“แล้วบุตรเขยของข้าล่ะ สบายดีหรือไม่?”
มหาอำมาตย์เกาชงเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“พระชายาสบายดีขอรับ”
พ่อบ้านเหลียงตอบตามมารยาท
“แล้วเสี่ยวเตี๋ยล่ะ...นางดูแลรับใช้บุตรเขยของข้าดีหรือไม่?”
มหาอำมาตย์ถามอีก
“แม่นางเสี่ยวเตี๋ย...เอ้อ...” พ่อบ้านเหลียงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตามตรงว่า “นางออกเรือนไปแล้วขอรับ”
“หือ?...” มหาอำมาตย์ขมวดคิ้ว “ท่านว่าอะไรนะ?”
พ่อบ้านเหลียงจึงตัดสินใจเล่าว่า
“แม่นางเสี่ยวเตี๋ยชอบพอกับนักศึกษายากไร้ผู้หนึ่ง พระชายาจึงจัดการให้พวกเขาแต่งงานกันขอรับ”
สีหน้ามหาอำมาตย์บึ้งตึงขึ้นมาทันทีทันใด
“เสี่ยวเตี๋ยเป็นสาวใช้ต้นห้องของบุตรสาวข้า ย่อมมีฐานะเป็นสาวใช้ข้างห้อง(นางบำเรอ)ของบุตรเขยข้า เขาตบแต่งนางออกเรือนไปได้อย่างไรกัน...เรื่องนี้ข้าจะไปถกเหตุผลกับเขา”
ว่าแล้วสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่พอใจ
มหาอำมาตย์เกาชงมายังจวนชินอ๋องเพื่อมาหาจ้าวชิงเฟิง แต่ถูกชินอ๋องดักเอาไว้เสียก่อน ชินอ๋องต้อนรับอีกฝ่ายที่ห้องโถงรับรอง
เมื่อพบกัน...มหาอำมาตย์ต้องคารวะชินอ๋องที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งกว่า
“ข้าน้อยเกาชงคารวะชินอ๋อง”
มหาอำมาตย์กล่าวพลางประสานมือน้อมคำนับ
“ตามสบาย ท่านมหาอำมาตย์”
ชินอ๋องผายมือข้างหนึ่งเป็นการรับคารวะ
“เชิญนั่งก่อน”
เมื่อทั้งเจ้าบ้านและผู้เป็นแขก ต่างนั่งลงในตำแหน่งอันเหมาะสม
สาวใช้ก็นำน้ำชาชั้นเลิศมาต้อนรับ
“ท่านมหาอำมาตย์มาเยือนจวนของข้า ไม่ทราบว่ามีธุระอันใด?”
“ข้าน้อยมาที่นี่มีความประสงค์จะขอพบบุตรเขยของข้าน้อยสักครั้งขอรับ”
“ฟูเหรินนอนหลับพักผ่อนอยู่...หากท่านมหาอำมาตย์มีธุระสิ่งใด สามารถบอกกล่าวกับข้าได้อย่างเต็มที่ ข้าจะจัดการแทนฟูเหรินเอง”
มหาอำมาตย์เกาชง ได้คิดว่า...ถ้าชินอ๋องไม่ยินยอมให้ตนได้พบกับจ้าวชิงเฟิง ตนก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...จึงตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ ว่า
“ข้าน้อยจะมาถามบุตรเขยว่า เหตุใดจึงให้เสี่ยวเตี๋ยออกเรือน?”
“เรื่องนี้เป็นการจัดการของฟูเหรินจริง” ชินอ๋องตอบ “เสี่ยวเตี๋ยลักลอบได้เสียกับนักศึกษายากไร้ผู้หนึ่งจนตั้งครรภ์ขึ้นมา หากฟูเหรินไม่จัดการตบแต่งให้แก่คนทั้งสอง ไม่ว่าตามกฎบ้านหรือกฏเมือง ทั้งสองมีแต่ต้องตายสถานเดียว”
มหาอำมาตย์เกาชงนิ่งอึ้ง
“ท่านมหาอำมาตย์...จุดประสงค์ของท่านที่ส่งเสี่ยวเตี๋ยมา ข้าดูออกแต่แรก ท่านคิดว่าข้าจะยอมให้เสี่ยวเตี๋ยสวมหมวกเขียว(หมายถึงภรรยามีชู้)ให้แก่ข้าง่ายๆ หรือ? ข้าอดกลั้นไม่สังหารนางแต่แรก ก็นับว่าข้าใจเย็นมากแล้ว”
ชินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบทว่าจริงจัง
“ท่านเองก็เลี้ยงดูเสี่ยวเตี๋ยมาแต่เล็ก...ถ้าความผูกพันของท่านกับนางมีมากพอ ลองถามใจตนเองดูสิว่า จะสามารถยอมรับบุตรของนางเป็นหลานได้หรือไม่?
และข้าขอเตือนท่านว่า อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้บุตรจากฟูเหรินของข้า
กับฟูเหริน...ข้าไม่อาจสังหารเขา
แต่กับคนอื่น ข้าไม่ใจอ่อนแน่!”
