ในที่สุด ฉินซูก็ถามด้วยความขุ่นเคืองว่า “ฉงชูโม่ เจ้าวางแผนต่อต้านข้าอยู่ใช่หรือไม่?”“ท่านเป็นคนบอกว่าจะมอบมันให้หม่อมฉันเอง ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท จะกลับคำพูดมิได้กระมัง”“ก็ได้ มอบให้เจ้าก็มอบให้เจ้า ข้าก็มิได้ใช้มันอยู่แล้ว” ฉินซูมิได้ใส่ใจนัก อาวุธเป็นสิ่งที่เขามิเดือดร้อนว่าจะมีหรือไม่มีฉงชูโม่ดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะเก็บกริชเข้าฝักฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าแล้ว เจ้าจะรีบเก็บมันไปหาปะไรเล่า รีบถลกหนังงูออกมาก่อนสิ นี่เป็นของดี หากเอามาเย็บเป็นชุดเกราะ เจ้าจะได้อยู่ยงคงกระพันในสนามรบเลยทีเดียว”ฉงชูโม่คิดว่าตัวเองฟังผิด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “องค์รัชทายาท ท่านหมายความว่า จะให้หม่อมฉันนำหนังงูนี้ไปทำชุดเกราะงั้นหรือ?”“ใช่แล้ว ดาบธรรมดามิสามารถตัดผ่านได้เลย หนังงูนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก เหมาะที่จะนำมาทำเป็นชุดเกราะชั้นใน เมื่อถึงตอนนั้น เวลาที่เจ้าสวมมันออกไปต่อสู้ ก็จะไม่มีอาวุธใดทำอันตรายเจ้าได้ พวกศัตรูเห็นเข้า ก็คงจะกลัวจนหนีกระเจิงไปเลย”ในใจของฉงชูโม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีนางมิเคยคิดเลยว่า ฉินซูจะใจกว้างกับนางมากถึงเพียงนี้กริชที
ฉงชูโม่มองไปยังถ้ำที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบ่อน้ำ แล้วกล่าวเตือนว่า “หากท่านกล้าแอบดู หม่อมฉันสาบานว่าจะควักลูกตาของท่านออกมา!”หลังจากพูดจบ นางก็แกะห่อผ้าออกจากอานม้าแล้วเดินไปยังถ้ำฉินซูยังคงย่างเนื้องูต่อไปหลังจากที่ฉงชูโม่มาถึงถ้ำ นางก็จุดตะบันไฟไฟขึ้นมาจากนั้นก็สังเกตเห็นว่า ถ้ำนี้มิได้ลึกมาก และภายในก็เต็มไปด้วยผนังหินที่เรียบลื่น มองเห็นได้ชัดเจน มิต้องกังวลว่าจะมีแมงมุม หรือสัตว์เลื้อยคลานใด ๆนางมองออกไปนอกถ้ำ เห็นฉินซูยังคงย่างเนื้องูอยู่ตรงนั้น นางจึงหยิบอาภรณ์ออกมาจากห่อผ้าและเปลี่ยนชุดหลังจากเปลี่ยนเสร็จ นางกำลังจะออกไปแต่ในขณะนั้น หางตาของนางก็เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างดังนั้นนางจึงหันไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่ามีไข่ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในมุมของถ้ำ!“ไข่นกใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ขณะที่นางกำลังประหลาดใจ นางก็เอาไข่ไปด้วยเมื่อกลับไปที่ข้าง ๆ ฉินซู นางก็พูดว่า “หม่อมฉันเจอไข่นกในถ้ำ ท่านอยากจะย่างเสวยหรือไม่?”พูดไปก็หยิบไข่ออกมาฉินซูมองดู แล้วมีความรู้สึกประหลาดใจ“ไข่นก? แถวนี้ไม่มีนกกระจอกเทศ ไข่นกใหญ่ขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”“นกกระจอกเทศ? นกอะไรหรือ?” ฉงชูโม
