ฉินซูพยักหน้าช้า ๆ “สำเร็จ ในสายตาของคนอื่น เจ้าโอวหยางขุยได้ตายไปแล้ว”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทสำหรับพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากถูกฉินซูควบคุม โอวหยางขุยก็รู้ว่าตนคงจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้โชคดีที่ฉินซูคิดแผนการอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือการแกล้งตายตอนที่ฉินซูใช้มีดแทงเขาในท้องพระโรง คมมีดได้หลีกเลี่ยงอวัยวะทั้งหมด ดังนั้นโอวหยางขุยจึงได้รับบาดเจ็บที่เนื้อหนังเพียงเท่านั้นเมื่อรวมกับทักษะการฝังเข็มลับสุดยอดของฉินซู หลังจากที่โอวหยางขุยถูกแทง ลมปราณของเขาก็มิต่างจากคนตาย สุดท้ายก็หลอกทุกคนได้สำเร็จฉินซูพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ขอบคุณข้ารึ? เจ้าคงมิได้พูดออกมาจากใจหรอกกระมัง เพราะสำนักอาทิตย์อัสดงของเจ้าจบเห่ไปแล้วนี่”“องค์รัชทายาท อันที่จริงข้าน้อยได้จัดการให้กองกำลังชั้นยอดแห่งสำนักอาทิตย์อัสดงหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่อยู่ในสำนักตอนนี้เป็นเพียงคนที่มิได้มีความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยหาได้มีครอบครัวไม่ และอยู่ตัวคนเดียวมาครึ่งชีวิตแล้วจึงมิได้สนโทษประหารล้างตระกูลพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าก็เต็มใจยอมจำนนต่อข้าแล้วใช่หรือไม่?”โอวหยาง
ซุนฉีประสานมือคำนับเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังจากไปฉินเหยี่ยนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าแล้วพูดสารถีว่า “สายมากแล้ว ออกเดินทางเถอะ”สารถีสะบัดแส้แล้วควบรถม้าไปตามถนน……จวนอ๋องฉีฉินหงรู้สึกใจหาย “คาดมิถึงจริง ๆ ฉินเหยี่ยนมิเพียงแต่จะล้มเหลวในการโค่นฉินซู ซ้ำยังตกหลุมพรางอีกฝ่าย เจ้าสารเลวฉินซูผู้นี้ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนัก!”เซี่ยเหอพูดอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง ต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังฉินซูแน่พ่ะย่ะค่ะ ท่านควรส่งคนไปจับตาดูเขาให้มากกว่าเดิม รีบหาคนผู้นั้นให้เจอและกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น หากท่านทรงปล่อยไว้เช่นนี้ ฉินซูก็จะมีอำนาจมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าส่งคนไปแล้ว เชื่อว่าอีกมินานคนที่อยู่เบื้องหลังฉินซูจะโผล่หัวออกมา”“ท่านอ๋อง หากทรงต้องการโค่นองค์รัชทายาทจริง ๆ ตอนนี้โอกาสทองได้มาอยู่ตรงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซี ฉินหงก็ถามอย่างสงสัย “เสนาบดีหลิน โอกาสที่ท่านว่าคืออะไร?”หลินซีพูดอย่างมุ่งร้าย “ท่านอ๋อง ขณะนี้เฉินหลิวอ๋องได้ออกจากเมืองหลงเฉิงไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาระหว่างทาง เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงสงสัยใครเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ?”ดวงตาของฉินหงเป็นประกา
