“อย่าคิดให้เปลืองสมองเลย ฝ่าบาททรงมิเปลี่ยนความคิดที่จะปลดท่านอย่างแน่นอน”“พระองค์อาจทรงมิเปลี่ยนความคิด ทว่าหากทรงไม่มีทางเลือกเล่า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยหลานก็ตกใจอย่างมากพลางถามว่า “ฉินซู หรือว่าท่านคิดจะทำให้อ๋องฉีกับคนอื่น ๆ …”“ผู้ใดมิเห็นแก่ตัว ผู้นั้นย่อมถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นฝ่ายยั่วยุข้าก่อน ข้าจะทำลายพวกเขาทีละคน และจะทำให้ฝ่าบาททรงไม่มีทางเลือก มิว่าบัลลังก์หรือสตรีงาม ข้าฉินซูจะเอามันมาให้หมด!”หลังจากได้ยินคำพูดที่องอาจน่าเกรงขามของฉินซู เซี่ยหลานก็อดมิได้ที่จะตะลึงสายตาที่นางใช้มองฉินซูนั้นเจือไปด้วยความศรัทธาฉินซูมองตรงไปที่เซี่ยหลานและถามอย่างจริงจัง “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าทำได้?”เซี่ยหลานถูกถามหากเป็นเมื่อก่อนนางคงมิเชื่ออย่างแน่นอนแต่วันนี้ฉินซูมิเพียงแต่บีบบังคับให้ฝ่าบาททรงปลดอ๋องจิ้นเท่านั้น ทว่ายังสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย และยังมีท่าทีสบาย ๆ อีกเมื่อรวมกับความจริงที่ว่า ตอนนี้ตัวฉินซูดูเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เซี่ยหลานจึงเชื่อเขานางเชื่อว่าฉินซูสามารถทำได้!แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก เ
เซี่ยหลานส่ายหัวและพูดอย่างจนใจ “หม่อมฉันหัวเราะให้กับโชคชะตา ฝ่าบาทเพิ่งจะทรงแต่งตั้งให้หม่อมฉันเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทและทำงานร่วมกับชูโม่คอยจับตาดูท่าน แต่ในเวลามิถึงหนึ่งชั่วยาม หม่อมฉันก็… หม่อมฉันก็กลายมาเป็นสตรีของท่านแล้ว มิน่าขำหรือเพคะ?”ในคำพูดของนางแฝงการดูถูกตัวเองเอาไว้ฉินซูยิ้มอย่างมิเห็นด้วยและพูดว่า “นี่คือพรหมลิขิตต่างหาก สวรรค์ต้องการให้เจ้ากลายมาเป็นสตรีของข้า”“หึ แม้หม่อมฉันจะถูกท่านเอาเปรียบ แต่หม่อมฉันยังมิได้ตัดสินใจจะแต่งงานกับท่าน เพราะหากท่านถูกปลด หม่อมฉันก็จะมิได้อะไรเลย ฉะนั้นหม่อมฉันจะยังทำตามรับสั่งคอยจับตาดูท่านต่อไป ต่อไปท่านก็ระวังตัวเอาไว้และอย่าเผยจุดอ่อนให้หม่อมฉันเห็น มิเช่นนั้นอย่ามาหาว่าหม่อมฉันไม่มีความชอบธรรม!”เซี่ยหลานโบกกำปั้นด้วยท่าทางดุร้ายฉินซูจับมือของนางมาวางบนหน้าอกของเขา “เซี่ยหลาน ข้าฉินซูรับรองว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าเมื่อครู่ให้ได้ และจะทำให้เจ้ากลายเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุด!”“ถุย ทำให้หม่อมฉันมีความสุขที่สุด แล้วหลินชิงเหยาเล่า? นางจะมีความสุขที่สุดเป็นอันดับสองหรือ?”“เอ่อคือ… พวกเจ้าทั้งคู่ก็มีความสุขเท่า
ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดจุดตันเถียนของเซี่ยหลานสองครั้งเซี่ยหลานเพียงรู้สึกเสียวแปลบบริเวณจุดตันเถียนของนาง พลางถามอย่างสงสัย “องค์รัชทายาท ท่านทำอะไรหม่อมฉัน”“ไม่มีอะไร ข้าปิดผนึกกลิ่นอายกำลังภายในให้เจ้าแล้ว ตราบใดที่เจ้ามิได้เปิดเผยมันออกมา คนอื่นก็จะมิรู้ระดับวรยุทธของเจ้า”“จริงหรือ?”เซี่ยหลานเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งฉินซูพูดอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ข้าจะหลอกเจ้าได้รึ”“เช่นนั้นก็ดีเลย แต่หม่อมฉันก็ยังมิเข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดจู่ ๆ หม่อมฉันถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้” เซี่ยหลานยังคงรู้สึกเหลือเชื่อนางขมวดคิ้วและพูดต่อ “จริงสิ แล้วท่านรู้ระดับวรยุทธของหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านมิใช่จอมยุทธนี่”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็นึกอะไรออกและถามด้วยความตกใจ “องค์รัชทายาท ท่านคงมิใช่ยอดฝีมือที่ปิดบังความสามารถไว้หรอกใช่หรือไม่?”ฉินซูพูดอย่างกำกวม “ข้าเป็นยอดฝีมือที่ไหนกันเล่า แค่เคยอ่านเจอในตำราที่เขียนเกี่ยวกับเคล็ดลับการแยกระดับวรยุทธ์จอมยุทธ์ก็เท่านั้น”“จริงหรือ?”“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง หากข้าเป็นยอดฝีมือจริง ๆ ข้าจะยังถูกอ๋องฉีและคนอื่น ๆ รังแ