เมื่อสบตากับฉงชูโม่ ฉินซูก็รู้สึกได้ว่าเลือดในกายพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม เขาอดมิได้ที่จะโน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้างามของอีกฝ่าย ฉงชูโม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น เมื่อฉินซูโน้มใบหน้าเข้ามา นางมิเพียงแต่มิหลบเลี่ยง แต่ยังเผยอปากรับเขาอีกด้วย ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ฉงชูโม่โอบแขนรอบคอฉินซู และจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง ฉินซูก็มินิ่งเฉย เขาตอบสนองนางไปพร้อมกับที่มือของเขาไล้ไปทั่วร่างกายของนาง ทั้งสองค่อย ๆ สูญเสียการควบคุม เหลือเพียงแรงกระตุ้นดิบ ๆ อยู่ในหัวเท่านั้นมินาน ฉงชูโม่ก็โอบคอฉินซู และนอนลงบนพื้นหญ้าอย่างช้า ๆ ฉินซูจูบลงไปตามลำคอที่ผิวเนียนละเอียดของนางอย่างแผ่วเบา เขาใกล้จะได้สัมผัสกับดินแดนแห่งความสุขที่บุรุษทุกคนใฝ่ฝันแต่ในตอนนั้นเอง!“ฮี้ ฮี้...”ม้าที่กำลังกินหญ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาในเวลาที่มิเหมาะสมฉินซูรู้สึกตัวขึ้นมาทันที!เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังใกล้ชิดกับฉงชูโม่ เขาก็อดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กำลังคิดที่จะทำต่อแต่เขายังมิทันได้จูบลงไป ก็มีมือข้างหนึ่งตบเข้ามาเพียะ!ฉินซูโดนตบเข้าที่หน้าอย่างจัง!เขาเอามือ
“กลัวอะไร นี่มันบำรุงได้ดีเลยนะ หลังจากที่ข้ากินเนื้องูแล้ว ความเหนื่อยล้าทั้งร่างก็หายไปหมดเลย”“เอ่อ… ท่านพูดเช่นนั้น หม่อมฉันก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเช่นกัน อีกอย่าง… อีกอย่างเหมือนกำลังภายในจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย”“ไม่หรอกกระมัง เนื้องูยังเพิ่มกำลังภายในได้อีกด้วยหรือ?” ฉินซูมองฉงชูโม่ด้วยความประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง “จะหลอกท่านหาสิ่งใดเล่า แต่หม่อมฉันแข็งแกร่งขนาดนี้ ยังต้องหมุนเวียนลมปราณเพื่อระงับผลข้างเคียง แล้วไฉนท่านถึงมิเป็นไรเลย?”ฉินซูตอบโดยมิคิด “บางที คนที่แข็งแกร่งกว่า อาจได้รับผลกระทบที่ลึกซึ้งกว่า ตอนนี้ข้ามิเป็นอะไรเลย”ฉงชูโม่ยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นในความคิดของนาง แม้ว่าฉินซูจะรู้วิทยายุทธจริง ๆ ก็มิน่าจะแข็งแกร่งกว่านางได้หากมองจะมุมที่แย่ที่สุด ถึงแม้ว่าฉินซูจะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง ก็คงมิแข็งแกร่งไปกว่านี้มากนัก มิเช่นนั้นฉินซูคงมิโดนผลกระทบน้อยขนาดนี้เห็นฉินซูย่างเนื้อเสร็จแล้ว นางก็อยากจะกินอีกหน่อย แต่ก็กลัวว่าเลือดลมจะพลุ่งพล่านจนควบคุมมิอยู่ ได้แต่มองตาปริบ ๆ และกลืนน้ำลายเท่านั้นฉินซูมองนางด้วย