มู่หรงฟู่พยักหน้าช้า ๆ “ไปเถอะ นำสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย หลังจากสังหารฉินเหยี่ยนแล้ว ให้ทิ้งป้ายนี้เอาไว้บริเวณใกล้ ๆ ก็พอ!”เมื่อมองไปยังป้ายที่อีกฝ่ายยื่นมา หนานกงจื่อชินก็ยกนิ้วให้!“องค์ชายทรงเตรียมพร้อมมาอย่างดีจริง ๆ ด้วยป้ายขององครักษ์แห่งตำหนักบูรพานี้ เป็นไปมิได้เลยที่ฉินซูจะรอดไปได้!”หนานกงจื่อชินรับป้ายมามู่หรงจื่อเยียนพูดด้วยความกังวล “ช้าก่อน นี่อาจเป็นกับดักก็ได้กระมัง? พวกเรายังมิรู้แน่ชัดเลยว่าผู้ใดเป็นคนแอบส่งข่าวนี้มาให้”“หากข้าเดามิผิด ต้องเป็นหนึ่งในบรรดาองค์ชายแห่งต้าเหยียนแน่ ๆ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็คงอยากให้องค์รัชทายาทหมดอำนาจโดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในตำหนักบูรพา”“ทว่าหากพวกเราไปลอบสังหารฉินเหยี่ยนจริง ๆ มันจะมิเท่ากับเป็นการลำบากทำงานให้ผู้อื่นหรอกหรือ?”มู่หรงฟู่หัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าก็คิดมากเกินไป เป้าหมายของพวกเราคือการทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน ทันทีที่ฉินเหยี่ยนเสียชีวิต เป้าหมายของพวกเราก็จะลุล่วง”หนานกงจื่อชินเปิดดูแผนที่แล้วพูดว่า “ฉินเหยี่ยนกำลังมุ่งหน้าไปที่เฉินหลิว และมีศาลาสิบลี้แห่งเขาเซียง
“ช่วยเหลือข้ารึ? หมายความว่าอย่างไร?”มู่หรงจื่อเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เท่าที่หม่อมฉันรู้ ตอนนี้ในราชสำนักต้าเหยียนของพวกท่าน องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แม้แต่ท่านอ๋องจิ้นก็ถูกเขาโค่นล้ม กลับกันหากท่านเป็นองค์รัชทายาท ท่านจะมิฉวยโอกาสไล่บี้ศัตรูหรือเพคะ?”ฉินเซียวพูดอย่างสงบเยือกเย็น “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับราชสำนักต้าเหยียนอยู่มาก มิทราบว่าหากองค์รัชทายาททรงต้องการจะไล่บี้ข้าจริง ๆ เจ้าคิดจะช่วยเหลือข้าอย่างไรหรือ?”“เร็ว ๆ นี้ จะมีข่าวการสิ้นพระชนม์ของเฉินหลิวอ๋อง ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องหนิงแค่ต้องหาวิธีทำให้เรื่องนี้ตกเป็นความผิดของฉินซู เมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทที่ทรงกริ้วฉินซูมากก็จะมิเหลือข้ออ้างใดจนต้องทรงปลดเขาในทันทีเพคะ”“ว่ากระไรนะ! พวกเจ้าคิดจะสังหารฉินเหยี่ยนรึ!”ฉินเซียวอุทาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ!“ไฉนท่านอ๋องหนิงถึงได้ตกพระทัยปานนั้นเพคะ ฉินเหยี่ยนถูกลดตำแหน่งเป็นเฉินหลิวอ๋องและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ให้เขาเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่จะใช้โค่นล้มองค์รัชทายาทจะดีกว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าได้ล้างแค้นแทนเขาไปด้วยมิใช่หรือเพคะ?”“เหลวไหล! ฉิ