สายลมพัดกระโชกแรง จนภาพวาด กับภาพอักษรบทกลอนปลิวสะบัด เสี่ยวเตี๋ยกับอี้อันช่วยกันเก็บแผง เพราะฝนเริ่มโปรยปรายลงมา
ภาพวาดภาพหนึ่งปลิวหลุดมือกลิ้งม้วนไปกับพื้น เสี่ยวเตี๋ยไล่คว้าไปทันเพราะภาพหยุดที่รองเท้าสีดำคู่หนึ่ง
เสี่ยวเตี๋ยมองรองเท้าแล้วเงยขึ้นมองเจ้าของรองเท้า
พลันสะดุ้งเฮือก...คุกเข่าลงกับพื้น
“นายท่าน!”
อี้อันหันมาเห็นเข้าพอดี ก็พอจะคาดเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร...เขาจึงเข้ามาคุกเข่าเคียงข้างภรรยา
สายฝนเทกระหน่ำลงมา...จนคนทั้งหมดเปียกโชก
เสียงฟ้าคะนองดังสะท้านไปทั่ว
แต่...คนต่างเงียบงัน
เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า...
ในที่สุด...มหาอำมาตย์เกาชงก็เอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าตามข้ามา”
ที่จวนของมหาอำมาตย์...
มหาอำมาตย์เกาชงพาเสี่ยวเตี๋ยกับอี้อันกลับมาจวน แล้วให้บ่าวพาทั้งสองสามีภรรยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งและสะอาดสะอ้าน
ท่านมหาอำมาตย์เองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งเสร็จเรียบร้อย แล้วมายังห้องโถงรับรอง เห็นเสี่ยวเตี๋ยกับสามีคุกเข่ารออยู่ที่กลางห้อง
“เสี่ยวเตี๋ย...เจ้ามีครรภ์กี่เดือนแล้ว?”
ท่านมหาอำมาตย์ถามขึ้น
“สี่เดือนแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเตี๋ยก้มหน้าตอบ
“เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง”
“บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ นายท่าน”
เสี่ยวเตี๋ยน้อมคำนับพร้อมกับน้ำตาไหลหยดลงบนพื้น
“เอาเถอะ...ข้าก็รู้ว่าเจ้าคงทำไม่ได้...ชินอ๋องหวงบุตรเขยของข้ายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เขาไม่สังหารเจ้าทิ้งก็นับว่าเจ้าโชคดียิ่งแล้ว”
มหาอำมาตย์ถอนหายใจยาว
“บุตรเขยข้าปฏิบัติต่อป้ายวิญญาณของซิ่วจิ่นเช่นไรบ้าง?”
“ดียิ่งเจ้าค่ะ...ท่านเขยไปปักธูปให้คุณหนูบ่อยๆ แล้วให้สาวใช้คอยยกน้ำชายกผลไม้เซ่นไหว้คุณหนูทุกวันเจ้าค่ะ”
“ข้าคงหวังไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วสินะ”
ท่านมหาอำมาตย์บอกกับตนเอง
แล้วจึงถามถึงพื้นเพของอี้อัน
อี้อันก็ตอบไปตามจริง
“เอาล่ะ...เจ้าทั้งสองก็อยู่เสียที่นี่ อี้อัน...ข้าจะรับเจ้าไว้ในฐานะบัณฑิตอุปถัมภ์ก่อน ต่อไปในอนาคตค่อยว่ากันอีกที”
ท่านมหาอำมาตย์กล่าว
“ใต้เท้า...ข้าน้อยยังมิได้สอบเป็นบัณฑิตขอรับ”
อี้อันกล่าวอย่างละอาย
“ถ้าเจ้าขยันหมั่นเพียร อนาคตย่อมได้เป็นอย่างแน่นอน”
ท่านมหาอำมาตย์กล่าว
“น้อมรับคำสั่งสอนขอรับ”
อี้อันน้อมคำนับ
แล้วสองคนสามีภรรยาก็หันมายิ้มให้แก่กัน ก่อนจะพูดพร้อมกันว่า
“ขอบคุณเจ้าค่ะ นายท่าน/ขอบคุณขอรับ ใต้เท้า”
หลังจากมีราชโองการถอดถอนชื่อตู้จินเหลียนออกจากตำแหน่งพระชายาแห่งชินอ๋องแล้ว ลำดับชื่อในราชวงศ์ของตู้จินเหลียนก็ถูกลบทิ้ง ชื่อของจ้าวชิงเฟิงขยับขึ้นมาเป็นพระชายาชินอ๋องโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ชื่อของนางอีกต่อไป วันนี้...ชินอ๋องจะพาจ้าวชิงเฟิงมาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพขององค์ฮ่องเต้ จ้าวชิงเฟิงถูกบรรดาขันทีกับสาวใช้ช่วยกันจับแต่งตัวเสียยกใหญ่ “หยุดก่อน” จ้าวชิงเฟิงยกมือห้ามเสี่ยวหงที่กำลังจะทำอะไรสักอย่างบนดวงหน้าของเขา “เจ้าจะทำอะไร?” “ผัดแป้ง เขียนคิ้ว เติมชาด เจ้าค่ะ” “หยุดเลย...ข้าไม่ใช่สตรี” “พระชายา...” เสี่ยวชุ่ยเอ่ยแทรกขึ้น “พวกคุณชายผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายล้วนผัดแป้งแต่งหน้ากันทั้งนั้น ไม่ปล่อยให้หน้าหมอง มันเยิ้ม มอมแมม หรอกเจ้าค่ะ” “ข้าเห็นซือหมิงก็ไม่ได้ผัดแป้งแต่งหน้า” จ้าวชิงเฟิงยกตัวอย่าง เสี่ยวชุ่ยเบะปาก “บุรุษหยาบกร้าน” “ท่านอ๋องก็ด้วย” จ้าวชิงเฟิงยังไม่ยอมแพ้ “ท่านอ๋องเป็นข้อยกเว้นเจ้าค่ะ” เสี่ยวหงกล่าว “อย่างไรเสีย...ข้าก็ไม่ยอมแต่งหน้า” จ
