ฉงชูโม่ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาตอนนี้อยู่ในน้ำ ต่อให้นางจะมีพลังเหนือธรรมชาติก็มิสามารถออกแรงใช้ได้เห็นปากใหญ่ของงูยักษ์กำลังจะงับลงมา ฉินซูตะโกนทันที “สูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้!”ฉงชูโม่ทำตามสัญชาตญาณทันทีที่นางสูดหายใจ ฉินซูก็โอบนางแล้วดำลงไปในน้ำในเวลาเดียวกัน หัวขนาดใหญ่ของงูยักษ์ก็พุ่งลงไปในน้ำตูม!!เสียงดังสนั่น น้ำกระเซ็นไปทั่ว!ฉินซูหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นงูยักษ์บิดตัวที่ใหญ่และยาวไล่ตามมารวดเร็วอย่างมิลดละฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ว่า งูเหลือมตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ขนาดใหญ่กว่าต้นขาของนางเสียอีก! และดูเหมือนว่ามันจะมีความยาวอย่างน้อยสี่หรือห้าจั้ง! สตรีมีความกลัวต่อสิ่งมีชีวิตประเภทงูโดยธรรมชาติ แม้แต่ฉงชูโม่ที่แข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเวลานี้ นางรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีขุมขนลุกขึ้นทั่วร่างกาย และร่างกายของนางก็สั่นโดยมิสามารถควบคุมได้ ในเวลานี้ ฉินซูกำลังอุ้มนางและใกล้จะว่ายน้ำถึงฝั่งแล้วแต่ทันใดนั้นดวงตาของฉงชูโม่ก็หดลงอีกครั้ง นางรีบตบฉินซูอย่างรวดเร็ว และชี้ไปข้างหลังมิหยุดฉินซูหันกลับไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่างูยักษ์ตัวนั้นได้ว่ายน้ำ
เพียงแต่ว่านางว่ายน้ำมิเป็นเลย ครั้นลงไปในน้ำก็เหวี่ยงแขนไปมา ทว่าก็ยังคงอยู่ที่เดิม มิสามารถว่ายไปได้เลยในน้ำที่ขุ่นมัว นางเห็นราง ๆ ว่าฉินซูหันกลับมามองนางอย่างคลุมเครือจากนั้นฉินซูก็ถูกงูยักษ์ลากไปไกล จนลับหายไปจากสายตาของนางฉงชูโม่ดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง ก็คลำหินที่อยู่ใต้น้ำกลับไปที่ฝั่งหลังจากลุกขึ้นจากน้ำ นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท... ฉินซู ฉินซู รีบออกมาเร็ว รีบออกมาสิเพคะ!”นางกลัวจนน้ำตาคลอเบ้า ฉินซูถูกงูยักษ์ลากไปใต้น้ำ ถึงแม้ว่ายน้ำเป็น แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เขาจะทนได้นานฉงชูโม่คิดหาวิธีอย่างร้อนใจนางคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้นางตะโกนสุดเสียงก็คงไม่มีใครตอบรับ“ฉินซู ท่านจะตายมิได้ หากท่านตาย หม่อมฉันจะไปบอกองค์จักรพรรดิอย่างไร จะไปบอกหลินชิงเหยาอย่างไร...”ฉงชูโม่โกรธจนควบคุมอารมณ์มิอยู่ จึงยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วฟันไปที่ผิวน้ำหลายสิบครั้งกระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงตกลงไปในน้ำทีละครั้ง ทำให้น้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างนางก็มิกล้าใช้พลังทั้งหมดด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะเผลอไปทำร้ายฉินซูเข้าในตอนนั้นเอง นางสัง