องครักษ์ตอบด้วยความเคารพว่า “มิทราบพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นให้ข้าน้อยไปสอบถามให้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซู่โบกมือ “มิต้อง ชูโม่น่าจะอยู่ในห้อง เสี่ยวหวน เจ้าไปแจ้งชูโม่ทีสิ”สาวใช้นามว่าเสี่ยวหวนรับคำสั่งด้วยความเคารพและเดินไปยังห้องนอนของฉงชูโม่ฉงชูโม่สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินว่าอ๋องหนิงมาหานางเมื่อนางมาถึงประตูตำหนักบูรพา นางก็เดินตรงไปถามว่า “ท่านอ๋องหนิง ได้ยินว่าท่านเสด็จมาหาหม่อมฉันหรือเพคะ?”“ใช่แล้วชูโม่ คุยที่นี่มิเหมาะ พวกเราไปคุยกันทางนั้นเถอะ”ฉงชูโม่พยักหน้าตอบรับและตามฉินเซียวไปยังศาลาที่อยู่มิไกลฉินเซียวมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ชูโม่ ก่อนที่จะมาที่นี่ข้าได้รับรายงานลับมา มีคนต้องการทำร้ายฉินเหยี่ยนแล้วโยนความผิดไปให้องค์รัชทายาท!”“ว่ากระไรนะ! จริงหรือเพคะ?”ฉงชูโม่ประหลาดใจและมิค่อยอยากเชื่อฉินเซียวพยักหน้าพูดอย่างจริงจัง “จริงแท้แน่นอน วันนี้คนของข้าไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมและได้ยินมาโดยบังเอิญ เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงกลับมารายงานให้ข้ารู้ แต่ตอนที่ข้าพาคนไปยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น ก็พบว่าคนพวกนั้นออกไปนานแล้ว”เมื่อได้
หลังจากที่ฉินเซียวพูดจบ เขาก็หันหลังจากไปฉงชูโม่เองก็กลับมาที่ตำหนักบูรพาทันทีที่นางเข้าไป ฉินซูก็ถามด้วยความสงสัย “ชูโม่ เหตุใดอ๋องหนิงถึงมาหาเจ้า?”“เรื่องเป็นอย่างนี้เพคะ…”ฉงชูโม่เล่าสิ่งที่ฉินเซียวเพิ่งพูดเมื่อครู่หลังจากฟังที่นางเล่าจนจบ ทันใดนั้นดวงตาของฉินซูก็หรี่ลง และเผยรอยยิ้มมีความหมายลึกซึ้งออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ถามด้วยความสับสน “องค์รัชทายาท ท่านทรงคิดอะไรอยู่หรือเพคะ?”“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ในเมื่อฉินเหยี่ยนตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นพวกเราก็ไปช่วยเขากันเถอะ”“หาได้ยากยิ่งนักที่จะเห็นท่านทรงมีน้ำใจไมตรีและชอบธรรม หม่อมฉันก็กังวลว่าท่านจะยืนมองดูคนตายไปเฉย ๆ โดนมิช่วยอะไรเสียอีก”ฉินซูโบกมือแล้วพูดว่า “นี่ มิว่าฉินเหยี่ยนจะทำตัวแย่เพียงใด เขาก็ยังคงเป็นน้องชายของข้า จะให้ข้าทนเห็นเขาตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านั้นก็ต้องการสังหารเขาเพื่อโยนความผิดให้ข้า ข้าคงนิ่งดูดายมิได้หรอก”“เอาเถอะ เช่นนั้นท่านก็ส่งทหารประจำตำหนักไปสักประมาณมิเกินยี่สิบนายเถิด แล้วให้ตงฟางไป๋พาคนไปกับหม่อมฉันด้วยนะเพคะ”ฉินซูพยักหน้ารับปากและเรียกตงฟางไป๋มาพบ
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ท่านถึงกับใช้สตรีที่ตนโปรด ฉินเซียว ตาแก่คนนี้มิได้มองคนผิดไปเลยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ชายชราลึกลับพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเสียงหัวเราะค่อนข้างบาดหู ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินรู้สึกหวาดกลัวและขนลุกฉินเซียวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เขามิได้พูดอะไรจู่ ๆ ชายชราผู้ลึกลับก็เปลี่ยนเรื่องและพูดด้วยความเสียใจ "น่าเสียดายที่ท่านมิสามารถโน้มน้าวให้องค์รัชทายาทเป็นผู้นำคนเหล่านี้ได้ มิเช่นนั้นท่านก็คงสังหารเขาที่ศาลาสิบลี้ได้"“เขาเป็นองค์รัชทายาทผู้มีเกียรติ และฉินเหยี่ยนก็เคยส่งคนไปลอบสังหารเขาครั้งหนึ่งแล้ว เขายอมส่งทหารในตำหนักออกไปก็นับว่าดีมากแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะนำทัพไปด้วยตัวเอง?”