ที่โรงอาบน้ำ มีไอน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศอุ่นทำให้เหงื่อหอม ๆ ของเซี่ยหลานไหลออกมาจนทำให้อาภรณ์ของนางเปียกโชกนางเช็ดเหงื่อพลางพึมพำในใจในบ่อน้ำที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ การทำเรื่องน่าอายเยี่ยงนั้นจะมิทำให้หายใจติดขัดหรอกหรือ?นางย่อตัวหลบตามอ่างอาบน้ำและสิ่งกำบังอื่น ๆ และค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังไปทางบ่อน้ำมินานนางก็เห็นร่างร่างหนึ่งในอ่างอาบน้ำเมื่อเห็นเงาร่างขมุกขมัว เซี่ยหลานก็ใจเต้นแรงขึ้นมาเป็นทวีคูณ นางแค่เห็นราง ๆ ก็ดูออกว่าคนที่แช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำคือฉินซู!แต่ที่บ่อน้ำแห่งนี้มีฉินซูอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และมิเห็นร่องรอยของหลินชิงเหยา “หรือว่าหลินชิงเหยาไปช่วยฉินซูส่งข่าว?”เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยหลานก็คิดที่จะออกไปจับหลินชิงเหยาให้ได้คาหนังคาเขาทว่าขณะนั้นเอง นางก็เหยียบขันน้ำโดยมิทันระวังจากนั้นนางก็ลื่นล้มลงไปในบ่อน้ำ“ว้าย!!”นางกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ก็มิอาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องตกน้ำได้!น้ำในบ่อมิได้ลึกมาก แต่ด้วยความตื่นตระหนกนางจึงลุกขึ้นยืนมิได้ไปชั่วขณะ จนเผลอกลืนน้ำไปหลายอึกในขณะที่พยายามดิ้นรนนางสำลักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และใช้มือปัดป่ายน้ำในบ
เซี่ยหลานกลัวมาก ตอนนี้นางมิอยากสนอะไรแล้ว นางจึงทำปากจู๋และจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มของฉินซูเมื่อเป็นเช่นนั้น ใบหน้าที่งดงามของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีแต่ฉินซูกลับพูดอย่างคนได้คืบจะเอาศอก “เจ้าทำเร็วเกิน ข้ามิรู้สึกอะไรเลย”“หม่อมฉัน... ฮือ ฮือ องค์รัชทายาท หม่อมฉันกลัวแล้ว ต่อไปหม่อมฉันจะมิจับตาดูท่านแล้ว พอพระทัยแล้วหรือไม่เพคะ? ท่านรีบอุ้มหม่อมฉันขึ้นไปเถิด หม่อมฉันกลัวมากจริง ๆ…”“มิได้ ในเมื่อเจ้ามิจูบข้าอีกรอบ เช่นนั้นก็ปีนขึ้นไปเองแล้วกัน ข้าเองก็มิได้เป็นคนดีอะไร”“ท่าน!!”เซี่ยหลานโกรธจนเหลือจะทน แต่นางก็มิกล้าปล่อยฉินซูและทำให้ตัวเองตกน้ำ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันจำใจจูบข้างแก้มของฉินซูอีกครั้งฉินซูยิ้มร้ายและหันหน้าไป!และริมฝีปากสีแดงนวลเนียนของเซี่ยหลานก็จูบที่ปากของอีกฝ่ายพอดิบพอดี!หลังจากที่สัมผัสได้ถึงริมฝีปากสีแดงอันอ่อนนุ่มของนาง ฉินซูก็อดมิได้ที่จะยื่นมือไปโอบเอวบางของนางร่างกายอันบอบบางของเซี่ยหลานสั่นเเทา และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆนางรีบอ้าปากพูดด้วยความโกรธ “หม่อมฉันทำตามที่ท่านบอกแล้ว ตอนนี้จะอุ้มหม่อมฉันออกไปจากตรงนี
ชั่วขณะนั้น เซี่ยหลานตกตะลึง เหม่อลอยและมิตอบสนองตอนนี้ฉินซูลืมความเจ็บปวดที่ท้ายทอยไปแล้ว เขาตกใจและมิรู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร“อึก!”เซี่ยหลานกลืนน้ำลายโดยมิรู้ตัวเดิมทีนางคิดจะลุกขึ้น ทว่าเมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่ฉินซูถอดอาภรณ์ของนางแต่กลับมิแตะต้องนาง นางก็โกรธขึ้นมาวันนี้ได้โอกาสดี นางจึงตัดสินใจแก้แค้นฉินซูให้สาสม ดังนั้นในฉากเร่าร้อนนี้ แทนที่นางจะถอนริมฝีปากสีแดงออกไป แต่กลับจูบเขาเข้าไปอีก!ทันใดนั้นดวงตาของฉินซูก็เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ!เซี่ยหลานจะทำอะไร?ขณะที่เขากำลังงุนงง แขนเรียวทั้งสองข้างของเซี่ยหลานโอบรอบคอของเขาแล้ว และนางก็เบียดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่นหลังจากที่สัมผัสถึงความอ่อนโยนและความอบอุ่นจากร่างกายอันบอบบางของเซี่ยหลาน ฉินซูก็มิสนใจสิ่งใจอีกต่อไป เขาตอบรับด้วยการเอามือทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเซี่ยหลานจากนั้นทั้งสองก็จูบกันอย่างเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมิอาจหยุดยั้งได้เวลาผ่านไป อาภรณ์ของทั้งคู่ก็กระจัดกระจายไปคนละทางทันใดนั้นจู่ ๆ จิตใจของเซี่ยหลานก็สั่นไหว เดิมทีนางแค่ต้องการปลุกเร้าฉินซูแล้วหนีไป และปล่อยให้เขาอารมณ์ค้างมิใช่หร