ฉินซูพูดต่อว่า “โชคดีที่เก็บกริชนี้ได้ มิเช่นนั้นข้าคงต้องกลายเป็นอาหารในท้องของเจ้ายักษ์นี่เป็นแน่”“เมื่อครู่นี้ท่านทำให้หม่อมฉันตกใจแทบแย่ หม่อมฉันคิดว่าท่าน...”“คิดว่าข้าถูกมันกินไปแล้วรึ? มิต้องห่วง ข้าหนังเหนียวมาก สัตว์ร้ายตัวนี้ทำอะไรข้ามิได้หรอก แต่ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดเล่า?”เห็นฉินซูพูดเรื่องที่มิควรพูด ฉงชูโม่จึงจ้องเขาด้วยความโกรธ “หม่อมฉันก็แค่คิดว่าท่านถูกงูยักษ์กินไปแล้ว หากท่านสิ้นพระชนม์ไป องค์จักรพรรดิจะทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันหรือ? แล้วคนรักเก่าของท่านก็คงจะมาเอาเรื่องหม่อมฉันด้วย” “อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้ายังคิดว่า…”“ฮึ่ม ก็แค่นี้แหละ ท่านยังคิดว่าอะไรอีกเล่า?”“ไม่มีอะไร มาช่วยกันหน่อย ถลกหนังงูออก เนื้องูนี่เป็นของบำรุงชั้นดีเลย ย่างกินอร่อยกรุบเชียว!”หลังจากพูดจบ ฉินซูก็ใช้กริชตัดหัวงูเหลือมตัวใหญ่ออกอย่างมิลังเล จากนั้นก็โยนหัวงูลงไปในสระน้ำทันที แล้วเขาก็เริ่มลอกหนังงูเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วของฉงชูโม่ก็ขมวดเล็กน้อย นางรู้สึกต้านทานในใจเล็กน้อย และรู้สึกคลื่นไส้อีกด้วยฉินซูสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง จึงพูดอย่างประหลาดใจว่า “มิ
ในที่สุด ฉินซูก็ถามด้วยความขุ่นเคืองว่า “ฉงชูโม่ เจ้าวางแผนต่อต้านข้าอยู่ใช่หรือไม่?”“ท่านเป็นคนบอกว่าจะมอบมันให้หม่อมฉันเอง ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท จะกลับคำพูดมิได้กระมัง”“ก็ได้ มอบให้เจ้าก็มอบให้เจ้า ข้าก็มิได้ใช้มันอยู่แล้ว” ฉินซูมิได้ใส่ใจนัก อาวุธเป็นสิ่งที่เขามิเดือดร้อนว่าจะมีหรือไม่มีฉงชูโม่ดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะเก็บกริชเข้าฝักฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าแล้ว เจ้าจะรีบเก็บมันไปหาปะไรเล่า รีบถลกหนังงูออกมาก่อนสิ นี่เป็นของดี หากเอามาเย็บเป็นชุดเกราะ เจ้าจะได้อยู่ยงคงกระพันในสนามรบเลยทีเดียว”ฉงชูโม่คิดว่าตัวเองฟังผิด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “องค์รัชทายาท ท่านหมายความว่า จะให้หม่อมฉันนำหนังงูนี้ไปทำชุดเกราะงั้นหรือ?”“ใช่แล้ว ดาบธรรมดามิสามารถตัดผ่านได้เลย หนังงูนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก เหมาะที่จะนำมาทำเป็นชุดเกราะชั้นใน เมื่อถึงตอนนั้น เวลาที่เจ้าสวมมันออกไปต่อสู้ ก็จะไม่มีอาวุธใดทำอันตรายเจ้าได้ พวกศัตรูเห็นเข้า ก็คงจะกลัวจนหนีกระเจิงไปเลย”ในใจของฉงชูโม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีนางมิเคยคิดเลยว่า ฉินซูจะใจกว้างกับนางมากถึงเพียงนี้กริชที
