พอนึกได้ว่าตัวเองกำลังแอบนินทาเขาอยู่ในใจ ระยะเผาขน มิหนำซ้ำยังเป็นคำชมมากกว่าตำหนิ พลันทำให้พวงแก้มนวลเนียนแดงก่ำขึ้นมา หัวใจเต้นระรัว ความกดดันอย่างหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณหน้าอกจนรู้สึกวาบหวิว กดทับเสียจนทำให้หายใจลำบาก จำต้องหลบสายตาเขา จึงไม่ทันได้เห็นประกายลึกล้ำที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ที่ซ่อนเร้นอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มมองขนตางอนยาวทาบไปบนผิวเนียนกระจ่าง คนตรงหน้าในยามที่เขินอาย ช่างงามจนแทบไม่อยากจะละสายตา เขาเลื่อนสายตาลง มองริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อแวววาวท่ามกลางแสงสลัว ที่กำลังเผยอออกเล็กน้อยคล้ายเผลอตัว แต่กลับดูยั่วยวนท้าทายให้รุกประชิดในความรู้สึกของเขา
พริมโรสช้อนตามองเขานิดหนึ่ง เห็นเขาจ้องมองอย่างไม่วางตา ทำให้เธอรู้สึกประหม่าวางตัวไม่ถูก มีความรู้สึกว่าทั้งหน้ากำลังร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู เผลอใช้ปลายลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากที่จู่ๆ ก็แห้งผากขึ้นมากระทันหันให้ชุ่มชื้น
พริบตานั้นในใจเขาพลันสั่นไหว ความเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาตินั้น ทำให้เขาควบคุมตัวเองต่อไปไม่ได้อีก การยั่วยวนในระดับนี้ ไม่ว่าชายใดก็ยากที่จะต้านทานไหว
“เอ่อ..” เธอพยายามจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ที่กดดันอยู่ในช่องอก
ใจเขาเต้นรัวแรง อารมณ์พลุ่งพล่านสุดข่มกลั้น มือใหญ่โอบรั้งร่างบางเข้ามาชิดตัวทันที
อ๊ะ!
พริมโรสได้สติ รวบรวมกำลังผลักร่างเขาออก แต่เหมือนเขาจะระวังตัวอยู่แล้ว วงแขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจึงรัดร่างบอบบางเอาไว้แน่น แรงต่อต้านของหญิงสาวกระตุ้นความต้องการของเขาให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยกมือเชยคางของเธอขึ้น แล้วก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากอวบอิ่มอย่างหนักหน่วงร้อนแรง ไม่ยินดีรับรู้การประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น
ร่างกายของเขารุมร้อนราวกับเปลวเพลิง วงแขนยังกอดรัดร่างเล็กบอบบางไว้แนบอกอย่างแนบแน่น เมื่อหญิงสาวเบนหน้าออกเพื่อหายใจ ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวจึงก้มลงพรมจูบบนพวงแก้มนวลอย่างเคลิบเคลิ้ม ผิวบางของหญิงสาวถูกไรหนวดครูดจนเป็นปื้นแดง แล้วเลื่อนไปจูบซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่น ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกกอดด้วยเตาอบทำความร้อนอย่างไรอย่างนั้น
"โรส..ฮันนี่~" เขากระซิบเสียงพร่า พริมโรสรู้สึกถึงอาการหอบหายใจที่ข้างหู ริมฝีปากเร่าร้อนงับเม้มติ่งหูนุ่มนิ่ม แล้วใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปตามความแข็งของใบหู ซอกซอนตามร่องเล็กด้านในอย่างยั่วเย้า ร่างบางสะท้านน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่
“อื้อ~..”
