แชร์

บทที่ 85

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-03 19:17:01
“กลัวอะไร นี่มันบำรุงได้ดีเลยนะ หลังจากที่ข้ากินเนื้องูแล้ว ความเหนื่อยล้าทั้งร่างก็หายไปหมดเลย”

“เอ่อ… ท่านพูดเช่นนั้น หม่อมฉันก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเช่นกัน อีกอย่าง… อีกอย่างเหมือนกำลังภายในจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย”

“ไม่หรอกกระมัง เนื้องูยังเพิ่มกำลังภายในได้อีกด้วยหรือ?” ฉินซูมองฉงชูโม่ด้วยความประหลาดใจ

ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง “จะหลอกท่านหาสิ่งใดเล่า แต่หม่อมฉันแข็งแกร่งขนาดนี้ ยังต้องหมุนเวียนลมปราณเพื่อระงับผลข้างเคียง แล้วไฉนท่านถึงมิเป็นไรเลย?”

ฉินซูตอบโดยมิคิด “บางที คนที่แข็งแกร่งกว่า อาจได้รับผลกระทบที่ลึกซึ้งกว่า ตอนนี้ข้ามิเป็นอะไรเลย”

ฉงชูโม่ยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น

ในความคิดของนาง แม้ว่าฉินซูจะรู้วิทยายุทธจริง ๆ ก็มิน่าจะแข็งแกร่งกว่านางได้

หากมองจะมุมที่แย่ที่สุด ถึงแม้ว่าฉินซูจะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง ก็คงมิแข็งแกร่งไปกว่านี้มากนัก มิเช่นนั้นฉินซูคงมิโดนผลกระทบน้อยขนาดนี้

เห็นฉินซูย่างเนื้อเสร็จแล้ว นางก็อยากจะกินอีกหน่อย แต่ก็กลัวว่าเลือดลมจะพลุ่งพล่านจนควบคุมมิอยู่ ได้แต่มองตาปริบ ๆ และกลืนน้ำลายเท่านั้น

ฉินซูมองนางด้วย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 86

    ชายร่างใหญ่พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “เช่นนั้นก็ฟังให้ดี พวกเราคือห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน คนนี้คือพี่ใหญ่ของเรา ตงฟางไป๋ ฉายาในยุทธภพคือมังกรข้ามแม่น้ำ! ส่วนข้า คือเศียรเสือดาว ตงฟางโซ่ว!”ฉินซูมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วพึมพำว่า “ห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานอะไรกัน มิเคยได้ยินมาก่อนเลย!”ตงฟางโซ่วโกรธจนแทบคลั่ง ตะโกนว่า “นั่นเพราะเจ้าโง่เขลา! พูดมากหาปะไร มิอยากมีเรื่องก็รีบไสหัวไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเตือน!”ชายร่างใหญ่ข้าง ๆ เขาตะโกนเสียงดังว่า “พี่รอง จะไปเสียเวลากับพวกมันด้วยเหตุใดเล่า รีบไปล่อเจ้าเดรัจฉานนั่นออกมา พวกเขามิไป ก็ปล่อยให้เป็นอาหารของเจ้าเดรัจฉานนั่นซะ”“ใช่ พวกเรายังสามารถฉวยโอกาสตอนที่เจ้าเดรัจฉานนั่นกำลังกินเจ้านี่อยู่ แอบเข้าไปโจมตีมันจากด้านหลังได้... เอ๊ะ? นั่นอะไรน่ะ?”อีกคนพูดพลางมองไปทางด้านหลังของฉินซูโดยมิตั้งใจ แล้วก็สังเกตเห็นชิ้นเนื้อยาว ๆ ที่นอนอยู่ด้านหลังเขาเมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็หันไปมองตามทิศทางที่เขาชี้“เอ๊ะ?! นั่นดูเหมือน... เนื้องูหรือเปล่า?”“เนื้องูจริง ๆ ด้วย เจ้าดูสิ ตรงนั้นที่ตากไว้นั่นมิใช่หนังงูหรอกรึ!”“หนังงูสีทอง?!

