แม้ฮ่องเต้หวู่จะไม่ค่อยถนัดในเรื่องการปกครอง แต่เรื่องการรบนั้นเขามีความสามารถไม่เลว เขาอาจจะไม่เก่งในเรื่องการหาเงินและการพัฒนา แต่ในด้านการรบนั้น ฮ่องเต้หวู่มีประสบการณ์ล้ำลึก เมื่อได้ยินข่าวว่าโจวซิงหนีไปทางเหนือ เพื่อเข้าร่วมกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฮ่องเต้หวู่รู้สึกได้ถึงอันตรายทันที หากจัดการไม่ดี เรื่องการทรยศของโจวซิงอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างต้าเซี่ยกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออีกครั้ง แต่ตอนนี้โจวซิงหนีไปแล้ว แม้แต่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรก็ยังมีโอกาสน้อยที่จะจับเขากลับมา เลี้ยงทหารพันวัน ใช้ทหารหนึ่งวัน วิธีเดียวที่ทำได้คือ ส่งทหารใหม่ตระกูลซูไปทางเหนือทันที เพื่อเตรียมรับมือการรบระหว่างสองแคว้น เมื่อเว่ยซวินได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จะเกิดสงคราม? มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ? แต่เมื่อคิดไปคิดมา ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้เป็นคนกังวลเกินเหตุ โจวซิงในฐานะผู้ตรวจการราชสำนักทรยศไปเข้ากับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นี่เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ มีโอกาสสูงที่ทั้งสองแคว้นจะเปิดสงคราม หลี่หลงหลินกลับมีท่าทีสงบ ม
หลี่หลงหลินเดินไปข้างหน้า วางกล่องไม้ลงบนโต๊ะ ฮ่องเต้หวู่ส่งสายตาให้เว่ยซวิน “เปิดดูสิ!” เว่ยซวินรีบเข้าไปเปิดกล่อง โอ้... เมื่อเห็นหัวที่เปื้อนเลือดในกล่อง ฮ่องเต้หวู่และเว่ยซวินต่างก็สะดุ้งตกใจ ไม่ผิดแน่! เป็นโจวซิงจริงๆ! “ฮ่าฮ่าฮ่า...” ฮ่องเต้หวู่หัวเราะอย่างมีความสุข “สวรรค์มีตา กรรมตามสนอง! เจ้าคนต่ำทราม เจ้ากล้าทรยศแคว้น หัวขาดจากตัวไปแล้ว ยังถือว่าโชคดีสำหรับเจ้า หากมาอยู่ในมือของข้า ข้าคงจะหั่นเจ้าเป็นพันๆ ชิ้น!” เมื่อเว่ยซวินมั่นใจว่าโจวซิงตายแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ ส่งสายตาขอบคุณไปที่หลี่หลงหลิน การที่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรต้องตามล่าโจวซิงนั้นไม่ต่างจากการหาเข็มในมหาสมุทร โอกาสที่จะพบเจอมีน้อยมาก ถึงเวลานั้นหากไม่ประสบความสำเร็จ โจวซิงหนีไปยังชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้ ฮ่องเต้หวู่จะต้องทรงพิโรธอย่างมาก และลงโทษกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ไม่ว่าจะเป็นเว่ยซวิน หรือทหารทุกนายในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรล้วนจะต้องรับการลงโทษ ซึ่งหมายความว่า ไม่เพียงแต่ตัวเขา แต่ทั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรต่างก็ติดหนี้บุญคุณหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ ในเมื่อโ
องค์ชายใหญ่? หลี่หลงหลินตกใจเล็กน้อย ใบหน้าเผยความแปลกใจ สำหรับการที่องค์ชายใหญ่กลับเมืองหลวงนั้น หลี่หลงหลินไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เสิ่นชิงโจวเป็นอาจารย์ขององค์ชายใหญ่ และอดีตฮองเฮาหลู่ก็เป็นมารดาขององค์ชายใหญ่ สองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตขององค์ชายใหญ่ถูกจับขังอยู่ในคุก ถ้าเขานิ่งเฉยอยู่ในตงไห่ กลับจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจกว่า ปัญหาคือ องค์ชายใหญ่เข้าเมืองหลวง เหตุใดฮ่องเต้หวู่ถึงยอม? เขาลืมบทเรียนจากหลีเฟิงอวิ๋นที่นำทหารม้าเหล็กซีเหลียงเข้าเมืองหลวง มาบีบให้ฮ่องเต้หวู่ต้องยอมจำนนหรือ? ฮ่องเต้หวู่เห็นความสงสัยในสายตาของหลี่หลงหลิน จึงถอนหายใจ “เฮ้อ ข้าก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้! สรุปก็คือ พรุ่งนี้องค์ชายใหญ่จะมาเข้าเฝ้า และเจ้าที่เป็นรัชทายาทก็ต้องเข้าร่วมด้วย” เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก จึงคำนับแล้วออกไป แสงจันทร์สว่างไสว ตกกระทบบนเกราะเหล็ก ซูเฟิ่งหลิงรออยู่นอกตำหนักหยั่งซิน หาวนอนอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลายามสามแล้ว ถ้ายังรออยู่อย่างนี้ ฟ้าก็จะสว่างแล้ว ในช่วงเวลานี้ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น หลี่หลงหลินเดินเข้ามาด้วยส