“ฮาบิบที..ที่รัก~” เสียงแหบพร่า เอ่ยประโยคสั้นๆ แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความรักความปรารถนา
พริมโรสรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้ เธอไม่เคยเผชิญกับความใกล้ชิดที่อ่อนโยนแฝงความร้อนแรงเช่นนี้มาก่อน ทำให้สั่นสะท้านไปทั้งตัวจนคนที่รัดไว้แน่นยังรู้สึก แข้งขาพาลอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะชอบรสสัมผัสที่ชวนวาบหวามนี้หรือจะต่อต้านเขาดี
ชายหนุ่มอุ้มร่างบอบบางจนเท้าพ้นพื้น แขนขาวนวลเนียนโอบไปรอบคออัตโนมัติเพื่อพยุงตัว เขาพาเดินไปที่เตียงโดยไม่หยุดจุมพิต เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ฝีมือการต่อสู้ กิริยาที่ปราดเปรียวเหล่านั้นหายไปไหน และยิ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพียงแค่ถูกสัมผัสที่เร่าร้อนของเขาลูบไล้ ถึงกับทำให้ร่างกายอ่อนระทวยจนไร้เรี่ยวแรงได้เช่นนี้
เขาค่อยๆ วางร่างบอบบางลงบนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอม ร่างแข็งแรงโน้มลงมาทาบทับ ยันศอกข้างหนึ่งเพื่อรองรับน้ำหนัก ริมฝีปากบางจุมพิตหนักหน่วงต่อเนื่องแทบไม่หยุดพักหายใจ ซ้ำยังสอดแทรกเรียวลิ้นอันร้อนผ่าว ควานไปทั่วโพรงปากเนื้อนุ่มเพื่อลิ้มชิมรสหอมหวาน รุกเร้าดุนดันแล้วตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กนุ่มอุ่นอย่างเชี่ยวชาญ
หญิงสาวรู้สึกมึนงงสับสนไปหมด มือเรียวบางที่วางทาบอกไว้ในทีแรก ต่างก็แข็งเกร็งขยุ้มอกเสื้อของเขาเอาไว้แน่น ค่อยๆ ดึงรั้งอกแข็งแรงเข้ามาชิดอย่างลืมเนื้อลืมตัว
ฝ่ามือข้างหนึ่งของเขา เล้าโลมไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างถือวิสาสะ ทั้งๆ ที่มีเสื้อผ้าขวางอยู่ รุกคืบสูงขึ้นจนมากอบกุมเคล้นคลึงทรวงอกอวบหยุ่นจนเต็มล้นฝ่ามือ แล้วปัดปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ที่ยอดอกเต่งตูมเพียงเบาๆ แต่กลับทำให้คนใต้ร่างแอ่นอกขึ้น ยอดอกชูชันตอบรับสัมผัสของเขาด้วยความเสียวซ่าน
“อ๊ะ!..อื๊อออ!~” เสียงหวานร้องครางรัญจวนอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ หลังจากที่ริมฝีปากบางรุ่มร้อนงับที่ยอดของความอวบอิ่ม ทั้งขบทั้งเม้มผ่านเสื้อผ้าที่สวม ปลุกความวาบหวิวให้ยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง ความพลุ่งพล่านปะทุอยู่ในอกจนเกินจะต้านไหวครั้งแล้วครั้งเล่า
ชายหนุ่มงับเม้มผิวตรงหน้าอกที่พ้นขอบเสื้อ จนทิ้งรอยแดงบนเนินเนื้ออวบหยุ่นไปทั่ว เธอรู้สึกร้อนตรงบริเวณที่ริมฝีปากของเขาแนบลงไปกับผิวจนสะท้าน เขาทำราวกับกำลังตีตราประทับ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!!
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้น ท่ามกลางความปรารถนาที่แรงร้อน ในขณะที่จิตใจของหญิงสาว ยังอยู่ในสภาวะกระเจิดกระเจิง ประสาทรับรู้จึงไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่นัก สมองยังอยู่ในภาวะงุนงงสับสน และประมวลผลช้า กว่าจะรู้สึกว่ามีเสียงดังรบกวน เวลาก็ผ่านไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
“คุณ~..เดี๋ยว~” เธอคิดที่จะตวาดใส่เขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพื่อเรียกสติ แต่กลับพบว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้น แหบระโหยราวกับกำลังจะขาดใจ เธอสูดหายใจเข้าแรงเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง พยายามดันหน้าเขาออกห่าง
เขาเงยหน้ายันตัวขึ้นมาอยู่เหนือร่าง แววตาฉ่ำหวานเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาส มุมปากแตะแต้มรอยยิ้มพราวเสน่ห์แฝงความเอาแต่ใจ พร้อมทั้งรวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือศีรษะ ระดมจุมพิตไปทั่วทั้งใบหน้านวลราวกับคนคลั่งรัก หญิงสาวเบนหน้าหนี ริมฝีปากเร่าร้อนจึงไล้เรื่อยลงไปซุกไซ้บริเวณซอกคอหอมกรุ่น
ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!!
