“ช่วยเหลือข้ารึ? หมายความว่าอย่างไร?”มู่หรงจื่อเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เท่าที่หม่อมฉันรู้ ตอนนี้ในราชสำนักต้าเหยียนของพวกท่าน องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แม้แต่ท่านอ๋องจิ้นก็ถูกเขาโค่นล้ม กลับกันหากท่านเป็นองค์รัชทายาท ท่านจะมิฉวยโอกาสไล่บี้ศัตรูหรือเพคะ?”ฉินเซียวพูดอย่างสงบเยือกเย็น “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับราชสำนักต้าเหยียนอยู่มาก มิทราบว่าหากองค์รัชทายาททรงต้องการจะไล่บี้ข้าจริง ๆ เจ้าคิดจะช่วยเหลือข้าอย่างไรหรือ?”“เร็ว ๆ นี้ จะมีข่าวการสิ้นพระชนม์ของเฉินหลิวอ๋อง ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องหนิงแค่ต้องหาวิธีทำให้เรื่องนี้ตกเป็นความผิดของฉินซู เมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทที่ทรงกริ้วฉินซูมากก็จะมิเหลือข้ออ้างใดจนต้องทรงปลดเขาในทันทีเพคะ”“ว่ากระไรนะ! พวกเจ้าคิดจะสังหารฉินเหยี่ยนรึ!”ฉินเซียวอุทาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ!“ไฉนท่านอ๋องหนิงถึงได้ตกพระทัยปานนั้นเพคะ ฉินเหยี่ยนถูกลดตำแหน่งเป็นเฉินหลิวอ๋องและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ให้เขาเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่จะใช้โค่นล้มองค์รัชทายาทจะดีกว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าได้ล้างแค้นแทนเขาไปด้วยมิใช่หรือเพคะ?”“เหลวไหล! ฉิ
องครักษ์ตอบด้วยความเคารพว่า “มิทราบพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นให้ข้าน้อยไปสอบถามให้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซู่โบกมือ “มิต้อง ชูโม่น่าจะอยู่ในห้อง เสี่ยวหวน เจ้าไปแจ้งชูโม่ทีสิ”สาวใช้นามว่าเสี่ยวหวนรับคำสั่งด้วยความเคารพและเดินไปยังห้องนอนของฉงชูโม่ฉงชูโม่สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินว่าอ๋องหนิงมาหานางเมื่อนางมาถึงประตูตำหนักบูรพา นางก็เดินตรงไปถามว่า “ท่านอ๋องหนิง ได้ยินว่าท่านเสด็จมาหาหม่อมฉันหรือเพคะ?”“ใช่แล้วชูโม่ คุยที่นี่มิเหมาะ พวกเราไปคุยกันทางนั้นเถอะ”ฉงชูโม่พยักหน้าตอบรับและตามฉินเซียวไปยังศาลาที่อยู่มิไกลฉินเซียวมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ชูโม่ ก่อนที่จะมาที่นี่ข้าได้รับรายงานลับมา มีคนต้องการทำร้ายฉินเหยี่ยนแล้วโยนความผิดไปให้องค์รัชทายาท!”“ว่ากระไรนะ! จริงหรือเพคะ?”ฉงชูโม่ประหลาดใจและมิค่อยอยากเชื่อฉินเซียวพยักหน้าพูดอย่างจริงจัง “จริงแท้แน่นอน วันนี้คนของข้าไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมและได้ยินมาโดยบังเอิญ เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงกลับมารายงานให้ข้ารู้ แต่ตอนที่ข้าพาคนไปยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น ก็พบว่าคนพวกนั้นออกไปนานแล้ว”เมื่อได้
หลังจากที่ฉินเซียวพูดจบ เขาก็หันหลังจากไปฉงชูโม่เองก็กลับมาที่ตำหนักบูรพาทันทีที่นางเข้าไป ฉินซูก็ถามด้วยความสงสัย “ชูโม่ เหตุใดอ๋องหนิงถึงมาหาเจ้า?”“เรื่องเป็นอย่างนี้เพคะ…”ฉงชูโม่เล่าสิ่งที่ฉินเซียวเพิ่งพูดเมื่อครู่หลังจากฟังที่นางเล่าจนจบ ทันใดนั้นดวงตาของฉินซูก็หรี่ลง และเผยรอยยิ้มมีความหมายลึกซึ้งออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ถามด้วยความสับสน “องค์รัชทายาท ท่านทรงคิดอะไรอยู่หรือเพคะ?”“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ในเมื่อฉินเหยี่ยนตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นพวกเราก็ไปช่วยเขากันเถอะ”“หาได้ยากยิ่งนักที่จะเห็นท่านทรงมีน้ำใจไมตรีและชอบธรรม หม่อมฉันก็กังวลว่าท่านจะยืนมองดูคนตายไปเฉย ๆ โดนมิช่วยอะไรเสียอีก”ฉินซูโบกมือแล้วพูดว่า “นี่ มิว่าฉินเหยี่ยนจะทำตัวแย่เพียงใด เขาก็ยังคงเป็นน้องชายของข้า จะให้ข้าทนเห็นเขาตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านั้นก็ต้องการสังหารเขาเพื่อโยนความผิดให้ข้า ข้าคงนิ่งดูดายมิได้หรอก”“เอาเถอะ เช่นนั้นท่านก็ส่งทหารประจำตำหนักไปสักประมาณมิเกินยี่สิบนายเถิด แล้วให้ตงฟางไป๋พาคนไปกับหม่อมฉันด้วยนะเพคะ”ฉินซูพยักหน้ารับปากและเรียกตงฟางไป๋มาพบ