จ้าวชิงเฟิงถูกชินอ๋องอุ้มออกจากงานเลี้ยงไปขึ้นรถม้ากลับจวน พอถึงจวนก็ถูกอุ้มเข้าตำหนักใหญ่ “ข้าม่ายมาว ปล่อยข้า ข้าจาเดินเอง” จ้าวชิงเฟิงเอะอะโวยวายเพราะความเมา “ลูกผู้ชายอกสามศอกถูกอุ้มด้ายยางงาย...” “อกเจ้าไม่ถึงสามศอก ย่อมต้องถูกอุ้ม” ชินอ๋องเอ่ยอย่างนึกขัน “อย่าดิ้นสิฟูเหริน” พอถึงห้องนอน...ชินอ๋องก็วางจ้าวชิงเฟิงนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ จ้าวชิงเฟิงผวาลุกขึ้น “ข้าจาอ้วก...โอ้กกกก” เจียงจ้านว่องไว คว้ากระโถนมารองรับไว้ทัน จ้าวชิงเฟิงอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ชินอ๋องก็ช่วยลูบหลังให้ พออาเจียนเสร็จ...จ้าวชิงเฟิงก็ผล็อยหลับไป ชินอ๋องจัดการเช็ดหน้าตาเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พระชายาด้วยตัวเอง เจียงจ้านจะช่วยทำให้ก็ไม่ยอม จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ชินอ๋องจึงให้เจียงจ้านช่วยปรนนิบัติอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองบ้าง ก่อนเข้านอนชินอ๋องยังสั่งเจียงจ้านว่า “พรุ่งนี้เช้าจัดน้ำแกงสร่างเมาให้ฟูเหรินด้วย” “ขอรับ” เจียงจ้านรับคำ แล้วออกจากห้องไป ชินอ๋องจึงล้มตัวลงนอนเค
ที่หอหมื่นบัณฑิต...จ้าวชิงเฟิงได้พบกับบุคคลที่ไม่ได้คิดว่าจะได้พบ เขาคืออี้อัน วันนี้เขาแต่งกายสุภาพเรียบร้อย แม้ไม่หรูหรา แต่เนื้อผ้าดีสีเขียวหยก อี้อันมองเห็นจ้าวชิงเฟิงกับชินอ๋องก็ตรงเข้ามาประสานมือน้อมคำนับ “คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา” “อืม/อืม” ชินอ๋องกับจ้าวชิงเฟิงต่างพยักหน้ารับคารวะ “คุณชายอี้อัน...มาทำอะไรที่หอหมื่นบัณฑิตนี่?” จ้าวชิงเฟิงถาม “เรียนพระชายา...ข้าน้อยมาแสดงผลงาน เพื่อฟังคำติชมของเหล่าบัณฑิตขอรับ และถือโอกาสศึกษาผลงานของผู้อื่นไปด้วยขอรับ” อี้อันกล่าวด้วยทีท่านอบน้อม “ที่แท้ท่านก็เป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง...นับถือ ๆ” “หามิได้พระชายา...ข้าน้อยเป็นเพียงนักศึกษาต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น ที่เข้าหอหมื่นบัณฑิตนี้ได้ ล้วนอาศัยบารมีของท่านมหาอำมาตย์ช่วยส่งเสริมขอรับ” อี้อันกล่าวตามจริง... หอหมื่นบัณฑิตจะต้องเป็นบัณฑิตจึงจะเข้าเป็นสมาชิกได้ หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีเจ้าใหญ่นายโตค้ำประกัน ยิ่งกว่านั้น การแสดงผลงานจะต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมิใช่น้อย เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นปัญหาสำห