เสียงโทรศัพท์ยังคงกระตุ้นเตือนดังอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกได้ถึงนิ้วแข็งแรงของเขาปลดกระดุมเม็ดแรกออกไปแล้ว ใบหน้าคมคายก้มลงมาซบอยู่ระหว่างเนินอกทันทีที่กระดุมเม็ดแรกหลุดออก ในขณะที่กำลังเริ่มจะปลดเม็ดที่สองเป็นลำดับต่อไป
“ดะ..เดี๋ยวค่ะ!..รับ..โทรศัพท์ก่อน..อื้อ!~”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจุมพิตอย่างหนักหน่วง ปิดเสียงหวานที่กำลังอ้าปากประท้วง ทำให้คำพูดเลือนหายไปในทันที
ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!!
เสียงรอบข้างเร่งเร้าต่อเนื่อง ในเมื่อวิธีต่อต้านใช้ไม่ได้ผล เธอคงต้องเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนเข้าปะทะ
พริมโรสหอบหายใจรัญจวน เขาจงใจกลั่นแกล้งทรมานเธอ ใช้ทั้งปากและลิ้น ปลุกเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความตั้งใจที่คิดจะต่อต้านเลือนหายไปหมด
หญิงสาวเบนศีรษะเบี่ยงหน้าออกเพื่อหายใจ ริมฝีปากร้อนร้ายเคลื่อนไปซุกไซ้ที่ใบหู ขบเม้มเบาๆ ตามแรงอารมณ์ พริมโรสบิดตัวใบหน้าเงยแหงนด้วยความวาบหวิว ราวกับทุกรูขุมขนบนผิวกาย เต็มไปด้วยกระแสแห่งความพิสวาสที่ไวต่อความรู้สึกได้แผ่ซ่านไปทั่ว
“อื้อ!~ ขะ..คนดี..หยุด..หยุดก่อนค่ะ..นะคะ~”
พริมโรสพยายามระงับความรู้สึกวาบหวิว ถึงแม้เสียงหวานที่เปล่งออกมา จะคล้ายเสียงครวญครางแผ่วหวิว ฟังดูกระตุ้นเร้าในอารมณ์มากกว่าคำสั่งห้ามก็ตามที แต่ทว่ากลับได้ผล บุรุษคลั่งรักที่ไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง ยุติพฤติกรรมร้อนแรงลงในทันใด
เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทั้งปากและตา ก้มลงจุมพิตหนักๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังบวมเป่งจนแดงก่ำนั้นทีหนึ่ง แล้วทรงตัวลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าหลังมาสไลค์เพื่อรับสาย
“ว่าไง ฮาน่า?”
“ฝ่าบาท คนที่ให้ไปรับจากบ้านของอัลวานีมาถึงแล้วเพคะ”
“อืม ให้เขารอสักครู่ จะไปเดี๋ยวนี้!” เขาวางสายแล้วมองสบนัยน์ตาคมหวานที่กำลังจ้องเป๋ง “คนที่คุณจะไปรับที่บ้านอัลวานีเขามาถึงแล้ว จะออกไปด้วยกันเลยไหม?” หญิงสาวพยักหน้า
“รบกวนคุณ ออกไปรับแขกให้ก่อนได้ไหมคะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง แล้วจะตามไป” เธอพูดจบ ก็รีบลุกขึ้น พาตัวเองหนีหายไปยืนใจสั่นในห้องน้ำทันที โดยไม่รอให้เขามีโอกาสได้ปฏิเสธ ถ้ายังขืนชักช้า เธอคงไม่มีกำลังใจที่จะไปต่อต้านเขาได้อีก
…
พริมโรสเดินตรงไปยังห้องรับแขกอย่างคุ้นเคย เนื่องจากคฤหาสน์ที่เรียกว่าเรือนตะวันออกนี้ ลักษณะโครงสร้างจะคล้ายๆ กับเรือนตะวันตก เจ้าของบ้านเคยให้เธอดูแบบแปลนคร่าวๆ ของคฤหาสน์สุดหรูหลังนี้มาก่อน อาณาเขตที่กว้างขวางกินพื้นที่สองฟากถนน แบ่งเป็นทิศตะวันออก และทิศตะวันตก พรางสายตาจากคนภายนอกโดยใช้สวนไม้ร่มรื่นคั่นกลาง ถ้ามองจากที่สูงจะเห็นเป็นสองหลังที่แยกกันคนละส่วน เพียงแต่คฤหาสน์ฝั่งตะวันออกจะมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่กว่า และมีการตกแต่งที่หรูหราอลังการมากกว่า