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 87

    “ข้ามิได้ตาบอด หญิงงามเช่นนี้ข้าจะมองมิเห็นได้อย่างไร!”ตงฟางไป๋บ่นพึมพำ แล้วหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉินซู “เจ้าหนุ่ม ข้าเปลี่ยนใจแล้ว มิต้องจ่ายเงินชดเชยก็ได้ ข้าจะเอาหญิงงามผู้นี้!”ฉินซูยกนิ้วโป้งให้เขา “เจ้าตัวใหญ่ เจ้ายังถือว่าใจดีอยู่นะ หากเป็นโจรป่าคนอื่น คงจะเลือกเอาทั้งเงินทั้งหญิงงามไปแล้ว”ตงฟางไป๋โบกมืออย่างองอาจ “พวกเราห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน มิเหมือนโจรป่าพวกนั้นหรอก เจ้าฆ่างูยักษ์อำพันของเรา เอาหญิงงามผู้นี้มาชดใช้ก็พอดีแล้ว เจ้าไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?”“แน่นอน ข้าไม่มีปัญหา แต่นางจะมีปัญหาหรือไม่ ข้ามิรับประกัน”“หึหึ หญิงคนหนึ่ง นางจะกล้ามีปัญหาอะไร!”ตงฟางไป๋ยิ้มกว้าง แล้วเดินอาด ๆ ไปหาฉงชูโม่ฉงชูโม่ยืนกอดอก ยิ้มหวานให้เขาหลังจากเห็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหลของฉงชูโม่ เขาก็ลืมแม้กระทั่งว่าพ่อของเขาชื่ออะไรไปแล้วเขาถูมือด้วยความตื่นเต้น และพูดด้วยสายตาเป็นประกายว่า “แม่นาง ต่อจากนี้ไปเจ้าจะเป็นหญิงของข้า ตงฟางไป๋ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปใช้ชีวิตอิ่มหนำสำราญ!”ฉงชูโม่ถามด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ เจ้าบอกว่างูยักษ์อำพันตัวนั้นมีค่าแปดร้อยตำลึงใช่หรือไม่?”“ใช่ ๆ ๆ”“เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 88

    เห็นบรรยากาศตึงเครียด ฉินซูจึงโบกมือไปทางพวกเขา“นี่ ข้าว่าพวกเจ้าผู้กล้าทั้งห้ามิควรชักดาบขู่ผู้หญิงเลย มิเช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พวกเรามาต่อสู้กันอย่างลูกผู้ชาย เป็นอย่างไร?”ได้ยินดังนั้น ตงฟางไป๋เลิกคิ้วเย้ยหยัน “พูดเยี่ยงนี้ หมายความว่าเจ้าจะสู้กับพวกเราคนเดียวงั้นรึ?”“หามิได้ ๆ การประลองฝีมือ มิจำเป็นต้องใช้ดาบหรือกระบี่เสมอไป เยี่ยงนั้นจะทำลายมิตรภาพอันดีของเราเสียเปล่า”ฉงชูโม่มิเข้าใจว่าฉินซูต้องการทำอะไร แต่นางก็มิได้ให้ความสำคัญกับห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานพวกนี้อยู่แล้ว จึงพูดอย่างดูถูกว่า “มิต้องยุ่งยากปานนั้นหรอก พวกเขาอยากจะลงมือ ข้าก็จะซัดพวกเขาให้น่วมไปเลย”ทันใดนั้น ตงฟางโซ่วก็คิดอะไรบางอย่างออก เขาจึงกระซิบกับตงฟางไป๋ว่า “พี่ใหญ่ งูยักษ์อำพันแข็งแกร่งมาก ครั้งที่แล้วพวกเราหลายคนร่วมมือกันยังทำอะไรมันมิได้ ตอนนี้มันกลับถูกคนสองคนนี้ฆ่า แสดงว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีความสามารถมิธรรมดา แทนที่จะสู้กันซึ่งหน้า สู้ไปฟังว่าเจ้าเด็กนั่นอยากจะประลองแบบไหนดีกว่า!”ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “แม่นาง มิใช่ว่าพวกเราพี่น้องกลัวเจ้าหรอกนะ แต่พวกเรากลัวว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 89