ฉงชูโม่มองไปยังถ้ำที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบ่อน้ำ แล้วกล่าวเตือนว่า “หากท่านกล้าแอบดู หม่อมฉันสาบานว่าจะควักลูกตาของท่านออกมา!”หลังจากพูดจบ นางก็แกะห่อผ้าออกจากอานม้าแล้วเดินไปยังถ้ำฉินซูยังคงย่างเนื้องูต่อไปหลังจากที่ฉงชูโม่มาถึงถ้ำ นางก็จุดตะบันไฟไฟขึ้นมาจากนั้นก็สังเกตเห็นว่า ถ้ำนี้มิได้ลึกมาก และภายในก็เต็มไปด้วยผนังหินที่เรียบลื่น มองเห็นได้ชัดเจน มิต้องกังวลว่าจะมีแมงมุม หรือสัตว์เลื้อยคลานใด ๆนางมองออกไปนอกถ้ำ เห็นฉินซูยังคงย่างเนื้องูอยู่ตรงนั้น นางจึงหยิบอาภรณ์ออกมาจากห่อผ้าและเปลี่ยนชุดหลังจากเปลี่ยนเสร็จ นางกำลังจะออกไปแต่ในขณะนั้น หางตาของนางก็เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างดังนั้นนางจึงหันไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่ามีไข่ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในมุมของถ้ำ!“ไข่นกใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ขณะที่นางกำลังประหลาดใจ นางก็เอาไข่ไปด้วยเมื่อกลับไปที่ข้าง ๆ ฉินซู นางก็พูดว่า “หม่อมฉันเจอไข่นกในถ้ำ ท่านอยากจะย่างเสวยหรือไม่?”พูดไปก็หยิบไข่ออกมาฉินซูมองดู แล้วมีความรู้สึกประหลาดใจ“ไข่นก? แถวนี้ไม่มีนกกระจอกเทศ ไข่นกใหญ่ขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”“นกกระจอกเทศ? นกอะไรหรือ?” ฉงชูโม
เมื่อสบตากับฉงชูโม่ ฉินซูก็รู้สึกได้ว่าเลือดในกายพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม เขาอดมิได้ที่จะโน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้างามของอีกฝ่าย ฉงชูโม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น เมื่อฉินซูโน้มใบหน้าเข้ามา นางมิเพียงแต่มิหลบเลี่ยง แต่ยังเผยอปากรับเขาอีกด้วย ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ฉงชูโม่โอบแขนรอบคอฉินซู และจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง ฉินซูก็มินิ่งเฉย เขาตอบสนองนางไปพร้อมกับที่มือของเขาไล้ไปทั่วร่างกายของนาง ทั้งสองค่อย ๆ สูญเสียการควบคุม เหลือเพียงแรงกระตุ้นดิบ ๆ อยู่ในหัวเท่านั้นมินาน ฉงชูโม่ก็โอบคอฉินซู และนอนลงบนพื้นหญ้าอย่างช้า ๆ ฉินซูจูบลงไปตามลำคอที่ผิวเนียนละเอียดของนางอย่างแผ่วเบา เขาใกล้จะได้สัมผัสกับดินแดนแห่งความสุขที่บุรุษทุกคนใฝ่ฝันแต่ในตอนนั้นเอง!“ฮี้ ฮี้...”ม้าที่กำลังกินหญ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาในเวลาที่มิเหมาะสมฉินซูรู้สึกตัวขึ้นมาทันที!เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังใกล้ชิดกับฉงชูโม่ เขาก็อดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กำลังคิดที่จะทำต่อแต่เขายังมิทันได้จูบลงไป ก็มีมือข้างหนึ่งตบเข้ามาเพียะ!ฉินซูโดนตบเข้าที่หน้าอย่างจัง!เขาเอามือ