ชายร่างใหญ่พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “เช่นนั้นก็ฟังให้ดี พวกเราคือห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน คนนี้คือพี่ใหญ่ของเรา ตงฟางไป๋ ฉายาในยุทธภพคือมังกรข้ามแม่น้ำ! ส่วนข้า คือเศียรเสือดาว ตงฟางโซ่ว!”ฉินซูมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วพึมพำว่า “ห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานอะไรกัน มิเคยได้ยินมาก่อนเลย!”ตงฟางโซ่วโกรธจนแทบคลั่ง ตะโกนว่า “นั่นเพราะเจ้าโง่เขลา! พูดมากหาปะไร มิอยากมีเรื่องก็รีบไสหัวไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเตือน!”ชายร่างใหญ่ข้าง ๆ เขาตะโกนเสียงดังว่า “พี่รอง จะไปเสียเวลากับพวกมันด้วยเหตุใดเล่า รีบไปล่อเจ้าเดรัจฉานนั่นออกมา พวกเขามิไป ก็ปล่อยให้เป็นอาหารของเจ้าเดรัจฉานนั่นซะ”“ใช่ พวกเรายังสามารถฉวยโอกาสตอนที่เจ้าเดรัจฉานนั่นกำลังกินเจ้านี่อยู่ แอบเข้าไปโจมตีมันจากด้านหลังได้... เอ๊ะ? นั่นอะไรน่ะ?”อีกคนพูดพลางมองไปทางด้านหลังของฉินซูโดยมิตั้งใจ แล้วก็สังเกตเห็นชิ้นเนื้อยาว ๆ ที่นอนอยู่ด้านหลังเขาเมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็หันไปมองตามทิศทางที่เขาชี้“เอ๊ะ?! นั่นดูเหมือน... เนื้องูหรือเปล่า?”“เนื้องูจริง ๆ ด้วย เจ้าดูสิ ตรงนั้นที่ตากไว้นั่นมิใช่หนังงูหรอกรึ!”“หนังงูสีทอง?!
“ข้ามิได้ตาบอด หญิงงามเช่นนี้ข้าจะมองมิเห็นได้อย่างไร!”ตงฟางไป๋บ่นพึมพำ แล้วหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉินซู “เจ้าหนุ่ม ข้าเปลี่ยนใจแล้ว มิต้องจ่ายเงินชดเชยก็ได้ ข้าจะเอาหญิงงามผู้นี้!”ฉินซูยกนิ้วโป้งให้เขา “เจ้าตัวใหญ่ เจ้ายังถือว่าใจดีอยู่นะ หากเป็นโจรป่าคนอื่น คงจะเลือกเอาทั้งเงินทั้งหญิงงามไปแล้ว”ตงฟางไป๋โบกมืออย่างองอาจ “พวกเราห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซาน มิเหมือนโจรป่าพวกนั้นหรอก เจ้าฆ่างูยักษ์อำพันของเรา เอาหญิงงามผู้นี้มาชดใช้ก็พอดีแล้ว เจ้าไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?”“แน่นอน ข้าไม่มีปัญหา แต่นางจะมีปัญหาหรือไม่ ข้ามิรับประกัน”“หึหึ หญิงคนหนึ่ง นางจะกล้ามีปัญหาอะไร!”ตงฟางไป๋ยิ้มกว้าง แล้วเดินอาด ๆ ไปหาฉงชูโม่ฉงชูโม่ยืนกอดอก ยิ้มหวานให้เขาหลังจากเห็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหลของฉงชูโม่ เขาก็ลืมแม้กระทั่งว่าพ่อของเขาชื่ออะไรไปแล้วเขาถูมือด้วยความตื่นเต้น และพูดด้วยสายตาเป็นประกายว่า “แม่นาง ต่อจากนี้ไปเจ้าจะเป็นหญิงของข้า ตงฟางไป๋ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปใช้ชีวิตอิ่มหนำสำราญ!”ฉงชูโม่ถามด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ เจ้าบอกว่างูยักษ์อำพันตัวนั้นมีค่าแปดร้อยตำลึงใช่หรือไม่?”“ใช่ ๆ ๆ”“เ