พระสนมเอกซูเฟยชิวเหมยกุ้ย อายุ 22 ปี รูปร่างหน้าตาสวยงามปานภาพวาด ในความอ่อนโยนมีความสง่างาม นางต้อนรับจ้าวชิงเฟิงที่ศาลาชมอุทยาน เป็นการป้องกันการครหานินทาด้วย จ้าวชิงเฟิงประสานมือน้อมคำนับ “คารวะพระสนมเอกขอรับ” นางพยักหน้ารับการคารวะ “เชิญนั่งก่อนพระชายา” จ้าวชิงเฟิงรอให้นางนั่งลงก่อน จึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนาง บนโต๊ะหินที่กั้นระหว่างคนทั้งสองมีชุดน้ำชา และจานขนมมากมายวางอยู่ “พระสนมเอกมีธุระอันใดกับข้าน้อยขอรับ?” จ้าวชิงเฟิงกล่าวถามตรงๆ พระสนมเอกหัวเราะเสียงหวาน “เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร เพียงแค่ข้าเหงา อยากหาเพื่อนสนทนาเท่านั้น” จ้าวชิงเฟิงรู้สึกแปลกๆ กับถ้อยคำของนาง นางจะมาไม้ไหน? “นักปราชญ์กล่าว...ยิ่งสูงยิ่งหนาว...ช่างเป็นความจริงนัก” นางยกถ้วยน้ำชาที่นางกำนัลรินให้ขึ้นดื่มก่อนจะกล่าวต่อ “ฐานะยิ่งสูงส่ง ยิ่งหาเพื่อนสนทนาด้วยไม่ได้...ในเวลานี้ ผู้ที่มีฐานะเหมาะสมที่ข้าจะสนทนาด้วย ก็เห็นจะมีแต่พระชายาเท่านั้น” “.....” “ในฐานะที่เป็นภรรยาเอก ข้าต้อง
มหาอำมาตย์เกาชงมองผู้มาเยือนอย่างประหลาดใจ พอได้สติก็รีบประสานมือน้อมคำนับ “คารวะท่านอ๋องและพระชายา” “ไม่ต้องมากพิธี” ชินอ๋องกล่าว “วันนี้ข้าตั้งใจพาฟูเหรินมาเยี่ยมท่านโดยเฉพาะ” “ขออภัยที่ข้าน้อยต้อนรับบกพร่อง” มหาอำมาตย์เกาชงกล่าวพลางผายมือ “เชิญท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปนั่งด้านในก่อนขอรับ” เมื่อทั้งสามเข้าไปนั่งในห้องโถงรับรองของจวนมหาอำมาตย์เรียบร้อย บ่าวทาสจากจวนชินอ๋องก็นำของฝากล้ำค่ามีราคาเข้ามาสี่หาบใหญ่ มาวางไว้ในห้องโถงแห่งนั้น ของเหล่านั้นเป็นชินอ๋องสั่งให้จัดหามาทั้งสิ้น “นี่คือของกำนัลที่ฟูเหรินของข้านำมาคารวะท่านซึ่งเป็นพ่อตาของเขา” ชินอ๋องกล่าว พลางผายมือไปที่สิ่งของในหีบห่อสีแดง มหาอำมาตย์เกาชงมองมาที่จ้าวชิงเฟิงด้วยนัยน์ตาแดงระเรื่อขึ้น...อดคิดถึงบุตรสาวที่จากไปไม่ได้ จ้าวชิงเฟิงรับรู้ได้...จึงถามเสียงเบา “ท่านพ่อตา...หมู่นี้สบายดีหรือไม่?” “ดีๆ...ข้าสบายดี” “ข้าขออภัย ที่มาเยี่ยมเยียนท่านช้านัก” “มาก็ดีแล้ว...เอ้อ...พระชายา” “ท่านอย่าเรียกข้า.
“ตาเฒ่าเกาชงเป็นพ่อตาของคนแซ่จ้าว” พระสนมเอกซูเฟยกัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อหลายวันก่อน ข้าเรียกคนแซ่จ้าวมาสนทนาด้วยเรื่องของมู่ตาน เขาทำท่าทางสงบเสงี่ยม แต่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับปาก ข้าจึงพูดถึงอิทธิพลอำนาจของตระกูลชิว เพื่อข่มขวัญเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมารยาออดอ้อนชินอ๋องให้ไปผูกไมตรีกับตระกูลเกาเสียได้” “เช่นนี้...เรื่องที่จะให้มู่ตานเป็นพระชายารองของชินอ๋อง ดูท่าจะยากเสียแล้ว” มหาเสนาบดีถอนหายใจ “ในยามนี้บุรุษที่มีฐานะคู่ควรกับมู่ตานก็มีไม่มากนัก ชินอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนอ๋องห้าก็เสเพลไม่ได้เรื่องได้ราว เอาแต่เสพสุขไปวันๆ” “เอาเช่นนี้สิท่านพ่อ” พระสนมเอกซูเฟยเสนอความคิด “รอดูบัณฑิตใหม่ของปีนี้ ว่าบัณฑิตทั้งสามคน ผู้ใดหน่วยก้านดี ก็เลือกคนนั้น ข้าจะขอสมรสพระราชทานให้กับมู่ตาน...ตาเฒ่าเกาชงสนับสนุนบุตรบุญธรรมของเขา ท่านพ่อก็สนับสนุนบุตรเขย...ดูซิว่า ระหว่างบุตรบุญธรรมคนเดียวของตาเฒ่าเกาชง จะสู้บุตรทั้งสองคนและบุตรเขยตระกูลชิวได้หรือไม่” “เกรงจะไม่ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ” มหาเสนาบดีมีสีหน้าระอา “มู่ตานเอาแต่ใจ ร่ำร้องแต่จะแต่งกับชินอ๋อง ตั้