ฉินซูพยักหน้าช้า ๆ “สำเร็จ ในสายตาของคนอื่น เจ้าโอวหยางขุยได้ตายไปแล้ว”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทสำหรับพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากถูกฉินซูควบคุม โอวหยางขุยก็รู้ว่าตนคงจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้โชคดีที่ฉินซูคิดแผนการอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือการแกล้งตายตอนที่ฉินซูใช้มีดแทงเขาในท้องพระโรง คมมีดได้หลีกเลี่ยงอวัยวะทั้งหมด ดังนั้นโอวหยางขุยจึงได้รับบาดเจ็บที่เนื้อหนังเพียงเท่านั้นเมื่อรวมกับทักษะการฝังเข็มลับสุดยอดของฉินซู หลังจากที่โอวหยางขุยถูกแทง ลมปราณของเขาก็มิต่างจากคนตาย สุดท้ายก็หลอกทุกคนได้สำเร็จฉินซูพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ขอบคุณข้ารึ? เจ้าคงมิได้พูดออกมาจากใจหรอกกระมัง เพราะสำนักอาทิตย์อัสดงของเจ้าจบเห่ไปแล้วนี่”“องค์รัชทายาท อันที่จริงข้าน้อยได้จัดการให้กองกำลังชั้นยอดแห่งสำนักอาทิตย์อัสดงหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่อยู่ในสำนักตอนนี้เป็นเพียงคนที่มิได้มีความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยหาได้มีครอบครัวไม่ และอยู่ตัวคนเดียวมาครึ่งชีวิตแล้วจึงมิได้สนโทษประหารล้างตระกูลพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าก็เต็มใจยอมจำนนต่อข้าแล้วใช่หรือไม่?”โอวหยาง
ซุนฉีประสานมือคำนับเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังจากไปฉินเหยี่ยนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าแล้วพูดสารถีว่า “สายมากแล้ว ออกเดินทางเถอะ”สารถีสะบัดแส้แล้วควบรถม้าไปตามถนน……จวนอ๋องฉีฉินหงรู้สึกใจหาย “คาดมิถึงจริง ๆ ฉินเหยี่ยนมิเพียงแต่จะล้มเหลวในการโค่นฉินซู ซ้ำยังตกหลุมพรางอีกฝ่าย เจ้าสารเลวฉินซูผู้นี้ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนัก!”เซี่ยเหอพูดอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง ต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังฉินซูแน่พ่ะย่ะค่ะ ท่านควรส่งคนไปจับตาดูเขาให้มากกว่าเดิม รีบหาคนผู้นั้นให้เจอและกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น หากท่านทรงปล่อยไว้เช่นนี้ ฉินซูก็จะมีอำนาจมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าส่งคนไปแล้ว เชื่อว่าอีกมินานคนที่อยู่เบื้องหลังฉินซูจะโผล่หัวออกมา”“ท่านอ๋อง หากทรงต้องการโค่นองค์รัชทายาทจริง ๆ ตอนนี้โอกาสทองได้มาอยู่ตรงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซี ฉินหงก็ถามอย่างสงสัย “เสนาบดีหลิน โอกาสที่ท่านว่าคืออะไร?”หลินซีพูดอย่างมุ่งร้าย “ท่านอ๋อง ขณะนี้เฉินหลิวอ๋องได้ออกจากเมืองหลงเฉิงไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาระหว่างทาง เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงสงสัยใครเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ?”ดวงตาของฉินหงเป็นประกา