บนผืนดินพื้นที่ปกตินั้นแยกส่วน แต่กลับมีอาณาเขตชั้นใต้ดินเชื่อมติดต่อกันอย่างกว้างขวาง แบ่งเป็นห้องต่างๆ และเป็นคลังอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิด
โครงสร้างของคฤหาสน์ทางทิศตะวันตก มีการติดตั้งตาข่ายชนิดพิเศษฝังไปกับผนังอาคาร สำหรับป้องกันการตรวจจับสัญญาณจากภายนอก หรือการแสกนพื้นที่ภายในจากดาวเทียม อีกทั้งยังออกแบบแผ่นผนังกันไฟ และให้ทนทานต่อแรงระเบิดอีกด้วย
พื้นที่ทางทิศตะวันออก จะใช้สำหรับเข้าออกปกติ และรับรองแขกภายนอกเท่านั้น และห้ามคนทำงานในบ้านเข้าออกผ่านทางทิศตะวันตกโดยเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนว่าสงวนไว้สำหรับเข้าออกเฉพาะกิจ
หญิงสาวย่างเท้าผ่านประตูห้องโถง สิ่งแรกที่ปรากฎสู่สายตาคือแชนเดอเลียร์ลวดลายวิจิตรขนาดใหญ่บนเพดาน เนื้อคริสตัลโปร่งใสแวววาว ผ่านการเจียระไนอย่างประณีต สะท้อนกับแสงไฟเจิดจ้าเป็นประกายระยิบระยับจับตา
ภายในห้องโถงมีโซฟานุ่มสบายหลายตัว ตั้งอยู่ชิดหน้าต่างยาวจรดพื้น วางหมอนนุ่มหนาที่ทำจากขนสัตว์สีขาวครีม ผ้าม่านหนาหนักซึ่งทอจากเส้นไหมสีทองอร่าม บนพื้นปูพรมลายดอกไม้ผืนใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ และการออกแบบภายในห้องนี้ ล้วนเป็นสีทองในสไตล์เปอร์เซีย มีความเลิศหรูอลังการ สะท้อนถึงสถานะที่สูงส่งของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
ถ้าเธอไม่เคยรู้จักเขา ต้องคิดไปว่าหลงเข้ามาอยู่ในปราสาทพระราชวังของราชวงศ์ชั้นสูงอย่างแน่นอน
หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงเข้าประตูห้องรับแขก ตามหลังเด็กรับใช้ที่กำลังยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาพื้นเมืองแผ่กระจายไปทั่วห้อง ชาวเปเรซชอบดื่มชามาก สามารถดื่มได้ทั้งวันโดยไม่เลือกเวลา
“คุณมาแล้ว!” เขาลุกขึ้นทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา
ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างอบอุ่น วางมือไว้ตรงเหนือเอว เธอเผลอมองสบนัยน์ตาพราวระยับที่ย้ำเตือนถึงความใกล้ชิด ทำให้หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เธอรีบหลุบตาลงเบือนหน้าหนี หันไปมองแขกที่กำลังมองตรงมาที่เธออย่างประเมิน
พริมโรสนึกชมอยู่ในใจ ผู้มาใหม่นี้เป็นผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้มเสียจนหาใครเทียบได้ยาก สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ส่วนโค้งส่วนเว้ายั่วยวนท้าทายสายตาอย่างชัดเจน หน้าอกหน้าใจ ก็มีมากกว่าผู้หญิงทั่วไปจะพึงมี เทียบกับเธอที่ไซส์เพียงแค่คัพซีแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงหนีไม่พ้นคัพดีขึ้นไป ดูแล้วช่างน่าตะลึงตะลานเสียจริงๆ
“มิสแอนเดอร์สัน นี่มิสนรากร คู่หมั้นของผม”
ผู้มาเยือนเบิกตากว้างเล็กน้อย อย่างประหลาดใจ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน ลุกขึ้นส่งมือให้อีกฝ่าย แนะนำตัวเองทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันคามิล่า แอนเดอร์สัน” พริมโรสจับมือทักทายตอบ
“ฉันพริมโรสค่ะ ยินดีเช่นกัน ทราบหรือเปล่าคะว่าชื่อของคุณสะกดคำเดียวกับคำว่า กามิละห์ ในภาษาอาหรับเพียงแต่ออกเสียงต่างกัน”
“ทราบค่ะ แม้แต่ความหมายก็แตกต่างด้วย ว่าแต่คุณรู้ภาษาอาหรับด้วยหรือคะ?”