“สิ่งที่ท่านตรัสนั้นก็สมเหตุสมผล เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างลงตัว กระหม่อมจะออกเดินทางยังศาลาสิบลี้ทันที ท่านคอยรอฟังข่าวดีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่คำพูดจบลง ร่างของชายชราก็โผล่ออกมาจากเงามืดจะเห็นได้ว่าเขาแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำ มีรูปร่างแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ใบหน้าข้างหนึ่งซีดและอ่อนนุ่มราวกับผิวเด็ก แต่อีกข้างมีรอยย่นและเหี่ยวแ
เมื่อพวกเขาเดินผ่านป่าทึบ!"ฟี้ววว!!"ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมดังขึ้นในอากาศ!ศรหลายดอกยิงออกมาจากทางป่าทึบทีละลูก!"อัก!!"ก่อนที่องครักษ์ของฉินเหยี่ยนจะทันได้ตอบสนอง หลายคนก็ถูกยิงล้มลงไปแล้ว“มีมือสังหาร! มีมือสังหาร!”มิรู้ว่าเป็นผู้ใดตะโกนเสียงดัง องครักษ์มากกว่าสิบนายพลันชักดาบออกมาทันทีและคุ้มกันรถม้าที่อยู่ตรงกลางอย่างแน่นหนาในรถม้า ฉินเหยี่ยนและชายารองของเขาต่างก็หวาดกลัว“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงมีมือสังหารได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใดหมายชีวิตพวกเรากัน?”“ยังจะถามอีกรึ ต้องเป็นเจ้าสารเลวฉินซูแน่ ๆ ให้ตายเถอะ ข้าทั้งถูกลดตำแหน่งเป็นเฉินหลิวอ๋อง ทั้งถูกเนรเทศออกจากหลงเถิง แต่เขายังมิรามืออีก”“นี่มิถูกต้องเพคะ ท่านอ๋อง หากองค์รัชทายาททรงต้องการลอบปลงพระชนม์ท่าน แล้วเหตุไฉนเมื่อวานนี้ในท้องพระโรงองค์รัชทายาทถึงต้องขอร้องให้เสด็จพ่อไว้ชีวิตท่านด้วยเพคะ? นั่นจะมิเป็นการทำอะไรเสียเปล่าหรอกหรือ”ฉินเหยี่ยนเริ่มโกรธและพูดว่า "เขาทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ทำให้ตัวเองดูดี พอใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็กำจัดเพื่อแก้แค้นอย่างไรเล่า!"เมื่อชายารองของเขาได้ยินสิ่งนี้ นางก็ขมวดคิ้วทันที รู้สึกว่าม
ฉินหงมองเนื้อหาในจดหมายเพียงครู่เดียว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป!เขากล่าวเสียงทุ้มหนัก "เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปจวนอ๋องซิ่น แล้วก็แจ้งให้ใต้เท้าหลินและใต้เท้าเซี่ยมาประชุมที่จวนอ๋องซิ่นด้วย!""พ่ะย่ะค่ะ!"สองเค่อต่อมาฉินหงพร้อมด้วยหลินซีและคนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกันที่จวนอ๋องซิ่นฉินหยางถามอย่างสงสัย "น้องสี่ ดึกป่านนี้พวกเจ้ายังมากัน มีข่าวดีอะไรจากทางคูมู่หรือ?""ยังติดต่อคูมู่มิได้ แต่เสด็จพี่สาม พวกท่านลองดูนี่ก่อน"ฉินหงพูดพลางวางจดหมายฉบับนั้นลงบนโต๊ะฉินหยาง หลินซีและคนอื่น ๆ เข้ามาอ่านข้อความบนจดหมายโดยพร้อมเพรียงหลังจากได้อ่านแล้ว เซี่ยเหอก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ "ว่ากระไรนะ? ฉินซูสังหารศิษย์เอกของหอดารารักษ์?!"