ร่างนั้นปรากฏขึ้นเร็วกว่าสายฟ้าฟาด และลากฉงชูโม่ไปข้างหลังด้วยมือเดียว!ในเวลาเดียวกันนั้น อีกฝ่ายก็โจมตีด้วยฝ่ามือ!แรงกดดันท่วมท้น ดั่งภูเขาถล่ม ทะเลพลิกคว่ำ พุ่งเข้าหาชายชุดคลุมดำด้วยพลังมหาศาลทันใดนั้นสีหน้าของชายชุดคลุมดำก็เปลี่ยนไป และความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เขาคิดอยากจะล่าถอยโดยไร้ซึ่งความลังเลแต่ในเวลานี้ทุกอย่างได้สายเกินไปแล้ว!“พรืด!”แขนซ้ายของชายชุดคลุมดำกลายเป็นไอหมอกสีเลือด ร่างของเขากระเด็นออกไปเหมือนหุ่นไล่กาและล้มลงกับพื้นอย่างแรง!หลังจากมีเสียงดัง ‘อั่ก’ ชายชุดคลุมดำก็กระอักเลือดออกมาคำโต!เวลานี้ดูเหมือนว่าทั้งร่างของเขาจะแตกสลายไปเสียให้ได้ เขาอยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่กลับมิสามารถขยับได้เลยสายตาหวาดผวาของเขามองชายชุดดำผู้นั้นที่เป็นคนลงมือด้วยความมิอยากเชื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก!ตั้งแต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของชายชุดดำและลากฉงชูโม่ออกไป ไปจนถึงชายชุดคลุมดำที่ถูกโจมตีจนพิการ หากพูดแล้วเรื่องจะยาว แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในพริบตาส่วนฉงชูโม่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะกลับมาได้สตินางมองไปที่คนตรงหน้าแล้วอุทาน “ท่านผู้อาวุ
กู่ตงเฟิงพูดอย่างภาคภูมิใจ “ใช่ ข้าเอง! แต่ก็คาดมิถึงเหมือนกันว่าวันนี้ข้าจะตกมาอยู่ในกำมือของเจ้า!”ฉงชูโม่ทำสีหน้าเคร่งขรึม นางมิเคยคิดเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย!ขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาแต่ไกลหัวใจของฉงชูโม่เต้นแรง และนางก็กำกริชในมือโดยมิรู้ตัวแต่หลังจากพบว่าคนที่มาคือฉินซู นางก็ถอนหายใจยาวและพูดตำหนิ “องค์รัชทายาท ทรงมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ?”“ข้ามิวางใจจึงมาที่นี่ เจ้ามิเป็นอะไรใช่หรือไม่?” ฉินซูถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นฉินซูห่วงใยตนเช่นนี้ หัวใจของฉงชูโม่ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีแต่นางจงใจทำหน้าบึ้งตึงและส่ายหัวโดยแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “หม่อมฉันมิเป็นอะไร พาคนกลับไปก่อนค่อยว่ากันทีหลังเพคะ”ฉินซูพยักหน้า เมื่อเขาเห็นแขนซ้ายของกู่ตงเฟิงว่างเปล่า เขาก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ชูโม่ เหตุใดเจ้าถึงตัดแขนซ้ายของเขาเล่า?”ฉงชูโม่พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นอย่างจนใจ “มิใช่หม่อมฉันเพคะ ปีศาจตัวนี้แข็งแกร่งกว่าหม่อมฉันมาก หม่อมฉันจะปราบเขาได้อย่างไร?”“โอ้? แล้วใครทำให้เขาบาดเจ็บกัน?”“เป็นท่านผู้อาวุโสที่หม่อมฉันเคยพบก่อนหน้านี้ที่หลงโย่วเพคะ เข
ฉินเซียวรีบร้อนจะพูดปกป้องตัวเองแต่ฉงชูโม่กลับกล่าวต่อ “และจะมีใครที่สามารถผ่านการป้องกันของจวนอ๋องหนิงไปอย่างเงียบ ๆ และซ่อนหญิงสาวเหล่านี้ไว้ในห้องลับของห้องตำราได้ล่ะเพคะ?ที่น่าขันคือท่านอ๋องหนิงยังคงทรงคร่ำครวญร้องขอความยุติธรรมและบอกว่าถูกผู้อื่นใส่ร้าย คำพูดนี้มิมีความน่าเชื่อเลยสักนิด ขอฝ่าบาทโปรดทรงไขข้อเท็จจริงด้วยเพคะ!”สีหน้าของฉินอู๋ต้าวยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ เขาตำหนิออกมา “ลูกทรพี ยังมีอะไรจะพูดอีกรึ? หา?”พูดจบ เขาก็เตะฉินเซียวจนตัวพลิกลงไปที่พื้นฉินเซียวพูดปกป้องตัวเองทั้งน้ำตา “เสด็จพ่อ เรื่องมาถึงขั้นนี้และลูกก็มิอาจแก้ตัวได้ แต่ลูกถูกใส่ร้ายจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อโปรดทรงช่วยคลี่คลายเรื่องให้กระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเห็นว่าฉินเซียวยังคงปฏิเสธ หวังฉือก็โกรธเป็นอย่างมาก!เขาจ้องมองไปที่ฉินเซียวและถามเสียงเย็น “ท่านอ๋องหนิง ท่านทรงซ่อนบุตรีของกระหม่อมไว้ที่ไหน? พานางออกมาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินเซียวสับสนกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ใต้เท้าหวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบุตรีของท่านอยู่ที่ไหน?”ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วและถามว่า “ห
