ก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!
หญิงสาวพลิกตัวนอนคว่ำ ศอกยันพื้นที่นอนนุ่ม มองไปทางทิศของเสียง
“คุณ! นอนหรือยัง?”
พอรู้ว่าเป็นเสียงใคร ปากอิ่มสวยก็เม้มเข้าหากัน แก้มพองออกสองข้างในลักษณะไม่สบอารมณ์นิดๆ ลุกขึ้นเดินไปแง้มประตูให้เปิดออกนิดหนึ่ง
ผู้ชายน่าตาย! ช่างยุ่งวุ่นวายเสียจริงๆ!
“มีอะไรคะ?”
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ขอเข้าไปได้ไหม?”
“ยามวิกาล ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ในที่ลับตา เป็นกฎการใช้ชีวิตแบบเบสิคของสาวโสด หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งคล้ายจะยิ้ม ฟังกฏการใช้ชีวิตแบบลื่นไหลของเธออย่างชอบใจ
“แล้วถ้าผมคุยเรื่องลับๆ ระหว่างเราสองคนที่หน้าประตูแบบนี้ ใครผ่านไปผ่านมาแล้วได้ยินเข้า กฏการใช้ชีวิตแบบสาวโสดของคุณจะสั่นคลอนไหม?”
“นี่! ฉันกับคุณไปมีเรื่องลับๆ กันตั้งแต่เมื่อไหร่!” เสียงความไม่พอใจดังขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี
“ชู่ว! เบาหน่อยสิ! เดี๋ยวก็ได้ตื่นมาฟังกันหน้าสลอน ไม่อายรึ? แต่ก็ไม่แน่นะ..บางทีตอนนี้อาจจะมีใครบางคนเอาหูแนบประตู แอบฟังอยู่ก็ได้”
“คุณ!” หญิงสาวหงุดหงิดเขาจนเกือบจะหลุดปากพูดคำแรงๆ ออกไปตามอารมณ์ แต่พอนึกได้ว่าผู้คนคงจะได้ยินกันทั้งบ้าน จึงได้แต่กัดปากไว้อย่างอัดอั้นตันใจ
เขามองปากอวบอิ่มที่ขบเม้มตามอารมณ์ มองนัยน์ตาคมหวานที่กำลังเขวี้ยงค้อนใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทำให้รู้สึกนึกขัน กลั้นยิ้มไว้จนนัยน์ตาพราวระยับ
“โอเคๆ ไม่เข้าก็ไม่เข้า ผมจะบอกคุณว่า ที่จะไปตรอกแอนทีครออีกสองวันได้ไหม ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร รอให้ผมตรวจสอบความปลอดภัยเสียก่อน ได้ไหม?”
“อือ” หญิงสาวทำเสียงในคอเป็นการตอบรับ แล้วทำท่าจะปิดประตู แต่เขาเอาแขนดันไว้
“จะไม่กู้ดไนท์คิสสักหน่อยรึ?” เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวถลึงตา แล้วทำหน้าย่นปากยู่ “กู้ดไนท์ ฮันนี่” เขาพูดราตรีสวัสดิ์เสียเองด้วยเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน แล้วหันตัวกำลังจะเดินไป
“อ้อ! เดี๋ยวค่ะ ฉันส่งพิกัดของโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไปในเครื่องของคุณ เห็นหรือยังคะ?” เขายกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาแล้วส่ายไปมา
“แบตหมด ขอดูหน่อย ผมจะได้รีบแจ้งให้คนสะกดรอย”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เธอเลยถอยออกห่างประตู แล้วเปิดให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เดินนำไปที่โน้ตบุ๊ค เปิดโปรแกรมแล้วหยิบขึ้นมาส่งให้เขา
