"องค์รัชทายาท รอหม่อมฉันด้วย!"เสียงของฉงชูโม่ดังขึ้นขณะที่วิ่งไล่ตามมาฉินซูถามโดยมิหันกลับไปว่า "ตามข้ามาด้วยเหตุใด ยามนี้เจ้าควรไปเฝ้าฝ่าบาทมิใช่หรือ? อย่างไรพระองค์ก็เป็นนายของเจ้า!""ฉินซู ท่านมิพูดจาทิ่มแทงกันบ้างจะได้หรือไม่ ฝ่าบาทเป็นกษัตริย์ของแผ่นดิน หม่อมฉันในฐานะข้าราชบริพารก็ต้องรับฟังคำสั่ง แต่ตอนนี้หม่อมฉันคืออาจารย์ขององค์รัชทายาท หน้าที่ของหม่อมฉันคืออยู่เคียงข้างท่าน""ตามใจเจ้าแล้วกัน"ฉินซูเดินต่อไปโดยมิหยุดเมื่อเดินไปสักพัก ฉงชูโม่เห็นว่ารอบตัวไร้ผู้คน จึงเอ่ยขึ้นว่า "องค์รัชทายาท ท่านมิทรงคิดหรือว่าวันนี้ท่านทำเกินไป?""เกินไปตรงไหน?" "ยังจะถามอีกหรือ? ท่านมิทรงทราบจริง ๆ หรือแกล้งมิทราบ ท่านกดดันองค์จักรพรรดิจนกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟ แม้ว่าท่านจะล้มอ๋องจิ้นสำเร็จ แต่ผลลัพธ์นี้จะเป็นประโยชน์อันใดต่อท่านในภายภาคหน้าเล่า องค์จักรพรรดิคงมิอยากพบหน้าท่านอีกแล้ว ทำเช่นนี้ท่านว่าคุ้มค่าแล้วหรือ?"ฉินซูหยุดเดิน หันกลับมามองฉงชูโม่แล้วถามกลับ "หากวันนี้ข้ามิกดดันพระองค์ ปล่อยให้พระองค์ปกป้องฉินเหยี่ยน เจ้าคิดหรือว่าพระองค์จะกลับมาโปรดปรานข้า? หรือหลังวันชุนเฟินปีหน้
เหลยเจิ้นกล่าวช้า ๆ ว่า "ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ทั่วทั้งในและนอกวังต่างกล่าวว่าองค์รัชทายาทเป็นคนเสเพล ฟุ่มเฟือยเกินไป เอาแต่หมกมุ่นในสุรานารี จนกระทั่งบรรดาแคว้นเพื่อนบ้านเกิดความทะเยอทะยานและคิดจะรุกรานเรา""แต่ในตอนนี้ เมื่อองค์รัชทายาทก่อเหตุวุ่นวายเช่นนี้ ก็ทำให้บรรดาคนที่คิดร้ายได้เห็นว่า ราชวงศ์ต้าเหยียนมิได้มีแต่คนขลาดเขลา องค์รัชทายาทหาได้เป็นอย่างที่ลือกันไม่""เช่นนั้นแล้ว หากพวกเขาคิดจะรุกรานต้าเหยียน ก็ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน"ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วแล้วถามว่า "เจ้าหมายความว่าองค์รัชทายาทที่กดดันข้า ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินหรือ? ถุย! เหลวไหลสิ้นดี!"แม้จะบ่นอย่างหงุดหงิด แต่ความรู้สึกของฉินอู๋ต้าวก็ดูจะผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้านี้มากเมื่อคิดอย่างละเอียด สิ่งที่เหลยเจิ้นพูดก็มิใช่เรื่องเหลวไหลเสียทีเดียวหากราชสำนักต้าเหยียนเต็มไปด้วยการทุจริต และราชวงศ์อ่อนแอไร้ซึ่งความสามารถ แผ่นดินข้างเคียงก็จะหาจังหวะเข้ามาโจมตีได้โดยง่ายทว่ายามนี้กลับตรงกันข้าม องค์จักรพรรดิเองก็เด็ดขาดถึงขั้นลงโทษลูกชายตัวเองด้วยการเนรเทศออกจากเมืองหลวง การตัดสินอย่างยุติธรรมเช่นนี้ย่อ