“กลัวอะไร นี่มันบำรุงได้ดีเลยนะ หลังจากที่ข้ากินเนื้องูแล้ว ความเหนื่อยล้าทั้งร่างก็หายไปหมดเลย”“เอ่อ… ท่านพูดเช่นนั้น หม่อมฉันก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเช่นกัน อีกอย่าง… อีกอย่างเหมือนกำลังภายในจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย”“ไม่หรอกกระมัง เนื้องูยังเพิ่มกำลังภายในได้อีกด้วยหรือ?” ฉินซูมองฉงชูโม่ด้วยความประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง “จะหลอกท่านหาสิ่งใดเล่า แต่หม่อมฉันแข็งแกร่งขนาดนี้ ยังต้องหมุนเวียนลมปราณเพื่อระงับผลข้างเคียง แล้วไฉนท่านถึงมิเป็นไรเลย?”ฉินซูตอบโดยมิคิด “บางที คนที่แข็งแกร่งกว่า อาจได้รับผลกระทบที่ลึกซึ้งกว่า ตอนนี้ข้ามิเป็นอะไรเลย”ฉงชูโม่ยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นในความคิดของนาง แม้ว่าฉินซูจะรู้วิทยายุทธจริง ๆ ก็มิน่าจะแข็งแกร่งกว่านางได้หากมองจะมุมที่แย่ที่สุด ถึงแม้ว่าฉินซูจะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง ก็คงมิแข็งแกร่งไปกว่านี้มากนัก มิเช่นนั้นฉินซูคงมิโดนผลกระทบน้อยขนาดนี้เห็นฉินซูย่างเนื้อเสร็จแล้ว นางก็อยากจะกินอีกหน่อย แต่ก็กลัวว่าเลือดลมจะพลุ่งพล่านจนควบคุมมิอยู่ ได้แต่มองตาปริบ ๆ และกลืนน้ำลายเท่านั้นฉินซูมองนางด้วย
ชายร่างใหญ่พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “เช่นนั้นก็ฟังให้ดี พวกเราคือห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน คนนี้คือพี่ใหญ่ของเรา ตงฟางไป๋ ฉายาในยุทธภพคือมังกรข้ามแม่น้ำ! ส่วนข้า คือเศียรเสือดาว ตงฟางโซ่ว!”ฉินซูมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วพึมพำว่า “ห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานอะไรกัน มิเคยได้ยินมาก่อนเลย!”ตงฟางโซ่วโกรธจนแทบคลั่ง ตะโกนว่า “นั่นเพราะเจ้าโง่เขลา! พูดมากหาปะไร มิอยากมีเรื่องก็รีบไสหัวไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเตือน!”ชายร่างใหญ่ข้าง ๆ เขาตะโกนเสียงดังว่า “พี่รอง จะไปเสียเวลากับพวกมันด้วยเหตุใดเล่า รีบไปล่อเจ้าเดรัจฉานนั่นออกมา พวกเขามิไป ก็ปล่อยให้เป็นอาหารของเจ้าเดรัจฉานนั่นซะ”“ใช่ พวกเรายังสามารถฉวยโอกาสตอนที่เจ้าเดรัจฉานนั่นกำลังกินเจ้านี่อยู่ แอบเข้าไปโจมตีมันจากด้านหลังได้... เอ๊ะ? นั่นอะไรน่ะ?”อีกคนพูดพลางมองไปทางด้านหลังของฉินซูโดยมิตั้งใจ แล้วก็สังเกตเห็นชิ้นเนื้อยาว ๆ ที่นอนอยู่ด้านหลังเขาเมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็หันไปมองตามทิศทางที่เขาชี้“เอ๊ะ?! นั่นดูเหมือน... เนื้องูหรือเปล่า?”“เนื้องูจริง ๆ ด้วย เจ้าดูสิ ตรงนั้นที่ตากไว้นั่นมิใช่หนังงูหรอกรึ!”“หนังงูสีทอง?!