“ชูโม่ คนผู้นี้คือใคร?”“ทูลฝ่าบาท คนผู้นี้คือปีศาจเฒ่าที่โด่งดังในยุทธภพ กู่ตงเฟิง สัตว์ประหลาดเฒ่าจากเทียนซานเพคะ! หลังจากที่ห้องลับในห้องตำราของท่านอ๋องหนิงถูกเปิดออก โจรเฒ่าผู้นี้ก็หนีออกมา อีกทั้งโจรเฒ่าผู้นี้ก็มีวรยุทธเหนือว่าหม่อมฉันมาก ขอฝ่าบาทโปรดทรงเรียกตัวหัวหน้าโหรหลวงกลับมาด้วยเพคะ มิฉะนั้นเมื่อโจรเฒ่าฟื้นร่างกายกลับมาจะมิมีใครหยุดเขาได้!”ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วพูดว่า “มิจำเป็นต้องลำบากถึงเพียงนั้น ใครก็ได้ ล่ามโซ่เขาที!”หลังจากที่เขาออกคำสั่ง ราชองครักษ์สองคนที่พกดาบก็เดินมาพร้อมกับโซ่ และล่ามขาทั้งสองข้างของกู่ตงเฟิงอย่างคล่องแคล่วว่องไวสำหรับแขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของกู่ตงเฟิงก็มีโซ่หนาผูกเข้ากับร่างกายของเขาอย่างแน่นหนาโซ่นี้ทำจากเหล็กชั้นดี แม้แต่กู่ตงเฟิงในร่างยุครุ่งเรืองของเขาก็ยังยากที่จะหลุดไปได้ มิต้องพูดถึงว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้!เมื่อเห็นว่ากู่ตงเฟิงถูกจับโดยฉงชูโม่ ดวงตาของฉินเซียวก็ทอประกายสงสัยในความเห็นของเขา กู่ตงเฟิงแข็งแกร่งกว่าฉงชูโม่มาก หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว แม้เขาจะพ่ายแพ้ฉงชูโม่ แต่เขาก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างแน่นอนเห็น
แม้จะเผชิญกับหลักฐานที่มิสามารถหักล้างได้ ฉินเซียวก็ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับผิด “เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย ลูกถูกใส่ร้ายจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“มีพยานหลักฐานครบถ้วน ทั้งยังถูกจับได้คาหนังคาเขา เรื่องมาถึงขั้นนี้แต่ก็ยังพูดว่าถูกใส่ร้าย เหอะ ๆ ฉินเซียวเอ๋ยฉินเซียว เจ้าทำให้ข้าขายหน้าจนมิเหลือชิ้นดีแล้ว!”ฉินอู๋ต้าวโกรธมากจนแทบอยากจะหักขาทั้งสองข้างของฉินเซียวทิ้งไปเสียขณะนั้น หวังฉือก็สาวเท้าเดินกลับมา“ฝ่าบาท กระหม่อมพบศพแห้งสามศพที่ห้องลับในห้องตำราของท่านอ๋องหนิง เมื่อดูจากเสื้อผ้าที่ศพสวมอยู่ ร่างเหล่านั้นคือศพของหญิงสาวสามคนพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวและคนอื่น ๆ มองศพแห้งและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากฉินอู๋ต้าวตะโกนถามฉินเซียว “ไอ้ลูกทรพี บอกข้ามาซิ เหตุใดพวกนางถึงได้มีสภาพเช่นนี้?”“เอ่อ...คือ…” ฉินเซียวลังเล และสุดท้ายก็กัดฟันพูดว่า “เสด็จพ่อ ลูกมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ขณะนั้น หญิงสาวคนหนึ่งก็ชี้ไปที่กู่ตงเฟิงด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ฝ่าบาท เป็นเขาเพคะ ปีศาจเฒ่าเป็นคนสูบเนื้อและเลือดของพวกนางไปจนแห้งเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็เปล่งประกายด้วยความยินดี!สายตาที่เขามองไปยังก
เฉาฉุนเอื้อมมือไปถอดมงกุฎอ๋องของฉินเซียวออกอย่างระมัดระวังจากนั้นราชองครักษ์สองนายก็เดินขึ้นมาข้างหน้าและคุมตัวฉินเซียวออกไป“เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย ขอเสด็จพ่อโปรดคลี่คลายเรื่องราวให้กระจ่างแจ้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ…” เสียงพูดปกป้องตัวเองของฉินเซียวค่อย ๆ ไกลออกไปฉินอู๋ต้าวเมินเฉยต่อเสียงนั้น แล้วหันมาพูดกับหวังฉือ “ส่วนเจ้าปีศาจนี้ให้คุมตัวไปขังไว้ในเรือนจำศาลต้าหลี่ของเจ้าเป็นการชั่วคราว หากจับขังไว้ด้วยกันกับฉินเซียว เกรงว่าพวกเขาจะสมรู้ร่วมคิดกันให้การเท็จ”หวังฉือตอบรับสั่งด้วยความเคารพและส่งคนไปลากตัวกู่ตงเฟิงออกไปทันทีฉินอู๋ต้าวมองไปที่ฉินซูและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “องค์รัชทายาท เมื่อครู่ชูโม่บอกว่าเจ้าพานางมาที่นี่เพื่อสอบถามฉินเซียว แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหญิงสาวเหล่านี้ถูกขังอยู่ในจวนอ๋องหนิง?”