ได้ยินที่เขาพูดเช่นนั้นเซี่ยหลานก็หันกลับมาโอบแขนรอบคอของฉินซูนางพูดด้วยท่าทางที่แอบปลื้มใจ “ท่านก็มิรีบพูดเสียแต่เนิ่น ๆ ทำเอาหม่อมฉันกังวลว่าจะถูกชูโม่จับได้”“หึ ๆ อย่างนี้สิถึงจะน่าตื่นเต้น”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบปากเล็ก ๆ ของเซี่ยหลานร่างกายอันบอบบางของเซี่ยหลานสั่นเทา และนางก็กำลังจะตอบสนองแต่ขณะนั้นเอง เสียงของตงฟางไป๋ก็ดังมาจากด้านนอกประตูห้องบรรทม“องค์รัชทายาท แม่ทัพฉงจับโจรได้พ่ะย่ะค่ะ เขาพยายามลักพาตัวบุตรีของตุลาการศาลต้าหลี่ ตอนนี้ถูกคุมตัวมาที่ห้องรับรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยหลานก็ผละตัวออกจากอ้อมแขนของฉินซูอย่างรวดเร็วฉินซูที่ดูหงุดหงิดพูดเสียงเบาว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”พูดจบเขาก็หันหลังและเดินออกไปเซี่ยหลานที่สงบจิตใจแล้วดูเหมือนจะนึกอะไรออก หลังจากที่ฉินซูและตงฟางไป๋เดินไปพ้นประตู นางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปฉินซูมาที่ห้องรับรองและมองซุนฉีอย่างพินิจจากนั้นเขาก็ถามฉงชูโม่ว่า “เรื่องราวเป็นมาอย่างไร?”“เรื่องเป็นเช่นนี้เพคะ…”ฉงชูโม่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสตรีนางนั้นเห็นฉินซู นางก็รีบคุกเข่าทำความเคา
ผ่านไปมินาน ตงฟางไป๋ก็พาซิ่วเอ๋อมาสีหน้าของซิ่วเอ๋อเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซู นางก็คิดจะทำความเคารพฉินซูโบกมือแล้วพูดว่า “มิต้องรักษามารยาทหรอก ซิ่วเอ๋อ เจ้าดูหน่อยว่าเจ้านี่คือคนที่ลักพาตัวลู่ซวงเอ๋อร์ในคืนนั้นหรือไม่”ซิ่วเอ๋อมองตามนิ้วของฉินซูนางมองไปที่ซุนฉี จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “องค์รัชทายาท โปรดทรงให้เขายืนได้หรือไม่เพคะ?”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ ตงฟางไป๋เตะที่ก้นของซุนฉีและตะคอกด้วยความโกรธ “ยังมิรีบยืนขึ้นมาอีก!”ซุนฉียืนตัวสั่นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยซิ่วเอ๋อถอยหลังไปสองสามก้าว มองซุนฉีตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัว“องค์รัชทายาท รูปร่างของเขาดูมิค่อยเหมือน คนที่ลักพาตัวซวงเอ๋อร์ในคืนนั้นสูงกว่าเขาครึ่งหัวและยังแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยเพคะ”ฉินซูขมวดคิ้ว “หากเป็นดังที่พูด แสดงว่ามิใช่ฝีมือของเขาจริง ๆ รึ?”เซี่ยหลานกล่าวว่า “คนที่ลักพาตัวซวงเอ๋อร์อาจมิใช่เขา แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเพคะ!”คำพูดของเซี่ยหลานฟังดูสมเหตุสมผล ดังนั้นฉินซูจึงตำหนิเขาว่า “เจ้าควรจะสารภาพความจริงมาตอนนี้ มิเช่นนั้นข้าก็มีวิธี
สำหรับฉินเหยี่ยน นี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการแก้แค้นอ๋องหนิงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ขณะที่ซุนฉีเกือบทำสำเร็จ เขาจะถูกฉงชูโม่พบเข้าโดยบังเอิญฉินซูเดาได้ถึงรายละเอียดทั้งหมดอย่างค่อนข้างแน่ใจในทันที พลางรู้สึกจนใจและเห็นใจฉินเหยี่ยนฉงชูโม่ขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉินเหยี่ยนถูกความเกลียดชังครอบงำไปแล้วหรือไร ถึงได้ลักพาตัวบุตรีของตุลาการศาลต้าหลี่ นี่ถือเป็นความผิดร้ายแรงเชียว เขามิกลัวหรือว่าหากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้แล้วเขาจะถูกลงโทษ?”ซุนฉีกล่าวด้วยความโกรธ “ท่านแม่ทัพใหญ่ฉง ท่านอ๋องจิ้นไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ ถึงได้ลงมือเยี่ยงนี้ อีกทั้งท่านอ๋องก็มิเคยคิดจะทำร้ายบุตรีของตุลาการศาลต้าหลี่ ท่านอ๋องทรงต้องการเพียงแค่ใช้เหตุการณ์การลักพาตัว เพื่อทำให้ท่านอ๋องหนิงเข้ามาติดกับก็เท่านั้น ที่ทรงทำไปเช่นนี้ก็เพราะทรงต้องการระบายโทสะขอรับ”ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ฉินซูก็นึกอะไรออกและถามซิ่วเอ๋อ “ซิ่วเอ๋อ ตอนเจ้าอยู่ที่ศาลต้าหลี่ เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นตัวอักษรอะไรสลักอยู่บนป้ายอาญาสิทธิ์นะ?”ซิ่วเอ๋อพูดอย่างมิลังเล “ตัวอักษร ‘ติง’ เพคะ”ฉงชูโม่พูดด้วยสีหน้าสงสัย “ตัวอักษรติงรึ? มิใช่กระมัง นี่เป็นป้าย
ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ชูโม่ เจ้าตามข้าไปที่จวนอ๋องหนิง”พูดจบ เขาก็สั่งตงฟางไป๋ “ตงฟางไป๋ ไปที่ศาลต้าหลี่และแจ้งให้ท่านใต้เท้าหวังพาคนไปที่จวนอ๋องหนิง”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ตงฟางไป๋กำหมัดแล้วหันหลังเดินออกไป โดยมุ่งหน้าตรงไปยังศาลต้าหลี่ฉงชูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “องค์รัชทายาท จวนอ๋องหนิงมีทหารประจำจวนสามร้อยนาย หม่อมฉันเกรงว่ากำลังคนของศาลต้าหลี่จะมิเพียงพอ ทรงต้องการนำทหารประจำจวนบางส่วนของเราไปด้วยหรือไม่เพคะ?”“ตอนนี้ยังมิจำเป็น ผลกระทบจากทหารที่อยู่รอบจวนอ๋องหนิงนั้นมากเกินไป อย่างแรกเรามาดูเบื้องลึกเบื้องหลังของอ๋องหนิงกันก่อนดีกว่า”“ก็ดีเพคะ”จากนั้นพวกเขาก็รีบรุดไปยังจวนอ๋องหนิง……จวนอ๋องหนิงในห้องลับใต้ดินมีศพแห้งหลายศพนอนทอดร่างอยู่ข้างชายชุดคลุมดำเห็นได้ชัดว่าซากศพแห้งเหล่านี้ถูกดูดพลังวิญญาณและเลือดไปจนหมด ดูเหี่ยวเฉา มองดูแล้วช่างน่าสยดสยองยิ่งนักและยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ที่มุมปากของชายชุดคลุมดำเขาแลบลิ้นออกมาเลีย และถอนหายใจด้วยความเพลิดเพลิน “พลังวิญญาณและเลือดของสตรีพรหมจรรย์นั้นรสชาติดีเสียจริง ข้าดูดมาเพียงสามคน อาการบาด
“องค์รัชทายาท คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่นอน คนจากจวนอ๋องหนิงของกระหม่อมจะทำเรื่องลักพาตัวหญิงสาวได้อย่างไร นี่มันเป็นไปมิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเผชิญหน้ากับการปฏิเสธของฉินเซียว ฉงชูโม่จึงพูดเหน็บแนม “ท่านอ๋องหนิง ทหารประจำจวนของท่านกล้าลอบสังหารเฉินหลิวอ๋องมาแล้ว จะมีอะไรอีกที่พวกเขามิกล้าทำด้วยหรือเพคะ?”“ชูโม่ ข้ายอมรับว่าการลอบสังหารฉินเหยี่ยนนั้นเป็นการกระทำที่หุนหันพลันแล่น แต่คดีการหายตัวไปของพวกหญิงสาวนี้มิเกี่ยวอะไรกับข้าจริง ๆ ใครเป็นตัวการปล่อยข่าวลือกัน? นำคนผู้นั้นมาทีเถอะ ข้าอยากจะเผชิญหน้ากับมันผู้นั้นตรง ๆ”“มิจำเป็นต้องลำบากถึงเพียงนั้นหรอก ในเมื่อเจ้ามิยอมรับ เช่นนั้นก็รอให้เสด็จพ่อทรงพาคนมาตรวจค้นที่นี่ก็แล้วกัน ทุกสิ่งที่เจ้าทำในช่วงนี้แม้ไร้ซึ่งหลักฐาน เสด็จพ่อก็อาจจะทรงเชื่อขึ้นมาเฉย ๆ โดยไม่มีมูลก็เป็นได้”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็ตะโกนไปที่นอกประตู “ใครก็ได้!”“ช้าก่อน!”ฉินเซียวรีบห้ามเขาแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “องค์รัชทายาท ในเมื่อท่านมิทรงเชื่อในสิ่งที่กระหม่อมพูด เช่นนั้นก็ค้นเลยเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิจำเป็นต้องไปรบกวนเสด็จพ่อ หากเรื่องบานปลายก็จะกระทบต
ฉินซูถามขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ “ฉินเซียว ในห้องตำราของเจ้าคงไม่มีห้องลับอะไรเทือกนั้นหรอกใช่หรือไม่?”“!!!”