จบเห่แล้ว!กู้เสวี่ยเจี้ยนหน้าซีดเผือด หัวใจดิ่งวูบลงสู่ก้นบึ้ง!แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีร่างหนึ่งวาบผ่านมาอยู่ตรงหน้านาง ฉินซูยืนขวางนางไว้!เห็นเพียงฉินซูตบฝ่ามือออกไป!ในวินาทีต่อมา กระแสพลังฝ่ามือแข็งแกร่งสองสายก็ปะทะกันอย่างรุนแรง“เปรี้ยง!!”กระแสพลังฝ่ามือระเบิดออก ปราณบริสุทธิ์บ้าคลั่งกลายเป็นปราณวายุม้วนตัว พุ่งออกไปรอบด้านต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้เคียงถูกกดจนล้มลงไปอีกเป็นจำนวนมาก!กู้เสวี่ยเจี้ยนเองก็ถูกคลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้ผลักให้ถอยร่นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน!หากไม่มีฉินซูคอยปกป้องป่านนี้นางคงถูกพัดกระเด็นไปแล้วแต่ถึงกระนั้น ภายใต้แรงกดดันของปราณวายุที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ร่างของฉินซูก็ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างห้ามมิได้สุดท้ายจึงไปพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจึงทรงตัวอยู่ได้"เอ๋?!"ฉินซูอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะเขาพบว่าซ่างกวนอวิ๋นซีที่อยู่ตรงข้ามก็ถอยหลังไปสองก้าวเช่นกัน!สิ่งนี้ทำให้เขางุนงงมากเมื่อครู่ซ่างกวนอวิ๋นซีแสดงพลังอันน่าตกใจเช่นนี้ออกมา เหตุใดบัดนี้ถึงอ่อนแอลงเช่นนี้?ฝั่งซ่างกวนอวิ๋นซีเริ่มหงุดหงิด ด้วยความโมโหนางจึงกระทืบเท้าลงบนพื้นพุ่งเข้าหาฉินซูราว
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็สะบัดข้อมือ ปราณแห่งกระบี่คมกริบก็ฟันเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ'โครม!'ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นล้มลง ฝุ่นฟุ้งกระจายเป็นวงกว้างแล้วฉินซูก็อุ้มนางวิ่งไป ส่วนนางก็คอยใช้ปราณแห่งกระบี่ฟันต้นไม้ข้างทางเป็นระยะเช่นนี้ไปตลอดทางผ่านไปกว่าหนึ่งเค่อ ในที่สุดก็มองมิเห็นร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีไล่ตามหลังมาแล้วเมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถอนหายใจโล่งอกแต่ในขณะนั้น ฉินซูกลับหยุดลงกู้เสวี่ยเจี้ยนเร่งเร้า "ฉินซู เจ้าหยุดทำไม รีบไปสิ พวกเราอุตส่าห์หนีนางพ้นแล้วนะ"ฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น "พวกเราหนีนางมิพ้น""กระไรนะ?!"กู้เสวี่ยเจี้ยนชะงักไป จากนั้นจึงเอี้ยวศีรษะไปมองเห็นสตรีผู้งามสง่าราวกับเทพธิดา ยืนอยู่มิไกลพร้อมด้วยปราณสังหาร!นั่นคือซ่างกวนอวิ๋นซีในตอนนี้ผมเผ้านางกระเซิงเล็กน้อย ผ้าคลุมหน้าหายไปไหนมิอาจทราบได้ ฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยนจึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางใบหน้าที่งดงามเกินต้านทานของซ่างกวนอวิ๋นซี ยังดูดีกว่าหงฉู่ม่อได้ชื่อว่างามที่สุดในต้าเหยียนอยู่เพียงเล็กน้อย!"เอ่อ เจ้าเป็นเจ้าสำนักหอดารารักษ์จริง ๆ หรือ?"ฉินซูอดถามอีกครั้งมิได้ เพราะซ่า