    ตงฟางไป๋และเหล่าสหายดีใจมาก จึงลุกขึ้นจะไปพาฉงชูโม่ไปด้วยแต่ในเวลานี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รู้สึกเลือดในร่างกายพลุ่งพล่าน รูม่านตาและจมูกราวกับจะพ่นไฟออกมา!“พี่… พี่ใหญ่ ข้า… ข้าร้อนเหลือเกิน…”“ข้าก็ร้อน อืม… แม่หม้ายหวัง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ตงฟางโซ่วพูดพลางโอบกอดตงฟางไป๋ตงฟางไป๋พึมพำด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “แม่นาง เจ้าเป็นของข้าแล้ว!”จากนั้น ชายฉกรรจ์สองคนก็กอดกันและจูบกันคนอื่น ๆ ก็โอบกอดกันและทำสิ่งเดียวกัน“อุก…”เมื่อเห็นฉากที่แสบตานี้ ฉงชูโม่รู้สึกอยากจะอาเจียน และอดมิได้ที่จะพึมพำว่า “องค์รัชทายาท ท่านช่างมีแผนการที่แย่เสียจริง”ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ข้าเรียกสิ่งนี้ว่า สุภาพบุรุษใช้ปากมิใช้มือ! เอาเถอะ เก็บของแล้วไปกันต่อเถอะ”มินานนัก พวกเขาก็ออกจากที่นี่ไปหลังจากกลับมาที่ถนนหลวง ฉงชูโม่ถามด้วยความสับสน “องค์รัชทายาท หม่อมฉันสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เหตุใดท่านถึงต้องทำเรื่องที่มิจำเป็นด้วยเล่า?”ฉินซูอธิบายอย่างมีความหมายว่า “ปล่อยให้มีที่ว่างไว้บ้าง ในภายหน้าจะได้เจอกันได้ นี่คือยุทธภพ!”“ท่านให้พวกเขากอดกันและจูบกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 90

    อีกครั้งที่ยามพลบค่ำมาเยือนหลังจากเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยมาครึ่งวัน ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าหยางซานทั้งสองกำลังจะเข้าไปในเมืองเพื่อหาโรงเตี๊ยมพักทันใดนั้น กลุ่มคนก็วิ่งออกมาจากป่าข้างทาง!ผู้นำเป็นชายวัยสี่สิบกว่าสวมชุดดำเขาถือกระบี่ยาวไว้ในอ้อมแขน เหลือบมองฉินซู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ว่า “องค์รัชทายาท ในที่สุดท่านก็มาถึง ทำให้พวกเราต้องรอนานจริง ๆ!”ฉินซูมองเขาอย่างพิจารณา แล้วถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าเป็นคนของใคร? อ๋องฉีหรืออ๋องจิ้น?”ชายชุดดำหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท ท่านคิดว่ากระหม่อมจะโง่ขนาดบอกคำตอบให้ท่านงั้นหรือ?”“เจ้าก็โง่มิเบานะ ที่กล้าลงมือกับข้า เจ้ามิรู้หรือว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้านี้คือใคร?”“แม่ทัพใหญ่แห่งแดนใต้ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่สองรองจากเหลยเจิ้น ฉงชูโม่!”ฉินซูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าเป็นนาง แล้วพวกเจ้ายังกล้าลงมืออีกงั้นรึ?”ชายชุดดำพูดอย่างมิสะทกสะท้าน “สองหมัดหรือจะสู้สี่มือ ยิ่งพวกเรามีคนมากขนาดนี้ และที่สำคัญพวกเรามีสิ่งนี้ด้วย!”ทันทีที่เขาพูดจบ เหล่าลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็ชักหน้าไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 91

    หากยังปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ แม้แต่ฉงชูโม่ก็ยังยากที่จะหลบหนีไปได้โดยปลอดภัยฉินซูตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “เจ้าป้องกันไว้ก่อน ข้าจะมอบของขวัญให้พวกเขา”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้ว แต่มิได้ถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากปล่อยฉินซูไป ปราณบริสุทธิ์ภายในของนางก็เพิ่มขึ้น นางปล่อยฝ่ามือสองครั้งไปยังอากาศว่างเปล่าข้างหน้านาง!กระแสพลังฝ่ามือที่พัดแรงนั้นทำให้ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาตกลงสู่พื้นทันทีเมื่อชายชุดดำเห็นดังนั้น เขาจึงดึงคันธนูขึ้นมาเตรียมที่จะลงมือเองในขณะนั้นเอง ฉินซูยิ้มกว้าง “นี่ ข้าจะให้ของขวัญแก่พวกเจ้า!”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็โยนของในมือออกไปพลธนูคนหนึ่งรับของไว้โดยมิรู้ตัว พลันสีหน้าตกตะลึงสิ่งที่เขาเห็นคือ ลูกเหล็กขนาดเล็กทรงรีลูกหนึ่งที่มีสายชนวนกำลังปล่อยควันออกมาเขามิเข้าใจจริง ๆ ว่าลูกเหล็กในมือของเขาคืออะไรชายชุดดำที่ไหวพริบดีได้กลิ่นอันตราย เขาตะโกนออกมาว่า "นั่นคืออาวุธลับ โยนมันทิ้งไปเร็ว!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของพลธนูเปลี่ยนไป เขายกมือขึ้นและเตรียมที่จะโยนลูกเหล็กทิ้งไปแต่มันสายเกินไปแล้ว!“ตู้ม!!”เสียงระเบิดดังขึ้น ควันลอยฟุ้งทั่วบริเว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 92

    “ผู้แพ้อย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงมาข่มขู่ข้า?”ใบหน้าอันงดงามของฉงชูโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชา นางยกเท้าและเหยียบลงที่ขาของชายชุดดำอย่างแรง“กร๊อบ!”ขาของชายชุดดำถูกเหยียบจนเนื้อหนังเละกระจาย กระดูกแตกกระจายออกมา ดูน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งเส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวดมิหยุดหลังจากที่เขาสงบลงแล้ว เขาก็หายใจหอบก่อนพูดว่า “ข้าเป็นคนของสำนักอาทิตย์อัสดง เจ้าสำนักของพวกข้ากำลังมาแล้ว เมื่อพวกเขามาถึง พวกเจ้าตายแน่!”“สำนักอาทิตย์อัสดง?”ใบหน้าของฉงชูโม่เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นสิ่งนี้ฉินซูจึงถามอย่างสงสัย "สำนักอาทิตย์อัสดงที่ว่านี้ ทรงพลังมากหรือ?"ฉงชูโม่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเริ่มอธิบายปรากฏว่า สำนักอาทิตย์อัสดงเป็นสำนักบู๊ลิ้มที่ใหญ่ที่สุดในอวี้โจวเจ้าสำนักโอวหยางขุยมีพลังมาก เมื่อสิบปีก่อนก็เป็นนักรบระดับปฐพีเข้าไปแล้วเวลาผ่านไปสิบปีแล้ว และแม้ว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะมิได้อยู่ที่ขั้นปลายระดับปฐพี แต่ก็คงทะลวงไปสู่ขั้นกลางระดับปฐพีแล้วอย่างแน่นอนหรืออาจเป็นไปได้ว่า เขาได้เข้าสู่ระดับสวรรค์แล้วมิเพียงเท่านั้น ในสำนักอาทิตย์อัสดงยังมีผู้อาวุโสอีกห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 93

    โอวหยางขุยยืนนิ่งมิขยับ ขณะที่ชายชราผู้สวมชุดเทาด้านข้างยกหอกขึ้น กระแทกเข้าที่ดาบใหญ่อย่างแม่นยำ"แกร๊ง!"มีเสียงดังคมชัด ประกายไฟพุ่งออกมา!ชายชราในชุดสีเทาตกใจมาก แขนชา ปลายหอกแตกออก!เขาดูหวาดกลัว พูดด้วยน้ำเสียงเครือต่ำ “ท่านเจ้าสำนัก ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง ฉงชูโม่ผู้นี้เป็นยอดฝีมือในระดับปฐพีจริง ๆ!”“พวกเจ้าตรวจค้นรอบ ๆ ส่วนนาง ปล่อยให้นางเป็นหน้าที่ข้า!”หลังจากที่โอวหยางขุยพูดเสียงเย็น เขาก็ใช้เท้าเคาะท้องม้า และควบตรงไปทางฉงชูโม่ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉงชูโม่ตามแผนเดิมของนาง นางจะต้องล่อโอวหยางขุยและคนอื่น ๆ ไปทางอื่น เพื่อให้ฉินซูหนีเอาชีวิตรอดทว่ายามนี้ โอวหยางขุยกลับมาฆ่านางเพียงลำพัง นั่นพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นปลายของระดับปฐพีและที่สำคัญที่สุด แผนการของนางถูกทำลายลงจนสิ้นต้องรีบจบศึกนี้!ฉงชูโม่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เหยียบอานม้า พุ่งตัวออกไปหาโอวหยางขุยราวกับศรที่พุ่งออกจากคันธนู“มาเลย!”ดวงตาของโอวหยางขุยเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นนานแล้วที่เขามิได้พบกับคู่ต่อสู้ในระดับเดียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 452

