห็นแต่สิ่งที่เธอกระดกมันเข้าไปในปากแก้วแล้วแก้วเล่าตั้งแต่หัวค่ำในท้องของเธอร้อนไปหมด มันไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากน้ำสีทับทิมที่เธออยากกินให้ลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เซบาสเตียน มิลเลอร์ หนุ่มหล่อพ่อรวยที่หลอกล้วงเอาหัวใจของเธอไปทำลายด้วยความเจ้าชู้“เฮ้...สาวน้อย เป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายหรือจ๊ะ?”เสียงห้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้มีนาหยุดชะงัก เธอมีอาการอ่อนเพลียจากการอาเจียนอย่างเห็นได้ชัด ร่างเล็กค่อย ๆ หันกลับไปมองก็พบว่ามีชายอเมริกันผิวขาวตัวโตในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมแจ็คเก็ตมีฮู๊ดยืนห่างจากเธอไม่กี่ก้าว เขามองมาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนอยากรู้“ไม่ค่ะ...ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะกลับแล้วล่ะค่ะ” / “แน่หรือ...ไม่เป็นไรแน่หรือ...ให้ฉันช่วยเธอดีมั้ย หน้าตาเธอดูไม่ดีเลยนะสาวน้อย”ชายคนนั้นทำให้เธอตระหนกด้วยการก้าวพรวดเข้ามาและยื้อแขนเธอไว้“เอ๊ะ! ปล่อยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร” มีนา
แต่...เธอเป็นใครกัน เขาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่ความสงสัยนั้นจะแล่นลิ่วไปไกลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงปิดประตูและรีบวิ่งกลับไปนั่งฝั่งคนขับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายขณะสตาร์ทเครื่องยนต์“ครับ...ผมแม็กเซ็น...ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับ เรื่องขยายอู่รื้อซากเรือที่ตุรกีค่อยคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”แม็กเซ็นกล่าวจบก็วางโทรศัพท์ลงข้างตัวและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวชาวเอเชีย เจ้าของใบหน้าแสนสวยที่นอนอยู่บนเบาะข้าง ๆ ซึ่งเธอมีอาการงัวเงียขึ้นมาเป็นบางครั้ง ปกติเขาไม่ชอบออกมาท่องราตรีจนดึกดื่น แต่คืนนี้มีเหตุจำเป็นต้องออกมารับรองแขกซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เขารั้งตำแหน่งประธานกรรมการเพื่อตกลงเรื่องการทำโปรเจ็คใหญ่ของบริษัทอย่างไม่อาจเลี่ยงหลังจากทานอาหารในภัตตาคารหรูและพูดคุยกันจนเห็นว่าเวลาล่วงไปจนใกล้เที่ยงคืนแล้วเขาก็เตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อนแต่ก็ดันมาเห็นภาพที่ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้ นั่นคือผู้ชายตัวโตที่กำลังยื้อยึดผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพาเธอคนนั้นกลับมาที่รถด้วยเพราะเธอเมามายจนหมดรูป“คุณ...นี่คุณ” แม็กเซ็นเรียกหญิงสาวอี