“โรสเขาจบจากมหาลัยในอิสราเอลครับ”
“อ้อ..ค่ะ”
เมื่อเจ้าของบ้านเชิญให้นั่ง คามิลล่าจึงแอบช้อนสายตาขึ้นมองดูหญิงสาวนัยน์ตาคมหวาน เครื่องหน้าได้รูปงามสลักเสลาราวกับภาพเขียนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม เพียงแค่ได้เห็นก็ทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้ ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังอดไม่ได้ที่จะมองซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอไม่อยากยอมรับเลยว่า นี่เป็นความงดงามที่สะกดใจผู้คนได้จริงๆ
ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ ได้สืบประวัติของหญิงสาวมาบ้าง และรู้ว่าคู่หมั้นตัวจริงของเธอคนนี้เป็นใคร เลยอดแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าของบ้านแนะนำตัวหญิงสาวผู้นี้ในสถานะคู่หมั้นด้วยเหมือนกัน
อยากรู้นักว่า..ถ้าใครคนนั้นรู้ข่าวนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร??
ในชั่วขณะที่ไม่มีใครมองเห็น คามิลล่ากวาดสายตามองผ่านไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชายหนุ่มตรงหน้า มุมปากสีแดงเข้มได้ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่งอย่างรู้สึกพึงพอใจ แล้วเลือนหายไป เธอรู้สึกถูกตาต้องใจ ชายหนุ่มเจ้าของคหฤหาสน์หรูผู้นี้ไม่น้อย รูปลักษณ์เขาดูสง่างาม คล้ายจะมีรัศมีความสูงศักดิ์ และหยิ่งทะนงปกคลุมอยู่ทั่วเรือนร่าง ร่างกายกำยำล่ำสันไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย คาดว่าคงจะออกกำลังกายเป็นประจำ ผิวของเขาดูคล้ำ ออกไปทางผิวสองสีหรือผิวสีน้ำผึ้ง ซึ่งค่อนข้างดูเป็นธรรมชาติ และเซ็กซี่ในแบบชายชาตรี นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิท เวลายิ้มมีประกายหวานนิดๆ ดูดีมีเสน่ห์เป็นที่สุด หากโกนหนวดเคราที่รกรุงรังพวกนั้นทิ้งไปให้หมด คงจะดูหล่อเหลาคมคายมากกว่าที่เห็นตอนนี้เป็นแน่นอกจากรูปร่างหน้าตาเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว อาชีพการงาน สถานะทางการเงิน ล้วนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจ ไม่เสียแรงเสียเวลาในการสืบสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อไปในอนาคต ไม่ว่าด้านไหนก็สมบูรณ์แบบไปหมด เสียอย่างเดียวตรงที่มีคู่หมั้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ ไม่ว่าบุรุษใดจะใจแข็งสักแค่ไหน ก็ไม่เคยมีใครต้านทานเสน่ห์ที่เย้ายวนของเธอได้เลยสักคนถึงแม
พริมโรสแวะไปคุยกับยาร่าอยู่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็ปลีกตัวมาทำงาน แต่เมื่อมาถึงห้องวอร์รูมก็ต้องแปลกใจ ตอนนี้ในห้องปฏิบัติการเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ จนทำให้ห้องที่เคยโล่งกว้างดูแคบไปถนัดตา เธอเดินเข้ามายืนมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังบังคับบินเฮลิคอปเตอร์สอดแนมตัวจิ๋วอย่างเงียบๆ“นายหญิง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันมาเห็นจึงทำความเคารพ คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงก็หันมามองแล้วก็ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับโดยพร้อมเพรียง ยกเว้นเจ้าหน้าที่ห้าคนที่กำลังบังคับบินอยู่ เธอโค้งศีรษะตอบรับ อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องให้เกียรติเธอถึงขนาดนี้หรือจะเป็นคำสั่งของท่านเจ้าของบ้าน!