“อย่าคิดให้เปลืองสมองเลย ฝ่าบาททรงมิเปลี่ยนความคิดที่จะปลดท่านอย่างแน่นอน”“พระองค์อาจทรงมิเปลี่ยนความคิด ทว่าหากทรงไม่มีทางเลือกเล่า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยหลานก็ตกใจอย่างมากพลางถามว่า “ฉินซู หรือว่าท่านคิดจะทำให้อ๋องฉีกับคนอื่น ๆ …”“ผู้ใดมิเห็นแก่ตัว ผู้นั้นย่อมถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นฝ่ายยั่วยุข้าก่อน ข้าจะทำลายพวกเขาทีละคน และจะทำให้ฝ่าบาททรงไม่มีทางเลือก มิว่าบัลลังก์หรือสตรีงาม ข้าฉินซูจะเอามันมาให้หมด!”หลังจากได้ยินคำพูดที่องอาจน่าเกรงขามของฉินซู เซี่ยหลานก็อดมิได้ที่จะตะลึงสายตาที่นางใช้มองฉินซูนั้นเจือไปด้วยความศรัทธาฉินซูมองตรงไปที่เซี่ยหลานและถามอย่างจริงจัง “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าทำได้?”เซี่ยหลานถูกถามหากเป็นเมื่อก่อนนางคงมิเชื่ออย่างแน่นอนแต่วันนี้ฉินซูมิเพียงแต่บีบบังคับให้ฝ่าบาททรงปลดอ๋องจิ้นเท่านั้น ทว่ายังสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย และยังมีท่าทีสบาย ๆ อีกเมื่อรวมกับความจริงที่ว่า ตอนนี้ตัวฉินซูดูเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เซี่ยหลานจึงเชื่อเขานางเชื่อว่าฉินซูสามารถทำได้!แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก เ
เซี่ยหลานส่ายหัวและพูดอย่างจนใจ “หม่อมฉันหัวเราะให้กับโชคชะตา ฝ่าบาทเพิ่งจะทรงแต่งตั้งให้หม่อมฉันเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทและทำงานร่วมกับชูโม่คอยจับตาดูท่าน แต่ในเวลามิถึงหนึ่งชั่วยาม หม่อมฉันก็… หม่อมฉันก็กลายมาเป็นสตรีของท่านแล้ว มิน่าขำหรือเพคะ?”ในคำพูดของนางแฝงการดูถูกตัวเองเอาไว้ฉินซูยิ้มอย่างมิเห็นด้วยและพูดว่า “นี่คือพรหมลิขิตต่างหาก สวรรค์ต้องการให้เจ้ากลายมาเป็นสตรีของข้า”“หึ แม้หม่อมฉันจะถูกท่านเอาเปรียบ แต่หม่อมฉันยังมิได้ตัดสินใจจะแต่งงานกับท่าน เพราะหากท่านถูกปลด หม่อมฉันก็จะมิได้อะไรเลย ฉะนั้นหม่อมฉันจะยังทำตามรับสั่งคอยจับตาดูท่านต่อไป ต่อไปท่านก็ระวังตัวเอาไว้และอย่าเผยจุดอ่อนให้หม่อมฉันเห็น มิเช่นนั้นอย่ามาหาว่าหม่อมฉันไม่มีความชอบธรรม!”เซี่ยหลานโบกกำปั้นด้วยท่าทางดุร้ายฉินซูจับมือของนางมาวางบนหน้าอกของเขา “เซี่ยหลาน ข้าฉินซูรับรองว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าเมื่อครู่ให้ได้ และจะทำให้เจ้ากลายเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุด!”“ถุย ทำให้หม่อมฉันมีความสุขที่สุด แล้วหลินชิงเหยาเล่า? นางจะมีความสุขที่สุดเป็นอันดับสองหรือ?”“เอ่อคือ… พวกเจ้าทั้งคู่ก็มีความสุขเท่า
ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดจุดตันเถียนของเซี่ยหลานสองครั้งเซี่ยหลานเพียงรู้สึกเสียวแปลบบริเวณจุดตันเถียนของนาง พลางถามอย่างสงสัย “องค์รัชทายาท ท่านทำอะไรหม่อมฉัน”“ไม่มีอะไร ข้าปิดผนึกกลิ่นอายกำลังภายในให้เจ้าแล้ว ตราบใดที่เจ้ามิได้เปิดเผยมันออกมา คนอื่นก็จะมิรู้ระดับวรยุทธของเจ้า”“จริงหรือ?”