คณะทูตจากซีเซี่ยมาเยือนต้าหนาน... ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ราชทูตเข้าเฝ้าในท้องพระโรง ราชทูตแห่งซีเซี่ยถวายเครื่องบรรณาการ และราชสาส์นสู่ขอองค์หญิงหมิงจูให้กับรัชทายาทซีเซี่ย ฮ่องเต้ขอเวลาพิจารณาเรื่องสู่ขอสามวัน อีกสามวันจะจัดเลี้ยงคณะทูตและให้คำตอบ อ๋องห้าไปที่ตำหนักขององค์หญิงหมิงจู เล่าเรื่องที่ราชทูตจากซีเซี่ยมาสู่ขอนางให้นางฟัง “ทำไมข้าต้องแต่งไปซีเซี่ยด้วย?” องค์หญิงหมิงจูกล่าวด้วยดวงหน้าบูดบึ้ง “เจ้าปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้วนะ...ไม่แต่งตอนนี้ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่?” “ข้าไม่ได้ชอบรัชทายาทซีเซี่ยสักหน่อย” องค์หญิงตอบเสียงสะบัด “แล้วเจ้าชอบใคร?” “.....” “อย่าบอกนะว่าชอบจ้าวชิงเฟิง?” “.....” “ข้าล่ะเห็นใจเจ้าจริงๆ...คู่ยวนยาง(นกเป็ดน้ำแมนดาริน มักจะอยู่กันเป็นคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว เป็นตัวแทนรักแท้ของชายหญิง)ที่ดี กลับถูกชินอ๋องฉกชิงไปเสียนี่” “พี่ห้า อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก” องค์หญิงเสียงเครือ “ไม่ให้ข้าพูดออกมาบ้าง ข้าก็รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมแท
เจ็ดวันต่อมา... คณะทูตของซีเซี่ยก็เดินทางกลับ พร้อมกับนำขบวนเดินทางไปอภิเษกสมรสขององค์หญิงหลี่หมิงจูไปด้วย ทางด้านอ๋องห้าได้ส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอคุณหนูชิวมู่ตาน บุตรสาวคนเล็กของมหาเสนาบดีชิวสง “ท่านเจ้าขา...บุตรเขยเช่นอ๋องห้า มิใช่จะหาได้ง่ายๆ นะเจ้าคะ” แม่สื่อจีบปากจีบคอกล่าว “อ๋องห้ารูปโฉมงามสง่า ข้าไม่เถียง แต่เขามีอนุหญิงชายมากมาย นิสัยเสเพลไม่เอาการเอางาน...ข้าเกรงว่าบุตรสาวของข้าแต่งไปแล้วต้องกลัดกลุ้มเพราะเหล่าอนุเป็นเหตุ” มหาเสนาบดีกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “โหะๆๆ...” ลิ้นแม่สื่อมีหรือจะจนหนทาง “คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า...ภรรยาที่ดีสามารถเปลี่ยนแปลงสามีได้ คุณหนูมู่ตานทั้งสวยทั้งฉลาด ย่อมสามารถชักนำให้ท่านอ๋องห้าเลิกความเคยชินเก่าก่อน ให้ท่านอ๋องห้ากลับกลายเป็นเปี่ยมล้นด้วยความสามารถและสง่าราศีได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องอนุหญิงชายนั้น มีผู้ใดสามารถกล้าเปรียบเทียบกับคุณหนูมู่ตานเล่า คุณหนูมู่ตานจะแต่งไปเป็นพระชายาเอกนะเจ้าคะ จะให้อนุคนใดเป็นหรือตายก็ย่อมได้ อีกประการหนึ่งคุณหนูก็อายุสิบเจ็ดแล้ว รอช้านักจะกลายเป็นดอกไ
ชินอ๋องสั่งปิดประตูเมือง ให้ทหารตรวจค้นทุกซอกทุกมุม เป็นเรื่องเอิกเกริกจนฮ่องเต้ส่งคนมาถาม “ท่านอ๋อง...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขอรับ?” ขันทีจากวังหลวงค้อมกายถามเสียงนุ่ม “อ๋องห้าลักพาตัวพระชายาของข้าไป” ชินอ๋องตอบเสียงมะนาวไม่มีน้ำ “ว้าย...ตายแล้ว...นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? วันนี้มิใช่อ๋องห้าแต่งพระชายาหรอกหรือ?” ชินอ๋องหงุดหงิดรำคาญ จึงให้ขันทีจากวังหลวงไปไถ่ถามเรื่องราวจากองครักษ์คนหนึ่งแทน สลัดหลุดจากขันทีจากวังหลวง ก็มาเจอมหาเสนาบดีชิวสงส่งเสียงเอะอะโวยวาย “บุตรสาวข้าอยู่ที่ไหนๆ...” ชินอ๋องพยักหน้าให้องครักษ์อีกนายหนึ่ง เอ่ยเสียงรำคาญว่า “เจ้าไปจัดการที” องครักษ์ค้อมศีรษะรับคำสั่ง แล้ววิ่งไปรับหน้ามหาเสนาบดีทันที “คุณหนูชิวอยู่ทางนี้ขอรับ” องครักษ์บอกมหาเสนาบดีแล้ว พาไปยังห้องห้องหนึ่งของตำหนักอ๋องห้า “คุณหนูชิวอยู่ในห้องนี้ขอรับ” มหาเสนาบดีได้ยินเสียงกุกกักๆ พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็น...ชิวมู่ตานถูกมัดมือมัดเท้ามีผ้าอุดปาก นั่งอยู่บนเตียง กำลังดิ้นรน “ทำไมพวกเจ้าทำกับบุตรสาว