    ขณะที่หนานกงจื่อชินกำลังพูด เขาก็ทะยานตามอีกฝ่ายเข้าไปในป่ามู่หรงจื่อเยียนกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจและไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันนางก็รีบพูดโน้มน้าว “พี่จื่อชิน อย่าเลย!”หนานกงจื่อชินหันไปจ้องนางแล้วถามว่า “จื่อเยียน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ข้า… ข้าก็แค่…”มู่หรงจื่อเยียนอึกอักและอธิบายเหตุผลมิได้เมื่อเห็นเช่นนั้น หนานกงจื่อชินก็โกรธและพูดพาลใส่ “ดูเหมือนว่าข้าจะเดามิผิด ท่านชอบเจ้าสวะฉินซูนั่น หนานกงจื่อชินด้อยกว่าเขาตรงไหน ท่านถึงได้เลือกเขาแทนที่จะเป็นข้า?”“ข้า… ข้ามิรู้”คำพูดของมู่หรงจื่อเยียนได้ยืนยันสิ่งที่หนานกงจื่อชินคาดเดาไว้อย่างมิต้องสงสัยเขาโกรธมากจนกำหมัดแน่นและกัดฟันดังกรอดฉินซูสับสนงุนงง เขามองไปที่มู่หรงจื่อเยียนด้วยสีหน้าตกตะลึง และในใจของเขาก็มีความประหลาดใจขึ้นมาตัวเขามีเสน่ห์ถึงเพียงนี้เลยหรือ? แม้แต่มู่หรงจื่อเยียนที่เป็นท่านหญิงจากต่างแคว้นผู้นี้ก็ยังหลงใหลในตัวเขาอย่างนั้นหรือ?ขณะนั้น หนานกงจื่อชินระงับความโกรธและพูดว่า “จื่อเยียน ท่านไปรอข้าที่ด้านนอก ขอเพียงท่านออกไปตอนนี้ ข้าก็จะทำเหมือนว่าเรื่องเมื่อครู่มิเคยเกิดขึ้น มิเช่นนั้นเมื่อก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 451

    บนหน้าผากของมันมีรูแผลขนาดเท่านิ้วมือที่มิรู้ว่าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไรและเลือดสีแดงในหัวของมันก็พุ่งออกมาจากรูแผลนั้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ถานเหวยก็ตกตะลึงและมิรู้ว่าใครช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในช่วงเวลาวิกฤตินี้“ถานเหวย จะยืนตะลึงอะไรอยู่อีก รีบบังคับรถม้าพาเซี่ยหลานไปที่เนินเขาลั่วเยี่ยนทางนั้นสิ!”เมื่อได้ยินเสียงเร่งเร้าของฉินซู ถานเหวยก็ได้สติเขาพยักหน้ารัว ๆ “องค์รัชทายาทรีบขึ้นรถม้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ เร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้าพาเซี่ยหลานไปก่อน ข้ามียอดฝีมือคอยคุ้มกันอยู่ มิเป็นอะไรหรอก เจ้ารีบไปเร็วเข้า”“ข้าน้อย… เอ่อ..."ถานเหวยลังเลเมื่อฉินซูเห็นสถานการณ์ เขาก็สบถในใจ พลางเตะถานเหวยลอยเข้าไปในรถม้าแล้วฟาดแส้ที่ก้นม้า!ม้าควบออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเซี่ยหลานที่อยู่บนรถม้าเห็นเช่นนั้นก็เป็นกังวลมากจนเกือบจะร้องไห้ “องค์รัชทายาท ท่านรีบหนีเถิดเพคะ”“ไปรอข้าอยู่ในที่ปลอดภัย เดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็คว้าหอกยาวจากมือทหารแล้วเหวี่ยงไปข้างหน้าเป็นครึ่งวงกลม ปราณวายุที่รุนแรงดุดันบีบบังคับให้ปีศาจภูเขาหลายตัวเหล่านั้นถอยหลังทหารเหล่านั้นถึงกับอึ้ง!องค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 450

