แชร์

บทที่ 908

ผู้เขียน: จันทร์กระจ่างภูผา
แม้ฮ่องเต้หวู่จะไม่ค่อยถนัดในเรื่องการปกครอง แต่เรื่องการรบนั้นเขามีความสามารถไม่เลว

เขาอาจจะไม่เก่งในเรื่องการหาเงินและการพัฒนา

แต่ในด้านการรบนั้น ฮ่องเต้หวู่มีประสบการณ์ล้ำลึก

เมื่อได้ยินข่าวว่าโจวซิงหนีไปทางเหนือ เพื่อเข้าร่วมกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฮ่องเต้หวู่รู้สึกได้ถึงอันตรายทันที

หากจัดการไม่ดี เรื่องการทรยศของโจวซิงอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างต้าเซี่ยกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออีกครั้ง

แต่ตอนนี้โจวซิงหนีไปแล้ว

แม้แต่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรก็ยังมีโอกาสน้อยที่จะจับเขากลับมา

เลี้ยงทหารพันวัน ใช้ทหารหนึ่งวัน

วิธีเดียวที่ทำได้คือ ส่งทหารใหม่ตระกูลซูไปทางเหนือทันที เพื่อเตรียมรับมือการรบระหว่างสองแคว้น

เมื่อเว่ยซวินได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

จะเกิดสงคราม?

มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?

แต่เมื่อคิดไปคิดมา ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้เป็นคนกังวลเกินเหตุ

โจวซิงในฐานะผู้ตรวจการราชสำนักทรยศไปเข้ากับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นี่เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ

มีโอกาสสูงที่ทั้งสองแคว้นจะเปิดสงคราม

หลี่หลงหลินกลับมีท่าทีสงบ ม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 909

    หลี่หลงหลินเดินไปข้างหน้า วางกล่องไม้ลงบนโต๊ะ ฮ่องเต้หวู่ส่งสายตาให้เว่ยซวิน “เปิดดูสิ!” เว่ยซวินรีบเข้าไปเปิดกล่อง โอ้... เมื่อเห็นหัวที่เปื้อนเลือดในกล่อง ฮ่องเต้หวู่และเว่ยซวินต่างก็สะดุ้งตกใจ ไม่ผิดแน่! เป็นโจวซิงจริงๆ! “ฮ่าฮ่าฮ่า...” ฮ่องเต้หวู่หัวเราะอย่างมีความสุข “สวรรค์มีตา กรรมตามสนอง! เจ้าคนต่ำทราม เจ้ากล้าทรยศแคว้น หัวขาดจากตัวไปแล้ว ยังถือว่าโชคดีสำหรับเจ้า หากมาอยู่ในมือของข้า ข้าคงจะหั่นเจ้าเป็นพันๆ ชิ้น!” เมื่อเว่ยซวินมั่นใจว่าโจวซิงตายแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ ส่งสายตาขอบคุณไปที่หลี่หลงหลิน การที่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรต้องตามล่าโจวซิงนั้นไม่ต่างจากการหาเข็มในมหาสมุทร โอกาสที่จะพบเจอมีน้อยมาก ถึงเวลานั้นหากไม่ประสบความสำเร็จ โจวซิงหนีไปยังชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้ ฮ่องเต้หวู่จะต้องทรงพิโรธอย่างมาก และลงโทษกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ไม่ว่าจะเป็นเว่ยซวิน หรือทหารทุกนายในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรล้วนจะต้องรับการลงโทษ ซึ่งหมายความว่า ไม่เพียงแต่ตัวเขา แต่ทั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรต่างก็ติดหนี้บุญคุณหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ ในเมื่อโ

