แชร์

บทที่ 45

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เหล่าสตรีล้อมรอบฉงชูโม่ทันที ทั้งยังลูบไล้มือและใบหน้าของนางอีกด้วย

“คุณชายหล่อเหลาจริง ๆ มาเลยเจ้าค่ะ วันนี้ตัวพี่หญิงอารมณ์ดี จะขอบริการท่านฟรีสักครั้ง”

“ใช่ ใช่ ใช่ ค่าใช้จ่ายของท่านพวกเราจัดการเอง วันนี้เราจะผลัดกันดูแลท่าน รับรองว่าท่านจะติดใจจนลืมมิลง”

หญิงสาวเหล่านั้นหัวเราะคิกคักไม่หยุด และลากฉงชูโม่เข้าไปยังหอบุปผาเมลัย

ฉงชูโม่อับอาย และตะโกนอย่างโกรธจัดว่า “ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

“เอ๋ คุณชายอย่าอายไปเลย พวกเรามิทำรุนแรงหรอก”

“ดูสิว่าท่านร้อนรนเพียงใด ยังบริสุทธิ์อยู่ใช่หรือไม่?”

“ดูเหมือนจะใช่ ฮิฮิ ท่านผ่อนคลายเถิด เราจะมิทำให้ท่านเจ็บหรอกเจ้าค่ะ”

พวกนางลากฉงชูโม่ขึ้นไปชั้นบน

ใบหน้าอันงดงามของฉงชูโม่เย็นชา เตรียมจะลงมือ

ในเวลานี้ มีสตรีนางหนึ่งบังเอิญสัมผัสหน้าอกของนางและอุทานว่า “เจ้าเป็นสตรีรึ?!”

“หือ? สตรี?”

“ถุย ถุย ถุย เราก็นึกว่าเจ้าเป็นบุตรชายตระกูลเศรษฐี ที่ไหนได้กลับเป็นสตรี รีบไปให้พ้นเลย!”

สตรีหลายคนถ่มน้ำลายด้วยสีหน้ามิพอใจ

ฉงชูโม่จ้องมองพวกนาง แต่ก็มิอยากต่อปากต่อคำด้วย จึงหันหลังกลับแล้วลงไปชั้นล่าง

ในเวลานี้เอง นางเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนโดยมิไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 46

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซูก็เดินไปที่ห้องที่หนึ่งและเตะประตูให้เปิดออกแต่เพื่อมิให้ฉงชูโม่สงสัย เขาจึงมิได้ใช้กำลังมากนักเมื่อเห็นว่าเขามิแม้แต่จะเตะเปิดประตูได้ ฉงชูโม่ก็พูดด้วยสีหน้ารังเกียจ “หลีกไป หม่อมฉันเอง”หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็เตะประตูให้เปิดออก ในห้องนั้น ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังกอดหญิงสาวที่ดูเย้ายวน และนอนอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่าเมื่อเห็นฉากนี้ ฉงชูโม่ก็หันหลังหนีทันที อยากจะควักลูกตาออกมาล้างให้สะอาดเสียเดี๋ยวนั้นในเวลานี้ คนทั้งสองบนเตียงก็สังเกตเห็นว่าประตูถูกเปิดออก พวกเขาก็ตกใจกลัวอย่างมากชายวัยกลางคนตะโกนด่า “พวกเจ้าเป็นใคร กล้ามารบกวนความสำราญของข้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่หากข้าบอกว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้า รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”ฉินซูเหลือบมองบุคคลนี้ และจำเขาได้ทันทีเขาคือเส้าหวยอัน รองเสนาบดีกรมโยธาธิการ!“รองเสนาบดีเส้า เพลิดเพลินมิเบาเลยนะ กล้ามามั่วสุมที่หอบุปผาเมลัยกลางวันแสก ๆ ช่างทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริง ๆ!”หลังจากที่เส้าหวยอันจำฉินซูได้ในชุดลำลองได้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวเขารีบหยิบกางเกงขึ้นมา กลิ้งตัวลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 47