เหลยเจิ้นยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าจะมีความคิดเห็นอะไรได้เล่า ขุนนางอาวุโสเว่ย หน้าที่ของพวกเราคือช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาท ส่วนเรื่องอื่น ๆ พวกเราก็ควรดูสถานการณ์ต่อไปก็พอ”เมื่อพูดอย่างมีนัยจบ เขาก็เดินจากไปโดยมิหันกลับมาเว่ยเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าลอยตัวเหนือปัญหา หากในราชสำนักเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้ากับสำนักขุนนางใหญ่นี่แหละที่จะต้องรับศึกหนัก เห็นทีว่าข้าคงต้องหาวิธีเองเสียแล้ว...”…… “ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เมื่อฉงชูโม่มาถึงห้องทรงพระอักษร นางก็ถวายความเคารพอย่างนอบน้อมฉินอู๋ต้าวมองตรงไปที่นาง ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ชูโม่ องค์รัชทายาทมีใครอยู่เบื้องหลังคอยให้คำชี้แนะเขาหรือไม่?”“ฝ่าบาท จากที่หม่อมฉันทราบ ไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทเลยเพคะ”“เจ้ามั่นใจหรือ?”ฉงชูโม่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “มั่นใจเพคะ หากมีผู้ใดคอยชี้แนะองค์รัชทายาท หม่อมฉันย่อมสังเกตเห็นเป็นแน่ เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทเลือกที่จะติดต่อกับบุคคลนั้นเฉพาะเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เช่นนั้น เจ้ามิได้เฝ้าดูองค์รัชทายาทตลอดเวลาอย่างนั
เซี่ยหลานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีลังเลว่า “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทนั้นมีสถานะสูงส่ง หม่อมฉันเกรงว่า...”ฉินอู๋ต้าวขัดจังหวะทันทีว่า “มิต้องกังวล! เมื่อข้าจะส่งเจ้าไปที่ตำหนักบูรพา ข้าย่อมมิให้เจ้าไปในฐานะคนธรรมดา ฟังให้ดี ข้าจะตั้งเจ้าเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องร่วมมือกับชูโม่ เฝ้าดูการเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาท แล้วรายงานทุกอย่างให้ข้าทราบ เจ้าตกลงหรือไม่?”เซี่ยหลานพยักหน้าอย่างหนักแน่นโดยมิต้องคิดนาน “ตกลงเพคะ หม่อมฉันยินดีอย่างยิ่ง!”“ดีมาก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็จะเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาท ข้าต้องการให้พวกเจ้าสืบหาว่าผู้ใดคอยให้คำชี้แนะแก่เขาอยู่เบื้องหลัง!”เมื่อฉินอู๋ต้าวพูดจบ ดวงตาก็แสดงออกถึงความเย็นชาอย่างชัดเจนเซี่ยหลานรู้สึกตกใจและหวาดกลัว พลางหันไปมองฉงชูโม่ฉงชูโม่มีสีหน้าอับจนหนทาง แต่ทั้งสองก็น้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพหลังออกจากวัง ฉงชูโม่ก็กล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิดว่า “เซี่ยหลาน ข้าขอโทษเจ้าด้วย ข้ามิคิดว่าฝ่าบาทจะดึงเจ้ามาเกี่ยวข้อง”“ชูโม่ เจ้าอย่าได้โทษตัวเอง เรื่องนี้มิใช่ความผิดของเจ้า อีกทั้งการที่ฝ่าบา
