Share

บทที่ 252

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หนึ่งเค่อต่อมา

เซี่ยหลานได้มาถึงพระตำหนักจินหลวน

ก่อนหน้านั้น นางได้ยินมาว่า ฉินซูเป็นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของการสังหารเฉินหลิวอ๋อง ดังนั้นนางจึงรีบมารออยู่ด้านนอกประตูตำหนัก

เพราะนางเชื่อมั่นว่า ฉินซูไม่มีทางทำเช่นนั้นได้

หลังจากถูกเรียกตัวไปที่พระตำหนักจินหลวน นางก็นึกสงสัยและมิเข้าใจว่า เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงยอมให้เรียกนางเข้ามาในเวลานี้

แต่หลังจากที่เห็นว่าฉินซูมิได้รับบาดเจ็บ นางที่เป็นกังวลก็รู้สึกโล่งใจพลางถอนหายใจยาว

นางถวายคำนับฉินอู๋ต้าวและพูดด้วยความนอบน้อม “เซี่ยหลานขอถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

ฉินอู๋ต้าวพูดอย่างจนใจ “ขุนนางเซี่ย ตอนนี้เจ้าเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทแล้ว ต่อไปเวลามาพบข้าให้เจ้าพูดคำแทนตัวเองเป็นขุนนาง จำไว้ด้วยเข้าใจหรือไม่?”

เซี่ยหลานพยักหน้าอย่างเก้อเขิน “หม่อมฉัน… ข้าน้อยจำไว้แล้วเพคะ”

จากนั้น ฉินอู๋ต้าวก็พูดกับฉินซู “เซี่ยหลานมาแล้ว เจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลย”

ฉินซูยิ้มพลางมองเซี่ยหลานแล้วถามว่า “เซี่ยหลาน เมื่อวานช่วงต้นยามซื่อเจ้าทำอะไรอยู่? และอยู่กับผู้ใด?”

หลังจากได้ยินคำถาม เซี่ยหลานก็นึกย้อนถึงความทรงจำในตอนนั้น

มินาน ใบหน้างามของนางก็
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 253

    ฉงชูโม่ยังกล่าวอีกว่า “ฝ่าบาท สิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอนเพคะ ท่านอ๋องหนิง นั่นคือช่วงที่ท่านเสด็จมามิใช่หรือเพคะ?”แม้ฉินเซียวอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อมีคนมากมายที่เห็นเขามาที่หน้าประตูตำหนักบูรพา ซึ่งย่อมมิสามารถปฏิเสธได้ เขาจึงต้องพยักหน้าฉินซูพูดเสียงดัง “ข้อเท็จจริงก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว โจวฟางโกหกมาตั้งแต่ต้น! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้าต่อหน้าธารกำนัลได้อย่างไร โจวฟาง เจ้าควรจะมีความผิดในฐานอะไรดี?!”โจวฟางตื่นตระหนกอย่างยิ่งและรีบมองไปที่ฉินเซียวเพื่อขอความช่วยเหลือฉินเซียวโมโหอย่างอัดอั้น ในใจสบถสาปแช่งบรรพบุรุษของโจวฟางไปสิบแปดชั่วโคตร‘ให้ตายเถอะ จนป่านนี้ก็ยังจะหันมาขอความช่วยเหลือจากข้า นี่มันเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าข้าเป็นคนสั่งการเจ้ามิใช่รึ?’เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินเซียวก็เตะโจวฟางล้มลงกับพื้นและพูดด้วยความโกรธว่า “สารเลว บังอาจใส่ร้ายองค์รัชทายาท บอกมา ผู้ใดสั่งการเจ้ากันแน่ พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าเล่นลิ้นอีกละก็ เมื่อถึงตอนที่ข้อกล่าวหาได้รับการพิสูจน์แล้ว เจ้าก็จะได้รับโทษประหารล้างตระกูล หากเจ้ามิคิดถึงตัวเอง ก็คิดถึงญาติโกโหติกาของเจ้าเสียเถอะ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 254