    ก้อนหินไหลลงมาตามเชิงเขาเงาดำสูงใหญ่เดินขวักไขว่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ในป่าเนื่องจากเงาดำเหล่านี้สูงใหญ่มาก ต้นไม้จำนวนมากจึงถูกทับและล้มลงส่งผลให้ในป่าเต็มไปด้วยความสับสนอลเวง“ปีศาจภูเขา! นั่นมันปีศาจภูเขา!!”เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอฉงซานคนหนึ่งที่อยู่ในกองกำลังขนส่งเสบียงอุทานขึ้นเมื่อเงาร่างสูงใหญ่สีดำเหล่านั้นเข้ามาใกล้ ฉินซูก็สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกมันได้อย่างชัดเจน!ปีศาจภูเขาเหล่านี้มีเบ้าตาสีเข้ม คิ้วสีดำสลับขาว สันจมูกสีแดง และมีหนวดยาวที่บริเวณจมูกทั้งสองข้าง!แก้มทั้งสองข้างขาวราวหิมะ มองแวบแรกดูเหมือนใบหน้าของผีร้ายทั้งตัวของพวกมันยังถูกปกคลุมไปด้วยขนสีดำยาว แขนสองข้างหนากว่าถังน้ำ และยาวกว่าหัวเข่า รูปร่างของมันสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าชิมแปนซีมากโดยเฉพาะเขี้ยวทั้งสองคู่ที่มุมปากนั้นแลดูน่าหวาดกลัวเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดขนยาวที่สูงกว่าคนสองคนยืนต่อตัวกัน ทันใดนั้น ฉินซูก็มีสีหน้ามิพอใจ!นี่พวกเจ้าเรียกเจ้ายักษ์ใหญ่พวกนี้ว่าปีศาจภูเขารึ?!เขาไม่มีเวลาพอที่จะพูดบ่น และตะโกนใส่ทหารที่กำลังหวาดกลัวเสียงดัง “ยังจะยืนตะลึงกันอยู่อีก รีบหนีไปสิ!”“คุ้ม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 449

    “แล้วหากเขามิพอใจเล่า?”“เช่นนั้นก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาดแล้ว อย่างไรก็ต้องพูดคำเดิม พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็เงียบไปพวกเขามิใช่โจรชั่วและพวกเขาก็มิเคยทำเรื่องที่ทำลายจิตสำนึกของตัวเองแต่วันนี้กลับมีคนหน้ามิอายบางคนใช้สตรี เด็กและคนชราในค่ายป้องกันมาบีบบังคับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนแต่โดยดีเมื่อหยางอวิ๋นโบกมือเป็นสัญญาณ ทุกคนก็รีบซุ่มอยู่บนเนินเขาทันทีขณะเดียวกันในป่าที่อยู่มิไกล มู่หรงจื่อเยียนกำลังรออย่างกระวนกระวายทันใดนั้น เงาร่างสีขาวก็ตกลงมาจากท้องฟ้า!นางรีบไปรับเขาแล้วถามว่า “ท่านพี่จื่อชิน เป็นอย่างไรบ้าง?”หนานกงจื่อชินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “มิต้องกังวล ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม จากนี้ไป พวกเราแค่ต้อง.ใช้กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่งและรอโอกาสลงมือ”มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าเบา ๆ พลางมองออกไปนอกป่าด้วยความมิสบายใจไกลออกไปฉินซูที่นำอยู่ด้านหน้าขบวนก็หยุดม้ากะทันหันเมื่อเห็นสถานการณ์ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็เลิกคิ้วแล้วถามว่า “หยุดด้วยเหตุใดหรือเพคะ?”ฉินซูจ้องมองทางข้างหน้าและพูดเสียงเรียบ “ทางข้างหน้าด้านหนึ่งเป็นป่าและอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 448

    เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดขาวขู่ว่าจะล้างบางค่ายป้องกันไป๋หยาง ชายอารมณ์ร้อนคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นทันที“ลูกพี่ พวกเราสู้กับเขาเถอะ!”“นั่นสิ พวกเรามีกันตั้งหลายร้อยคน ยังจะต้องกลัวเขาอีกรึ!”“มาช่วยกันสับมันให้สิ้นเสีย!”ทุกคนต่างออกความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นชายหนุ่มชุดขาวมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ขณะนั้นก็มีจิตสังหารพุ่งออกมาจากตัวเขา!เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า หยางอวิ๋นก็รีบตะโกน “พวกเจ้าทุกคนหุบปากเดี๋ยวนี้!”เขาแอบวิตกกังวลอยู่ในใจ ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับปฐพีอย่างแท้จริง หากเขาทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมา ค่ายป้องกันไป๋หยางคงจะถูกล้างบางจนนองเลือดจริง ๆคนที่ถูกเขาตวาดใส่ก็รีบปิดปากอย่างเชื่อฟังหยางอวิ๋นยกมือคำนับไปทางชายหนุ่มและถามอย่างระมัดระวัง “ท่านจอมยุทธ ข้าขอบังอาจถามว่าในเมื่อท่านมิได้คิดจะปล้นเสบียง เหตุใดท่านจึงประสงค์ให้พวกเราทำการสังหารหมู่กองกำลังขนส่งเสบียง ท่านมีความแค้นกับพวกเขาหรือ?”“เจ้านี่พูดมากนัก!”ชายหนุ่มชุดขาวชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออดปราณแห่งกระบี่อันเฉียบคมรุนแรงพุ่งผ่านอากาศช่วงเวลาต่อมา ก็มีเสียงกรีดร้องดังก้องในหูของหยางอวิ๋นเมื่อทุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 447

    เมื่อหยางอวิ๋นและคนอื่น ๆ เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นลูกน้องคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มิรู้ว่าเป็นหรือตายที่ประตูค่ายป้องกัน ชายหนุ่มชุดขาวเดินเข้ามาโดยปิดบังใบหน้าเอาไว้คนผู้นี้ถือกระบี่ในมือและมีท่าทางหยิ่งผยองหลังจากที่ผ่านประตูเข้ามา เขาก็มองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็จับจ้องไปที่หยางอวิ๋นชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ หยางอวิ๋นตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นตะโกนใส่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธว่า “นี่! ผู้มาเยือนเป็นใคร บอกนามมาเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มชุดขาวแค่นเสียงเย็นชาแล้วฟาดมือจากระยะไกลไปยังที่นั้น“ซู่!”กระแสพลังฝ่ามือที่รวดเร็วและรุนแรงม้วนพุ่งไปทางชายร่างใหญ่รูม่านตาของหยางอวิ๋นหดตัว เขารีบผลักชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ออกไปทำเอาเจ้าตัวล้มลงกับพื้นและกระแสพลังฝ่ามือนั้นก็กระทบกับเก้าอี้ที่ชายร่างใหญ่เคยนั่งหลังจากเกิดเสียงดัง ‘แคร็ก’ เก้าอี้ก็แตกเป็นชิ้น ๆ ทันทีเมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนในห้องรับรองก็ตกตะลึงแม้แต่สีหน้าของหยางอวิ๋นก็ยังเคร่งขรึมมากกว่าปกติเขายกมือคำนับชายหนุ่มชุดขาวพลางถามอย่างสุภาพ “ขอบังอาจถามว่าท่านผู้มีเกียรติ ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงได้มารุกรานค่ายป้องกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 446

    ฉินซูมิออกความเห็นเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเช่นปีศาจภูเขา แต่มิเคยเห็นมันด้วยตาของตัวเองเมื่อได้ยินซุนเยวี่ยพูดเช่นนั้น ก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามา“ทูลองค์รัชทายาท บรรจุข้าวเสร็จสิ้นแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดกับจี้ซิงเสียนว่า “ใต้เท้าจี้ งานปกครองเมืองเหลียงโจวข้าขอฝากไว้กับพวกท่านด้วย”“ข้าน้อยจะมิทำให้องค์รัชทายาททรงต้องผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ชั่วครู่ต่อมาฉินซูนำขบวนขนส่งเสบียงไปยังประตูทิศเหนือทันทีที่มาถึงหน้าประตูก็พบว่าที่ตรงนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเมื่อเห็นฉินซู พวกเขาทั้งหมดก็ทำความเคารพ!พวกเขาตะโกนขึ้นพร้อมกัน​ “ขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูยิ้มพลางพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็นำขบวนออกจากเมืองไปอย่างช้า ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนหันไปมองฝูงชนและพูดแฝงความนัย “ได้รับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากราษฎรในเมืองเช่นนี้ หลังจากนี้เมื่อกลับไปยังเมืองหลงเฉิง เกรงว่ามันจะไปกระตุ้นความอิจฉาของผู้คนมากมายเข้าน่ะสิ”“เจ้าหมายถึงพวกของฉินหงรึ?”“ถูกต้องเพคะ ท่านทรงทำคุณงามความดี เมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 445

    กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเบา “คนเสแสร้ง!”จากนั้นนางก็ถอนหายใจอีกครั้งและบ่นพึมพำว่า “ในความทรงจำของหม่อมฉัน อาจารย์มิเคยเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้แย่งชิงของฝ่ายต่าง ๆ แต่คราวนี้เขากลับสั่งให้หม่อมฉันทำเรื่องเช่นนี้ เขาจะยังเป็นเจ้าสำนักหอดูดาวหลงผู้ซื่อตรงที่มิฝักใฝ่ฝ่ายใดอยู่หรือเพคะ?”“เจ้าก็คิดมากเกินไป ที่อาจารย์ของเจ้าทำเช่นนี้อาจเป็นเพราะรับสั่งของเสด็จพ่อ มิอย่างนั้นเขาก็คงจะกำชับเจ้าตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว”"ก็จริงเพคะ..." ทันใดนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็นึกอะไรออกและพูดอย่างจริงจัง “องค์รัชทายาท ดูเหมือนว่า องค์จักรพรรดิจะทรงระแวงท่าน หม่อมฉันเกรงว่าทางเดินข้างหน้าของท่านจะมีอุปสรรคที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพคะ”ฉินซูพูดอย่างมิเห็นด้วย “ทางเดินของข้ามันผ่านไปได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เมื่อไรเล่า ก่อนหน้านี้บรรดาน้องชายทั้งหลายของข้าส่งคนมาลอบสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง แต่เสด็จพ่อของข้าก็มิเคยสอบสวนพวกเขาเลย ดังนั้นตอนนี้ มิว่าเสด็จพ่อจะสงสัยข้าอย่างไรข้าก็มิแปลกใจอะไรทั้งนั้น”“ท่านช่างหนักแน่นนักเพคะ”สีหน้าท่าทางของกู้เสวี่ยเจี้ยนอ่อนโยนลง นางพูดต่อ “ท่านวางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะมิสืบหายอด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 444

    ในเวลาเดียวกันณ ศาลาว่าการมณฑล ถานเหวยกับจี้ซิงเสียนและคนอื่น ๆ ยังคงจัดการดูแลงานปกครองขณะนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามา “ใต้เท้าถาน มีจดหมายจากสำนักขุนนางใหญ่ขอรับ”พูดจบ เขาก็ยื่นจดหมายในมือมาให้ถานเหวยรับมาเปิดอ่าน จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย จี้ซิงเสียนก็อดมิได้ที่จะถามว่า “ใต้เท้าถาน มีเรื่องอันใดหรือขอรับ?”“ไม่ ไม่มีอะไร แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จี้ซิงเสียนกับซุนเยวี่ยและคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งหากเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางสำนักขุนนางใหญ่จะอุตส่าห์ส่งจดหมายข้ามคืนมาเพื่ออะไร?แต่เมื่อเห็นว่าถานเหวยมิยอมพูดให้ชัดเจน พวกเขาจึงมิกล้าถามอะไรไปมากกว่านี้เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่ถานเหวยได้รับจดหมาย กู้เสวี่ยเจี้ยนและเซี่ยหลานก็ได้รับจดหมายเช่นกันในห้องรับรองด้านหลังของที่ว่าการมณฑล เซี่ยหลานวางจดหมายไว้ตรงหน้าฉินซู“องค์รัชทายาทดูสิเพคะ ท่านปู่ของหม่อมฉันเลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ ถึงได้ยังไปเข้าพวกกับอ๋องฉี ซ้ำยังถามเป็นนัย ๆ มาด้วยว่าระหว่างทางพวกเราเผชิญอันตรายใด ๆ หรือไม่เห็นได้ชัดว

DMCA.com Protection Status