ชายหนุ่มลากนิ้ว เพื่อเลื่อนเมาส์ที่ทัชแพทบนโน้ตบุ๊คไปที่ตำแหน่งของพิกัดนั้น แล้วเปลี่ยนมุมมองแสดงภาพแผนที่ เป็น แบบออร์โธโฟโต้ของพื้นที่จริงทั้งหมด ซูมขยายเข้าไปดูที่ตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร จากนั้นก็ลุกไปที่โทรศัพท์ติดต่อภายในที่โต๊ะหัวเตียงทันที
“ฮัลโหล! ตรวจสอบอาคารหัวมุมถนนชานลีอูร์ฟา ตรงข้ามกับมัสยิดมัรยัมว่าเป็นที่กบดานของพวกองค์กรลับหรือสหพันธ์กันแน่ จากนั้นถล่มพวกมันให้ราบคาบ! .. อืม..ถ้าจำเป็นต้องใช้ระเบิดก็ได้ แต่ห้ามระเบิดจากภายนอก! จะกระทบประชาชน! ระเบิดในตัวอาคารเฉพาะจุดคงไม่ถึงกับทำให้โครงสร้างถล่มลงมาได้ .. อะไร? ไม่ต้อง! ห้ามแจ้งไปที่กองกำลังหลัก เก็บกวาดให้เรียบร้อย แล้วค่อยรายงาน ติดตามพวกที่หลบหนีด้วย! อืม..เท่านั้นแหละ”
เขาวางสายแล้วหันมาสบตาคมหวานที่กำลังมองเขาอยู่อย่างสนใจใคร่รู้
“คุณทำงานเร็วกว่าคนของผมอีกนะ” เขาออกปากชม แล้วเดินตรงมาหา วางโน้ตบุ๊คไว้บนที่นอน นั่งลงข้างกันที่ขอบเตียง
“ไม่ใช่เร็วกว่าหรอกค่ะ พอดีว่าเป็นโทรศัพท์ของฉัน ก็เลยติดตามง่ายแค่นั้นเอง”
“มีข้อมูลอะไรที่สำคัญหรือเปล่า?”
“โน พรอบเบลม ฉันปล่อยไวรัสเสร็จก็กดคำสั่งทำลายแผงวงจรเรียบร้อยแล้ว แถมยังขโมยดาต้าในระบบของฝ่ายนั้นมาได้ตั้งหลายกิ๊กกะไบต์” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาอย่างภูมิใจในตัวเอง เขามองอย่างทึ่ง นับถือในความร้ายกาจลึกๆ ของหญิงสาว
“แล้วมีข้อมูลอะไรบ้าง ตรวจสอบหรือยัง?” ชายหนุ่มถามอย่างกระตือรือล้น
“ยังเลยค่ะ เพิ่งจะดาวน์โหลดก่อนคุณมาเคาะประตูเรียกไม่นานนี้เอง เลยยังไม่ได้ตรวจสอบ”
“เก่งจริง” เขาพูดจบก็โน้มตัวเข้าชิด จุมพิตหนักๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่มทีหนึ่ง แล้วเอนตัวออก “รางวัล และกู้ดไนท์คิส”
หญิงสาวตกใจ ยกหลังมือปิดปากตัวเองไว้แน่น ถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาแว่บประกายโทสะ
เขาหัวเราะ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ส่งยิ้มอบอุ่นให้อีกครั้งก่อนที่จะงับประตูปิดให้
“ผู้ชายน่าตาย! ชอบฉวยโอกาส!”
เธอลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ที่วางเกลื่อนบนที่นอนย้ายไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา แล้วคว้าโทรศัพท์ลงนอนหนุนหมอน เปิดแอพพลิเคชั่นแชท พิมพ์แคปชั่นเพื่อระบายอารมณ์
“เมื่อโทสะถูกปล่อยผ่านออกไป..เรื่องที่ทำให้โมโหแทบตาย..ก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา!?!”
พิมพ์เสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน ปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน
ติ๊ง!!
เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ทำให้เธอหยิบขึ้นมาดูที่หน้าจอ พอเห็นว่าเป็นข้อความจากคนที่นึกถึงอยู่เมื่อตอนหัวค่ำ ก็รีบกดเข้าไปดูทันที
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “เป็นแคปชั่นที่แสดงถึงภาวะอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ เข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด!”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “(สติกเกอร์แอนิเมชันแมวขำกลิ้งไปกลิ้งมา)”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “ใครทำให้อารมณ์เสีย?”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “มนุษย์น่าตายผู้หนึ่ง เอาแต่ใจ ไร้สมอง!”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “(สติกเกอร์แอนิเมชันหมาหัวเราะแบบกวนๆ)”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “มีหลายเหตุผลที่ผู้ชายมักใช้เรียกร้องความสนใจจากเพศตรงข้าม วิธียั่วยุทางอารมณ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “ใช่! ได้ผลดีเสียด้วย ฉันสนใจจนอยากจะทำร้ายร่างกายเขามากๆ ไม่เคยเจอคนกวนประสาทขนาดนี้มาก่อน ฉันโมโหแทบตาย!”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “ยิ่งโกรธเขายิ่งแกล้ง ยิ่งไม่สนใจยิ่งยั่วยุ แต่ถ้าเข้าหากลับจะยิ่งถอยห่าง”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “ก็จริงนะ! แต่ว่า..ถ้าทำแบบนั้น ฉันจะกลายเป็นสตรีที่หิวผู้ชายไปหรือเปล่า?”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “ (สติกเกอร์แอนิเมชันแมวทำท่าสยดสยอง)”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “ผู้ชายบางคนอาจจะชอบนะ ยิ่งเข้าหายิ่งชอบ! วิธีนี้คงไม่ได้ผลอย่างที่คิด ไม่แนะนำให้ใช้!”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “(สติกเกอร์แอนิเมชันหมาหัวเราะแบบกวนๆ)”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “ (สติกเกอร์แอนิเมชันแมวทำท่ากลอกตามองบน) ”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “ (สติกเกอร์แอนิเมชันแมวทำท่าโบกมือ) ”
[ (◠‿◠✿)-สวยสังหาร ] : “กู้ดไนท์ เซอร์!”
[ (⊙‿⊙)-หล่อเทพประทาน ] : “(สติกเกอร์แอนิเมชันหมาทำท่าส่งจูบแล้วขึ้นข้อความกู้ดไนท์ภาษาอังกฤษ)”
……………………..
พริมโรสตื่นเช้าอย่างอารมณ์ดี หลังอาบน้ำแต่งตัวก็มานั่งทำงานต่อ เตรียมจะบันทึกเป็นข้อความเสียง สำหรับใช้สอดแทรกในวีดีโอตามคอนเทนท์ที่ได้เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน
หญิงสาวหนีบไมค์ไร้สายไว้ที่ปกเสื้อเพื่อใช้เป็นไมค์หลัก หันไปหยิบไมคโครโฟนมาตั้งไว้ด้านหน้าอีกตัวหนึ่ง เพื่อใช้เป็นไมค์สำหรับเก็บเสียงรอบข้าง เพื่อเอาไปหักล้างกับเสียงรอบข้างที่ไมค์หลักได้รับเข้ามา ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในภายหลัง
เธอเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อสร้างความสงัดให้เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง จากนั้นเปิดอุปกรณ์เตรียมอัดเสียง
“เมื่อสี่ปีที่แล้ว ประเทศเปเรซมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ นำโดยเจ้าชายอิสราร์ ซึ่งเป็นแกนนำทำการรัฐประหารลุงของตัวเองในข้อหาเผด็จการ ค้ายาเสพติดและฟอกเงิน แล้วผลักดันให้พระเชษฐาขึ้นเป็นกษัตริย์ เนื่องจากสุลต่านพระองค์ก่อนเป็นผู้ส่งเสริมให้มีการก่อการร้ายโดยใช้ยาเสพติดเป็นแหล่งทำเงิน และอยู่เบื้องหลังเครือข่ายของการคอรัปชั่นขนานใหญ่ภายใต้โครงการอาหารต่างๆ เหตุผลที่อ้างในครั้งนั้นคือ..เพื่อความสะดวกในการปกครอง และควบคุมประชาชนชาวเปเรซให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ด้วยเหตุผลไร้สาระนี้ เอื้อประโยชน์ให้อดีตสุลต่านและพรรคพวก โกยเงินไปอย่างมหาศาลหลายร้อยล้านดอลล่าร์ ทำให้ประชาชนนับล้านคนต้องเผชิญกับความอดอยากหิวโหย ขาดแคลนสิ่งอุปโภคบริโภค นำพาให้การบริหารประเทศล้มเหลว และถูกประนามจากสหประชาชาติ..."
ติ๊ดๆๆๆ ตี๊ดดดด!!
หญิงสาวชะงักคำที่กำลังจะพูดต่อ เมื่อเสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น เธอจึงปิดโมโครโฟนเดินไปรับสาย
“เฮลโหล?”