มู่หรงฟู่พยักหน้าช้า ๆ “ไปเถอะ นำสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย หลังจากสังหารฉินเหยี่ยนแล้ว ให้ทิ้งป้ายนี้เอาไว้บริเวณใกล้ ๆ ก็พอ!”เมื่อมองไปยังป้ายที่อีกฝ่ายยื่นมา หนานกงจื่อชินก็ยกนิ้วให้!“องค์ชายทรงเตรียมพร้อมมาอย่างดีจริง ๆ ด้วยป้ายขององครักษ์แห่งตำหนักบูรพานี้ เป็นไปมิได้เลยที่ฉินซูจะรอดไปได้!”หนานกงจื่อชินรับป้ายมามู่หรงจื่อเยียนพูดด้วยความกังวล “ช้าก่อน นี่อาจเป็นกับดักก็ได้กระมัง? พวกเรายังมิรู้แน่ชัดเลยว่าผู้ใดเป็นคนแอบส่งข่าวนี้มาให้”“หากข้าเดามิผิด ต้องเป็นหนึ่งในบรรดาองค์ชายแห่งต้าเหยียนแน่ ๆ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็คงอยากให้องค์รัชทายาทหมดอำนาจโดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในตำหนักบูรพา”“ทว่าหากพวกเราไปลอบสังหารฉินเหยี่ยนจริง ๆ มันจะมิเท่ากับเป็นการลำบากทำงานให้ผู้อื่นหรอกหรือ?”มู่หรงฟู่หัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าก็คิดมากเกินไป เป้าหมายของพวกเราคือการทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน ทันทีที่ฉินเหยี่ยนเสียชีวิต เป้าหมายของพวกเราก็จะลุล่วง”หนานกงจื่อชินเปิดดูแผนที่แล้วพูดว่า “ฉินเหยี่ยนกำลังมุ่งหน้าไปที่เฉินหลิว และมีศาลาสิบลี้แห่งเขาเซียง
“ช่วยเหลือข้ารึ? หมายความว่าอย่างไร?”มู่หรงจื่อเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เท่าที่หม่อมฉันรู้ ตอนนี้ในราชสำนักต้าเหยียนของพวกท่าน องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แม้แต่ท่านอ๋องจิ้นก็ถูกเขาโค่นล้ม กลับกันหากท่านเป็นองค์รัชทายาท ท่านจะมิฉวยโอกาสไล่บี้ศัตรูหรือเพคะ?”ฉินเซียวพูดอย่างสงบเยือกเย็น “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับราชสำนักต้าเหยียนอยู่มาก มิทราบว่าหากองค์รัชทายาททรงต้องการจะไล่บี้ข้าจริง ๆ เจ้าคิดจะช่วยเหลือข้าอย่างไรหรือ?”“เร็ว ๆ นี้ จะมีข่าวการสิ้นพระชนม์ของเฉินหลิวอ๋อง ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องหนิงแค่ต้องหาวิธีทำให้เรื่องนี้ตกเป็นความผิดของฉินซู เมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทที่ทรงกริ้วฉินซูมากก็จะมิเหลือข้ออ้างใดจนต้องทรงปลดเขาในทันทีเพคะ”“ว่ากระไรนะ! พวกเจ้าคิดจะสังหารฉินเหยี่ยนรึ!”ฉินเซียวอุทาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ!“ไฉนท่านอ๋องหนิงถึงได้ตกพระทัยปานนั้นเพคะ ฉินเหยี่ยนถูกลดตำแหน่งเป็นเฉินหลิวอ๋องและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ให้เขาเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่จะใช้โค่นล้มองค์รัชทายาทจะดีกว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าได้ล้างแค้นแทนเขาไปด้วยมิใช่หรือเพคะ?”“เหลวไหล! ฉิ
องครักษ์ตอบด้วยความเคารพว่า “มิทราบพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นให้ข้าน้อยไปสอบถามให้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซู่โบกมือ “มิต้อง ชูโม่น่าจะอยู่ในห้อง เสี่ยวหวน เจ้าไปแจ้งชูโม่ทีสิ”สาวใช้นามว่าเสี่ยวหวนรับคำสั่งด้วยความเคารพและเดินไปยังห้องนอนของฉงชูโม่ฉงชูโม่สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินว่าอ๋องหนิงมาหานางเมื่อนางมาถึงประตูตำหนักบูรพา นางก็เดินตรงไปถามว่า “ท่านอ๋องหนิง ได้ยินว่าท่านเสด็จมาหาหม่อมฉันหรือเพคะ?”“ใช่แล้วชูโม่ คุยที่นี่มิเหมาะ พวกเราไปคุยกันทางนั้นเถอะ”ฉงชูโม่พยักหน้าตอบรับและตามฉินเซียวไปยังศาลาที่อยู่มิไกลฉินเซียวมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ชูโม่ ก่อนที่จะมาที่นี่ข้าได้รับรายงานลับมา มีคนต้องการทำร้ายฉินเหยี่ยนแล้วโยนความผิดไปให้องค์รัชทายาท!”“ว่ากระไรนะ! จริงหรือเพคะ?”ฉงชูโม่ประหลาดใจและมิค่อยอยากเชื่อฉินเซียวพยักหน้าพูดอย่างจริงจัง “จริงแท้แน่นอน วันนี้คนของข้าไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมและได้ยินมาโดยบังเอิญ เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงกลับมารายงานให้ข้ารู้ แต่ตอนที่ข้าพาคนไปยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น ก็พบว่าคนพวกนั้นออกไปนานแล้ว”เมื่อได้