ฉงชูโม่ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาตอนนี้อยู่ในน้ำ ต่อให้นางจะมีพลังเหนือธรรมชาติก็มิสามารถออกแรงใช้ได้เห็นปากใหญ่ของงูยักษ์กำลังจะงับลงมา ฉินซูตะโกนทันที “สูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้!”ฉงชูโม่ทำตามสัญชาตญาณทันทีที่นางสูดหายใจ ฉินซูก็โอบนางแล้วดำลงไปในน้ำในเวลาเดียวกัน หัวขนาดใหญ่ของงูยักษ์ก็พุ่งลงไปในน้ำตูม!!เสียงดังสนั่น น้ำกระเซ็นไปทั่ว!ฉินซูหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นงูยักษ์บิดตัวที่ใหญ่และยาวไล่ตามมารวดเร็วอย่างมิลดละฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ว่า งูเหลือมตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ขนาดใหญ่กว่าต้นขาของนางเสียอีก! และดูเหมือนว่ามันจะมีความยาวอย่างน้อยสี่หรือห้าจั้ง! สตรีมีความกลัวต่อสิ่งมีชีวิตประเภทงูโดยธรรมชาติ แม้แต่ฉงชูโม่ที่แข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเวลานี้ นางรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีขุมขนลุกขึ้นทั่วร่างกาย และร่างกายของนางก็สั่นโดยมิสามารถควบคุมได้ ในเวลานี้ ฉินซูกำลังอุ้มนางและใกล้จะว่ายน้ำถึงฝั่งแล้วแต่ทันใดนั้นดวงตาของฉงชูโม่ก็หดลงอีกครั้ง นางรีบตบฉินซูอย่างรวดเร็ว และชี้ไปข้างหลังมิหยุดฉินซูหันกลับไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่างูยักษ์ตัวนั้นได้ว่ายน้ำ
เพียงแต่ว่านางว่ายน้ำมิเป็นเลย ครั้นลงไปในน้ำก็เหวี่ยงแขนไปมา ทว่าก็ยังคงอยู่ที่เดิม มิสามารถว่ายไปได้เลยในน้ำที่ขุ่นมัว นางเห็นราง ๆ ว่าฉินซูหันกลับมามองนางอย่างคลุมเครือจากนั้นฉินซูก็ถูกงูยักษ์ลากไปไกล จนลับหายไปจากสายตาของนางฉงชูโม่ดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง ก็คลำหินที่อยู่ใต้น้ำกลับไปที่ฝั่งหลังจากลุกขึ้นจากน้ำ นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท... ฉินซู ฉินซู รีบออกมาเร็ว รีบออกมาสิเพคะ!”นางกลัวจนน้ำตาคลอเบ้า ฉินซูถูกงูยักษ์ลากไปใต้น้ำ ถึงแม้ว่ายน้ำเป็น แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เขาจะทนได้นานฉงชูโม่คิดหาวิธีอย่างร้อนใจนางคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้นางตะโกนสุดเสียงก็คงไม่มีใครตอบรับ“ฉินซู ท่านจะตายมิได้ หากท่านตาย หม่อมฉันจะไปบอกองค์จักรพรรดิอย่างไร จะไปบอกหลินชิงเหยาอย่างไร...”ฉงชูโม่โกรธจนควบคุมอารมณ์มิอยู่ จึงยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วฟันไปที่ผิวน้ำหลายสิบครั้งกระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงตกลงไปในน้ำทีละครั้ง ทำให้น้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างนางก็มิกล้าใช้พลังทั้งหมดด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะเผลอไปทำร้ายฉินซูเข้าในตอนนั้นเอง นางสัง