“คุณพริม! ฉันเองค่ะ อัลวานี ฉันโทรเข้าเครื่องของผู้พันเป็นสิบๆ สายแล้ว แต่เขาไม่รับเสียที คงกำลังยุ่งๆ อยู่ เลยโทรหาคุณแทน”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“คนที่มาพักกับเราคนสุดท้ายมาถามหาชื่อคุณกับฉัน เขาบอกว่าต้นสังกัดของเขาส่งมาประสานงานกับคุณ และเขารอมาสองวันแล้วยังติดต่อคุณไม่ได้ จึงมาขอให้ฉันช่วย ซึ่งฉันก็เกี่ยงไปว่าไม่สามารถติดต่อคุณได้เหมือนกัน”
“ฉันยังไม่ทราบเรื่องนี้เลยค่ะ ฉันขอสอบถามกับทางต้นสังกัดของฉันก่อนแล้วจะแจ้งให้คุณทราบนะคะ”
……………………..
แผนที่ออร์โธโฟโต้ (Orthophoto) หมายถึง แผนที่ที่มาจากภาพดาวเทียมที่มีรายละเอียดจุดภาพไม่เกิน 1 เมตร และผ่านกระบวนการสำรวจรังวัดด้วยภาพถ่ายทางอากาศ เป็นการแสดงภาพถ่ายภูมิประเทศ จากส่วนกลางถูกเปลี่ยนเป็นการฉายภาพในแนวตั้งฉาก
หลังวางสายจากอัลวานี เธอใช้โทรศัพท์หลักของหน่วยโทรสอบถามทันที“ว่าไง? กำลังจะโทรหาพอดีเลย”“หัวหน้าคะ! นอกจากเราสามคน ได้ส่งใครมาอีกหรือเปล่า?”“มี เป็นคนของเอ็นเอสเอที่เพิ่งจะติดต่อมา เขากำลังสงสัยและตามสืบที่มาที่ไปของเงินโอนจำนวนมหาศาลจากสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ เข้าบัญชีบริษัทยาอาร์เอดี ผู้ผลิตและวิจัยยาชีวเภสัชภัณฑ์สาขาย่อยในทีแลนด์ เขาสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จึงได้ส่งคนขอมาร่วมทีมกับเราเพื่อตามสืบเรื่องนี้ด้วย”“แล้วทำไมพ่อไม่แจ้งพวกเราก่อนหน้านี้ล่ะ?”“ฉันเพิ่งจะได้รับเรื่องเมื่อวานนี้เอง กำลังจะติดต่อไปวันนี้ ก็พอดีแกโทรมาเสียก่อน เออ!..ได้ข่าวว่ามีการวางระเบิดแถวพิพิธภัณฑ์ แกอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือเปล่า?”“ใช่ค่ะ หนูว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ของที่พ่อให้ไปรับคืออะไรกันแน่?”“เอ่อ..เอาเป็นว่าฉันยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นความลับระดับท็อปเอส ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จก็พอ”พ่อวางสายไปแล้ว แต่เธอก็ยังนั่งครุ่นคิดอยู่ เธอไม่ชอบใจนักที่จะทำงานแบบถูกปิดหูปิดตา มันลับสุดยอดขนาดไหนกันถึงให้คนที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานนี้โดยไม่ให้รับรู้อะไร หญิงสาวส่ายหน้า
“มิส! เอ่อ..ผมขอทราบชื่อคุณได้ไหม?” พริมโรสมองบุรุษหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ซึ่งเป็นบิดาของเด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บ รูปลักษณ์ของเขาดูสูงส่งสง่างาม บนร่างมีรัศมีแห่งอำนาจผิดแผกไปจากคนธรรมดา อีกทั้งยังดูสุขุมเยือกเย็น ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด บนริมฝีปากประดับรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย กำลังนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวเธอ พอได้เห็นชัดๆ แบบนี้ เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครหรือเคยเห็นที่ไหน บางทีอาจจะคล้ายคนรู้จักที่เป็นเพื่อนของเพื่อน หรืออาจจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการใดวงการหนึ่งก็เป็นได้ ซึ่งเธอก็เคยเห็นแบบนี้หลายครั้งในจอทีวี บางทีอยู่กันคนละประเทศ แต่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงราวกับเป็นญาติพี่น้อง หรือฝาแฝดกันก็มี แต่ในทางวิทยาศาสตร์ ก็มีผลวิจัยทางสถิติที่ระบุว่า ‘มนุษย์ทุกคนจะมีคนที่หน้าเหมือนเราอีกเจ็ดคนอยู่ทั่วโลก’ โดยที่คนเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันด้วยซ้ำ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ดอพเพลแกงเกอร์(doppelgänger)“นรากรค่ะ พริมโรส นรากร”“มิสนรากร พริมโรสคงเป็นชื่อจริงของคุณ.. เอ่อ..ผมขออนุญาตเรียกคุณว่า พริมโรสได้ไหม?”“ได้ค่ะ” หญิงสาวออกปากอนุญาต