ฉินเซียวรู้สึกตื่นตระหนก มิว่าเขาจะซ่อนมันไว้ได้ดีแค่ไหน ความตื่นตระหนกก็ฉายแววไปทั่วใบหน้าของเขาและภาพที่เกิดขึ้นนี้ก็ถูกฉงชูโม่สังเกตเห็นฉงชูโม่มิได้พูดอะไร นางรีบขยับไปประชิดผนังห้องตำราทันทีแล้วใช้มือเคาะเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียวก็พยายามฝืนยิ้ม “เสด็จพี่องค์รัชทายาทก็ทรงเย้าเล่นไปได้ มิต้องพูดถึงห้องตำราหรอกพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ในจวนอ๋องหนิงของกระหม่อมเอง นอกจากห้องใต้ดินแล้วก็ไม่มีห้องลับอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะไหน ๆ ก็พูดถึงห้องใต้ดินแล้ว พวกท่านลองไปดูสักหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมลักพาตัวหญิงสาวเหล่านั้นจริง ๆ ห้องใต้ดินก็ย่อมเป็นตัวเลือกแรกในการนำพวกนางไปขัง องค์รัชทายาทเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมองเขาด้วยรอยยิ้มคลุมเครือและพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “มิต้องรีบร้อน ไหน ๆ ก็มาแล้ว ข้าก็อยากไล่ดูชั้นตำราของเจ้าให้ละเอียด ส่วนชูโม่ เจ้าไปตรวจดูต่อได้เลย”พูดจบ เขาก็หยิบตำราจากชั้นวางอย่างใจเย็นแล้วเปิดดูฉงชูโม่ยังคงไล่เคาะผนัง ขณะเดียวกันนางก็เอาหูแนบกับผนังแล้วฟังเสียง
“เจ้าโจรชั่ว หยุดเดี๋ยวนี้!”ฉงชูโม่ตะโกน และในพริบตาร่างของนางก็ไล่ตามไป!ฉินซูมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาเหลือบมองฉินเซียว จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปฉินเซียวพลิกฝ่ามือ มีลูกดอกถูกหนีบไว้ตรงระหว่างนิ้วของเขาขอบคมของลูกดอกเปล่งประกายด้วยแสงแวววาวสีม่วงคล้ำ เห็นได้ชัดว่ามีพิษเปื้อนอยู่ขณะที่เขากำลังจะลอบโจมตี หัวใจของเขาก็สั่นเทาอย่างอธิบายมิถูก และความกลัวก็เล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกในใจของเขา!การกระทำอื่น ๆ ของเขาก็หยุดชะงักไปด้วย!กว่าเขาจะได้สติ ฉินซูก็ออกจากห้องตำราไปแล้ว“ให้ตายเถอะ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? จู่ ๆ เหตุใดข้าถึงกลัว?”หลังจากที่ฉินเซียวรู้สึกตัว เขาก็กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดและไล่ตามไป พลางคิดว่าจะจัดการฉินซูก่อนค่อยว่ากันทีหลังแต่ทันทีที่ออกมา เขาก็เห็นว่าหวังฉือได้นำผู้ตรวจการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากศาลต้าหลี่มาแล้วเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็อดมิได้ที่จะลังเลหากลงมือ ก็จำต้องปิดปากหวังฉือและคนอื่น ๆ ด้วย แต่หากกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็จะเป็นอะไรที่พูดได้ยากมากในใจของเขาสับสนวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง และดวงตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้แล้ว!
ร่างนั้นปรากฏขึ้นเร็วกว่าสายฟ้าฟาด และลากฉงชูโม่ไปข้างหลังด้วยมือเดียว!ในเวลาเดียวกันนั้น อีกฝ่ายก็โจมตีด้วยฝ่ามือ!แรงกดดันท่วมท้น ดั่งภูเขาถล่ม ทะเลพลิกคว่ำ พุ่งเข้าหาชายชุดคลุมดำด้วยพลังมหาศาลทันใดนั้นสีหน้าของชายชุดคลุมดำก็เปลี่ยนไป และความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เขาคิดอยากจะล่าถอยโดยไร้ซึ่งความลังเลแต่ในเวลานี้ทุกอย่างได้สายเกินไปแล้ว!“พรืด!”แขนซ้ายของชายชุดคลุมดำกลายเป็นไอหมอกสีเลือด ร่างของเขากระเด็นออกไปเหมือนหุ่นไล่กาและล้มลงกับพื้นอย่างแรง!หลังจากมีเสียงดัง ‘อั่ก’ ชายชุดคลุมดำก็กระอักเลือดออกมาคำโต!เวลานี้ดูเหมือนว่าทั้งร่างของเขาจะแตกสลายไปเสียให้ได้ เขาอยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่กลับมิสามารถขยับได้เลยสายตาหวาดผวาของเขามองชายชุดดำผู้นั้นที่เป็นคนลงมือด้วยความมิอยากเชื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก!ตั้งแต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของชายชุดดำและลากฉงชูโม่ออกไป ไปจนถึงชายชุดคลุมดำที่ถูกโจมตีจนพิการ หากพูดแล้วเรื่องจะยาว แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในพริบตาส่วนฉงชูโม่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะกลับมาได้สตินางมองไปที่คนตรงหน้าแล้วอุทาน “ท่านผู้อาวุ