ฉินซูพูดต่อว่า “โชคดีที่เก็บกริชนี้ได้ มิเช่นนั้นข้าคงต้องกลายเป็นอาหารในท้องของเจ้ายักษ์นี่เป็นแน่”“เมื่อครู่นี้ท่านทำให้หม่อมฉันตกใจแทบแย่ หม่อมฉันคิดว่าท่าน...”“คิดว่าข้าถูกมันกินไปแล้วรึ? มิต้องห่วง ข้าหนังเหนียวมาก สัตว์ร้ายตัวนี้ทำอะไรข้ามิได้หรอก แต่ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดเล่า?”เห็นฉินซูพูดเรื่องที่มิควรพูด ฉงชูโม่จึงจ้องเขาด้วยความโกรธ “หม่อมฉันก็แค่คิดว่าท่านถูกงูยักษ์กินไปแล้ว หากท่านสิ้นพระชนม์ไป องค์จักรพรรดิจะทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันหรือ? แล้วคนรักเก่าของท่านก็คงจะมาเอาเรื่องหม่อมฉันด้วย” “อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้ายังคิดว่า…”“ฮึ่ม ก็แค่นี้แหละ ท่านยังคิดว่าอะไรอีกเล่า?”“ไม่มีอะไร มาช่วยกันหน่อย ถลกหนังงูออก เนื้องูนี่เป็นของบำรุงชั้นดีเลย ย่างกินอร่อยกรุบเชียว!”หลังจากพูดจบ ฉินซูก็ใช้กริชตัดหัวงูเหลือมตัวใหญ่ออกอย่างมิลังเล จากนั้นก็โยนหัวงูลงไปในสระน้ำทันที แล้วเขาก็เริ่มลอกหนังงูเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วของฉงชูโม่ก็ขมวดเล็กน้อย นางรู้สึกต้านทานในใจเล็กน้อย และรู้สึกคลื่นไส้อีกด้วยฉินซูสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง จึงพูดอย่างประหลาดใจว่า “มิ
ในที่สุด ฉินซูก็ถามด้วยความขุ่นเคืองว่า “ฉงชูโม่ เจ้าวางแผนต่อต้านข้าอยู่ใช่หรือไม่?”“ท่านเป็นคนบอกว่าจะมอบมันให้หม่อมฉันเอง ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท จะกลับคำพูดมิได้กระมัง”“ก็ได้ มอบให้เจ้าก็มอบให้เจ้า ข้าก็มิได้ใช้มันอยู่แล้ว” ฉินซูมิได้ใส่ใจนัก อาวุธเป็นสิ่งที่เขามิเดือดร้อนว่าจะมีหรือไม่มีฉงชูโม่ดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะเก็บกริชเข้าฝักฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าแล้ว เจ้าจะรีบเก็บมันไปหาปะไรเล่า รีบถลกหนังงูออกมาก่อนสิ นี่เป็นของดี หากเอามาเย็บเป็นชุดเกราะ เจ้าจะได้อยู่ยงคงกระพันในสนามรบเลยทีเดียว”ฉงชูโม่คิดว่าตัวเองฟังผิด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “องค์รัชทายาท ท่านหมายความว่า จะให้หม่อมฉันนำหนังงูนี้ไปทำชุดเกราะงั้นหรือ?”“ใช่แล้ว ดาบธรรมดามิสามารถตัดผ่านได้เลย หนังงูนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก เหมาะที่จะนำมาทำเป็นชุดเกราะชั้นใน เมื่อถึงตอนนั้น เวลาที่เจ้าสวมมันออกไปต่อสู้ ก็จะไม่มีอาวุธใดทำอันตรายเจ้าได้ พวกศัตรูเห็นเข้า ก็คงจะกลัวจนหนีกระเจิงไปเลย”ในใจของฉงชูโม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีนางมิเคยคิดเลยว่า ฉินซูจะใจกว้างกับนางมากถึงเพียงนี้กริชที