หรือว่า มิใช่ขุนนางที่ดี ใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำ กระจ่างชัดเจนดุจคันฉ่องกระนั้น?โลกนี้มืดมนเกินไปแล้วกระมัง!มิน่าเล่าหนิงเซิงมีความรู้ความสามารถ กลับยินดีเป็นอาจารย์อยู่ที่ภูเขาทิศประจิม แต่ไม่ยอมเข้ารับราชการเป็นขุนนาง“สองล้านตำลึง...”“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดราชสำนักยากจนถึงเพียงนี้ เหตุใดเสด็จพ่อถึงทรงปวดหัว!”หลี่หลงหลินพ่นลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่งราษฎรเผชิญหน้ากับความลำบากมากมายราษฎรของต้าเซี่ย ตกอยู่ในความยากจนข้นแค้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนล้วนพยายามมีชีวิตต่อไปปัญหาคือ ฮ่องเต้หวู่เองก็ยากจนมาก!เขามัธยัสถ์มากเพียงพอแล้ว กลายเป็นคนตระหนี่ ถูกคนกล่าวหาว่าแล้งน้ำใจไร้เมตตา กลับยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเงินของต้าเซี่ยได้เช่นนั้นแล้วเงินเล่า?ปัญหาที่ติดค้างอยู่ในใจของหลี่หลงหลินมานาน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับคำตอบแล้วหากขุนนางทั้งหลาย ล้วนเหมือนตู้เหวินยวนและโจวซิงขุนนางคดโกงเหล่านี้ หลอกลวงเบื้องสูงปิดบังเบื้องล่าง ขูดรีดราษฎร ดุจปลวกก็มิปาน กัดกินต้าเซี่ยจนกลวงโบ๋!เงินล้วนอยู่ในมือพวกเขา ถูกพวกเขาซ่อนเอาไว้ ฝังไว้ใต้ดิน ต้องการมอบให้ลูกหลาน
นอกจากเรื่องนี้ ยังมีประเด็นสำคัญงูไร้หัวย่อมมิอาจอยู่ได้ตู้เหวินยวน องค์ชายสี่ ขุนนางบุ๋นทั้งสองคนนี้นำหน้าตามหลังกันลงนรกไปแล้วขุนนางบุ๋นทุกคนขาดเสาหลัก ไม่กล้าเหิมเกริมอีก ในระยะนี้ ล้วนเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กล้าล่วงเกินฮ่องเต้หวู่ฮ่องเต้หวู่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร พึงพอใจต่อท่าทีตอบสนองของเหล่าขุนนางมาก พยักหน้าเบาๆหลายปีมานี้ราชสำนักโกลาหลไม่ว่าเราพูดอันใด ก็มักมีขุนนางกระโดดออกมา คัดค้านอย่างไร้สมองบัดนี้ ในที่สุดก็เงียบสงบลงเสียที!“เรียกตัวอ๋องตงไห่มาเข้าเฝ้า”ฮ่องเต้หวู่เปล่งเสียงเครียดเว่ยซวินตะโกนเสียงดังแหลมสูง “ฝ่าบาทมีพระราชโองการ เรียกตัวอ๋องตงไห่...”ได้ยินดังนั้นเหล่าขุนนางล้วนตกตะลึงพรึงเพริดแท้จริงแล้ว พวกเขาได้ยินข่าวลือมาบางส่วน พูดว่าองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ได้รับพระราชโองการเรียกตัวเข้าเมืองหลวงคิดไม่ถึงว่า ข่าวลือเป็นความจริงหลี่เทียนฉี่มาแล้วจริงๆ!เหตุใดฝ่าบาทจึงทำเช่นนี้?ราชสำนักเพิ่งสงบลงได้ไม่กี่วัน ไม่กลัวว่าหลี่เทียนฉี่มาแล้ว จะเกิดคลื่นพายุฝนโลหิตหรอกหรือ?ขุนนางบุ๋นได้ยินข่าวนี้ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความดีใจพวกเขาส่วนใหญ่ ล
“เสด็จพ่อเอ๋ย เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกอย่างที่สุด “เพื่อเงินเพียงเท่านี้ ถึงกับชักศึกเข้าบ้าน! คิดน้อยเกินไปแล้ว จะต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเพราะเรื่องเล็ก...”ทว่าหลี่หลงหลินเองก็เข้าใจความคิดของฮ่องเต้หวู่ราชสำนักขาดแคลนเงินหนึ่งล้านตำลึงเงิน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆยิ่งไปกว่านั้นหลี่เทียนฉี่ยังมอบให้ หากไม่เอาก็เสียดาย!ส่วนความอันตรายที่ซ่อนอยู่ ฮ่องเต้หวู่กลับไม่ใส่ใจหลี่เทียนฉี่เข้าเมืองมาเพียงลำพัง มิได้นำทหารมาด้วยเขาจะยังสร้างปัญหาอันใดได้?