เมื่อเห็นหยกครึ่งซีกนี้ ดวงตาของซ่างกวนอวิ๋นซีก็หดเล็กลง ใบหน้างดงามฉายแววตกใจ!หยกนี้เป็นหยกที่นางมอบให้ซือคงเหยียนเมื่อครานั้นพลังที่อยู่ภายในนั้นเทียบเท่ากับการลงมือของนางหนึ่งครั้งหลังจากฉินซูขว้างหยกนี้ออกไป พลันอุ้มกู้เสวี่ยเจี้ยนขึ้นมา แล้วร่างก็วูบหายไปในป่าเขาใช้ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายอย่างเต็มที่ ความเร็วของเขาเร็วมากจนน่าตกตะลึงในขณะเดียวกันหลังจากที่หยกนั้นชนเข้ากับฝ่ามือลวงตาน่าสะพรึงกลัวนั้น มันก็แตกออกพลังอันน่าพรั่นพรึงระดับเดียวกันก็ปะทุออกมาจากภายในตู้ม...เสียงดังสนั่นหวั่นไหวระเบิดออก พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ปรากฏรอยแตกคล้ายใยแมงมุมมากมายภายใต้แรงกดดันมหาศาลนี้ ทำให้กลางลำต้นของต้นไม้เกือบทั้งหมดในรัศมีหลายลี้หักลง!โครม!จากป่าที่อยู่ไกลออกไปนั้นมีนกจำนวนนับมิถ้วนบินหนีออกกระจัดกระจายไปทุกทิศทางส่วนฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยนหลบพ้นจากรัศมีของแรงระเบิดไปอย่างฉิวเฉียดเมื่อเห็นป่าด้านหลังถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ตกใจจนพูดมิออกฉินซูเองก็รู้สึกเสียวสันหลังมิแพ้กันแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมาก พลันใช้ปราณทั้งหมดไปกับวิชาตัวเบ
เมื่อเห็นภาพนั้นฉินซูก็ขมวดคิ้ว รู้สึกได้ถึงลางร้ายซ่างกวนอวิ๋นซีส่งเสียงหึ "เจ้าฉินซู เจ้าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลด กล้าสังหารบุตรแห่งนักปราชญ์และผู้อาวุโสหอดารารักษ์ของข้า วันนี้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยเลือด ตอบแทนด้วยชีวิต!"เมื่อสิ้นเสียง กลิ่นอายสังหารน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกมาจากร่างของนางจากนั้นนางก็สะบัดสองนิ้ว ลำแสงกระบี่ราวกับจับต้องได้สายหนึ่งก็พุ่งตรงมาหาฉินซูฉินซูผลักกู้เสวี่ยเจี้ยนออกไป จากนั้นก็กำหมัดกระแทกออกทันใดเงาหมัดแฝงด้วยปราณวายุอันพลุ่งพล่านพุ่งเข้าปะทะกับปราณแห่งกระบี่ของซ่างกวนอวิ๋นซีตูม...หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ฉินซูและซ่างกวนอวิ๋นซีก็ถอยหลังไปคนละก้าว!เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็อ้าปากค้างจนกรามแทบหลุด!ซ่างกวนอวิ๋นซีเป็นถึงเจ้าสำนักหอดารารักษ์ วรยุทธ์ของนางกล้าแกร่ง เกรงว่าจะมิด้อยไปกว่าหัวหน้าโหรหลวงทีเดียวแต่บัดนี้ฉินซูกลับต่อสู้กับนางได้อย่างสูสี แล้วจะมิให้นางตกใจได้อย่างไร!นางย่อมมิรู้ว่า ตอนนี้พลังในร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีถูกหัวหน้าโหรหลวงสะกดเอาไว้ วรยุทธ์จึงอยู่ที่ระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้นส่วนฉินซูขมวดคิ้วและรู้สึกงุนงงเล็ก
"ว่ากระไรนะ? เจ้าสำนักหอดารารักษ์?!"ฉินซูเบิกตากว้าง แทบมิเชื่อสายตา!ไฉนเจ้าสำนักหอดารารักษ์จึงได้อ่อนเยาว์เช่นนี้?ในดวงตาคู่สวยของซ่างกวนอวิ๋นซีเผยความประหลาดใจ นางเหลือบมองกู้เสวี่ยเจี้ยนเมื่อเห็นลายปักกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ปักอยู่บนชุดของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา "ตาเจ้ายังพอมีแววอยู่บ้าง มิเสียทีที่เป็นศิษย์ของตาเฒ่าเหลยเจิ้นนั่น!"