ฉินหยางถามด้วยสีหน้าฉงน "น้องสี่ แน่ใจหรือว่าข่าวนี้เป็นความจริง?""น่าจะมิใช่เรื่องเท็จ ศิษย์เอกของหอดารารักษ์มีฐานะสูงส่งในแคว้นเป่ยเยี่ยน ผู้ใดจะกล้าพูดเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้""แต่ศิษย์เอกอย่างหนานกงจื่อชินมีพลังแข็งแกร่งนัก องค์รัชทายาทจะสังหารเขาได้อย่างไร?"หลินซีเองก็กล่าวเสริมขึ้นเช่นกัน "ใช่แล้ว แม้กู้เสวี่ยเจี้ยนแห่งสำนักหอดูดาวหลวงจะติดตามองค์รัชทายาทไปทางเหนือด้วยแต่ด้ว
นางพูดด้วยเสียงสะอื้นพร้อมถามกลับว่า "เสด็จพี่หมายความว่าอย่างไร? หรือท่านคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนฆ่าพี่จื่อชินเช่นนั้นหรือ?"ซือคงเหยียนรีบพูดขึ้น "องค์ชาย ท่านหญิงจื่อเยียนมีใจรักใคร่กับจื่อชิน นางจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร? การตายของจื่อชินถือเป็นการกระทบกระเทือนใจอย่างใหญ่หลวงต่อนาง โปรดอย่าได้สงสัยในตัวนางเลยพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรงฟู่ครุ่นคิดแล้วเห็นด้วย จากนั้นก็สงบอารมณ์ลงเขาพูดอย่างจริงจัง "จื่อเยียน ข้าหาได้มีเจตนาสงสัยเจ้าไม่ แต่เจ้าต้องบอกความจริงเกี่ยวกับการตายของจื่อชิน มิเช่นนั้นพวกเราจะล้างแค้นให้เขาได้อย่างไร?"“หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ เดิมทีพี่จื่อชินได้ขวางเส้นทางของฉินซูไว้ในป่า หม่อมฉันกังวลว่า คนของฉินซูจะรู้เรื่องนี้เข้า จึงขอร้องพี่จื่อชินว่าอย่าทำอะไรวู่วาม สุดท้ายเขาก็ฟาดข้าจนหมดสติไปพอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ใต้หน้าผา หม่อมฉันปีนขึ้นมาอย่างยากลำบากแล้วหาม้าตัวหนึ่งขี่กลับมา ส่วนเรื่องอื่นหม่อมฉันมิรู้จริง ๆ”หลังจากฟังคำพูดของมู่หรงจื่อเยียนแล้ว สีหน้าของมู่หรงฟู่และซือคงเหยียนก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงฟู่ก็เอ่ยขึ้นเสียงหนักอึ้ง "
มู่หรงจื่อเยียนตกตะลึง ก่อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ "เสด็จพี่ พี่จื่อชินเขายังมิได้กลับมาหรอกหรือ?"“ไม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พวกเจ้ามิได้กลับมาด้วยกันหรอกหรือ?”“เป็นไปมิได้ หากพูดตามเหตุผล เขาควรจะกลับมาเร็วกว่าหม่อมฉันสิ หรือว่าระหว่างจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงทำให้เขากลับมาล่าช้า?”มู่หรงจื่อเยียนครุ่นคิดในใจ ตนและฉินซูติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนานขนาดนั้น หนานกงจื่อชินก็น่าจะกลับมาตั้งนานแล้วถึงจะถูกหรือว่า เขาจะยังตามหาตนอยู่ที่บริเวณขอบผานั่น?มู่หรงฟู่มองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "ที่นี่เต็มไปด้วยสายลับ เข้าไปคุยข้างในดีกว่า"มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าเห็นด้วย และเดินตามมู่หรงฟู่เข้าไปข้างในทันทีที่นางนั่งลง มู่หรงฟู่ก็ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ "เป็นอย่างไรบ้าง? ทำสำเร็จหรือไม่? ฉินซูถูกกำจัดเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?"