เจ็ดวันต่อมา... คณะทูตของซีเซี่ยก็เดินทางกลับ พร้อมกับนำขบวนเดินทางไปอภิเษกสมรสขององค์หญิงหลี่หมิงจูไปด้วย ทางด้านอ๋องห้าได้ส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอคุณหนูชิวมู่ตาน บุตรสาวคนเล็กของมหาเสนาบดีชิวสง “ท่านเจ้าขา...บุตรเขยเช่นอ๋องห้า มิใช่จะหาได้ง่ายๆ นะเจ้าคะ” แม่สื่อจีบปากจีบคอกล่าว “อ๋องห้ารูปโฉมงามสง่า ข้าไม่เถียง แต่เขามีอนุหญิงชายมากมาย นิสัยเสเพลไม่เอาการเอางาน...ข้าเกรงว่าบุตรสาวของข้าแต่งไปแล้วต้องกลัดกลุ้มเพราะเหล่าอนุเป็นเหตุ” มหาเสนาบดีกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “โหะๆๆ...” ลิ้นแม่สื่อมีหรือจะจนหนทาง “คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า...ภรรยาที่ดีสามารถเปลี่ยนแปลงสามีได้ คุณหนูมู่ตานทั้งสวยทั้งฉลาด ย่อมสามารถชักนำให้ท่านอ๋องห้าเลิกความเคยชินเก่าก่อน ให้ท่านอ๋องห้ากลับกลายเป็นเปี่ยมล้นด้วยความสามารถและสง่าราศีได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องอนุหญิงชายนั้น มีผู้ใดสามารถกล้าเปรียบเทียบกับคุณหนูมู่ตานเล่า คุณหนูมู่ตานจะแต่งไปเป็นพระชายาเอกนะเจ้าคะ จะให้อนุคนใดเป็นหรือตายก็ย่อมได้ อีกประการหนึ่งคุณหนูก็อายุสิบเจ็ดแล้ว รอช้านักจะกลายเป็นดอกไ
คณะทูตจากซีเซี่ยมาเยือนต้าหนาน... ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ราชทูตเข้าเฝ้าในท้องพระโรง ราชทูตแห่งซีเซี่ยถวายเครื่องบรรณาการ และราชสาส์นสู่ขอองค์หญิงหมิงจูให้กับรัชทายาทซีเซี่ย ฮ่องเต้ขอเวลาพิจารณาเรื่องสู่ขอสามวัน อีกสามวันจะจัดเลี้ยงคณะทูตและให้คำตอบ อ๋องห้าไปที่ตำหนักขององค์หญิงหมิงจู เล่าเรื่องที่ราชทูตจากซีเซี่ยมาสู่ขอนางให้นางฟัง “ทำไมข้าต้องแต่งไปซีเซี่ยด้วย?” องค์หญิงหมิงจูกล่าวด้วยดวงหน้าบูดบึ้ง “เจ้าปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้วนะ...ไม่แต่งตอนนี้ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่?” “ข้าไม่ได้ชอบรัชทายาทซีเซี่ยสักหน่อย” องค์หญิงตอบเสียงสะบัด “แล้วเจ้าชอบใคร?” “.....” “อย่าบอกนะว่าชอบจ้าวชิงเฟิง?” “.....” “ข้าล่ะเห็นใจเจ้าจริงๆ...คู่ยวนยาง(นกเป็ดน้ำแมนดาริน มักจะอยู่กันเป็นคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว เป็นตัวแทนรักแท้ของชายหญิง)ที่ดี กลับถูกชินอ๋องฉกชิงไปเสียนี่” “พี่ห้า อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก” องค์หญิงเสียงเครือ “ไม่ให้ข้าพูดออกมาบ้าง ข้าก็รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมแท
“ตาเฒ่าเกาชงเป็นพ่อตาของคนแซ่จ้าว” พระสนมเอกซูเฟยกัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อหลายวันก่อน ข้าเรียกคนแซ่จ้าวมาสนทนาด้วยเรื่องของมู่ตาน เขาทำท่าทางสงบเสงี่ยม แต่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับปาก ข้าจึงพูดถึงอิทธิพลอำนาจของตระกูลชิว เพื่อข่มขวัญเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมารยาออดอ้อนชินอ๋องให้ไปผูกไมตรีกับตระกูลเกาเสียได้” “เช่นนี้...