    วิชานี้ลึกซึ้งยิ่งนัก จนแม้แต่เขาเองก็ยังมิอาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และเขาก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่า หากฝึกฝนวิชานี้ได้ถึงขีดสุด จะต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน“มิคิดเลยว่า หลังจากเดินทางมายังโลกนี้แล้ว ฉันจะได้พบกับวิชาที่ลึกล้ำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าตาแก่คนนี้จะมีอะไรดีจริง ๆ สินะ!”ฉินซูพึมพำด้วยความประหลาดใจต่อมาเขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง แล้วถามว่า “จี้หยกนี้มีชื่อเจ้าของสลักอยู่ เจ้ากล้าสวมมันบนร่างกายของเจ้าได้อย่างไร? คิดจะรนหาที่ตายหรือ?”“องค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันมิรู้หนังสือ เมื่อมิกี่วันก่อน เมื่อหม่อมฉันบังเอิญเจอสิ่งนี้ตอนที่เข้าไปหลบฝนในวัดศาลหลักเมืองร้าง หม่อมฉันจึงหยิบติดมือมา หากหม่อมฉันรู้ว่านี่เป็นขององค์รัชทายาท หม่อมฉันคงมิกล้าเอามาเป็นของตัวเองแน่เพคะ”เมื่อเห็นความเข้าใจผิดของนาง ฉินซูจึงมิใส่ใจจะอธิบาย ดังนั้นเขาจึงหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากสาบเสื้อแล้วโยนให้อีกฝ่าย“หยกนี้ข้าจะเก็บไว้ เงินนี้เจ้าก็รับไป”สตรีคนนั้นรู้สึกปลื้มใจมาก จนมิรู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งตอนนั้นเอง ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็เดินขึ้นมาเมื่อเขาเห็นเส้าหวยอัน เขาก็พูดด้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 48

    ฉินซูเอามือไพล่หลังแล้วเย้ยหยัน “ข้าใส่ร้ายเจ้าหรือ?”“องค์รัชทายาทใส่ร้ายกระหม่อมหรือไม่ ท่านน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี?”เส้าหวยอันประสานมือโค้งคำนับไปทางฉินอู๋ต้าวอีกครั้งและกล่าวต่อด้วยท่าทางน่าเชื่อถือ “ฝ่าบาท ที่กระหม่อมใกล้ชิดกับอ๋องจิ้นล้วนมิใช่ความลับ องค์รัชทายาทจึงมิลังเลที่จะใส่ร้ายกระหม่อม คิดจะใช้กระหม่อมเป็นเครื่องมือปราบอ๋องจิ้น และสร้างอำนาจของตน หวังว่าฝ่าบาทจะทรงพิจารณาอย่างรอบคอบพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็หรี่ลงเล็กน้อยใบหน้าอันสง่างามของเขาเผยแววสงสัยออกมาอยู่บ้าง และมองไปที่ฉินซูอย่างสงบแม้ว่าเขาจะมิได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอคำอธิบายของฉินซูฉินซูยังคงยืนไพล่มือไปทางด้านหลัง มองเส้าหวยอันด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินอู๋ต้าวจึงถามว่า “รัชทายาท รองเสนาบดีเส้าบอกว่าเจ้าใส่ร้ายเขา เช่นนั้นเจ้าจะมิอธิบายหรือ?”“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าเดี๋ยวน้องหกก็จะมาที่นี่แล้ว หลังจากที่เขามา เขาจะขอให้ลูกแสดงหลักฐานอย่างแน่นอน ดังนั้นเรารอจนกว่าเขาจะมาถึงก่อนจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฉินซูพูดจบ เสียงของขันทีหนุ่มก็ดังมาจากด้านนอกประตู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 49