ฉงชูโม่มองไปยังถ้ำที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบ่อน้ำ แล้วกล่าวเตือนว่า “หากท่านกล้าแอบดู หม่อมฉันสาบานว่าจะควักลูกตาของท่านออกมา!”หลังจากพูดจบ นางก็แกะห่อผ้าออกจากอานม้าแล้วเดินไปยังถ้ำฉินซูยังคงย่างเนื้องูต่อไปหลังจากที่ฉงชูโม่มาถึงถ้ำ นางก็จุดตะบันไฟไฟขึ้นมาจากนั้นก็สังเกตเห็นว่า ถ้ำนี้มิได้ลึกมาก และภายในก็เต็มไปด้วยผนังหินที่เรียบลื่น มองเห็นได้ชัดเจน มิต้องกังวลว่าจะมีแมงมุม หรือสัตว์เลื้อยคลานใด ๆนางมองออกไปนอกถ้ำ เห็นฉินซูยังคงย่างเนื้องูอยู่ตรงนั้น นางจึงหยิบอาภรณ์ออกมาจากห่อผ้าและเปลี่ยนชุดหลังจากเปลี่ยนเสร็จ นางกำลังจะออกไปแต่ในขณะนั้น หางตาของนางก็เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างดังนั้นนางจึงหันไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่ามีไข่ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในมุมของถ้ำ!“ไข่นกใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ขณะที่นางกำลังประหลาดใจ นางก็เอาไข่ไปด้วยเมื่อกลับไปที่ข้าง ๆ ฉินซู นางก็พูดว่า “หม่อมฉันเจอไข่นกในถ้ำ ท่านอยากจะย่างเสวยหรือไม่?”พูดไปก็หยิบไข่ออกมาฉินซูมองดู แล้วมีความรู้สึกประหลาดใจ“ไข่นก? แถวนี้ไม่มีนกกระจอกเทศ ไข่นกใหญ่ขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”“นกกระจอกเทศ? นกอะไรหรือ?” ฉงชูโม
เมื่อสบตากับฉงชูโม่ ฉินซูก็รู้สึกได้ว่าเลือดในกายพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม เขาอดมิได้ที่จะโน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้างามของอีกฝ่าย ฉงชูโม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น เมื่อฉินซูโน้มใบหน้าเข้ามา นางมิเพียงแต่มิหลบเลี่ยง แต่ยังเผยอปากรับเขาอีกด้วย ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ฉงชูโม่โอบแขนรอบคอฉินซู และจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง ฉินซูก็มินิ่งเฉย เขาตอบสนองนางไปพร้อมกับที่มือของเขาไล้ไปทั่วร่างกายของนาง ทั้งสองค่อย ๆ สูญเสียการควบคุม เหลือเพียงแรงกระตุ้นดิบ ๆ อยู่ในหัวเท่านั้นมินาน ฉงชูโม่ก็โอบคอฉินซู และนอนลงบนพื้นหญ้าอย่างช้า ๆ ฉินซูจูบลงไปตามลำคอที่ผิวเนียนละเอียดของนางอย่างแผ่วเบา เขาใกล้จะได้สัมผัสกับดินแดนแห่งความสุขที่บุรุษทุกคนใฝ่ฝันแต่ในตอนนั้นเอง!“ฮี้ ฮี้...”ม้าที่กำลังกินหญ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาในเวลาที่มิเหมาะสมฉินซูรู้สึกตัวขึ้นมาทันที!เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังใกล้ชิดกับฉงชูโม่ เขาก็อดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กำลังคิดที่จะทำต่อแต่เขายังมิทันได้จูบลงไป ก็มีมือข้างหนึ่งตบเข้ามาเพียะ!ฉินซูโดนตบเข้าที่หน้าอย่างจัง!เขาเอามือ