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 910

    องค์ชายใหญ่? หลี่หลงหลินตกใจเล็กน้อย ใบหน้าเผยความแปลกใจ สำหรับการที่องค์ชายใหญ่กลับเมืองหลวงนั้น หลี่หลงหลินไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เสิ่นชิงโจวเป็นอาจารย์ขององค์ชายใหญ่ และอดีตฮองเฮาหลู่ก็เป็นมารดาขององค์ชายใหญ่ สองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตขององค์ชายใหญ่ถูกจับขังอยู่ในคุก ถ้าเขานิ่งเฉยอยู่ในตงไห่ กลับจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจกว่า ปัญหาคือ องค์ชายใหญ่เข้าเมืองหลวง เหตุใดฮ่องเต้หวู่ถึงยอม? เขาลืมบทเรียนจากหลีเฟิงอวิ๋นที่นำทหารม้าเหล็กซีเหลียงเข้าเมืองหลวง มาบีบให้ฮ่องเต้หวู่ต้องยอมจำนนหรือ? ฮ่องเต้หวู่เห็นความสงสัยในสายตาของหลี่หลงหลิน จึงถอนหายใจ “เฮ้อ ข้าก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้! สรุปก็คือ พรุ่งนี้องค์ชายใหญ่จะมาเข้าเฝ้า และเจ้าที่เป็นรัชทายาทก็ต้องเข้าร่วมด้วย” เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก จึงคำนับแล้วออกไป แสงจันทร์สว่างไสว ตกกระทบบนเกราะเหล็ก ซูเฟิ่งหลิงรออยู่นอกตำหนักหยั่งซิน หาวนอนอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลายามสามแล้ว ถ้ายังรออยู่อย่างนี้ ฟ้าก็จะสว่างแล้ว ในช่วงเวลานี้ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น หลี่หลงหลินเดินเข้ามาด้วยส

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 911

    หรือว่า มิใช่ขุนนางที่ดี ใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำ กระจ่างชัดเจนดุจคันฉ่องกระนั้น?โลกนี้มืดมนเกินไปแล้วกระมัง!มิน่าเล่าหนิงเซิงมีความรู้ความสามารถ กลับยินดีเป็นอาจารย์อยู่ที่ภูเขาทิศประจิม แต่ไม่ยอมเข้ารับราชการเป็นขุนนาง“สองล้านตำลึง...”“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดราชสำนักยากจนถึงเพียงนี้ เหตุใดเสด็จพ่อถึงทรงปวดหัว!”หลี่หลงหลินพ่นลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่งราษฎรเผชิญหน้ากับความลำบากมากมายราษฎรของต้าเซี่ย ตกอยู่ในความยากจนข้นแค้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนล้วนพยายามมีชีวิตต่อไปปัญหาคือ ฮ่องเต้หวู่เองก็ยากจนมาก!เขามัธยัสถ์มากเพียงพอแล้ว กลายเป็นคนตระหนี่ ถูกคนกล่าวหาว่าแล้งน้ำใจไร้เมตตา กลับยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเงินของต้าเซี่ยได้เช่นนั้นแล้วเงินเล่า?ปัญหาที่ติดค้างอยู่ในใจของหลี่หลงหลินมานาน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับคำตอบแล้วหากขุนนางทั้งหลาย ล้วนเหมือนตู้เหวินยวนและโจวซิงขุนนางคดโกงเหล่านี้ หลอกลวงเบื้องสูงปิดบังเบื้องล่าง ขูดรีดราษฎร ดุจปลวกก็มิปาน กัดกินต้าเซี่ยจนกลวงโบ๋!เงินล้วนอยู่ในมือพวกเขา ถูกพวกเขาซ่อนเอาไว้ ฝังไว้ใต้ดิน ต้องการมอบให้ลูกหลาน

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 912

    นอกจากเรื่องนี้ ยังมีประเด็นสำคัญงูไร้หัวย่อมมิอาจอยู่ได้ตู้เหวินยวน องค์ชายสี่ ขุนนางบุ๋นทั้งสองคนนี้นำหน้าตามหลังกันลงนรกไปแล้วขุนนางบุ๋นทุกคนขาดเสาหลัก ไม่กล้าเหิมเกริมอีก ในระยะนี้ ล้วนเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กล้าล่วงเกินฮ่องเต้หวู่ฮ่องเต้หวู่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร พึงพอใจต่อท่าทีตอบสนองของเหล่าขุนนางมาก พยักหน้าเบาๆหลายปีมานี้ราชสำนักโกลาหลไม่ว่าเราพูดอันใด ก็มักมีขุนนางกระโดดออกมา คัดค้านอย่างไร้สมองบัดนี้ ในที่สุดก็เงียบสงบลงเสียที!“เรียกตัวอ๋องตงไห่มาเข้าเฝ้า”ฮ่องเต้หวู่เปล่งเสียงเครียดเว่ยซวินตะโกนเสียงดังแหลมสูง “ฝ่าบาทมีพระราชโองการ เรียกตัวอ๋องตงไห่...”ได้ยินดังนั้นเหล่าขุนนางล้วนตกตะลึงพรึงเพริดแท้จริงแล้ว พวกเขาได้ยินข่าวลือมาบางส่วน พูดว่าองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ได้รับพระราชโองการเรียกตัวเข้าเมืองหลวงคิดไม่ถึงว่า ข่าวลือเป็นความจริงหลี่เทียนฉี่มาแล้วจริงๆ!เหตุใดฝ่าบาทจึงทำเช่นนี้?ราชสำนักเพิ่งสงบลงได้ไม่กี่วัน ไม่กลัวว่าหลี่เทียนฉี่มาแล้ว จะเกิดคลื่นพายุฝนโลหิตหรอกหรือ?ขุนนางบุ๋นได้ยินข่าวนี้ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความดีใจพวกเขาส่วนใหญ่ ล