“ทูลเสด็จพ่อ วันนี้ลูกหาพยานจนเจอพ่ะย่ะค่ะ นางเห็นเหตุการณ์ลักพาตัวหญิงสาวนางหนึ่ง และป้ายอาญาสิทธิ์ก็ตกมาจากคนที่ลักพาตัว ตามคำอธิบายของนาง ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นเห็นได้ชัดว่ามาจากจวนอ๋องหนิง ดังนั้น ลูกจึงพาชูโม่มาพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉินซูอย่างลึกซึ้งและ
ในจวนอ๋องซิ่น หลังได้ฟังคำพูดของหยางลี่ ฉินหยางก็ถามอย่างตกใจ "เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้าว่าอ๋องหนิงพ่ายแพ้ให้กับองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ?!"หยางลี่ตอบอย่างหนักแน่น "เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ในตอนนั้นก็ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิจะมีท่าทีเอนเอียงไปทางอ๋องหนิงอยู่ แต่ทนคำค้านของหวังฉือและองค์รัชทายาทไม่ไหว ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอดมงกุฏอ๋องของอ๋องหนิงออก ถอดมงกุฏอ๋องและส่งตัวเขาเข้าคุกหลวงเพื่อรอการสอบสวน" ดวงตาของฉินหยางเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ"ฮ่าฮ่า เจ้าฉินเซียวช่างไร้ประโยชน์นัก ก่อนหน้านี้ทำเป็นวางท่า ข้ายังนึกว่าเขาเก่งนักหนา สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่องค์รัชทายาท ช่างน่าหัวเราะนัก!""ท่านอ๋อง ถึงอ๋องหนิงจะล้มไปอีกคนแล้ว เส้นทางการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทของท่านก็เหลือศัตรูน้อยลงอีกหนึ่ง แม้เรื่องนี้จะน่ายินดี แต่ก็ยิ่งต้องระวังองค์รัชทายาทให้มากขึ้น"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินหยางก็หยุดหัวเราะทันทีเขาครุ่นคิด "เจ้าหกและฉินเซียวต่างพ่ายแพ้ให้องค์รัชทายาทไปทีละคน เห็นทีว่าข่าวลือคงจะไม่เกินจริง องค์รัชทายาทต้องมีคนคอยชี้นำจากเบื้องหลัง! ใต้เท้าหยาง เราต้องหาวิธีกำจัดคนผู้นั้น มิฉะ
“หม่อมฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่า หลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนัก พระองค์ทรงเรียกให้หวังฉือนำกู้ตงเฟิงเข้าเฝ้าในยามวิกาล ตรัสว่าจะสอบสวนด้วยพระองค์เอง” “ว่ากระไรนะ? เสด็จพ่อจะทรงสอบสวนกู้ตงเฟิงด้วยพระองค์เองหรือ?” ฉินซูแปลกใจอย่างยิ่ง พร้อมสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มิชอบมาพากล! การสอบสวนคนต้องโทษ ฉินอู๋ต้าวเป็นถึงองค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ย่อมมิลงมือด้วยตัวเอง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีวัตถุประสงค์บางอย่างที่มิสามารถเปิดเผยได้! ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “ใช่แล้ว กู้ตงเฟิงผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์นัก หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทอาจจะตกหลุมพรางของเขาโดยมิรู้ตัว หม่อมฉันเลยคิดจะเข้าไปเตือน แต่ฝ่าบาททรงมิยอมให้เข้าเฝ้า” เซี่ยหลานมีสีหน้ามึนงง “องค์รัชทายาท ชูโม่ องค์จักรพรรดิก็แค่ทรงสอบสวนนักโทษคนหนึ่งเท่านั้นเองมิใช่หรือ เหตุใดพวกท่านจึงดูเคร่งเครียดกันนัก?” ฉงชูโม่ตอบอย่างมิสบอารมณ์ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์จักรพรรดิทรงเคยสอบสวนอาชญากรด้วยพระองค์เองเมื่อใด? ตอนนี้มิเพียงแต่ทรงสอบสวนเอง แต่ยังมิให้ข้าเข้าเฝ้า เรื่องนี้ชวนให้ขบคิดนัก” “หา? หรือว่าฝ่าบาทจะให้กู้ตงเฟิงรับผิดทั้งหมด ตั้งใจจะปกป้องอ๋อง