    ฉินเซียวสะดุ้งในตอนแรก จากนั้นก็ถามอย่างตื่นตระหนก “เสด็จพี่องค์รัชทายาท เหตุใดถึงตรัสเช่นนี้? ท่านจะโยนความผิดให้กระหม่อมหรือ?”ฉินซูแค่นเสียงเย็น “โจวฟางเป็นเพียงผู้ดูแลในจวนของเจ้า หากมิได้รับการยินยอมจากเจ้า เขาจะกล้าทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไร? อีกทั้งคนที่ลอบสังหารฉินเหยี่ยน ในตอนนั้นก็เป็นนักฆ่าหญิงผู้มีวรยุทธ์แก่กล้า สถานะอย่างโจวฟางจะส่งยอดฝีมือวรยุทธ์ไปทำงานให้ได้อย่างไร?”ยังมิทันที่ฉินเซียวจะได้โต้แย้ง โจวฟางก็ชิงพูดก่อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านอย่าหวังว่าจะใส่ร้ายท่านอ๋องหนิงได้เลย นั่นเป็นฝีมือของกระหม่อม กระหม่อมยอมรับผิดแล้ว ส่วนนักฆ่าหญิงผู้นั้น กระหม่อมได้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อจ้างวานสังหาร ทุกอย่างมิเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องหนิงเลยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็หัวเราะทันที!ฉินเซียวทำสีหน้ามิพอใจ แอบก่นด่าโจวฟางที่มิรู้เลยว่าตนตกหลุมพรางฉินซูเข้าแล้วเมื่อเห็นฉินซูหัวเราะ โจวฟางก็ถามโดยมิรู้เหตุผล “ท่านหัวเราะอะไร?”“ก็หัวเราะให้กับความเขลาของเจ้าอย่างไรเล่า! คนที่ลอบสังหารฉินเหยี่ยนมิใช่นักฆ่าหญิง ข้าแค่แต่งเรื่องขึ้นมา แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่า เจ้าจ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 255

    ก่อนที่ฉินอู๋ต้าวจะได้เอ่ยอะไร ฉินซูก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “ฉินเซียว โจวฟางเป็นผู้ดูแลในจวนอ๋องหนิงของเจ้า ผู้ใดจะสั่งเขาได้นอกจากเจ้า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกรึ?”ฉินเซียวล้มลงคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง เขาพูดปกป้องตัวเองด้วยสีหน้าขมขื่น “เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิรู้ว่าโจวฟางเป็นบ้าอะไรถึงได้แว้งกัดลูกขึ้นมา ขอเสด็จพ่อโปรดทรงไขความกระจ่างด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองโจวฟาง จากนั้นก็มองฉินเซียวที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทุกสิ่งเขาเหลือบมองเหลยเจิ้นโดยมิต้องคิดเจ้าตัวลังเลเล็กน้อยในตอนแรก จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นและปล่อยปราณดัชนีสังหารโจวฟางแต่ฉินซูสังเกตเห็นภาพเหตุการณ์นี้!ฉินซูก้าวไปบังโจวฟางไว้โดยมิได้ตั้งใจ!เมื่อเห็นเช่นนั้น เหลยเจิ้นก็ขมวดคิ้วเบา ๆ ด้วยเพราะลงมือได้ยากฉินซูดึงเข็มเงินออกจากจุดอวิ๋นเหมินของโจวฟางแล้วพูดเสียงเรียบ “เสด็จพ่อ โจวฟางเพิ่งสารภาพออกมา แต่ลูกก็มิแน่ใจว่าคำสารภาพของเขาเป็นจริงหรือเท็จ ดังนั้นลูกจึงอยากทูลขอให้เสด็จพ่อทรงพิจารณาคดีร่วมกับสามสำนัก และเริ่มการสอบสวนโจวฟางอย่างละเอียดทันที เพื่อมิให

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 256

    ฉินเซียวคร่ำครวญให้กับความอยุติธรรมทันที “เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย ลูกไม่มีทางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็ตำหนิขึ้นมา “หุบปาก! เรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ยังจะปฏิเสธ เจ้าอยากจะทำให้ข้าต้องออกราชโองการไต่สวนสามสำนักรึ? หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าจะทนกับการถูกสอบสวนได้หรือไม่?”ฉินเซียวพูดมิออก เขากัดฟันพลางก้มหน้าลงฉินอู๋ต้าวมองไปที่ฉินซูแล้วพูดว่า “เสี่ยวซู ทุกสิ่งที่เจ้าทำต้องเห็นแก่ส่วนรวม หากฉินเซียวถูกตัดสินลงโทษ เช่นนั้นราชวงศ์ต้าเหยียนของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด อีกอย่างฉินเซียวก็เป็นน้องชายของเจ้า เจ้าอยากเห็นข้าสั่งประหารเขาจริง ๆ หรือ?”ฉินซูยิ้มอย่างขมขื่นและถามว่า “หากเขามิต้องรับโทษ แล้วฉินเหยี่ยนจะนอนตายตาหลับได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“คนก็ตายไปแล้ว เขาคงเข้าใจเจตนาดีของข้า”เมื่อเห็นท่าทางจนใจของฉินอู๋ต้าว ฉินซูก็พูดด้วยความตกใจ “น้องหก เจ้าก็ได้ยินเช่นกันใช่หรือไม่ มิใช่ว่าข้ามิทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้า แต่เสด็จพ่อทรงยืนกรานที่จะทำเช่นนั้น จากนี้ไป เจ้าก็พูดกับเสด็จพ่อเอาเองก็แล้วกันนะ ข้าจะมิขอเข้าไปยุ่งแล้ว”พูดจบ เขาก็เอื้อมมือมาดึงเข็มเงินออกจา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 257