เห็นบรรยากาศตึงเครียด ฉินซูจึงโบกมือไปทางพวกเขา“นี่ ข้าว่าพวกเจ้าผู้กล้าทั้งห้ามิควรชักดาบขู่ผู้หญิงเลย มิเช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พวกเรามาต่อสู้กันอย่างลูกผู้ชาย เป็นอย่างไร?”ได้ยินดังนั้น ตงฟางไป๋เลิกคิ้วเย้ยหยัน “พูดเยี่ยงนี้ หมายความว่าเจ้าจะสู้กับพวกเราคนเดียวงั้นรึ?”“หามิได้ ๆ การประลองฝีมือ มิจำเป็นต้องใช้ดาบหรือกระบี่เสมอไป เยี่ยงนั้นจะทำลายมิตรภาพอันดีของเราเสียเปล่า”ฉงชูโม่มิเข้าใจว่าฉินซูต้องการทำอะไร แต่นางก็มิได้ให้ความสำคัญกับห้าผู้กล้าแห่งเขาวู่ซานพวกนี้อยู่แล้ว จึงพูดอย่างดูถูกว่า “มิต้องยุ่งยากปานนั้นหรอก พวกเขาอยากจะลงมือ ข้าก็จะซัดพวกเขาให้น่วมไปเลย”ทันใดนั้น ตงฟางโซ่วก็คิดอะไรบางอย่างออก เขาจึงกระซิบกับตงฟางไป๋ว่า “พี่ใหญ่ งูยักษ์อำพันแข็งแกร่งมาก ครั้งที่แล้วพวกเราหลายคนร่วมมือกันยังทำอะไรมันมิได้ ตอนนี้มันกลับถูกคนสองคนนี้ฆ่า แสดงว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีความสามารถมิธรรมดา แทนที่จะสู้กันซึ่งหน้า สู้ไปฟังว่าเจ้าเด็กนั่นอยากจะประลองแบบไหนดีกว่า!”ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “แม่นาง มิใช่ว่าพวกเราพี่น้องกลัวเจ้าหรอกนะ แต่พวกเรากลัวว
ตงฟางไป๋และเหล่าสหายดีใจมาก จึงลุกขึ้นจะไปพาฉงชูโม่ไปด้วยแต่ในเวลานี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รู้สึกเลือดในร่างกายพลุ่งพล่าน รูม่านตาและจมูกราวกับจะพ่นไฟออกมา!“พี่… พี่ใหญ่ ข้า… ข้าร้อนเหลือเกิน…”“ข้าก็ร้อน อืม… แม่หม้ายหวัง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ตงฟางโซ่วพูดพลางโอบกอดตงฟางไป๋ตงฟางไป๋พึมพำด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “แม่นาง เจ้าเป็นของข้าแล้ว!”จากนั้น ชายฉกรรจ์สองคนก็กอดกันและจูบกันคนอื่น ๆ ก็โอบกอดกันและทำสิ่งเดียวกัน“อุก…”เมื่อเห็นฉากที่แสบตานี้ ฉงชูโม่รู้สึกอยากจะอาเจียน และอดมิได้ที่จะพึมพำว่า “องค์รัชทายาท ท่านช่างมีแผนการที่แย่เสียจริง”ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ข้าเรียกสิ่งนี้ว่า สุภาพบุรุษใช้ปากมิใช้มือ! เอาเถอะ เก็บของแล้วไปกันต่อเถอะ”มินานนัก พวกเขาก็ออกจากที่นี่ไปหลังจากกลับมาที่ถนนหลวง ฉงชูโม่ถามด้วยความสับสน “องค์รัชทายาท หม่อมฉันสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เหตุใดท่านถึงต้องทำเรื่องที่มิจำเป็นด้วยเล่า?”ฉินซูอธิบายอย่างมีความหมายว่า “ปล่อยให้มีที่ว่างไว้บ้าง ในภายหน้าจะได้เจอกันได้ นี่คือยุทธภพ!”“ท่านให้พวกเขากอดกันและจูบกัน