กู้เสวี่ยเจี้ยนหัวใจเย็นวาบ รีบกระซิบบอกกับฉินซู "เจ้าสำนักหอดารารักษ์มีพลังลึกล้ำเกินหยั่งถึง ควานหาทั่วต้าเหยียน มีเพียงอาจารย์ของหม่อมฉันเท่านั้นที่ต้านทานนางได้ ท่านหนีไปเถิด หม่อมฉันจะพยายามถ่วงเวลานางไว้ให้นานที่สุด"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็เผยรอยยิ้มขมขื่นตั้งแต่ที่ซ่างกวนอวิ๋นซีปรากฏตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันรุนแรงที่แผ่ซ่านมาจากนางนี่แสดงให้เห็นว่า พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนน่าตกใจกู้เสวี่ยเจี้ยนต้องการถ่วงเวลานางก็มิต่างกระไรจากเรื่องเพ้อฝันเมื่อเห็นฉินซูนิ่งเฉย กู้เสวี่ยเจี้ยนก็เร่งเร้าอย่างร้อนรน "ไยท่านยังยืนอยู่อีก รีบไปเร็วเข้า"ฉินซูส่ายหน้าอย่างจนปัญญา "เจ้าถ่วงเวลานางมิได้หรอก อีกทั้งเป้าหมายของนางคือข้า เจ้าหลบไป
ฉินซูชะงักไป และจำใจต้องทำภารกิจอีกครั้งผ่านไปอีกกว่าสองเค่อ กู้เสวี่ยเจี้ยนจึงลุกขึ้นแต่งตัวอย่างพอใจนางมองฉินซูด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วเร่งเร้า "ข้างนอกฝนหยุดแล้ว พวกเราเร่งเดินทางกันเถิด มิเช่นนั้นฟ้าจะมืดเสียก่อนไปถึงเป่ยเซียง"ดวงตาของฉินซูเป็นประกาย เขาเสนอ "หรือว่าเราจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้?"กู้เสวี่ยเจี้ยนมองออกว่าฉินซูคิดอะไรอยู่ในใจ ทีแรกนางตั้งใจจะปฏิเสธ แต่แล้วกลับพยักหน้าตกลงอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นดังนั้นฉินซูก็ลิงโลด พลันรีบพูดต่อ "เช่นนั้นข้าจะไปจับกระต่ายป่าสักสองสามตัว คืนนี้พวกเรากินกระต่ายย่างกันเถอะ"ฉินซูรีบแต่งตัวแล้วเหาะออกไปกู้เสวี่ยเจี้ยนถอนหายใจเบา ๆ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามินานฉินซูก็กลับมาพร้อมกับกระต่ายป่าที่ทำความสะอาดแล้วสองสามตัวหลังจากกินอิ่ม ท้องฟ้าก็มืดลงทั้งสองจึงนอนบนพื้นข้างกองไฟแต่ยังมิทันผล็อยหลับ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ปีนขึ้นคร่อมร่างฉินซูอีกครั้งคืนนั้น ฉินซูแทบมิได้นอนทั้งคืน!วันรุ่งขึ้นฉินซูขอบตาดำคล้ำและหาวมิหยุดส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยนมีใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าหลังจากออกจากถ้ำกู้เสวี่ยเจี้ยนก็ข
ด้านนอกถ้ำ พายุฝนยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องภายในถ้ำ เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งฉินซูนอนอยู่บนพื้นราวกับกลายเป็นหิน มือทั้งสองยังกอดเอวบางของกู้เสวี่ยเจี้ยนไว้ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยนทอดกายบนร่างของเขา ริมฝีปากแดงอ่อนหวานของนางแนบสนิทกับริมฝีปากของเขาเข้าพอดีทั้งสองสบตากัน รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ!อุณหภูมิระหว่างกันก็ยิ่งชัดเจน!ฉินซูกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก กำลังจะทำอะไรบางอย่างแต่เมื่อสังเกตเห็นกระบี่ยาวข้าง ๆ กู้เสวี่ยเจี้ยน เขาก็เกิดลังเลหากเผลอทำให้กู้เสวี่ยเจี้ยนโกรธแล้วนางเกิดคิดฆ่าเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร?เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มิใช่ครั้งแรกกับกู้เสวี่ยเจี้ยน หากครั้งนี้ยังมิสามารถทำให้นางยอมจำนนด้วยใจจริงได้ ก็คงจะมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่านางจะทำเรื่องระห่ำอะไรออกมาแต่โอกาสดีเช่นนี้ ฉินซูมิอยากพลาดไปเลยจริง ๆในขณะที่เขากำลังลังเล ริมฝีปากแดงของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็เริ่มขยับ!เห็นเพียงจมูกโด่งของนางเต็มไปด้วยลมหายใจร้อนระอุ ริมฝีปากคู่สวยจุมพิตลงบนริมฝีปากของฉินซูอย่างตะกละตะกลามฉินซูมีหรือจะทนไหว รีบตอบสนองอย่างกระตือรือร้นโดยมิรู้ตัว ทั้