    เมื่อได้ยินความหมายในคำพูดของเส้าหวยอัน กลายเป็นว่าตู๋กูโฉ่วเยวี่ยและองค์รัชทายาทร่วมมือกันจงใจใส่ร้ายเขา สิ่งนี้จะมิทำให้เขาโกรธได้อย่างไรเส้าหวยอันรีบแก้ต่าง “ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงต้องการบอกว่า องค์รัชทายาทส่งคนมาตีหัวข้า พระองค์พาข้าไปที่หอบุปผาเมลัยแล้วก็แจ้งให้สำนักหอดูดาวหลวงของเจ้ารู้ เพื่อที่เจ้าจะได้จับข้าคาหนังคาเขา”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยดุด้วยความโกรธ “โกหก นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว ชูโม่ก็อยู่ที่นั่นด้วยในเวลานั้น หรือท่านจะบอกว่า ชูโม่ก็ร่วมกับองค์รัชทายาทใส่ร้ายท่านด้วยเล่า”เส้าหวยอันวิงวอนทั้งน้ำมูกน้ำตากับฉินอู๋ต้าว “ฝ่าบาท ข้าน้อยถูกกล่าวหาอย่างมิยุติธรรมจริง ๆ ในเวลานั้นมีเพียงองค์รัชทายาทและชายหนุ่มที่ค่อนข้างหล่อเหลาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกลับบอกว่าชูโม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาใส่ร้ายกระหม่อมเช่นนี้ กระหม่อมมิสามารถโต้แย้งอะไรได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ"ฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างมีความหมาย “เสด็จพ่อ สำนักหอดูดาวหลวงเป็นดาบที่เสด็จพ่อพึ่งพามากที่สุด แต่ตอนนี้ดาบเล่มนี้ดูเหมือนจะเข้าข้างองค์รัชทายาทแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่า วิธีการขององค์รั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 50

    ทันทีที่ฉินซูพูดจบ เขาก็ป้ายลงไปที่ใต้จมูกของฉงชูโม่สองครั้งทันใดนั้นฉงชูโม่ก็ดูเหมือนจะไว้หนวดเคราขึ้นมาแล้ว!“องค์รัชทายาท ท่าน...”ฉงชูโม่กำลังจะโกรธ เมื่อเขาเห็นฉินซูวาดหนวดเคราบนหน้าตัวเองต่อหน้าธารกำนัลฉินซูรีบอธิบายว่า “มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่รองเสนาบดีเส้าจะจำเจ้าได้ แม่ทัพฉงอดทนหน่อยแล้วกัน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉงชูโม่ก็มิอยากจะเช็ดหมึกออกจากใบหน้า ขณะเดียวกันก็ยังสงสัยว่า หมึกบนมือของฉินซูมาจากที่ใดเมื่อเส้าหวยอันเห็นฉงชูโม่ในเวลานี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่พอ ๆ กับถั่วหล่นลงมาบนหน้าผากของเขา ทำให้เขาตื่นตระหนกจนสิ้นท่าเมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ หัวใจของฉินเหยี่ยนก็จมดิ่งลง และรู้สึกได้ถึงลางร้ายฉินซูถามด้วยรอยยิ้ม “รองเสนาบดีเส้า เหตุใดเจ้าจึงเหงื่อออกมากนัก? เจ้าร้อนมากเลยรึ?”“กระหม่อม… กระหม่อม… กระหม่อม…”เส้าหวยอันพูดมิออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น และเอาแต่เช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขาไปเรื่อย ๆในเวลานี้ ฉินอู๋ต้าวก็รู้ว่าเส้าหวยอันกำลังทำตัวมีพิรุธเขาจึงถามฉงชูโม่ว่า “ชูโม่ เรื่องมันเป็นอย่างไร?”“ทูลฝ่าบาท ในเวลานั้น หม่อมฉันกำล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 51