    เจ้าตัวรีบเข้ามาข้างหลังฉินเหยี่ยน พลางวางมือบนหลังของเขา และค่อย ๆ ส่งปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งไปให้ด้วยปราณบริสุทธิ์อันใสสะอาดนี้ ทำให้ลมปราณที่ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายของฉินเหยี่ยนสงบลงอย่างช้า ๆทันใดนั้นฉินอู๋ต้าวก็ตบหน้าฉินเซียวอีกฝ่ายมิทันระวังจึงล้มลงกับพื้นก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบ ฉินอู๋ต้าวก็ยกเท้าเตะเขาอย่างแรง“กตัญญูนัก เจ้าช่างกตัญญูเสียจริง ขยันสร้างปัญหามาให้ข้า เจ้าแทงน้องชายและใส่ร้ายพี่ของตน ข้าให้กำเนิดคนวิปริตเช่นเจ้ามาได้อย่างไรกัน!”เขาทั้งตำหนิทั้งเตะฉินเซียวจนจมูกช้ำหน้าบวม เป็นสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่งเมื่อเฉาฉุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบโน้มน้าวอีกฝ่าย “ฝ่าบาททรงเย็นพระทัย ทรงเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องหนิงทรงยังเยาว์และมิรู้ความ ฝ่าบาทค่อยทรงลงโทษเขาในภายหลังก็ได้ อย่าทรงพระพิโรธจนส่งผลเสียต่อพระวรกายเลยพ่ะย่ะค่ะ”“เขายังเยาว์และมิรู้ความรึ? เขาอายุเกือบสามสิบแล้ว ยังเยาว์อะไร? หากมิใช่เพราะเฉาฉุนขอร้องแทนเจ้า วันนี้ข้าจะจับเจ้าหักแข้งหักขาเสียให้หมด!”ฉินอู๋ต้าวตำหนิด้วยความโกรธและหยุดการกระทำตามที่เฉาฉุนแนะนำเขามองไปที่ฉินเหยี่ยนและพูดด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 258

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็ขมวดคิ้วแสดงความมิพอใจ แต่เขาก็มิได้พูดอะไรฉินเซียวใบหน้าซีดเซียว เขาทำสีหน้าขมขื่นและมิรู้ว่าจะพูดอะไรดีฉินอู๋ต้าวตำหนิอย่างเหลืออด “ยังจะยืนเหม่ออยู่อีก ไสหัวกลับจวนอ๋องหนิงของเจ้าไปเสีย และช่วงนี้ห้ามออกไปที่ใด มิเช่นนั้นหากฉินเหยี่ยนจะสังหารเจ้าจริง ๆ ข้าก็คงห้ามเขามิได้ เช่นนั้นก็อย่าได้ไปยืนเสนอหน้าให้คนทั้งใต้หล้าต้องหัวเราะเยาะ“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ กลับไปลูกจะอยู่แต่ในจวนและสำนึกในสิ่งที่เคยทำผิด เช่นนั้นลูกขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเซียวโค้งคำนับด้วยความเคารพ พลางเหลือบมองฉงชูโม่ด้วยสายตาที่ซับซ้อนแล้วเดินออกไปหลังจากเห็นเขาจากไป ฉินอู๋ต้าวก็เก็บสีหน้าสายตาและถามเสียงเรียบ “ชูโม่ เจ้าคิดว่าข้าลำเอียงเกินไปหรือไม่?”ฉงชูโม่ตอบว่า “ฝ่าบาททรงห่วงใยใส่พระทัยแคว้นและราษฎร ข้าน้อยมิบังอาจพูดส่งเดชเพคะ”“เฮ้อ เรื่องเช่นนี้ข้าทำผิดต่อองค์รัชทายาทจริง ๆ เจ้าช่วยปลอบใจเขาแทนข้าด้วยเถอะ”“รับพระบัญชาเพคะ ข้าน้อยขอทูลลา”ฉงชูโม่ทำความเคารพเล็กน้อยแล้วเดินออกไประหว่างทางนางก็ดึงกริชเขี้ยวมังกรที่ปักอยู่กับเสาออกมาด้วยหลังจากที่นางจากไป ฉิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 259