เรื่องที่จะให้มู่ตานเป็นพระชายารองของชินอ๋อง ดูท่าจะยากเสียแล้ว” มหาเสนาบดีถอนหายใจ “ในยามนี้บุรุษที่มีฐานะคู่ควรกับมู่ตานก็มีไม่มากนัก ชินอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนอ๋องห้าก็เสเพลไม่ได้เรื่องได้ราว เอาแต่เสพสุขไปวันๆ” “เอาเช่นนี้สิท่านพ่อ” พระสนมเอกซูเฟยเสนอความคิด “รอดูบัณฑิตใหม่ของปีนี้ ว่าบัณฑิตทั้งสามคน ผู้ใดหน่วยก้านดี ก็เลือกคนนั้น ข้าจะขอสมรสพระราชทานให้กับมู่ตาน...ตาเฒ่าเกาชงสนับสนุนบุตรบุญธรรมของเขา ท่านพ่อก็สนับสนุนบุตรเขย...ดูซิว่า ระหว่างบุตรบุญธรรมคนเดียวของตาเฒ่าเกาชง จะสู้บุตรทั้งสองคนและบุตรเขยตระกูลชิวได้หรือไม่” “เกรงจะไม่ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ” มหาเสนาบดีมีสีหน้าระอา “มู่ตานเอาแต่ใจ ร่ำร้องแต่จะแต่งกับชินอ๋อง ตั้
มหาอำมาตย์เกาชงมองผู้มาเยือนอย่างประหลาดใจ พอได้สติก็รีบประสานมือน้อมคำนับ “คารวะท่านอ๋องและพระชายา” “ไม่ต้องมากพิธี” ชินอ๋องกล่าว “วันนี้ข้าตั้งใจพาฟูเหรินมาเยี่ยมท่านโดยเฉพาะ” “ขออภัยที่ข้าน้อยต้อนรับบกพร่อง” มหาอำมาตย์เกาชงกล่าวพลางผายมือ “เชิญท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปนั่งด้านในก่อนขอรับ” เมื่อทั้งสามเข้าไปนั่งในห้องโถงรับรองของจวนมหาอำมาตย์เรียบร้อย บ่าวทาสจากจวนชินอ๋องก็นำของฝากล้ำค่ามีราคาเข้ามาสี่หาบใหญ่ มาวางไว้ในห้องโถงแห่งนั้น ของเหล่านั้นเป็นชินอ๋องสั่งให้จัดหามาทั้งสิ้น “นี่คือของกำนัลที่ฟูเหรินของข้านำมาคารวะท่านซึ่งเป็นพ่อตาของเขา” ชินอ๋องกล่าว พลางผายมือไปที่สิ่งของในหีบห่อสีแดง มหาอำมาตย์เกาชงมองมาที่จ้าวชิงเฟิงด้วยนัยน์ตาแดงระเรื่อขึ้น...อดคิดถึงบุตรสาวที่จากไปไม่ได้ จ้าวชิงเฟิงรับรู้ได้...จึงถามเสียงเบา “ท่านพ่อตา...หมู่นี้สบายดีหรือไม่?” “ดีๆ...ข้าสบายดี” “ข้าขออภัย ที่มาเยี่ยมเยียนท่านช้านัก” “มาก็ดีแล้ว...เอ้อ...พระชายา” “ท่านอย่าเรียกข้า.
พระสนมเอกซูเฟยชิวเหมยกุ้ย อายุ 22 ปี รูปร่างหน้าตาสวยงามปานภาพวาด ในความอ่อนโยนมีความสง่างาม นางต้อนรับจ้าวชิงเฟิงที่ศาลาชมอุทยาน เป็นการป้องกันการครหานินทาด้วย จ้าวชิงเฟิงประสานมือน้อมคำนับ “คารวะพระสนมเอกขอรับ” นางพยักหน้ารับการคารวะ “เชิญนั่งก่อนพระชายา” จ้าวชิงเฟิงรอให้นางนั่งลงก่อน จึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนาง บนโต๊ะหินที่กั้นระหว่างคนทั้งสองมีชุดน้ำชา และจานขนมมากมายวางอยู่ “พระสนมเอกมีธุระอันใดกับข้าน้อยขอรับ?” จ้าวชิงเฟิงกล่าวถามตรงๆ พระสนมเอกหัวเราะเสียงหวาน “เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร เพียงแค่ข้าเหงา อยากหาเพื่อนสนทนาเท่านั้น” จ้าวชิงเฟิงรู้สึกแปลกๆ กับถ้อยคำของนาง นางจะมาไม้ไหน? “นักปราชญ์กล่าว...ยิ่งสูงยิ่งหนาว...ช่างเป็นความจริงนัก” นางยกถ้วยน้ำชาที่นางกำนัลรินให้ขึ้นดื่มก่อนจะกล่าวต่อ “ฐานะยิ่งสูงส่ง ยิ่งหาเพื่อนสนทนาด้วยไม่ได้...ในเวลานี้ ผู้ที่มีฐานะเหมาะสมที่ข้าจะสนทนาด้วย ก็เห็นจะมีแต่พระชายาเท่านั้น” “.....” “ในฐานะที่เป็นภรรยาเอก ข้าต้อง