“พื้นที่ที่กำลังตรวจสอบ เป็นเขตที่สงสัยว่าคุมขังตัวประกันอยู่ใช่ไหมคะ?”“ใช่ครับ เรากำลังสำรวจสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ติดกับอาคาร ผู้กองเตวิชให้พวกเราเข้าไปสอดแนมก่อน และคอยแบคอัพ ขณะนี้ผู้กองกำลังบินเข้าใกล้เป้าหมาย เพื่อเข้าไปสำรวจภายในอาคารแล้วครับ”“แล้วอีกที่หนึ่งล่ะคะ”“ยังเดินทางไม่ถึงครับ คาดว่าน่าจะคืนพรุ่งนี้”“คอปเตอร์แพคที่ผู้กองใช้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เราทดสอบครั้งสุดท้ายเมื่อ…อ๊ะ!”“มานี่!” เสียงเ
กว่าพริมโรสจะหาวิธีแยกตัวมาได้ก็เกือบบ่าย เธออยากอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กน้อยมากกว่านี้ แต่จนใจว่าเพลียเหลือเกิน เธอถูกปลุกตั้งแต่เช้า ตอนนี้เลยอยากจะนอนตายสักสองสามชั่วโมง ก่อนจะลากสังขารไปทำงานต่อหญิงสาวไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง แสงสว่างภายนอกผ่านเข้ามาตามรอยแหวกของม่านได้เพียงเล็กน้อย ส่วนลึกเข้าไปด้านในจึงเห็นเพียงแสงสลัวเลือนลางเธอเดินเข้ามาโดยไม่ได้เปิดไฟด้วยความคุ้นชิน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีวงแขนแข็งแรงโอบมารอบตัวจากทางด้านหลัง พร้อมๆ กับจมูกโด่งที่กดลงมาแรงๆ ที่แก้ม สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดกลิ่นคุ้นเคยระเหยเข้าจมูก ทำให้รู้ว่าบุรุษลึกลับผู้นี้เป็นใคร“คุณ!” พริมโรสดิ้นรนเต็มที่ พยายามกระทุ้งศอกไปทางด้านหลัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย กลับใช้แขนแข็งแรงราวกับปลอกเหล็กรัดแน่นขึ้นไปอีก“อยู่นิ่งๆ เถอะ ขอแค่กอดเฉยๆ เท่านั้นแหละ แต่ถ้าดิ้นนักก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” พอพูดจบ ก็เลื่อนจมูกมาซุกไซ้แถวซอกคอ ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ ไปด้วย“เข้ามาทำไมคะ?” เธอพูดพลาง ย่นคอหนีการรุกรานของเขา ไรเคราที่ถากไปกับผิวเนื้อนุ่มทำให้รู้สึกจั๊กจี้ ลมหายใจร้อน
หญิงสาวนึกย้อนเหตุการณ์ ในวันที่เกิดระเบิดที่ปากทางเข้าตรอกแอนทีค วันนั้นมีคนตะโกนเรียกชื่อพยางค์หลังของเธอออกมาด้วยความตกใจ ทีแรกยังนึกว่าหูแว่ว ต่อมาได้ยินผู้พันเป็นคนเรียกจึงคิดว่าเป็นเขาเลยไม่ติดใจอะไร แต่พอมานึกทบทวนตอนนี้ โทนเสียงต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ทว่าสิ่งที่เธอกำลังสงสัย ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอไม่มีวันได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนแบบนั้นในชีวิตจริงได้อีกแล้วพริมโรสหลับตานึกถึงในอดีต ภาพเจ้าของเสียงทุ้มอ่อนโยนของคนคนหนึ่งที่มักจะเรียกชื่อเธอแตกต่างไปจากคนอื่นว่า..