    “นั่นน่ะสิ น่าเสียดายที่อ๋องหนิงมิสามารถโค่นล้มองค์รัชทายาทด้วยแผนการที่ดีเช่นนี้ได้”เซี่ยเหอเองก็ดูเสียดายเช่นกันฉินหงขมวดคิ้วและพึมพำ “มิรู้ว่าเสด็จพ่อจะทรงจัดการกับฉินเซียวอย่างไร"“ท่านอ๋องวางพระทัยได้ จากที่ข้าน้อยรู้เกี่ยวกับฝ่าบาทมา ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะทรงจัดการกับอ๋องหนิงมิว่าอย่างไรก็ตาม หากทรงจัดการอย่างเปิดเผย ก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง”“ถูกต้อง การปราบปรามอ๋องหนิงนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มแรงกดดันของตำหนักบูรพา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมิทรงต้องการเห็น ดังนั้นฝ่าบาทอาจจะทรงเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก มิเช่นนั้น พระองค์คงจะมิทรงไล่ขุนนางทั้งราชสำนักออกมา”ฉินหงพยักหน้าเบา ๆ “พวกท่านพูดถูก แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ พวกเราคงต้องประเมิณฉินซูใหม่อีกครั้งแล้ว พฤติกรรมของเขาในช่วงนี้ มิว่าจะมองอย่างไร ก็ดูมิเหมือนขยะไร้ค่าที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสุรานารี”หลินซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ท่านตรัสถูก ข้าน้อยคิดอย่างไรก็มิเข้าใจเช่นกันว่า เหตุใดองค์รัชทายาทจึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันราวกับเป็นคนละคน”“ตอนนี้ทั้งในและนอกราชสำนักต่างก็ลือกันว่า มียอดฝีมือคอยชี้แนะองค์รัชทายาทอยู่เบื

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 260

    ฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังและพูดด้วยท่าทีน่าเกรงขราม “รอข้าจัดการฉินเซียวและคนอื่น ๆ ได้ก่อนเถอะ ฝ่าบาทจะทรงทำอะไรได้นอกจากต้องมอบความไว้วางใจให้ข้าปกครองแคว้น? มิอยากเชื่อเลยว่าองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์เช่นข้าจะต้องมามิลงรอยกับคนที่เป็นเพียงแค่อ๋องหนิง!”“องค์รัชทายาท โปรดอย่าตรัสเหลวไหลเช่นนั้นเพคะ หากรู้ไปถึงฝ่าบาท ท่านต้องเดือดร้อนแน่”หลังจากที่เซี่ยหลานพูดจบ นางก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกฉินซูพูดอย่างมิเห็นด้วย “จะรู้ก็รู้ไปสิ ถึงอย่างไรข้าก็ดูออกว่าก่อนถึวันชุนเฟินปีหน้า พระองค์ไม่มีทางปลดข้าก่อนแน่นอน เช่นนี้ก็ถือเป็นการให้เวลาข้าได้กลับมาเรืองอำนาจพอดี”“พูดถึงเรื่องนี้ หม่อมฉันรู้สึกแปลก ๆ เพคะ เมื่อวานท่านบีบบังคับจนฝ่าบาทระเบิดโทสะกลางราชสำนัก นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอจะทำให้ฝ่าบาททรงปลดท่านล่วงหน้าได้เลยด้วยโทษฐานดูหมิ่น เพราะถึงอย่างไรคนทั่วหล้าต่างก็รู้กันหมดว่าท่านคือองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลด”แต่พระองค์กลับทรงมิได้ทำเช่นนั้น หรือต้องรอวันชุนเฟินมาถึงจริง ๆ ถึงจะปลดท่านได้? แล้วมันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่?”“ข้าเองก็มิร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status