    “หม่อมฉันรับพระบัญชาเพคะ!”ฉงชูโม่ประสานมือโค้งคำนับ แล้วจากไปเช่นกันฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเองว่า “องค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด กลับพูดว่าจะทำดอกไม้ไฟ ฮึ ก็ดี ข้าจะรอดูว่าอย่างเจ้าจะทำอะไรออกมาได้”......นอกวังหลวงฉินเหยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “เสด็จพี่รัชทายาท บัญชีนี้ข้าจำไว้แล้ว เราคอยดูกันต่อไป!”หลังจากพูดทิ้งท้าย เขาก็เดินจากไปโดยมิหันกลับมามองฉินซูก็คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา เดินไปทางตำหนักบูรพาอย่างสบายอารมณ์ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็เดินตามไปติด ๆระหว่างทางกลับ ฉินซูถามอย่างเนียน ๆ ว่า “ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย เขาว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองหลงเฉิง นี่มิใช่คำพูดเกินจริงใช่หรือไม่?”“แน่นอนว่ามิใช่พ่ะย่ะค่ะ ด้วยความสามารถของเขา หากมองไปทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียน เกรงว่าคงมีมิกี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้าในฐานะศิษย์ของเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าวรยุทธที่เขาชำนาญที่สุดคืออะไร?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวโดยมิต้องคิดเลย “แน่นอนว่าเป็นยุทธที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง วิชาจิตแห่งอนันต์ นี่เป็นวรยุทธทักษะการฝึกจิตให้แข็งแกร่งที่ลึกซึ้ง แม้แต่คนฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 52

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยถามกลับด้วยความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย “เรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ไปรวบรวมหลักฐานความผิดของอ๋องจิ้นและอ๋องฉีให้ข้า! ตราบใดที่ตัวข้าโค่นพวกเขาได้ ตำแหน่งของข้าก็จะไม่มีใครทำให้สั่นคลอนได้ อย่างน้อยก็จนถึงวันชุนเฟินปีหน้า! ถึงตอนนั้น เจ้าก็จะมีเวลาได้อยู่กับฉงชูโม่มากขึ้น!”ฉินซูคิดว่า ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยจะตอบตกลงโดยมิลังเลแต่กลับกลายเป็นว่าเขาส่ายหัวอย่างหนักแน่น และพูดว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมช่วยเรื่องนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ ข้อแรก ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในพรรค นี่คือกฎเหล็กของสำนักหอดูดาวหลวงของเรา ข้อสอง หากอาจารย์เฒ่าของกระหม่อมรู้ว่า กระหม่อมยังคงช่วยเหลือท่าน เขาจะต้องหักขากระหม่อม แล้วขังข้าไว้สามถึงห้าปีเป็นแน่”“ไม่หรอกกระมัง? อย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์เขา เขาจะใจร้ายขนาดนี้เชียวหรือ?”“แม้แต่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ยังถูกเขาขังมาเป็นปีแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลย ท่านว่าเขาใจร้ายหรือไม่เล่า?”“หืม? เจ้ายังมีศิษย์พี่หญิงใหญ่ด้วยรึ?” จุดนี้ทำให้ฉินซูรู้สึกประหลาดใจตู๋กูโฉ่วเยวี่ยถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฮ้อ พูดแล้ว ศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ช่างเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 53

    เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซี่ยหลานก็ถามด้วยความตกใจว่า “ชูโม่ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่หลินชิงเหยาไม่มีที่ไป ดังนั้นจึงต้องไปที่ตำหนักบูรพา?”“หากเป็นเช่นนั้น เรื่องก็ง่ายขึ้นแล้ว กลัวก็แต่ว่านางจะไปที่นั่นพร้อมกับภารกิจ เช่นนั้นสถานการณ์ของนางก็ลำบากแล้ว”เซี่ยหลานมีสีหน้ามิเข้าใจ “ถึงนางจะไปที่นั่นพร้อมกับภารกิจ แล้วมันจะลำบากอะไร? องค์รัชทายาทก็ประกาศต่อหน้าทุกคนแล้วว่านางเป็นสตรีของพระองค์มิใช่หรือ?”ฉงชูโม่อธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หลังจากที่ข้าลองสังเกตและทำความเข้าใจในช่วงสองวันที่ผ่านมา องค์รัชทายาทมิได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอก แม้กระทั่งตอนนี้ ข้าก็ยังมีอาจมองพระองค์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”“หา? องค์รัชทายาทก็แค่สุรุ่ยสุร่าย หมกมุ่นอยู่แต่กับสุราและนารีทั้งวันวี่มิใช่หรือ? พระองค์จะมิเรียบง่ายตรงไหนกัน?”“หากเจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าก็ประเมินพระองค์ต่ำไปแล้ว เอาเถอะ ข้าจะมิพูดอะไรมากไปกว่านี้ แค่จำไว้ว่าอย่าไปยุ่งกับองค์รัชทายาทมากนัก ข้ารู้สึกว่า องค์รัชทายาทมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่”เซี่ยหลานเบ้ปากอย่างมิเห็นด้วย “ชูโม่ ข้าว่าเจ้าโดนเขาหลอกแล้วกระมัง ใคร ๆ ทั้งในและ