หลี่เทียนฉี่ค่อยๆ ลุกขึ้น สายตาตกลงบนตัวหลี่หลงหลิน ยิ้มเย็น “เจ้าเก้า เจ้าอายุน้อยที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด! ข้าเกือบลืม หน้าตาเจ้าไปแล้ว!”“คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ชิงบัลลังก์นี้ เจ้าจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย ได้รับแต่งตังเป็นรัชทายาท!”“ช่างน่ายินดีน่าเฉลิมฉลองจริงๆ!”หลี่หลงหลินเอ่ยปากอย่างถ่อมตน “พี่ใหญ่ ข้าเพียงวาสนาดี...”หลี่เทียนฉี่ยิ้มเย็น จู่ๆ ก็กล่าวกดดัน “เป็นรัชทายาท ไม่ใช่เพียงวาสนาดีก็ใช้ได้! ในเมื่อเจ้าเป็นองค์ชายของต้าเซี่ย ก็สมควรทำตัวเป็นแบบอย่าง ช่วยแบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อ!”“ข้าเพิ่งนำเงินหนึ่งล้านต
ในท้องพระโรงขุนนางทั้งหลายล้วนหันมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้างุนงงนี่มันเรื่องอะไรกัน?หลี่เทียนฉี่เพิ่งเข้าเมืองหลวง ก็เปิดศึกโจมตีหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินรัชทายาทคนใหม่ ยามอยู่ต่อหน้ารัชทายาทที่ถูกปลด กลับถึงขนาดแสดงท่าทีขี้ขลาด?นี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเขา!หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงจนเหม่อไปเขารู้สึกคล้ายปล่อยหมัด ลงบนนุ่น จะว่าเจ็บก็ไม่เชิงฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้าชื่นชมดีใจ “เจ้าเก้า เจ้าคิดได้เช่นนี้ เราปลื้มใจยิ่งนัก! อย่างไรเสียเจ้าก็อายุยังน้อย ควรรับฟังคำสั่งสอนจากพี่ใหญ่เจ้าให้มาก”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นในใจรับฟังคำสั่งสอนอะไร?วางแผนชั่วเยี่ยงไร ก่อกบฏเยี่ยงไรงั้นหรือ?หรือว่าจะเป็นรัชทายาทถูกปลดเยี่ยงไรงั้นหรือ?ทว่า หลี่หลงหลินกลับเผยสีหน้าเคารพนบนอบ ค้อมตัวให้หลี่เทียนฉี่ “ภายภาคหน้าข้าจะต้องเห็นพี่ใหญ่เป็นแบบอย่าง เรียนรู้จากพี่ใหญ่แน่!”หลี่เทียนฉี่ถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ใบหน้าแดงเรื่อ “รัชทายาท เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้...”ฮ่องเต้หวู่เห็นสองพี่น้องเข้ากันได้ดี ก็ซาบซึ้งใจมาก เกือบหลั่งน้ำตา “ช่างเป็นภาพพี่น้องรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งภาพหนึ่ง! เจ้าเก้า เราเลือกเจ้าเป็น
หลี่หลงหลินพูดเนิบๆ “ข้านำเงินออกมาง่าย ๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร! มิสู้ พวกเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่!”หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะเดิมพันกันเช่นไร?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ง่ายมาก! หากข้านำเงินออกมามากกว่าพี่ใหญ่สิบตำลึง ขุนนางบุ๋นบู๊ทุกคน ก็ต้องเอาเงินออกมาหนึ่งตำลึง!”ทุกคนล้วนตกตะลึงนี่คือวิธีเดิมพันอะไรกัน?เทียบกันว่าใครมีเงินมากกว่าหรือ?มิใช่ว่า หลี่หลงหลินนำเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา เหล่าขุนนางทุกคนล้วนต้องออกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงหรอกหรือ?นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยโดยเฉพาะขุนนางมือสะอาดที่พร่ำบอกว่าตนเองซื่อตรงเหล่านั้น แม้ว่าเป็นขุนนางคดโกงร่ำรวยอย่างมาก แต่ยามเข้าประชุมราชสำนักกลับแต่งกายทั้งปะทั้งเย็บมา ทุกวันล้วนพร่ำบ่นว่ายากจนต่อหน้าฮ่องเต้หวู่หากให้พวกเขานำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมา นั่นทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าพวกเขา!หลี่หลงหลินเห็นเหล่าขุนนางเงียบงันไม่พูดจา ยิ้มเย็นพูดว่า “ฮึๆ ไม่กล้าหรือ? เช่นนั้นพวกเจ้าก็หุบปาก!”เจ้ากรมคลังหน้าแดงไปถึงหู แก้ต่างขึ้นว่า “ราชสำนักเป็นสถานที่ทรงเกียรติมากเพียงใด องค์ชายท่านมาเดิมพันที่นี่ ช่างเล่นอะไรไร้สาระจริงๆ!”หล
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