“กลัวอะไร นี่มันบำรุงได้ดีเลยนะ หลังจากที่ข้ากินเนื้องูแล้ว ความเหนื่อยล้าทั้งร่างก็หายไปหมดเลย”“เอ่อ… ท่านพูดเช่นนั้น หม่อมฉันก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเช่นกัน อีกอย่าง… อีกอย่างเหมือนกำลังภายในจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย”“ไม่หรอกกระมัง เนื้องูยังเพิ่มกำลังภายในได้อีกด้วยหรือ?” ฉินซูมองฉงชูโม่ด้วยความประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง “จะหลอกท่านหาสิ่งใดเล่า แต่หม่อมฉันแข็งแกร่งขนาดนี้ ยังต้องหมุนเวียนลมปราณเพื่อระงับผลข้างเคียง แล้วไฉนท่านถึงมิเป็นไรเลย?”ฉินซูตอบโดยมิคิด “บางที คนที่แข็งแกร่งกว่า อาจได้รับผลกระทบที่ลึกซึ้งกว่า ตอนนี้ข้ามิเป็นอะไรเลย”ฉงชูโม่ยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นในความคิดของนาง แม้ว่าฉินซูจะรู้วิทยายุทธจริง ๆ ก็มิน่าจะแข็งแกร่งกว่านางได้หากมองจะมุมที่แย่ที่สุด ถึงแม้ว่าฉินซูจะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง ก็คงมิแข็งแกร่งไปกว่านี้มากนัก มิเช่นนั้นฉินซูคงมิโดนผลกระทบน้อยขนาดนี้เห็นฉินซูย่างเนื้อเสร็จแล้ว นางก็อยากจะกินอีกหน่อย แต่ก็กลัวว่าเลือดลมจะพลุ่งพล่านจนควบคุมมิอยู่ ได้แต่มองตาปริบ ๆ และกลืนน้ำลายเท่านั้นฉินซูมองนางด้วย
ชายร่างใหญ่พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “เช่นนั้นก็ฟังให้ดี พวกเราคือห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน คนนี้คือพี่ใหญ่ของเรา ตงฟางไป๋ ฉายาในยุทธภพคือมังกรข้ามแม่น้ำ! ส่วนข้า คือเศียรเสือดาว ตงฟางโซ่ว!”ฉินซูมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วพึมพำว่า “ห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานอะไรกัน มิเคยได้ยินมาก่อนเลย!”ตงฟางโซ่วโกรธจนแทบคลั่ง ตะโกนว่า “นั่นเพราะเจ้าโง่เขลา! พูดมากหาปะไร มิอยากมีเรื่องก็รีบไสหัวไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเตือน!”ชายร่างใหญ่ข้าง ๆ เขาตะโกนเสียงดังว่า “พี่รอง จะไปเสียเวลากับพวกมันด้วยเหตุใดเล่า รีบไปล่อเจ้าเดรัจฉานนั่นออกมา พวกเขามิไป ก็ปล่อยให้เป็นอาหารของเจ้าเดรัจฉานนั่นซะ”“ใช่ พวกเรายังสามารถฉวยโอกาสตอนที่เจ้าเดรัจฉานนั่นกำลังกินเจ้านี่อยู่ แอบเข้าไปโจมตีมันจากด้านหลังได้... เอ๊ะ? นั่นอะไรน่ะ?”อีกคนพูดพลางมองไปทางด้านหลังของฉินซูโดยมิตั้งใจ แล้วก็สังเกตเห็นชิ้นเนื้อยาว ๆ ที่นอนอยู่ด้านหลังเขาเมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็หันไปมองตามทิศทางที่เขาชี้“เอ๊ะ?! นั่นดูเหมือน... เนื้องูหรือเปล่า?”“เนื้องูจริง ๆ ด้วย เจ้าดูสิ ตรงนั้นที่ตากไว้นั่นมิใช่หนังงูหรอกรึ!”“หนังงูสีทอง?!
"ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา"ฉินอู๋ต้าวหันไปทางเหวินเยวี่ยนซานอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “จงให้กองทหารรักษาการณ์ที่เขาเสียซานเดินทางไปยังเจียวโจวเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่น รอข่าวดีจากรัชทายาทและกรมโยธาธิการ”เหวินเยวี่ยนซานรับคำด้วยความเคารพสุดท้ายฉินอู๋ต้าวจึงออกไปจากพระตำหนักจินหลวนท่ามกลางสายตาเคารพนบน้อมหวังฉือหันไปกระซิบกับฉินซูว่า “องค์รัชทายาท ที่พระองค์ตรัสถึงเมื่อครู่นั้น มีจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“แน่นอน และตัวข้าเคยใช้มันมาแล้ว”“ธนูชนิดนั้น มีพลังถึงสองหิน แต่คนธรรมดาสามารถดึงได้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูกล่าวเจือรอยยิ้มคลุมเครือ “ใต้เท้าหวังสนใจเพียงนี้ เหตุใดมิไปเยือนกรมโยธาธิการกับตัวข้าเล่า?”หวังฉือดีใจยิ่ง “เช่นนั้น ข้าน้อยก็ขอน้อมรับพระบัญชาด้วยความเต็มใจพ่ะย่ะค่ะ!”เนี่ยหงเข้ามาร่วมบทสนทนาด้วย “องค์รัชทายาท ข้าน้อยก็สนใจธนูชนิดนี้ด้วยเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ!”เหวินเยวี่ยนซานซึ่งเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมเองก็อดกล่าวขึ้นมามิได้ “องค์รัชทายาท ข้าน้อยเองก็อยากทราบเช่นกัน มิทราบว่าจะ...”“ในเมื่อทุกท่านสนใจเช่นนี้ ก็ไปด้วยกันหมดเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากนั้น ฉินซ
“ทูลเสด็จพ่อ ที่จวนของใต้เท้าหลิวมีทหารรักษาจวนถึงสามสิบนาย อีกทั้งการลักพาตัวสมาชิกครอบครัวของขุนนางขุนนางระดับสาม ถือเป็นความผิดร้ายแรงโทษถึงประหาร ทว่าโจรกลับบุกเข้ามาอย่างอาจหาญ หากมิใช่เพราะความเสน่หา ก็ต้องเป็นการหมายปองร่างหยินบริสุทธิ์ที่มีดวงชะตาหยินสุดขั้วเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำว่า 'ร่างหยินบริสุทธิ์' ออกมาจากปากของฉินซู ความประหลาดใจพลันปรากฏลึกในแววตาของฉินอู๋ต้าวและฉินซูก็เห็นฉากนี้อย่างขัดเจนหัวใจฉินซูสั่นสะท้าน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิจริง ๆ ด้วย!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาจึงวิเคราะห์ต่อไปว่า “กู้ตงเฟิงฝึกฝนวิชาชั่วร้าย บางทีพลังวิญญาณและเลือดของร่างหยินบริสุทธิ์อาจเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับเขาทว่าจู่ ๆ กู้ตงเฟิงกลับสิ้นใจกะทันหัน ดังนั้นลูกจึงคาดเดาว่า ผู้ที่ลักพาตัวบุตรสาวของใต้เท้าหลิวมิใช่กู้ตงเฟิง หากแต่เป็นคนอื่น!คนผู้นั้นใช้ร่างหยินบริสุทธิ์ทำข้อตกลงบางอย่างกับกู้ตงเฟิง และเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็จัดการสังหารกู้ตงเฟิงเพื่อปิดปากและสิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวของกู้ตงเฟิงก็คือ วิชาชั่วร้ายที่เขาภาคภูมิใจ!สรุปได้ว่า มีใครบางคน