มู่หรงจื่อเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า "มิสำเร็จ ตอนที่พี่จื่อชินกำลังจะลงมือก็มีกลุ่มปีศาจภูเขาเข้ามาก่อกวน ต่อมา… หม่อมฉันก็พลัดหลงกับเขา ส่วนเรื่องหลังจากนั้น หม่อมฉันก็มิรู้แล้ว”มู่หรงฟู่ขมวดคิ้วรู้สึกว่า คำพูดของมู่หรงจื่อเยียนดูมิค่อยสมเหตุสมผลกันเขาขมวดคิ้วแ
ส่วนครอบครัวและคนสนิทของทั่วป๋าชื่อทั้งหมดถูกตวนมู่สั่งคนไปจัดการประหารจนหมดสิ้นแล้วอีกทั้งตวนมู่ยังได้แต่งตั้งคนสนิทของตนขึ้นมาควบคุมกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ภายในชนเผ่าฉินซูพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ตวนมู่ทำงานอย่างเฉียบขาด รวดเร็ว สามารถรวบรวมกำลังอำนาจของตนได้ภายในเวลาอันสั้นเพียงนี้ อีกทั้งยังกล้าหาญ นับว่าเป็นบุคคลที่ทำการใหญ่ได้ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงถามอย่างสงสัย "ตวนมู่ ชนเผ่าโครยอของเจ้ามีทหารเพียงสองหมื่นนายเท่านั้น แต่ทั่วป๋าชื่อเอาความกล้าจากที่ใดมาคิดสังหารข้ากัน"“องค์รัชทายาท ก่อนที่ท่านจะเสด็จมา ทั่วป๋าชื่อได้รับจดหมายจากผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ในนั้นมีการสัญญาว่า ขอเพียงทั่วป๋าชื่อสามารถกำจัดองค์รัชทายาทได้ วันหน้าเมื่อผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะมอบเมืองให้ชนเผ่าโครยอของเราสองสามเมืองเพื่อฟื้นฟูชนเผ่าพ่ะย่ะค่ะ”“ผู้สูงศักดิ์? คือผู้ใด?”“เรื่องนี้ ทั่วป๋าชื่อมิได้บอกอย่างชัดเจน เขาบอกเพียงว่าเป็นหนึ่งในพระโอรสขององค์จักรพรรดิ อ้อ ใช่แล้ว จดหมายฉบับนั้นน่าจะอยู่ในห้องตำราของทั่วป๋าชื่อ ข้าน้อยจะไปค้นหามาให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากที่ตวนมู่พูดจ
ฉินซูโบกมือแล้วตะโกนสั่งกับทหารผู้นั้น "ไป นำตัวตวนมู่หาให้ข้า!"“รับพระบัญชา!”ทหารผู้นั้นรับคำอย่างนอบน้อมแล้วนำคนอีกสองคนเดินอย่างรวดเร็วไปยังคุกเพียงชั่วครู่ ตวนมู่ก็ถูกนำตัวมาในตอนนี้ เขาถูกใส่โซ่ตรวนที่มือและเท้า ดูคล้ายกับนักโทษอย่างไรอย่างนั้นฉินซูเลิกคิ้ว พลันถามว่า "ตวนมู่ ข้าได้ยินมาว่า ทั่วป๋าชื่อสั่งให้เจ้าฆ่าข้า มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?"ตวนมู่กวาดสายตามองสถานการณ์ภายในลาน เมื่อเห็นเศษแขนขาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ม่านตาของเขาก็หดตัวในฉับพลันความคิดในหัวของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว มินานก็วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงรีบเอ่ยตอบ "องค์รัชทายาท เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงมิทำตามคำสั่งของเขา?”“องค์รัชทายาท ท่านคือรัชทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งแผ่นดิน หากลงมือกับท่านก็เท่ากับการก่อกบฏ เป็นที่สาปแช่งทั้งฟ้าดิน ข้าน้อยยอมตายเสียดีกว่าทำเรื่องที่ไร้ความจงรักภักดีและอกตัญญูเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของตวนมู่แฝงความมิจริงใจอยู่บ้าง แต่เขารู้ดีว่าบัดนี้ฉินซูได้กุมอำนาจในสถานการณ์นี้ไว้แล้วดังนั้นหากมิแสดงความจงรักภักดีเสียตอนนี้แล
ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่พูดมิกี่คำก็สามารถทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนหันดาบมาทำร้ายตนได้ นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง!อูมู่โกรธจนตัวสั่น เขาตะโกนสั่งกลุ่มพลธนูของเขาว่า "ยิงธนู ฆ่าพวกทรยศพวกนี้ให้หมด!"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!ลูกธนูนับสิบพุ่งทะลวงกลางอากาศไปอย่างรวดเร็วทหารที่ทรยศเหล่านั้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกยิงจนเต็มไปด้วยลูกธนูล้มลงไปนอนในแอ่งเลือดอูมู่ตวาดลั่น "เห็นหรือยัง นี่คือจุดจบของคนทรยศ ใครกล้าชี้ดาบใส่คนในเผ่าตนอีก ข้าจะฆ่ามันมิปรานี!"เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าทหารก็พากันหวาดกลัวจนมิกล้าขยับตัว“นี่ ข้ามอบของดีให้พวกเจ้า!”เสียงหัวเราะเย้ยหยันของฉินซูดังขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็โยนบางสิ่งไปยังตำแหน่งของกลุ่มพลธนูเหล่านั้นอูมู่ซึ่งมีปฏิกิริยารวดเร็ว คว้ามันไว้ในมือทันที!เมื่อมองดูชัด ๆ จึงพบว่ามันคือลูกเหล็กกลม ๆ ลูกหนึ่ง!ปลายด้านบนของลูกกลมยังคงพ่นควันโชยออกมาเขามองดูสิ่งของแปลกประหลาดในมือ และกำลังจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนสงสัยแต่ยังมิทันที่จะได้ถาม ก็ได้ยินเสียง…ตูม เสียงครึกโครมดังสนั่น ลูกกลมในมือของอูมู่ระเบิดอย่างรุนแรง!ร่างของอูมู่ถูกระเบ
ถานเหวยโกรธจนกัดฟันกรอด พลันตะโกนด่าด้วยความโมโห "ทั่วป๋าชื่อ เจ้านี่ช่างบ้าบิ่น การลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทคือโทษประหารล้างชั่วโคตร! หากพวกเจ้ากล้าก่อเรื่องในวันนี้ ก็จงรอรับมือกองทัพจากราชสำนักที่จะมากวาดล้างพวกเจ้าทั้งเผ่าโครยอให้สิ้นซากได้เลย!”“หึ ในเมื่อข้ากล้าลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เจ้าคิดว่ามีใครในพวกเจ้าในวันนี้จะหนีรอดไปได้หรือ?”อูมู่ยังหัวเราะเยาะหยัน "เพียงแค่พวกเราฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด องค์จักรพรรดิจะมีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา?"“ใช่แล้ว แถบพื้นที่ฉงซานมีสัตว์ร้ายอาละวาดหนัก ถึงตอนนั้นทุกคนคงคิดว่ารัชทายาทผู้ตกอับถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย ใครเล่าจะสงสัยมาถึงพวกเราชนเผ่าโครยอ?”กานรุ่ยสีหน้าเคร่งขรึม และเอ่ยเสียงเบา "องค์รัชทายาท พวกเขาพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ เมื่อพวกเขากล้าลงมือ แสดงว่าต้องวางแผนไว้อย่างรัดกุมแล้ว อีกเดี๋ยวท่านโปรดหาโอกาสหลบหนี พวกเราจะยอมสละชีวิตเพื่อเปิดทางให้เองพ่ะย่ะค่ะ"หลังจากพูดจบ เขาก็ชักดาบออกจากฝักเหล่าทหารที่ติดตามต่างก็ชักกระบี่ออกมาเช่นกันด้วยท่าทีพร้อมสละชีวิตทั่วป๋าชื่อตะโกนเสียงดัง "ฉินซู ยังมิรีบปลิดชีพตนอีกรึ จ