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 580

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู ทุกคนก็ชะงักไป และมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไปเล็กน้อยสวี่จิ้นกล่าวด้วยความสงสัยว่า "องค์รัชทายาท พระองค์เข้าพระทัยผิดเกี่ยวกับธนูสองหินแล้วกระมังพ่ะย่ะค่ะ? ธนูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ทหารป้อมปราการที่กรำศึกมาอย่างโชกโชนก็แทบจะไม่มีใครดึงได้ นับประสากระไรกับคนธรรมดา"เหวินเยวี่ยนซานกล่าวสำทับ "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ธนูสองหินต้องใช้กำลังแขนสองร้อยชั่งจึงจะดึงได้ ทหารป้อมปราการที่มีกำลังแขนแข็งแรงบางคนอาจจะทำได้ ทว่าหากใช้มันยิงศัตรู ยิงได้มิกี่ดอกก็หมดแรงเสียแล้ว ยากที่จะใช้ต่อเนื่องได้พ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูโบกมือ "ใต้เท้าทั้งสอง ธนูของข้ามิเหมือนกับธนูทั่วไป นอกจากจะมีอานุภาพดุจธนูสองหินแล้ว ยังรับประกันได้ว่าคนธรรมดาก็ดึงได้ เพียงแต่มิรู้ว่ากรมโยธาธิการต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะสร้างออกมาได้"เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสนธนูสองหินที่คนธรรมดาก็ดึงได้?เป็นไปได้อย่างไร!ฉินอู๋ต้าวบนบัลลังก์มังกรใบหน้าฉายแววประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจธนูที่ฉินซูพูดมากสวี่จิ้นกล่าวอย่างมั่นใจว่า "องค์รัชทายาท ตราบใดที่มีแบบจำลอง กรมโยธาธิการข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 579

    ฉินซูเหลือบมองหวังฉือโดยมิรู้ตัวหวังฉือเองก็มองมาที่เขาด้วยท่าทีครุ่นคิดในเวลาเดียวกันทั้งสองสบตากัน ก็เข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายหลังจากที่ฉินซูส่งซุยหลีไปแล้ว เขาก็กระซิบกับหวังฉือว่า "ซุยหลีเพิ่งทูลกับเสด็จพ่อว่า บุตรสาวของใต้เท้าหลิวมีดวงชะตาหยินสุดขั้ว ตกกลางคืนบุตรสาวของใต้เท้าหลิวก็ถูกลักพาตัวไปทันที หากบอกว่าทั้งสองเรื่องนี้มิเกี่ยวข้องกัน ท่านเชื่อหรือไม่?""ข้าน้อยมิเชื่อ แต่ประเด็นคือ ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม คงนำเรื่องนี้ไปตั้งคำถามกับฝ่าบาทมิได้ถูกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""แน่นอนว่ามิได้ แต่ตัวข้ากับท่านจำต้องรู้ว่าเสด็จพ่อทรงซ่อนความลับที่หาได้มีใครล่วงรู้ไม่เท่านั้น ส่วนร่างหยินบริสุทธิ์มีประโยชน์อย่างไร ข้าจะหาโอกาสถามหัวหน้าโหรหลวงในภายหลัง""ข้าน้อยเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่หัวหน้าโหรหลวงขอลาพักกับฝ่าบาท ช่วงนี้คงจะมิมาเข้าเฝ้า"ฉินซูชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?""เรื่องนี้ข้าน้อยเองก็มิทราบ เดาว่าเพราะท่านหัวหน้าโหรหลวงจะไปกักตนบำเพ็ญเพียรกระมังพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาฉินซูก็ฉายประกายเล็กน้อย และมิได้พูดอะไรอีกครู่ต่อมาในพระต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 578

    หวังฉือขมวดคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงว่า "องค์รัชทายาท ข้าน้อยยังมิเข้าใจว่าใครเป็นคนสังหารกู้ตงเฟิงกันแน่?""วรยุทธ์ของเจ้าปีศาจเฒ่าผู้นี้หาได้อ่อนด้อยไม่ หลังจากพักฟื้นหลายวัน อาการบาดเจ็บของเขาคงจะหายดีเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว คนที่สังหารเขาได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางขึ้นไป มองไปทั่วเมืองหลงเฉิง เห็นจะมีจอมยุทธ์ระดับนี้อยู่เพียงหยิบมือ!""มีมิมากจริงดังท่านว่า ช่วงนี้ไม่มียอดฝีมือจากยุทธภพเข้ามาในเมือง นอกจากศิษย์ของหัวหน้าโหรหลวงสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว คนที่มีฝีมือระดับนี้ก็มีแต่ยอดฝีมือในวังหลวงเท่านั้น..."พูดถึงตรงนี้ หวังฉือก็เบาเสียงลงเนื่องจากเพิ่งรู้ตัว "องค์รัชทายาท หรือนี่จะเป็นฝีมือของราชองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ?""หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชองครักษ์ เรื่องนี้คงหนีมิพ้นเสด็จพ่อ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานใด ๆ ท่านอย่าเพิ่งแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด""วางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท คำพูดเหล่านี้ข้าน้อยกล้าพูดกับพระองค์เท่านั้น""เช่นนั้นก็ดีแล้ว ให้พวกเขาค้นหาเบาะแสต่อไป ดูว่าจะพบบุตรสาวของใต้เท้าหลิวหรือไม่""รับพระบัญชา!"หวังฉือประสานมือคารวะแล้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 577

    "ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย"หลิวเว่ยโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชายกร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงไปสองเค่อต่อมาในห้องเก็บศพของศาลต้าหลี่ร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงนอนอยู่บนแท่นหินเย็นเยียบหวังฉือมองดูอีกฝ่ายหลายครั้ง แต่ก็ยังมิอยากเชื่อสายตาตนเองเขาถามตงฟางไป๋ว่า "ใต้เท้าตงฟาง เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือกู้ตงเฟิง?"ตงฟางไป๋พยักหน้าหนักแน่น "แน่ใจขอรับ เมื่อก่อนตอนที่พวกข้าท่องยุทธภพ เคยเจอเจ้าโจรเฒ่าผู้นี้หลายครา ข้าไม่มีทางจำหน้าตาของเขาผิดเป็นแน่"ในขณะนั้นเอง ฉินซูก็มาถึงทุกคนคารวะต่อเขาฉินซูโบกมือแล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของกู้ตงเฟิงบนแท่นหิน เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจกู้ตงเฟิงตายแล้วจริง ๆ กระนั้นหรือ?!หากมิใช่เพราะรูปร่างหน้าตาน่าขนลุกของกู้ตงเฟิงตราตรึงจิตใจผู้พบเห็นเกินไป และแขนซ้ายที่ถูกทำลายไป ฉินซูคงอดสงสัยมิได้ว่าเขาจำผิดคนหรือไม่ฉินซูเลิกคิ้วถาม "พบศพของกู้ตงเฟิงที่ใด?""ทูลองค์รัชทายาท พบที่ตรอกผิงอี่ในตลาดหย่งเล่อพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยสำรวจบริเวณใกล้เคียงแล้ว มิพบเบาะแสอื่นใดเลยพ่ะย่ะค่ะ""แล้วพวกเจ้าพบศพของเขาได้อย่างไร?"ตงฟางไป๋จึงเล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 576