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู ทุกคนก็ชะงักไป และมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไปเล็กน้อยสวี่จิ้นกล่าวด้วยความสงสัยว่า "องค์รัชทายาท พระองค์เข้าพระทัยผิดเกี่ยวกับธนูสองหินแล้วกระมังพ่ะย่ะค่ะ? ธนูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ทหารป้อมปราการที่กรำศึกมาอย่างโชกโชนก็แทบจะไม่มีใครดึงได้ นับประสากระไรกับคนธรรมดา"เหวินเยวี่ยนซานกล่าวสำทับ "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ธนูสองหินต้องใช้กำลังแขนสองร้อยชั่งจึงจะดึงได้ ทหารป้อมปราการที่มีกำลังแขนแข็งแรงบางคนอาจจะทำได้ ทว่าหากใช้มันยิงศัตรู ยิงได้มิกี่ดอกก็หมดแรงเสียแล้ว ยากที่จะใช้ต่อเนื่องได้พ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูโบกมือ "ใต้เท้าทั้งสอง ธนูของข้ามิเหมือนกับธนูทั่วไป นอกจากจะมีอานุภาพดุจธนูสองหินแล้ว ยังรับประกันได้ว่าคนธรรมดาก็ดึงได้ เพียงแต่มิรู้ว่ากรมโยธาธิการต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะสร้างออกมาได้"เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสนธนูสองหินที่คนธรรมดาก็ดึงได้?เป็นไปได้อย่างไร!ฉินอู๋ต้าวบนบัลลังก์มังกรใบหน้าฉายแววประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจธนูที่ฉินซูพูดมากสวี่จิ้นกล่าวอย่างมั่นใจว่า "องค์รัชทายาท ตราบใดที่มีแบบจำลอง กรมโยธาธิการข
ฉินซูเหลือบมองหวังฉือโดยมิรู้ตัวหวังฉือเองก็มองมาที่เขาด้วยท่าทีครุ่นคิดในเวลาเดียวกันทั้งสองสบตากัน ก็เข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายหลังจากที่ฉินซูส่งซุยหลีไปแล้ว เขาก็กระซิบกับหวังฉือว่า "ซุยหลีเพิ่งทูลกับเสด็จพ่อว่า บุตรสาวของใต้เท้าหลิวมีดวงชะตาหยินสุดขั้ว ตกกลางคืนบุตรสาวของใต้เท้าหลิวก็ถูกลักพาตัวไปทันที หากบอกว่าทั้งสองเรื่องนี้มิเกี่ยวข้องกัน ท่านเชื่อหรือไม่?""ข้าน้อยมิเชื่อ แต่ประเด็นคือ ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม คงนำเรื่องนี้ไปตั้งคำถามกับฝ่าบาทมิได้ถูกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""แน่นอนว่ามิได้ แต่ตัวข้ากับท่านจำต้องรู้ว่าเสด็จพ่อทรงซ่อนความลับที่หาได้มีใครล่วงรู้ไม่เท่านั้น ส่วนร่างหยินบริสุทธิ์มีประโยชน์อย่างไร ข้าจะหาโอกาสถามหัวหน้าโหรหลวงในภายหลัง""ข้าน้อยเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่หัวหน้าโหรหลวงขอลาพักกับฝ่าบาท ช่วงนี้คงจะมิมาเข้าเฝ้า"ฉินซูชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?""เรื่องนี้ข้าน้อยเองก็มิทราบ เดาว่าเพราะท่านหัวหน้าโหรหลวงจะไปกักตนบำเพ็ญเพียรกระมังพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาฉินซูก็ฉายประกายเล็กน้อย และมิได้พูดอะไรอีกครู่ต่อมาในพระต
หวังฉือขมวดคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงว่า "องค์รัชทายาท ข้าน้อยยังมิเข้าใจว่าใครเป็นคนสังหารกู้ตงเฟิงกันแน่?""วรยุทธ์ของเจ้าปีศาจเฒ่าผู้นี้หาได้อ่อนด้อยไม่ หลังจากพักฟื้นหลายวัน อาการบาดเจ็บของเขาคงจะหายดีเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว คนที่สังหารเขาได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางขึ้นไป มองไปทั่วเมืองหลงเฉิง เห็นจะมีจอมยุทธ์ระดับนี้อยู่เพียงหยิบมือ!""มีมิมากจริงดังท่านว่า ช่วงนี้ไม่มียอดฝีมือจากยุทธภพเข้ามาในเมือง นอกจากศิษย์ของหัวหน้าโหรหลวงสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว คนที่มีฝีมือระดับนี้ก็มีแต่ยอดฝีมือในวังหลวงเท่านั้น..."พูดถึงตรงนี้ หวังฉือก็เบาเสียงลงเนื่องจากเพิ่งรู้ตัว "องค์รัชทายาท หรือนี่จะเป็นฝีมือของราชองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ?""หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชองครักษ์ เรื่องนี้คงหนีมิพ้นเสด็จพ่อ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานใด ๆ ท่านอย่าเพิ่งแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด""วางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท คำพูดเหล่านี้ข้าน้อยกล้าพูดกับพระองค์เท่านั้น""เช่นนั้นก็ดีแล้ว ให้พวกเขาค้นหาเบาะแสต่อไป ดูว่าจะพบบุตรสาวของใต้เท้าหลิวหรือไม่""รับพระบัญชา!"หวังฉือประสานมือคารวะแล้ว
"ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย"หลิวเว่ยโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชายกร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงไปสองเค่อต่อมาในห้องเก็บศพของศาลต้าหลี่ร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงนอนอยู่บนแท่นหินเย็นเยียบหวังฉือมองดูอีกฝ่ายหลายครั้ง แต่ก็ยังมิอยากเชื่อสายตาตนเองเขาถามตงฟางไป๋ว่า "ใต้เท้าตงฟาง เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือกู้ตงเฟิง?"ตงฟางไป๋พยักหน้าหนักแน่น "แน่ใจขอรับ เมื่อก่อนตอนที่พวกข้าท่องยุทธภพ เคยเจอเจ้าโจรเฒ่าผู้นี้หลายครา ข้าไม่มีทางจำหน้าตาของเขาผิดเป็นแน่"ในขณะนั้นเอง ฉินซูก็มาถึงทุกคนคารวะต่อเขาฉินซูโบกมือแล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงบนแท่นหิน เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจกู้ตงเฟิงตายแล้วจริง ๆ กระนั้นหรือ?!หากมิใช่เพราะรูปร่างหน้าตาน่าขนลุกของกู้ตงเฟิงตราตรึงจิตใจผู้พบเห็นเกินไป และแขนซ้ายที่ถูกทำลายไป ฉินซูคงอดสงสัยมิได้ว่าเขาจำผิดคนหรือไม่ฉินซูเลิกคิ้วถาม "พบศพของกู้ตงเฟิงที่ใด?""ทูลองค์รัชทายาท พบที่ตรอกผิงอี่ในตลาดหย่งเล่อพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยสำรวจบริเวณใกล้เคียงแล้ว มิพบเบาะแสอื่นใดเลยพ่ะย่ะค่ะ""แล้วพวกเจ้าพบศพของเขาได้อย่างไร?"ตงฟางไป๋จึงเล
เมื่อครู่ที่อยู่ในพระที่นั่งหย่างซิน ฉินซูมิเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ จากฉินอู๋ต้าวเขาอดคิดมิได้ว่า หรือเขาคิดมากไปเองจริง ๆ ?เขาหันกลับไปมองพระที่นั่งหย่างซิน ก่อนจะเดินจากไปหลังจากที่ฉินซูจากไปได้มินาน ชายคนหนึ่งก็เข้ามาในพระที่นั่งหย่างซินฉินอู๋ต้าวสั่งกับเขาว่า “ทำตามแผนที่วางไว้ จำไว้ให้ขึ้นใจว่า ห้ามทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เป็นอันขาด!”“รับพระบัญชา!”หวงเฉาขานรับด้วยความเคารพ!หลังจากออกจากพระที่นั่งหย่างซิน หวงเฉาก็มาถึงนอกพระราชวังอย่างรวดเร็วเขาเหลือบมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขาก็หันหลังเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งมินานนัก เขาก็เดินออกมาจากข้างในตอนนี้เขาอยู่ในชุดท่องราตรีสีดำ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำ บนบ่าของเขามีกระสอบป่านใบหนึ่งพาดอยู่หลังจากออกจากร้านค้า เขาก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปทางศาลต้าหลี่ในเวลาเดียวกันตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ กำลังสำรวจตรอกแห่งหนึ่งในขณะนั้นเอง หางตาของตงฟางไป๋กระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งพลิกตัวข้ามกำแพงมิไกลออกไปเขาพูดเสียงต่ำ “อยู่ตรงนั้น ตามไปเร็ว!”เหล่าทหารรักษาตำหนักได้ยินดังนั้นก็รีบติดตามไปอย่างรวดเร็วคนก