กว่าพริมโรสจะมาถึงที่พักก็เย็นแล้ว เตวิชส่งข้อความมาบอกเกี่ยวกับเรื่องที่เธอให้เขาไปสืบเมื่อวันก่อน ว่ามีความคืบหน้าแล้ว เธอเลยบอกเจ้าของบ้านว่าเพลียของดอาหารเย็น แล้วรีบหนีเข้าห้องมาก่อน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์โทรกลับไปอย่างไว“แหม! เลือกเวลาโทรได้ดีจริงๆ! ช้าอีกวินาทีเดียวฉันจะหยิ่งไม่รับสายเธอแล้วนะ!” เตวิชโวยวายทันทีที่รับสาย“ทำไมล่ะ? นายปีกกล้าขาแข็งพอที่จะต่อต้านฉันแล้วหรือไง!”“มิกล้า! ฉันกำลังจะเอาโดรนขึ้นบินสำรวจ ไม่ช่วยออกแรงแล้วยังมาก่อกวน ยัยจิ้งจอกเหม็น!”“อ้อ! งั้นก็บอกมาคร่าวๆ ที่สำคัญๆ ก็พอ”“ฉันให้คนสืบในหน่วยอื่นๆ กลับไม่มีข้อมูล พอดีมีเพื่อนที่ไว้ใจได้แฝงตัวอยู่ในองค์กรลับใต้ดิน เลยขอให้เขาช่วยสืบให้ ได้ข้อมูลมาว่าเป็นคนขององค์กรภราดรภาพต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ชื่อที่เธอบอกมาเป็นตัวตนปลอม สำหรับเข้าทำงานที่สถานทูตโดยเฉพาะ เริ่มแฝงตัวเข้าไปเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็…”“แล้วก็อะไร?”“มีข่าวลือที่ยังไม่ได้กรองมาว่า เป็นอดีตแฟนเก่าของคู่หมั้นเธอ นัยว่าสนิทสนมกันมากเกินเพื่อนร่วมงาน และเลิกกันไปเกือบปี ก่อนที่เขาจะมาคบกับเธอ”“เดี๋ยว! พวกเขาไปรู้จักกันได้ยังไง? แสดงว่าณัทธร
พอนึกได้ว่าตัวเองกำลังแอบนินทาเขาอยู่ในใจ ระยะเผาขน มิหนำซ้ำยังเป็นคำชมมากกว่าตำหนิ พลันทำให้พวงแก้มนวลเนียนแดงก่ำขึ้นมา หัวใจเต้นระรัว ความกดดันอย่างหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณหน้าอกจนรู้สึกวาบหวิว กดทับเสียจนทำให้หายใจลำบาก จำต้องหลบสายตาเขา จึงไม่ทันได้เห็นประกายลึกล้ำที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ที่ซ่อนเร้นอยู่ในแววตาของอีกฝ่ายชายหนุ่มมองขนตางอนยาวทาบไปบนผิวเนียนกระจ่าง คนตรงหน้าในยามที่เขินอาย ช่างงามจนแทบไม่อยากจะละสายตา เขาเลื่อนสายตาลง มองริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อแวววาวท่ามกลางแสงสลัว ที่กำลังเผยอออกเล็กน้อยคล้ายเผลอตัว แต่กลับดูยั่วยวนท้าทายให้รุกประชิดในความรู้สึกของเขา พริมโรสช้อนตามองเขานิดหนึ่ง เห็นเขาจ้องมองอย่างไม่วางตา ทำให้เธอรู้สึกประหม่าวางตัวไม่ถูก มีความรู้สึกว่าทั้งหน้ากำลังร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู เผลอใช้ปลายลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากที่จู่ๆ ก็แห้งผากขึ้นมากระทันหันให้ชุ่มชื้น พริบตานั้นในใจเขาพลันสั่นไหว ความเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาตินั้น ทำให้เขาควบคุมตัวเองต่อไปไม่ได้อีก การยั่วยวนในระดับนี้ ไม่ว่าชายใดก็ยากที่จะต้านทานไหว “เอ่อ..” เธอพยายามจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อกลบ