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ท่านถึงกับใช้สตรีที่ตนโปรด ฉินเซียว ตาแก่คนนี้มิได้มองคนผิดไปเลยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ชายชราลึกลับพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเสียงหัวเราะค่อนข้างบาดหู ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินรู้สึกหวาดกลัวและขนลุกฉินเซียวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เขามิได้พูดอะไรจู่ ๆ ชายชราผู้ลึกลับก็เปลี่ยนเรื่องและพูดด้วยความเสียใจ "น่าเสียดายที่ท่านมิสามารถโน้มน้าวให้องค์รัชทายาทเป็นผู้นำคนเหล่านี้ได้ มิเช่นนั้นท่านก็คงสังหารเขาที่ศาลาสิบลี้ได้"“เขาเป็นองค์รัชทายาทผู้มีเกียรติ และฉินเหยี่ยนก็เคยส่งคนไปลอบสังหารเขาครั้งหนึ่งแล้ว เขายอมส่งทหารในตำหนักออกไปก็นับว่าดีมากแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะนำทัพไปด้วยตัวเอง?”“สิ่งที่ท่านตรัสนั้นก็สมเหตุสมผล เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างลงตัว กระหม่อมจะออกเดินทางยังศาลาสิบลี้ทันที ท่านคอยรอฟังข่าวดีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่คำพูดจบลง ร่างของชายชราก็โผล่ออกมาจากเงามืดจะเห็นได้ว่าเขาแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำ มีรูปร่างแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ใบหน้าข้างหนึ่งซีดและอ่อนนุ่มราวกับผิวเด็ก แต่อีกข้างมีรอยย่นและเหี่ยวแ
เมื่อพวกเขาเดินผ่านป่าทึบ!"ฟี้ววว!!"ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมดังขึ้นในอากาศ!ศรหลายดอกยิงออกมาจากทางป่าทึบทีละลูก!"อัก!!"ก่อนที่องครักษ์ของฉินเหยี่ยนจะทันได้ตอบสนอง หลายคนก็ถูกยิงล้มลงไปแล้ว“มีมือสังหาร! มีมือสังหาร!”มิรู้ว่าเป็นผู้ใดตะโกนเสียงดัง องครักษ์มากกว่าสิบนายพลันชักดาบออกมาทันทีและคุ้มกันรถม้าที่อยู่ตรงกลางอย่างแน่นหนาในรถม้า ฉินเหยี่ยนและชายารองของเขาต่างก็หวาดกลัว“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงมีมือสังหารได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใดหมายชีวิตพวกเรากัน?”“ยังจะถามอีกรึ ต้องเป็นเจ้าสารเลวฉินซูแน่ ๆ ให้ตายเถอะ ข้าทั้งถูกลดตำแหน่งเป็นเฉินหลิวอ๋อง ทั้งถูกเนรเทศออกจากหลงเถิง แต่เขายังมิรามืออีก”“นี่มิถูกต้องเพคะ ท่านอ๋อง หากองค์รัชทายาททรงต้องการลอบปลงพระชนม์ท่าน แล้วเหตุไฉนเมื่อวานนี้ในท้องพระโรงองค์รัชทายาทถึงต้องขอร้องให้เสด็จพ่อไว้ชีวิตท่านด้วยเพคะ? นั่นจะมิเป็นการทำอะไรเสียเปล่าหรอกหรือ”ฉินเหยี่ยนเริ่มโกรธและพูดว่า "เขาทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ทำให้ตัวเองดูดี พอใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็กำจัดเพื่อแก้แค้นอย่างไรเล่า!"เมื่อชายารองของเขาได้ยินสิ่งนี้ นางก็ขมวดคิ้วทันที รู้สึกว่าม