ที่หอหมื่นบัณฑิต...จ้าวชิงเฟิงได้พบกับบุคคลที่ไม่ได้คิดว่าจะได้พบ เขาคืออี้อัน วันนี้เขาแต่งกายสุภาพเรียบร้อย แม้ไม่หรูหรา แต่เนื้อผ้าดีสีเขียวหยก อี้อันมองเห็นจ้าวชิงเฟิงกับชินอ๋องก็ตรงเข้ามาประสานมือน้อมคำนับ “คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา” “อืม/อืม” ชินอ๋องกับจ้าวชิงเฟิงต่างพยักหน้ารับคารวะ “คุณชายอี้อัน...มาทำอะไรที่หอหมื่นบัณฑิตนี่?” จ้าวชิงเฟิงถาม “เรียนพระชายา...ข้าน้อยมาแสดงผลงาน เพื่อฟังคำติชมของเหล่าบัณฑิตขอรับ และถือโอกาสศึกษาผลงานของผู้อื่นไปด้วยขอรับ” อี้อันกล่าวด้วยทีท่านอบน้อม “ที่แท้ท่านก็เป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง...นับถือ ๆ” “หามิได้พระชายา...ข้าน้อยเป็นเพียงนักศึกษาต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น ที่เข้าหอหมื่นบัณฑิตนี้ได้ ล้วนอาศัยบารมีของท่านมหาอำมาตย์ช่วยส่งเสริมขอรับ” อี้อันกล่าวตามจริง... หอหมื่นบัณฑิตจะต้องเป็นบัณฑิตจึงจะเข้าเป็นสมาชิกได้ หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีเจ้าใหญ่นายโตค้ำประกัน ยิ่งกว่านั้น การแสดงผลงานจะต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมิใช่น้อย เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นปัญหาสำห
จ้าวชิงเฟิงถูกชินอ๋องอุ้มออกจากงานเลี้ยงไปขึ้นรถม้ากลับจวน พอถึงจวนก็ถูกอุ้มเข้าตำหนักใหญ่ “ข้าม่ายมาว ปล่อยข้า ข้าจาเดินเอง” จ้าวชิงเฟิงเอะอะโวยวายเพราะความเมา “ลูกผู้ชายอกสามศอกถูกอุ้มด้ายยางงาย...” “อกเจ้าไม่ถึงสามศอก ย่อมต้องถูกอุ้ม” ชินอ๋องเอ่ยอย่างนึกขัน “อย่าดิ้นสิฟูเหริน” พอถึงห้องนอน...ชินอ๋องก็วางจ้าวชิงเฟิงนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ จ้าวชิงเฟิงผวาลุกขึ้น “ข้าจาอ้วก...โอ้กกกก” เจียงจ้านว่องไว คว้ากระโถนมารองรับไว้ทัน จ้าวชิงเฟิงอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ชินอ๋องก็ช่วยลูบหลังให้ พออาเจียนเสร็จ...จ้าวชิงเฟิงก็ผล็อยหลับไป ชินอ๋องจัดการเช็ดหน้าตาเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พระชายาด้วยตัวเอง เจียงจ้านจะช่วยทำให้ก็ไม่ยอม จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ชินอ๋องจึงให้เจียงจ้านช่วยปรนนิบัติอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองบ้าง ก่อนเข้านอนชินอ๋องยังสั่งเจียงจ้านว่า “พรุ่งนี้เช้าจัดน้ำแกงสร่างเมาให้ฟูเหรินด้วย” “ขอรับ” เจียงจ้านรับคำ แล้วออกจากห้องไป ชินอ๋องจึงล้มตัวลงนอนเค
หลังจากมีราชโองการถอดถอนชื่อตู้จินเหลียนออกจากตำแหน่งพระชายาแห่งชินอ๋องแล้ว ลำดับชื่อในราชวงศ์ของตู้จินเหลียนก็ถูกลบทิ้ง ชื่อของจ้าวชิงเฟิงขยับขึ้นมาเป็นพระชายาชินอ๋องโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ชื่อของนางอีกต่อไป วันนี้...ชินอ๋องจะพาจ้าวชิงเฟิงมาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพขององค์ฮ่องเต้ จ้าวชิงเฟิงถูกบรรดาขันทีกับสาวใช้ช่วยกันจับแต่งตัวเสียยกใหญ่ “หยุดก่อน” จ้าวชิงเฟิงยกมือห้ามเสี่ยวหงที่กำลังจะทำอะไรสักอย่างบนดวงหน้าของเขา “เจ้าจะทำอะไร?” “ผัดแป้ง เขียนคิ้ว เติมชาด เจ้าค่ะ” “หยุดเลย...ข้าไม่ใช่สตรี” “พระชายา...” เสี่ยวชุ่ยเอ่ยแทรกขึ้น “พวกคุณชายผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายล้วนผัดแป้งแต่งหน้ากันทั้งนั้น ไม่ปล่อยให้หน้าหมอง มันเยิ้ม มอมแมม หรอกเจ้าค่ะ” “ข้าเห็นซือหมิงก็ไม่ได้ผัดแป้งแต่งหน้า” จ้าวชิงเฟิงยกตัวอย่าง เสี่ยวชุ่ยเบะปาก “บุรุษหยาบกร้าน” “ท่านอ๋องก็ด้วย” จ้าวชิงเฟิงยังไม่ยอมแพ้ “ท่านอ๋องเป็นข้อยกเว้นเจ้าค่ะ” เสี่ยวหงกล่าว “อย่างไรเสีย...ข้าก็ไม่ยอมแต่งหน้า” จ