‘โรส’ แจ่มชัดขึ้นมาในความทรงจำ แผลเป็นที่คอของเขาเกิดจากมีดพับของเธอเอง เธอกับเขาได้รับภาระกิจที่ทำให้ต้องอยู่ร่วมทีมเดียวกันบ่อยๆ และเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครๆ ต่างก็ดูออกว่าในความเข้ากันได้ดีแบบนี้ มีความสนิทสนมเกินกว่าจะเป็นแค่ผู้ร่วมงานธรรมดาทั่วไปวันนั้นเป็นวันที่ปฏิบัติภารกิจที่สุดแสนจะยากลำบาก แต่ก็สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความโล่งใจผสมกับความดีใจเขาจึงคว้าเธอเข้าไปกอดโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอตกใจมาก แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านขัดขืน เพราะเขาเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าหากทำงานนี้สำเร็จ จะขอเธ
เสียงหัวเราะหวานใสประสานเสียงของพริมโรสกับยาร่าดังเข้ามาถึงในห้องรับประทานอาหาร ทำให้ฮาน่าผู้ดูแลบ้านยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ยินเด็กสาว หัวเราะอย่างเปิดเผยเช่นวันนี้“ฮาน่า! เจอตัวพอดีเลย หลังทานข้าวเสร็จ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ!” ยาร่าพูดออกมาอย่างตื่นเต้น“ได้ค่ะ คุณหนูไม่ต้องเป็นกังวล ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” ฮาน่ารับคำแล้วเดินออกไปเตรียมการคามิลล่าเดินนวยนาดเข้ามาในห้องอาหาร ด้วยกิริยาท่าทางสบายๆ บนใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนหวานประดับไว้ที่มุมปาก ชุดเดรสยาวผ่าด้านหน้าพลิ้วไหวไปตามการเยื้องย่าง เผยให้เห็นท่อนขาขาวเรียวงามวับแวมยั่วยวนสายตาพริมโรสมองดูเงียบๆ รู้ดีว่ากิริยาที่ดูไม่ตั้งใจนั้น แท้จริงแล้วได้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามคามิลล่ากวาดสายตาคมกริบมองมาคล้ายไม่ตั้งใจ ก่อนที่จะหยุดพิจารณาที่สาวน้อย พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ที่เห็นว่ามีเด็กสาวอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ด้วย คงไม่ใช่ลูกสาวของเจ้าของบ้านหรอกนะ!!“เอ๋! บ้านนี้มีเด็กด้วยรึ? อย่าบอกนะว่าเป็นลูกสาวของผู้พัน!”คามิลล่าพูด ขณะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่ง ใกล้กับเก้า
ภายในห้องอาหารได้จัดปาร์ตี้เล็กๆ ขึ้น ทั้งห้องครึกครื้นไปด้วยเสียงดนตรีที่สนุกสนาน คนที่เริงร่าที่สุดหนีไม่พ้นสาวน้อยยาร่า นอกจากเธอและน้องชาย จะได้ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันกับบิดาแล้ว ยังมีสมาชิกใหม่ที่ถูกใจเพิ่มขึ้นมาด้วยอีกเมื่อเพลงพื้นเมืองที่ใช้สำหรับงานเฉลิมฉลองเริ่มดังขึ้น ยาร่าก็เคี่ยวเข็ญให้ทุกคนลุกออกมาเต้นรำ ท่าที่ใช้ประกอบก็ไม่ได้ยาก สามารถเต้นตามกันไปได้โดยง่าย ฮาน่าเองก็เข็นรถให้องค์ชายน้อย เดินวนตามไปรอบวงด้วยเช่นกัน เด็กชายมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี นัยน์ตากลมเล็กมีประกายแวววาวขึ้นเล็กน้อย แต่ริมฝีปากยังคงหุบสนิท ไม่ยิ้มและไม่พูดกับใครเช่นเคย ท่ามกลางแสงสลัวจากแชนเดอเลียร์ ผู้พันอิฟราอิมพยายามดึงมือให้พริมโรสลุกขึ้นเต้นรำอีก แต่เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยจากการที่เต้นติดกันไปแล้วสามเพลงจึงปฏิเสธ ฝืนร่างไว้ไม่ให้ไปตามแรงดึงของเขา ไม่ว่าจะพยายามออดอ้อนเท่าไหร่ เธอก็ยังยืนกรานคำเดิม เลยกลายเป็นโต้เถียงกันไปมาเบาๆ โดยลืมสนใจสิ่งรอบตัวไปเสียสนิทคามิลล่านั่งจิบไวน์อย่างเงียบๆ ขณะที่ช้อนสายตาขึ้นมองดูบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ข้างๆ ถึงแม้เธอพยายามจะชวนคุย แต่เขาก็ตอบมาเพียงสั้นๆ คล้าย