เซี่ยหลานเดินมาทางด้านนี้พร้อมรอยยิ้มฉินซูทำหน้านิ่งและพูดเสียงเย็น “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดแผนอะไรอยู่ จากนี้ไป นอกเหนือจากห้องรับรองของตำหนักบูรพา ห้องโถงด้านข้าง และหอฉงเหวิน เจ้ามิได้รับอนุญาตให้เข้าออกที่อื่น!”“แม้สิ่งที่ท่านพูดจะมีเหตุผล แต่หม่อมฉันก็คงต้องฟังรับสั่งของฝ่าบาทใช่หรือไม่? ฝ่าบาทตรัสว่า หม่อมฉันสามารถไปที่ใดก็ได้ในตำหนักบูรพาตามที่ใจต้องการ รวมถึงห้องบรรทมของท่านด้วย! หากท่านมีข้อโต้แย้ง ก็เชิญเข้าวังไปทูลฝ่าบาทได้เลย แต่ก่อนหน้านั้นท่านไม่มีสิทธิ์ห้ามหม่อมฉันเพคะ”“โอ้โห แม้แต่เจ้าก็ยังกล้ายกฝ่าบาทมากดดันข้ารึ?”เซี่ยหลานเชิดหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “นี่คืออำนาจขององค์จักรพรรดิที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษต่างหากเพคะ ฝ่าบาทยังตรัสด้วยว่า หากท่านกระทำความผิดใด ๆ หม่อมฉันก็สามารถลงมือตีท่านได้เลย จากนี้ไปองค์รัชทายาทต้องระวังตัวให้ดีด้วยเพคะ อย่าปล่อยให้หม่อมฉันคว้าโอกาสได้เชียว!”ฉินซูกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธและพูดว่า “หึ เก่งนักนะ บุรุษผู้สง่างามเขามิต่อสู้กับสตรีหรอก ข้าขี้คร้านจะเถียงกับเจ้า ชิงเหยา ไปแช่น้ำกันเถอะ!”ใบหน้าของหลิ
ที่โรงอาบน้ำ มีไอน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศอุ่นทำให้เหงื่อหอม ๆ ของเซี่ยหลานไหลออกมาจนทำให้อาภรณ์ของนางเปียกโชกนางเช็ดเหงื่อพลางพึมพำในใจในบ่อน้ำที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ การทำเรื่องน่าอายเยี่ยงนั้นจะมิทำให้หายใจติดขัดหรอกหรือ?นางย่อตัวหลบตามอ่างอาบน้ำและสิ่งกำบังอื่น ๆ และค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังไปทางบ่อน้ำมินานนางก็เห็นร่างร่างหนึ่งในอ่างอาบน้ำเมื่อเห็นเงาร่างขมุกขมัว เซี่ยหลานก็ใจเต้นแรงขึ้นมาเป็นทวีคูณ นางแค่เห็นราง ๆ ก็ดูออกว่าคนที่แช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำคือฉินซู!แต่ที่บ่อน้ำแห่งนี้มีฉินซูอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และมิเห็นร่องรอยของหลินชิงเหยา “หรือว่าหลินชิงเหยาไปช่วยฉินซูส่งข่าว?”เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยหลานก็คิดที่จะออกไปจับหลินชิงเหยาให้ได้คาหนังคาเขาทว่าขณะนั้นเอง นางก็เหยียบขันน้ำโดยมิทันระวังจากนั้นนางก็ลื่นล้มลงไปในบ่อน้ำ“ว้าย!!”นางกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ก็มิอาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องตกน้ำได้!น้ำในบ่อมิได้ลึกมาก แต่ด้วยความตื่นตระหนกนางจึงลุกขึ้นยืนมิได้ไปชั่วขณะ จนเผลอกลืนน้ำไปหลายอึกในขณะที่พยายามดิ้นรนนางสำลักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และใช้มือปัดป่ายน้ำในบ