    เมื่อครู่ที่อยู่ในพระที่นั่งหย่างซิน ฉินซูมิเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ จากฉินอู๋ต้าวเขาอดคิดมิได้ว่า หรือเขาคิดมากไปเองจริง ๆ ?เขาหันกลับไปมองพระที่นั่งหย่างซิน ก่อนจะเดินจากไปหลังจากที่ฉินซูจากไปได้มินาน ชายคนหนึ่งก็เข้ามาในพระที่นั่งหย่างซินฉินอู๋ต้าวสั่งกับเขาว่า “ทำตามแผนที่วางไว้ จำไว้ให้ขึ้นใจว่า ห้ามทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เป็นอันขาด!”“รับพระบัญชา!”หวงเฉาขานรับด้วยความเคารพ!หลังจากออกจากพระที่นั่งหย่างซิน หวงเฉาก็มาถึงนอกพระราชวังอย่างรวดเร็วเขาเหลือบมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขาก็หันหลังเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งมินานนัก เขาก็เดินออกมาจากข้างในตอนนี้เขาอยู่ในชุดท่องราตรีสีดำ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำ บนบ่าของเขามีกระสอบป่านใบหนึ่งพาดอยู่หลังจากออกจากร้านค้า เขาก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปทางศาลต้าหลี่ในเวลาเดียวกันตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ กำลังสำรวจตรอกแห่งหนึ่งในขณะนั้นเอง หางตาของตงฟางไป๋กระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งพลิกตัวข้ามกำแพงมิไกลออกไปเขาพูดเสียงต่ำ “อยู่ตรงนั้น ตามไปเร็ว!”เหล่าทหารรักษาตำหนักได้ยินดังนั้นก็รีบติดตามไปอย่างรวดเร็วคนก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 575

    แต่จากตัวอักษรที่ปรากฏ มองออกมิยากว่านี่คือวิชายุทธขั้นสุดยอดชายชุดคลุมดำพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีมาก มิเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ลำบากช่วยเจ้า”กู้ตงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้มีพระคุณ เมื่อไรข้าน้อยจะออกไปจากที่นี่ได้หรือขอรับ?”ชายชุดคลุมดำมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กระไรกัน? อยู่ที่นี่กับข้ามันทำให้เจ้าอึดอัดหรือ?”“หามิได้ ๆ ขอรับ ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่กังวลว่าศัตรูจะมาพบเข้า แล้วจะทำให้ท่านผู้มีพระคุณพลอยเดือดร้อนไปด้วยขอรับ”“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า เจ้าแค่ตั้งใจกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ รอจนกว่าเรื่องซาลง ข้าจะปล่อยเจ้าไปเอง”ได้ยินดังนั้น กู้ตงเฟิงก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิดในใจกลับคิดว่า สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า ดูเหมือนว่าที่นี่จะอยู่ในพระราชวังจริง ๆ เช่นนั้นแล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเขา… หรือว่าจะเป็น...เขามิกล้าคิดต่อไป เพราะมิว่าเขาจะเดาถูกหรือไม่ก็ตาม ล้วนแต่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขา......“องค์รัชทายาท ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เหตุใดพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่พ่ะ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 574

    "องค์รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"หวังฉือมาถึงตำหนักบูรพา ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดฉินซูพอจะคาดเดาได้จากสีหน้าวิตกกังวลของเขา "หรือว่ามีเด็กสาวถูกลักพาตัวไปอีกแล้ว?""ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ คราวนี้เป็นบุตรสาวของหลิวเหวินซิน เสนาบดีกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!""ท่านว่ากระไรนะ? บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมรึ?!""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ข้าน้อยจะมาที่นี่ หลิวเหวินซินได้ไปแจ้งความต่อศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง ตอนนี้ผู้ตรวจการศาลต้าหลี่และทหารรักษาจวนของเขากำลังออกค้นหากันอยู่ แต่มิแน่ใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ..."พูดถึงตรงนี้ หวังฉือก็หยุดพูด พร้อมกับชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะฉินซูเข้าใจความหมายของเขาในทันที หากเป็นฝีมือขอองค์จักรพรรดิ บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเป็นแน่เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "เช่นนั้นตัวข้าจะใช้ข้ออ้างนี้ไปขอเข้าเฝ้าเพื่อหยั่งเชิงเสด็จพ่อดูสักหน่อย""มิได้พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฝ่าบาทจริง ๆ และฝ่าบาททรงล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ฝ่าบาทอาจกระทำการบางอย่างก็เป็นได้"ที่หวังฉือมาถึงที่นี่ นอกจากกังวลว่าฉินซูจะรีบไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 573