"อะแฮ่ม… อะไรกันเล่า ฝนจะตก หญิงสาวจะออกเรือน เป็นเรื่องที่ห้ามมิได้ เจ้าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปหาปะไร?""หม่อมฉันโกรธเพราะกระไร เจ้ามิรู้อยู่แก่ใจหรอกหรือ!""แค่ก ๆ ข้าไปหาฟืนแห้งมาดีกว่า"ฉินซูกล่าวจบก็เดินหลบไปตามผนังหินที่ยื่นออกมาด้านนอกถ้ำกู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเย็นชา "หึ ฝนตกหนักขนาดนี้ จะมีฟืนแห้งที่ไหน… ฮัดชิ้ว!"ยังมิทันสิ้นคำ นางก็จามออกมาช่วงต้นเหมันตฤดูผ่านไป อีกมิกี่วันก็จะเป็นช่วงหิมะโปรยปราย ดังนั้นเมื่อฝนตกจึงทำให้รู้สึกหนาวเป็นพิเศษกู้เสวี่ยเจี้ยนย่อตัวลงกับพื้น เอามือกอดอกแน่นลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง นางก็ตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามมิได้นางอดมิได้ที่จะมองออกไปนอกถ้ำ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความหวังแม้จะรู้สึกว่าเป็นไปได้ยาก ทว่ายามนี้นางก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉินซูจะหาฟืนแห้งมาจุดไฟได้มิฉะนั้นแม้ฝนข้างนอกจะหยุดตก ก็เป็นไปมิได้ที่จะเดินทางต่อด้วยอาภรณ์ที่เปียกชุ่มเช่นนี้ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินซูก็กลับมาเขาหอบฟืนแห้งกองใหญ่ในอ้อมแขนมาด้วย!เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น พลันรีบเร่งเร้า "เร็ว ๆ เข้า รีบจุดไฟเร็วเพคะ หม่อมฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว!
ซ่างกวนอวิ๋นซีร่ายมือ โล่สีเขียวอ่อนก่อตัวรวมกันอยู่ตรงหน้านางในทันใดทว่าปราณดัชนีที่เหลยเจิ้นปล่อยออกมา กลับมิสนใจโล่ตรงหน้านาง พลันผ่าทะลุเข้าไปภายใต้สายตาตกตะลึงของซ่างกวนอวิ๋นซี ปราณดัชนีนั้นหายวับเข้าไปในร่างของนางในพริบตาในชั่วพริบตาต่อมานั้น ซ่างกวนอวิ๋นซีก็รู้สึกว่ามีพลังต้องห้ามบางอย่างเพิ่มเข้ามาในร่างเมื่อได้สติกลับคืนมา นางก็กระทืบเท้าด้วยโทสะ "เหลยเจิ้น เจ้าเฒ่าไร้สัจจะ ปลิ้นปล้อนกลับกลอก!""ข้าเพียงแต่สะกดการบ่มเพาะตนของเจ้าไว้เท่านั้น มิได้บอกว่าจะมิให้เจ้าไปหาองค์รัชทายาท แล้วจะหาว่าข้ากลับกลอกได้อย่างไร?""เจ้า!!"ซ่างกวนอวิ๋นซีโมโหจนแทบจะระเบิดอารมณ์ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเหลยเจิ้นเหลยเจิ้นยักไหล่ "แม้การบ่มเพาะตนของเจ้าจะถูกข้าสะกดไว้ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้วรยุทธ์ระดับสวรรค์ได้ เท่านี้ก็เพียงพอให้เจ้าจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสวรรค์ที่อาจปรากฏตัวในต้าเหยียนได้แล้ว""แล้วองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดของพวกเจ้าเล่า? เขาอยู่ในระดับใดกันแน่?"เหลยเจิ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้ว ถามอย่างมิพอใจ "เจ้าส่ายหน้าหมายความว่าอย่างไร?"