ชายชุดขาวพลิกตัวกลางอากาศสองตลบ หลังจากปลดปล่อยพลังออกไป ก็ค่อย ๆ ลงสู่พื้นดินอย่างยากลำบากขณะนั้น ชายถือดาบนับสิบคนได้เข้ามาป้องกันรถม้าของฉินเหยี่ยนเอาไว้ร่างผอมบางร่างหนึ่งตกลงมาจากฟ้า ลงมายืนอยู่เบื้องหน้ารถม้า!เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ฉินเหยี่ยนก็ราวกับพบทางรอด รีบลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น"แม่ทัพใหญ่ฉง เจ้าช่างมาได้ทันเวลาเหลือเกิน! องค์รัชทายาทส่งเจ้าโจรชั่วนี่มาสังหารข้า เร็วเข้า รีบจับเจ้าโจรชั่วนี่ไว้!"ฉงชูโม่มิแม้แต่จะหันหลังกลับ และพูดเสียงเย็นว่า "ฉินเหยี่ยน สมองนั้นเป็นของดี ท่านมีกับเขาบ้างหรือไม่? หากองค์รัชทายาทต้องการชีวิตท่าน หม่อมฉันจะพาทหารจากตำหนักบูรพามาช่วยท่านด้วยเหตุใด?""ว่ากระไรนะ? องค์รัชทายาทส่งเจ้ามารึ? แล้ว… คนผู้นี้เป็นใครกัน?!"ฉินเหยี่ยนงุนงง มิเข้าใจว่านอกจากฉินซูแล้ว จะมีใครอีกที่ต้องการจะสังหารเขาฉงชูโม่พูดเสียงเย็น "เขาเป็นใคร เดี๋ยวหม่อมฉันจับเขาได้ท่านก็จะรู้เองเพคะ!"สิ้นเสียง ฉงชูโม่ชักกริชเขี้ยวมังกรออกจากฝัก ร่างของนางพุ่งตรงเข้าหาชายชุดขาวผู้สวมหน้ากากด้วยความเร็วราวลูกธนูที่พุ่งออกจากคันศรนางเคลื่อนไหวเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาก
เพียงเห็นปลายกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแทงทะลุออกมาจากหน้าอก เลือดสด ๆ ค่อย ๆ หยดลงจากปลายกระบี่เมื่อครู่เขาคิดแต่จะสังหารฉินเหยี่ยนเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าตงฟางไป๋ที่อยู่ข้าง ๆกว่าเขาจะรู้สึกตัว ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้วภายใต้สายตาเย็นชาของตงฟางไป๋ เฉินอันล้มลงไปบนพื้นด้วยความมิเชื่อเต็มใบหน้าตงฟางไป๋เหลือบมองกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ กระบี่ในมือสั่นไหวเล็กน้อยแล้วกระโจนเข้าร่วมการต่อสู้ทันทีเมื่อมีเขาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย บรรดาลูกน้องของเฉินอันก็มิอาจต้านทานได้ไหว ถูกสังหารจนล้มลงไปในเวลามินานแต่ก่อนที่ตงฟางไป๋จะทันได้หายใจหายคอ เงาร่างสีดำก็พุ่งออกมาจากป่าหนาทึบอีกด้านหนึ่งเมื่อเห็นศัตรูพุ่งมาอย่างอาฆาตมาดร้าย ตงฟางไป๋ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ใช้เท้าขวากระแทกพื้นอย่างแรงแล้วกระโจนตัวออกไปเพื่อเผชิญหน้า“แค่มดแมลงอย่างเจ้า กล้ามาขวางทางข้ารึ? ตายซะ!”เสียงชราดังขึ้น เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งที่เสียดแทงกระดูก!ทันทีที่สิ้นเสียง เงาร่างในชุดคลุมสีดำก็ผลักฝ่ามือที่แห้งเหี่ยวราวกับกิ่งไม้ออกไปอย่างรวดเร็วตงฟางไป๋สะบัดข้อมือเล็กน้อย กระบี่ในมือพุ่งตรงเข้าหาฝ่ามือของชายชุดดำเมื่อเห
นิ้วของฉินซูสะบัดเบา ๆ ปราณแห่งกระบี่แหลมคมกรีดอาภรณ์บริเวณหน้าอกของฉินเหยี่ยนให้ขาดออกในทันทีจากนั้นเขาหยิบเข็มเงินหลายเล่มขึ้นมาปิดจุดรอบ ๆ บาดแผลของฉินเหยี่ยน ก่อนจะค่อย ๆ ดึงกระบี่ยาวครึ่งฉื่อออกจากร่างของเขาฉินซูใช้เข็มเงินดันแผลของฉินเหยี่ยนออก และส่องดูภายใน จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย“บาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน แบบนี้ยุ่งยากแล้วสิ”เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบเม็ดยาจากอกเสื้อออกมาสองเม็ดหนึ่งเม็ดถูกป้อนเข้าปากของฉินเหยี่ยน และบีบอีกเม็ดหนึ่งจนแตก แล้วดีดใส่เข้าไปในบาดแผล ตัวยาเข้าไปเกาะติดกับอวัยวะที่ได้รับความเสียหายอวัยวะภายในที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ เลือดก็หยุดไหลลงในทันทีฉินซูหยิบเข็มเงินอีกเล่มขึ้นมา ดึงด้ายออกจากอาภรณ์ของฉินเหยี่ยน พันด้ายรอบปลายเข็ม และเริ่มเย็บปิดแผลให้เขาทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ ๆเขาหันไปมอง เห็นว่าฉงชูโม่กำลังเดินเข้ามาด้วยสภาพผมกระเซอะกระเซิงเล็กน้อยกริชเขี้ยวมังกรในมือของนางยังมีเลือดหยดลงมาอย่างต่อเนื่องเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินซู นางก็ถามขึ้นด้วยความตกใจว่า “องค์รัชทายาท เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้?”“หากข้ามิมา ฉินเหยี่