ในชั่วขณะที่ไม่มีใครมองเห็น คามิลล่ากวาดสายตามองผ่านไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชายหนุ่มตรงหน้า มุมปากสีแดงเข้มได้ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่งอย่างรู้สึกพึงพอใจ แล้วเลือนหายไป เธอรู้สึกถูกตาต้องใจ ชายหนุ่มเจ้าของคหฤหาสน์หรูผู้นี้ไม่น้อย รูปลักษณ์เขาดูสง่างาม คล้ายจะมีรัศมีความสูงศักดิ์ และหยิ่งทะนงปกคลุมอยู่ทั่วเรือนร่าง ร่างกายกำยำล่ำสันไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย คาดว่าคงจะออกกำลังกายเป็นประจำ ผิวของเขาดูคล้ำ ออกไปทางผิวสองสีหรือผิวสีน้ำผึ้ง ซึ่งค่อนข้างดูเป็นธรรมชาติ และเซ็กซี่ในแบบชายชาตรี นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิท เวลายิ้มมีประกายหวานนิดๆ ดูดีมีเสน่ห์เป็นที่สุด หากโกนหนวดเคราที่รกรุงรังพวกนั้นทิ้งไปให้หมด คงจะดูหล่อเหลาคมคายมากกว่าที่เห็นตอนนี้เป็นแน่นอกจากรูปร่างหน้าตาเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว อาชีพการงาน สถานะทางการเงิน ล้วนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจ ไม่เสียแรงเสียเวลาในการสืบสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อไปในอนาคต ไม่ว่าด้านไหนก็สมบูรณ์แบบไปหมด เสียอย่างเดียวตรงที่มีคู่หมั้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ ไม่ว่าบุรุษใดจะใจแข็งสักแค่ไหน ก็ไม่เคยมีใครต้านทานเสน่ห์ที่เย้ายวนของเธอได้เลยสักคนถึงแม
พริมโรสแวะไปคุยกับยาร่าอยู่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็ปลีกตัวมาทำงาน แต่เมื่อมาถึงห้องวอร์รูมก็ต้องแปลกใจ ตอนนี้ในห้องปฏิบัติการเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ จนทำให้ห้องที่เคยโล่งกว้างดูแคบไปถนัดตา เธอเดินเข้ามายืนมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังบังคับบินเฮลิคอปเตอร์สอดแนมตัวจิ๋วอย่างเงียบๆ“นายหญิง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันมาเห็นจึงทำความเคารพ คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงก็หันมามองแล้วก็ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับโดยพร้อมเพรียง ยกเว้นเจ้าหน้าที่ห้าคนที่กำลังบังคับบินอยู่ เธอโค้งศีรษะตอบรับ อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องให้เกียรติเธอถึงขนาดนี้หรือจะเป็นคำสั่งของท่านเจ้าของบ้าน!“พื้นที่ที่กำลังตรวจสอบ เป็นเขตที่สงสัยว่าคุมขังตัวประกันอยู่ใช่ไหมคะ?”“ใช่ครับ เรากำลังสำรวจสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ติดกับอาคาร ผู้กองเตวิชให้พวกเราเข้าไปสอดแนมก่อน และคอยแบคอัพ ขณะนี้ผู้กองกำลังบินเข้าใกล้เป้าหมาย เพื่อเข้าไปสำรวจภายในอาคารแล้วครับ”“แล้วอีกที่หนึ่งล่ะคะ”“ยังเดินทางไม่ถึงครับ คาดว่าน่าจะคืนพรุ่งนี้”“คอปเตอร์แพคที่ผู้กองใช้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เราทดสอบครั้งสุดท้ายเมื่อ…อ๊ะ!”“มานี่!” เสียงเ
กว่าพริมโรสจะหาวิธีแยกตัวมาได้ก็เกือบบ่าย เธออยากอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กน้อยมากกว่านี้ แต่จนใจว่าเพลียเหลือเกิน เธอถูกปลุกตั้งแต่เช้า ตอนนี้เลยอยากจะนอนตายสักสองสามชั่วโมง ก่อนจะลากสังขารไปทำงานต่อหญิงสาวไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง แสงสว่างภายนอกผ่านเข้ามาตามรอยแหวกของม่านได้เพียงเล็กน้อย ส่วนลึกเข้าไปด้านในจึงเห็นเพียงแสงสลัวเลือนลางเธอเดินเข้ามาโดยไม่ได้เปิดไฟด้วยความคุ้นชิน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีวงแขนแข็งแรงโอบมารอบตัวจากทางด้านหลัง พร้อมๆ กับจมูกโด่งที่กดลงมาแรงๆ ที่แก้ม สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดกลิ่นคุ้นเคยระเหยเข้าจมูก