    บนกำแพงวังเต็มไปด้วยหน่วยตรวจตรา ทว่ากลับไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆในขณะเดียวกันจวนหลังใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมืองชายวัยห้าสิบคนหนึ่งกำลังสนทนากับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ที่ห้องรับรองเขาผู้นี้คือหลิวเหวินซิน เสนาบดีกรมกลาโหมเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางกล่าวพึมพำ “มิคิดว่าครั้งนี้แคว้นหนานเยวี่ยจะจริงจังถึงขั้นนี้ สงครามปะทุขึ้นแล้ว ชาวบ้านแถบชายแดนทางใต้ต้องทุกข์ยากเพราะสงครามอีกคราแล้วสินะ”“ใต้เท้าหลิว ที่ชายแดนทางใต้มีแม่ทัพฉงคุมทัพอยู่ คงจะไม่มีปัญหามากกระมังขอรับ?”“ใช่แล้ว มีแม่ทัพฉงอยู่ พวกคนนอกด่านแคว้นหนานเยวี่ยก็คงมิกล้าข้ามชายแดนแม้แต่ครึ่งก้าว”หลิวเหวินซินถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าว “เมื่อเย็นนี้ กรมกลาโหมได้รับข่าวด่วนจากชายแดนทางใต้ พวกคนนอกด่านแบ่งกองทัพออกเป็นสามทางบุกโจมตีพร้อมกันสามด้านแม้ว่าจะมีแม่ทัพฉงคุมกองทัพอยู่ที่เมืองเจียวโจว แต่เวลานี้นางคงดูแลสองด้านมิไหวแน่เสนาบดีกรมกลาโหมไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้ส่งกองทัพไปเสริมกำลังที่ชายแดนใต้ หากปล่อยให้ถูกโจมตีสามด้าน เมืองเจียวโจวคงจะต้านทานได้อีกมินาน”“ใต้เท้าหลิว เมื่อมินานมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 572

    เหลยเจิ้นตอบจริงจังว่า “ข้าน้อยมิทำเช่นนั้นแน่ ข้าน้อยให้สัญญากับองค์รัชทายาทไปแล้วว่าจะให้เสวี่ยเจี้ยนแต่งงานกับท่าน ข้าน้อยไม่มีทางผิดคำพูดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”“แต่แปลกนัก เหตุใดเสด็จพ่อถึงทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้?”ฉินซูขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมตอนแรกเขาคิดว่าเหลยเจิ้นเปลี่ยนใจ แต่ตอนนี้กลับเห็นว่าอีกฝ่ายก็เองก็ดูมึนงงมิต่างกัน เห็นได้ชัดว่ามิทราบเรื่องราวภายในแม้แต่น้อยเขาอดสงสัยมิได้ว่า เสด็จพ่ออาจจะต้องการให้เขามีพระชายาหลายคน เพื่อมีบุตรสืบสกุลเพิ่มหรือไร?เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงถามเหลยเจิ้นด้วยความสงสัยว่า “หัวหน้าโหรหลวงคิดว่า เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์กระไรจึงได้ออกพระราชโองการครั้งนี้?”เหลยเจิ้นยักไหล่ “องค์รัชทายาททรงถามคำถามที่ยากเกินกว่าที่ข้าน้อยจะตอบได้ พระราชดำริของฝ่าบาทข้าน้อยจะคาดเดาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”โธ่ มาสำนักหอดูดาวหลวงเสียเที่ยวแล้วฉินซูบ่นในใจแล้วจึงลาจากไปหลังจากที่ฉินซูจากไป เหลยเจิ้นก็ขมวดคิ้วพึมพำ“จู่ ๆ ฝ่าบาทก็มีพระราชโองการเลือกชายาให้องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีแผนอันใดกันแน่?”......บ่ายวันนั้นกรมพิธีการได้รับแผนภูมิดวงชะตาหลายร้อยฉบับนี่คือ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status