เซี่ยหลานกลัวมาก ตอนนี้นางมิอยากสนอะไรแล้ว นางจึงทำปากจู๋และจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มของฉินซูเมื่อเป็นเช่นนั้น ใบหน้าที่งดงามของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีแต่ฉินซูกลับพูดอย่างคนได้คืบจะเอาศอก “เจ้าทำเร็วเกิน ข้ามิรู้สึกอะไรเลย”“หม่อมฉัน... ฮือ ฮือ องค์รัชทายาท หม่อมฉันกลัวแล้ว ต่อไปหม่อมฉันจะมิจับตาดูท่านแล้ว พอพระทัยแล้วหรือไม่เพคะ? ท่านรีบอุ้มหม่อมฉันขึ้นไปเถิด หม่อมฉันกลัวมากจริง ๆ…”“มิได้ ในเมื่อเจ้ามิจูบข้าอีกรอบ เช่นนั้นก็ปีนขึ้นไปเองแล้วกัน ข้าเองก็มิได้เป็นคนดีอะไร”“ท่าน!!”เซี่ยหลานโกรธจนเหลือจะทน แต่นางก็มิกล้าปล่อยฉินซูและทำให้ตัวเองตกน้ำ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันจำใจจูบข้างแก้มของฉินซูอีกครั้งฉินซูยิ้มร้ายและหันหน้าไป!และริมฝีปากสีแดงนวลเนียนของเซี่ยหลานก็จูบที่ปากของอีกฝ่ายพอดิบพอดี!หลังจากที่สัมผัสได้ถึงริมฝีปากสีแดงอันอ่อนนุ่มของนาง ฉินซูก็อดมิได้ที่จะยื่นมือไปโอบเอวบางของนางร่างกายอันบอบบางของเซี่ยหลานสั่นเเทา และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆนางรีบอ้าปากพูดด้วยความโกรธ “หม่อมฉันทำตามที่ท่านบอกแล้ว ตอนนี้จะอุ้มหม่อมฉันออกไปจากตรงนี
ชั่วขณะนั้น เซี่ยหลานตกตะลึง เหม่อลอยและมิตอบสนองตอนนี้ฉินซูลืมความเจ็บปวดที่ท้ายทอยไปแล้ว เขาตกใจและมิรู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร“อึก!”เซี่ยหลานกลืนน้ำลายโดยมิรู้ตัวเดิมทีนางคิดจะลุกขึ้น ทว่าเมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่ฉินซูถอดอาภรณ์ของนางแต่กลับมิแตะต้องนาง นางก็โกรธขึ้นมาวันนี้ได้โอกาสดี นางจึงตัดสินใจแก้แค้นฉินซูให้สาสม ดังนั้นในฉากเร่าร้อนนี้ แทนที่นางจะถอนริมฝีปากสีแดงออกไป แต่กลับจูบเขาเข้าไปอีก!ทันใดนั้นดวงตาของฉินซูก็เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ!เซี่ยหลานจะทำอะไร?ขณะที่เขากำลังงุนงง แขนเรียวทั้งสองข้างของเซี่ยหลานโอบรอบคอของเขาแล้ว และนางก็เบียดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่นหลังจากที่สัมผัสถึงความอ่อนโยนและความอบอุ่นจากร่างกายอันบอบบางของเซี่ยหลาน ฉินซูก็มิสนใจสิ่งใจอีกต่อไป เขาตอบรับด้วยการเอามือทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเซี่ยหลานจากนั้นทั้งสองก็จูบกันอย่างเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมิอาจหยุดยั้งได้เวลาผ่านไป อาภรณ์ของทั้งคู่ก็กระจัดกระจายไปคนละทางทันใดนั้นจู่ ๆ จิตใจของเซี่ยหลานก็สั่นไหว เดิมทีนางแค่ต้องการปลุกเร้าฉินซูแล้วหนีไป และปล่อยให้เขาอารมณ์ค้างมิใช่หร