“ดวนมู่ เจ้าคิดมากเกินไป หากทุกคนเหมือนเจ้า คอยแต่ลังเลเช่นนี้ แล้วจะสร้างความสำเร็จได้อย่างไร!”“ถูกต้อง หากมิทำการรวดเร็วเด็ดขาด เราชาวเผ่าโครยอจะต้องรออีกนานเพียงใดจึงจะฟื้นฟูชนเผ่าของเราได้ พวกเรารอมาหลายสิบปีแล้ว จะให้รอไปอีกหลายสิบปีหรือ?”ตวนมู่ยังคิดจะโต้แย้ง แต่ในตอนนั้นทั่วป๋าชื่อก็พลันโบกมือขัดจังหวะด้วยท่าทีแน่วแน่!“หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ในเมื่อพวกเราตัดสินใจจะร่วมมือกับท่านผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นเราก็ต้องแสดงความจริงใจ มิเช่นนั้นจะเอาอะไรไปต่อรองในภายหลัง”หลี่ว์ชุ่นและอูมู่เอ่ยพร้อมกันว่า "ท่านหัวหน้าฉลาดล้ำ!"เมื่อเห็นว่าทั่วป๋าชื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตวนมู่จึงได้แต่ถอนหายใจและมิพูดอะไรอีกทั่วป๋าชื่อสั่งหลี่ว์ชุ่น รีบรวบรวมทหารทั้งหมด รวมตัวกันที่ลานฝึกซ้อม ข้าจะให้รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดนั้นได้เห็นถึงความเก่งกาจของเผ่าเรา!""ขอรับ!"หลี่ว์ชุ่นรับคำสั่งด้วยความเคารพก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็วอูมู่พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม "ท่านหัวหน้า สตรีที่ติดตามเจ้าชายนั้นดูเหมือนจะมีฝีมือมิธรรมดา ข้าจะนำกองพลธนูไปจับตาดูนางเป็นพิเศษ""ดีมาก ไปเถอะ!"อูมู่โค้งคำนับแล้วจึงเดินออ
หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็หยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมากินขณะที่เขากำลังจะเอามันเข้าปาก ถานเหวยก็รีบเตือน "องค์รัชทายาท เกรงว่าทั่วป๋าชื่ออาจจะเล่นตุกติกกับอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ โปรดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“หากทั่วป๋าชื่อหาญกล้าเช่นนั้น ตอนที่ถูกข้าดูหมิ่นเมื่อครู่ เขาคงสั่งให้ทหารสองหมื่นนายของเขาลงมือไปแล้ว”ฉินซูพูดพลางเริ่มกินอย่างมิสนใจใบหน้าของถานเหวยเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ คิดในใจว่าองค์รัชทายาทประมาทเกินไป จึงรีบหันไปส่งสายตาให้กู้เสวี่ยเจี้ยนกู้เสวี่ยเจี้ยนเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ "ไม่มีพิษ สบายใจได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ถานเหวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้ดีว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หากมีพิษในอาหาร ต้องไม่มีทางรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางไปได้แน่หลังจากนั้น ถานเหวยและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกินตามเช่นกันพวกเขากินดื่มอยู่ข้างลานฝึกทหารพลางมองดูเหล่ากองทหารของชนเผ่าโครยอฝึกซ้อมประจำวันฉินซูเดาะลิ้นแล้วเอ่ยชมเชย "ทหารโครยอเหล่านี้ช่างมิธรรมดาจริง ๆ แต่ละคนล้วนแข็งแรงกำยำ ทั้งยังมีทักษะธนูที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย"“ใช่แล้ว ดูจากการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็