ทำให้รู้ว่าบุรุษลึกลับผู้นี้เป็นใคร“คุณ!” พริมโรสดิ้นรนเต็มที่ พยายามกระทุ้งศอกไปทางด้านหลัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย กลับใช้แขนแข็งแรงราวกับปลอกเหล็กรัดแน่นขึ้นไปอีก“อยู่นิ่งๆ เถอะ ขอแค่กอดเฉยๆ เท่านั้นแหละ แต่ถ้าดิ้นนักก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” พอพูดจบ ก็เลื่อนจมูกมาซุกไซ้แถวซอกคอ ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ ไปด้วย“เข้ามาทำไมคะ?” เธอพูดพลาง ย่นคอหนีการรุกรานของเขา ไรเคราที่ถากไปกับผิวเนื้อนุ่มทำให้รู้สึกจั๊กจี้ ลมหายใจร้อน
หญิงสาวนึกย้อนเหตุการณ์ ในวันที่เกิดระเบิดที่ปากทางเข้าตรอกแอนทีค วันนั้นมีคนตะโกนเรียกชื่อพยางค์หลังของเธอออกมาด้วยความตกใจ ทีแรกยังนึกว่าหูแว่ว ต่อมาได้ยินผู้พันเป็นคนเรียกจึงคิดว่าเป็นเขาเลยไม่ติดใจอะไร แต่พอมานึกทบทวนตอนนี้ โทนเสียงต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ทว่าสิ่งที่เธอกำลังสงสัย ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอไม่มีวันได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนแบบนั้นในชีวิตจริงได้อีกแล้วพริมโรสหลับตานึกถึงในอดีต ภาพเจ้าของเสียงทุ้มอ่อนโยนของคนคนหนึ่งที่มักจะเรียกชื่อเธอแตกต่างไปจากคนอื่นว่า..‘โรส’ แจ่มชัดขึ้นมาในความทรงจำ แผลเป็นที่คอของเขาเกิดจากมีดพับของเธอเอง เธอกับเขาได้รับภาระกิจที่ทำให้ต้องอยู่ร่วมทีมเดียวกันบ่อยๆ และเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครๆ ต่างก็ดูออกว่าในความเข้ากันได้ดีแบบนี้ มีความสนิทสนมเกินกว่าจะเป็นแค่ผู้ร่วมงานธรรมดาทั่วไปวันนั้นเป็นวันที่ปฏิบัติภารกิจที่สุดแสนจะยากลำบาก แต่ก็สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความโล่งใจผสมกับความดีใจเขาจึงคว้าเธอเข้าไปกอดโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอตกใจมาก แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านขัดขืน เพราะเขาเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าหากทำงานนี้สำเร็จ จะขอเธ
ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส
แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ
ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ
บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั
เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน
เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา
ท้องฟ้าเหนือลานพิธี ถูกย้อมด้วยแสงสีทองของอาทิตย์ยามสายัณห์ แต่ภายใต้ความสว่างนั้น กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันหนักอึ้ง เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ของประชาชนเริ่มดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในบริเวณลานพิธีอย่างสง่างาม พระชนนีแห่งเปเรซ ทรงฉลองพระองค์อย่างวิจิตร แต่ละย่างก้าวของพระนางแผ่รัศมีแห่งอำนาจ ทรงเชิดพระพักตร์เล็กน้อย ดวงเนตรเจิดจ้า เต็มไปด้วยความแน่วแน่และภาคภูมิ เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นทีละน้อย จากวงนอก ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป “พระชนนีเสด็จ!” “พระนางมาเพื่อกอบกู้เปเรซ!” “พระมารดาของพวกเรา!” เสียงเรียกขานพระนามดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ มีเสียงโห่ร้องต้อนรับทุกที่ที่พระนางก้าวย่างผ่านไป ราวกับคลื่นมหาชนที่กำลังโหมกระหน่ำ พระชนนีทอดพระเนตรภาพตรงหน้าแล้ว ไม่อาจห้ามรอยแย้มสรวลที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ พระนางประสบความสำเร็จแล้ว ประชาชนกำลังเทิดทูนพระองค์ และนี่คือโอกาส ที่พระองค์จะประกาศตน ในฐานะผู้นำที่จะกอบกู้เอกราชของชาวเปเรซ จากเงื้อมมือแห่งความอยุติธรรม ขององค์สุลต่าน แต่แล้ว... เสียงอื้ออึงของฝูงชนก็เปลี่ยนไป จากเสียงเชียร์เป็น
“ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดงานแล้วล่ะ?” พริมโรสพูดพลางกวาดตามองรอบตัว พวกนักโทษที่ตามมาหยุดเดินทันที มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่าการกระโจนเข้ากลางวงล้อม ของมือสังหารกับตำรวจที่ติดอาวุธครบมือไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา “เอ่อ..พวกเรา… ฉันว่าเราควรจะให้พวกเขาจัดการกันเองไหม?” นักโทษคนหนึ่งกระซิบกับพรรคพวก “ใช่ๆ เรามันแค่คนผ่านทางมา อย่าไปขวางมือขวางเท้าพวกเขาเลย” อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่คนอื่นๆ จะค่อยๆ ถอยออกห่างกลุ่มลูกพี่ ไปรอดูอยู่รอบนอก พริมโรสเดินนำเตวิชกับจักรินข้ามถนนมา แล้วเดินทะลุเข้าไปกลางวงล้อมที่กำลังตึงเครียดอย่างไม่รู้สึกรู้สา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มอยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรินรดา “โอ๊ะ!” พริมโรสยกมือเท้าสะเอว “นี่รุ่นพี่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้วหรอ?” รามิลเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ“แล้วทำไมสภาพเธอ ถึงเหมือนคนหลงทางอย่างนี้ล่ะ?” พริมโรสหัวเราะออกมา “ฉันเดินมาไกลมากเลยนะ จากพระราชวังมาถึงโรงพยาบาลนู่นน่ะ” “นี่!..เอาไว้ค่อยทักทายกันทีหลังได้ไหม พวกเรายังติดอยู่ในวงล้อมอยู่นะ!” เตวิชพูดเสียงเครียด สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนร
“ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องนึงค่ะ หน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่ามีสายลับคนหนึ่ง ต้องการพบบอสเป็นการส่วนตัวด่วน เขาอ้างว่ามีรายงานลับจากองค์สุลต่าน ส่งถึงบอสโดยตรงค่ะ”“องค์สุลต่าน?” รินรดาค่อนข้างแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องมีราวให้ต้องติดต่อกัน แต่ครั้งนี้กลับส่งสารมาถึงเธอโดยตรง “นี่ค่ะ สถานที่นัดพบ” เลขาปัดแท็บเล็ตบนมือนายสาว เพื่อให้ดูพิกัดของจุดนัดพบ รามิลเดินมาหยุดยืนข้างหลัง สายตาเหลือบมองในแท็บเล็ต ก่อนเอ่ยเสียงเครียด“คุณจะไปหรือไง?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“คงต้องไปค่ะ เขาอาจจะติดต่อท่านพี่ไม่ได้ จึงต้องส่งผ่านมาทางฉัน” “แน่ใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรที่ซับซ้อน? รามิลจ้องหญิงสาวเขม็ง จนเธอถอนหายใจเบาๆ “บอกตามตรงว่าไม่แน่ใจเลย เขาเป็นมนุษย์ที่เซ้นส์ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่เคยตรวจจับอะไรได้เลย”“งั้นผมจะไปด้วย ผมเป็นห่วงคุณ”“ฉันก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันนะคะ คุณเป็นชาวต่างชาติ ฉันไม่อยากให้มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคุณ ฉันเติบโตที่นี่ รู้ทางหนีทีไล่ดีกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณรอท่านพี่อิดรีสอยู่ที่นี่เถอะนะคะ”“ไม่กังวลได้ยังไง เครือข่ายในเมืองถูกทำลาย แล้วผมจะติดต่อกับคุณยั