เซี่ยหลานเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งฉินซูพูดอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ข้าจะหลอกเจ้าได้รึ”“เช่นนั้นก็ดีเลย แต่หม่อมฉันก็ยังมิเข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดจู่ ๆ หม่อมฉันถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้” เซี่ยหลานยังคงรู้สึกเหลือเชื่อนางขมวดคิ้วและพูดต่อ “จริงสิ แล้วท่านรู้ระดับวรยุทธของหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านมิใช่จอมยุทธนี่”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็นึกอะไรออกและถามด้วยความตกใจ “องค์รัชทายาท ท่านคงมิใช่ยอดฝีมือที่ปิดบังความสามารถไว้หรอกใช่หรือไม่?”ฉินซูพูดอย่างกำกวม “ข้าเป็นยอดฝีมือที่ไหนกันเล่า แค่เคยอ่านเจอในตำราที่เขียนเกี่ยวกับเคล็ดลับการแยกระดับวรยุทธ์จอมยุทธ์ก็เท่านั้น”“จริงหรือ?”“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง หากข้าเป็นยอดฝีมือจริง ๆ ข้าจะยังถูกอ๋องฉีและคนอื่น ๆ รังแ
ฉินซูพยักหน้าช้า ๆ “สำเร็จ ในสายตาของคนอื่น เจ้าโอวหยางขุยได้ตายไปแล้ว”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทสำหรับพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากถูกฉินซูควบคุม โอวหยางขุยก็รู้ว่าตนคงจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้โชคดีที่ฉินซูคิดแผนการอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือการแกล้งตายตอนที่ฉินซูใช้มีดแทงเขาในท้องพระโรง คมมีดได้หลีกเลี่ยงอวัยวะทั้งหมด ดังนั้นโอวหยางขุยจึงได้รับบาดเจ็บที่เนื้อหนังเพียงเท่านั้นเมื่อรวมกับทักษะการฝังเข็มลับสุดยอดของฉินซู หลังจากที่โอวหยางขุยถูกแทง ลมปราณของเขาก็มิต่างจากคนตาย สุดท้ายก็หลอกทุกคนได้สำเร็จฉินซูพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ขอบคุณข้ารึ? เจ้าคงมิได้พูดออกมาจากใจหรอกกระมัง เพราะสำนักอาทิตย์อัสดงของเจ้าจบเห่ไปแล้วนี่”“องค์รัชทายาท อันที่จริงข้าน้อยได้จัดการให้กองกำลังชั้นยอดแห่งสำนักอาทิตย์อัสดงหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่อยู่ในสำนักตอนนี้เป็นเพียงคนที่มิได้มีความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยหาได้มีครอบครัวไม่ และอยู่ตัวคนเดียวมาครึ่งชีวิตแล้วจึงมิได้สนโทษประหารล้างตระกูลพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าก็เต็มใจยอมจำนนต่อข้าแล้วใช่หรือไม่?”โอวหยาง
ซุนฉีประสานมือคำนับเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังจากไปฉินเหยี่ยนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าแล้วพูดสารถีว่า “สายมากแล้ว ออกเดินทางเถอะ”สารถีสะบัดแส้แล้วควบรถม้าไปตามถนน……จวนอ๋องฉีฉินหงรู้สึกใจหาย “คาดมิถึงจริง ๆ ฉินเหยี่ยนมิเพียงแต่จะล้มเหลวในการโค่นฉินซู ซ้ำยังตกหลุมพรางอีกฝ่าย เจ้าสารเลวฉินซูผู้นี้ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนัก!”เซี่ยเหอพูดอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง ต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังฉินซูแน่พ่ะย่ะค่ะ ท่านควรส่งคนไปจับตาดูเขาให้มากกว่าเดิม รีบหาคนผู้นั้นให้เจอและกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น หากท่านทรงปล่อยไว้เช่นนี้ ฉินซูก็จะมีอำนาจมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าส่งคนไปแล้ว เชื่อว่าอีกมินานคนที่อยู่เบื้องหลังฉินซูจะโผล่หัวออกมา”“ท่านอ๋อง หากทรงต้องการโค่นองค์รัชทายาทจริง ๆ ตอนนี้โอกาสทองได้มาอยู่ตรงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซี ฉินหงก็ถามอย่างสงสัย “เสนาบดีหลิน โอกาสที่ท่านว่าคืออะไร?”หลินซีพูดอย่างมุ่งร้าย “ท่านอ๋อง ขณะนี้เฉินหลิวอ๋องได้ออกจากเมืองหลงเฉิงไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาระหว่างทาง เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงสงสัยใครเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ?”ดวงตาของฉินหงเป็นประกา