แต่จากตัวอักษรที่ปรากฏ มองออกมิยากว่านี่คือวิชายุทธขั้นสุดยอดชายชุดคลุมดำพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีมาก มิเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ลำบากช่วยเจ้า”กู้ตงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้มีพระคุณ เมื่อไรข้าน้อยจะออกไปจากที่นี่ได้หรือขอรับ?”ชายชุดคลุมดำมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กระไรกัน? อยู่ที่นี่กับข้ามันทำให้เจ้าอึดอัดหรือ?”“หามิได้ ๆ ขอรับ ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่กังวลว่าศัตรูจะมาพบเข้า แล้วจะทำให้ท่านผู้มีพระคุณพลอยเดือดร้อนไปด้วยขอรับ”“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า เจ้าแค่ตั้งใจกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ รอจนกว่าเรื่องซาลง ข้าจะปล่อยเจ้าไปเอง”ได้ยินดังนั้น กู้ตงเฟิงก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิดในใจกลับคิดว่า สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า ดูเหมือนว่าที่นี่จะอยู่ในพระราชวังจริง ๆ เช่นนั้นแล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเขา… หรือว่าจะเป็น...เขามิกล้าคิดต่อไป เพราะมิว่าเขาจะเดาถูกหรือไม่ก็ตาม ล้วนแต่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขา......“องค์รัชทายาท ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เหตุใดพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่พ่ะ
"องค์รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"หวังฉือมาถึงตำหนักบูรพา ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดฉินซูพอจะคาดเดาได้จากสีหน้าวิตกกังวลของเขา "หรือว่ามีเด็กสาวถูกลักพาตัวไปอีกแล้ว?""ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ คราวนี้เป็นบุตรสาวของหลิวเหวินซิน เสนาบดีกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!""ท่านว่ากระไรนะ? บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมรึ?!""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ข้าน้อยจะมาที่นี่ หลิวเหวินซินได้ไปแจ้งความต่อศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง ตอนนี้ผู้ตรวจการศาลต้าหลี่และทหารรักษาจวนของเขากำลังออกค้นหากันอยู่ แต่มิแน่ใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ..."พูดถึงตรงนี้ หวังฉือก็หยุดพูด พร้อมกับชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะฉินซูเข้าใจความหมายของเขาในทันที หากเป็นฝีมือขอองค์จักรพรรดิ บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเป็นแน่เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "เช่นนั้นตัวข้าจะใช้ข้ออ้างนี้ไปขอเข้าเฝ้าเพื่อหยั่งเชิงเสด็จพ่อดูสักหน่อย""มิได้พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฝ่าบาทจริง ๆ และฝ่าบาททรงล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ฝ่าบาทอาจกระทำการบางอย่างก็เป็นได้"ที่หวังฉือมาถึงที่นี่ นอกจากกังวลว่าฉินซูจะรีบไ