ลมหายใจร้อนผะผ่าวเลื่อนไล้ลงมาตรงหน้าอก แล้วก้มหน้าลงอ้าปากลิ้มชิมความอวบอิ่มของทรวงอกเต่งตูม คลอเคล้าครอบครองส่วนปลายยอดสีชมพูจางด้วยริมฝีปากและลิ้น ดูดเม้ม ขบเบาๆ ด้วยเรียวฟันครั้งแล้วครั้งเล่า“อื๊อ~..อ๊าาา!~” เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เสียงครางแหลมเล็กดังสะท้อนก้องอยู่ในห้อง ไฟร้อนรุ่มในกายของหญิงสาว ร้อนแรงขึ้นตามเรียวลิ้นที่เขาใช้สัมผัสลูบไล้ในขณะที่ชายหนุ่ม ยังก้มหน้าใช้ปากและลิ้นร้อนระอุพรมจูบไปทั่วเนินอกสล้าง ฝ่ามืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ แทรกเข้าไปในใจกลางลำตัวที่หุบแน่นของหญิงสาว นวดคลึงกลีบอ่อนบางตรงใจกลางเนื้อนุ่มไปมาอย่างยั่วเย้า “อาาาา~”ปลายนิ้วร้ายสำรวจตรวจตราอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งเห็นว่ากลีบนุ่มที่หุบแน่นนั้น ค่อยๆ เผยความชุ่มชื้นออกมา เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมาย สอดปลายนิ้วร้อนเข้าไปในร่องหนีบแน่นค้นหาความชุ่มฉ่ำที่ยังคงซุกซ่อนอยู่ แล้วเคลื่อนขยับนิ้วเข้าออก บางครั้งก็เร่งร้อน บางครั้งก็เชื่องช้า สลับกับการนวดคลึงโลมไล้ไปโดยรอบ จากนั้นเพิ่มความทรมานด้วยการสอดนิ้วที่สองเพิ่มเข้าไป“อ๊าาา!~…ซี้ดด~” เสียงหวานเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม แล้วสูดปากด้วยความเสียวซ่าน
คามิลล่านั่งจิบไวน์อยู่ที่ระเบียงหน้าห้องพัก ด้วยสีหน้าและแววตาที่เรียบเฉย เบื้องหน้าคือสวนไม้ดอกร่มรื่น สายลมที่พัดเอื่อยเฉื่อย สามารถทำให้ผู้คนจิตใจปลอดโปร่งและคลายความตึงเครียดได้โดยไม่รู้ตัวเธอดึงขาขาวนวลเนียน ขึ้นมาวางไว้บนเบาะที่เป็นโซฟาหวายเทียมทรงกลม สำหรับวางกลางแจ้ง ทอดแขนเรียวยาวไว้บนพนักด้านหลัง แล้ววางแก้มนุ่มไว้บนต้นแขนกลมกลึง ทอดถอนใจออกมาอย่างผ่อนคลายและมีความสุข หนทางข้างหน้าราบรื่นมากกว่าที่เธอคิด และคงจะดีไม่น้อยถ้าเธออยู่ในฐานะสตรีอันดับหนึ่งของประเทศนี้ เธอปราถนาที่จะได้รับความรักความสนใจจากชายที่สูงส่งและสง่างามผู้นั้น เพียงได้อยู่ร่วมกับเขาสักคืนหนึ่ง ชีวิตนี้ของเธอก็เปี่ยมสุขแล้วหญิงสาวหมุนแก้วไวน์ในมือ น้ำสีแดงไหลวนจนเกิดเป็นประกายสะท้อนรับกับแสงแดด พลันนึกสาสมใจในผลสำเร็จบางอย่าง ทำให้ทอดถอนใจออกมาอย่างมีจริตมารยา ตามความเคยชิน แต่ในขณะที่มุมปากหยักโค้งขึ้น แววตาชิงชังก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้ ทำให้ความงดงามที่ดูเย้ายวน เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายไปได้ในพริบตาอย่าโทษฉัน! ต้องโทษที่เธอมันขัดหูขัดตา ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเขาไป!!“หึๆ เป็
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้