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 913

    “เสด็จพ่อเอ๋ย เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกอย่างที่สุด “เพื่อเงินเพียงเท่านี้ ถึงกับชักศึกเข้าบ้าน! คิดน้อยเกินไปแล้ว จะต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเพราะเรื่องเล็ก...”ทว่าหลี่หลงหลินเองก็เข้าใจความคิดของฮ่องเต้หวู่ราชสำนักขาดแคลนเงินหนึ่งล้านตำลึงเงิน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆยิ่งไปกว่านั้นหลี่เทียนฉี่ยังมอบให้ หากไม่เอาก็เสียดาย!ส่วนความอันตรายที่ซ่อนอยู่ ฮ่องเต้หวู่กลับไม่ใส่ใจหลี่เทียนฉี่เข้าเมืองมาเพียงลำพัง มิได้นำทหารมาด้วยเขาจะยังสร้างปัญหาอันใดได้?หลี่เทียนฉี่ค่อยๆ ลุกขึ้น สายตาตกลงบนตัวหลี่หลงหลิน ยิ้มเย็น “เจ้าเก้า เจ้าอายุน้อยที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด! ข้าเกือบลืม หน้าตาเจ้าไปแล้ว!”“คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ชิงบัลลังก์นี้ เจ้าจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย ได้รับแต่งตังเป็นรัชทายาท!”“ช่างน่ายินดีน่าเฉลิมฉลองจริงๆ!”หลี่หลงหลินเอ่ยปากอย่างถ่อมตน “พี่ใหญ่ ข้าเพียงวาสนาดี...”หลี่เทียนฉี่ยิ้มเย็น จู่ๆ ก็กล่าวกดดัน “เป็นรัชทายาท ไม่ใช่เพียงวาสนาดีก็ใช้ได้! ในเมื่อเจ้าเป็นองค์ชายของต้าเซี่ย ก็สมควรทำตัวเป็นแบบอย่าง ช่วยแบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อ!”“ข้าเพิ่งนำเงินหนึ่งล้านต

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 914

    ในท้องพระโรงขุนนางทั้งหลายล้วนหันมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้างุนงงนี่มันเรื่องอะไรกัน?หลี่เทียนฉี่เพิ่งเข้าเมืองหลวง ก็เปิดศึกโจมตีหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินรัชทายาทคนใหม่ ยามอยู่ต่อหน้ารัชทายาทที่ถูกปลด กลับถึงขนาดแสดงท่าทีขี้ขลาด?นี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเขา!หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงจนเหม่อไปเขารู้สึกคล้ายปล่อยหมัด ลงบนนุ่น จะว่าเจ็บก็ไม่เชิงฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้าชื่นชมดีใจ “เจ้าเก้า เจ้าคิดได้เช่นนี้ เราปลื้มใจยิ่งนัก! อย่างไรเสียเจ้าก็อายุยังน้อย ควรรับฟังคำสั่งสอนจากพี่ใหญ่เจ้าให้มาก”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นในใจรับฟังคำสั่งสอนอะไร?วางแผนชั่วเยี่ยงไร ก่อกบฏเยี่ยงไรงั้นหรือ?หรือว่าจะเป็นรัชทายาทถูกปลดเยี่ยงไรงั้นหรือ?ทว่า หลี่หลงหลินกลับเผยสีหน้าเคารพนบนอบ ค้อมตัวให้หลี่เทียนฉี่ “ภายภาคหน้าข้าจะต้องเห็นพี่ใหญ่เป็นแบบอย่าง เรียนรู้จากพี่ใหญ่แน่!”หลี่เทียนฉี่ถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ใบหน้าแดงเรื่อ “รัชทายาท เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้...”ฮ่องเต้หวู่เห็นสองพี่น้องเข้ากันได้ดี ก็ซาบซึ้งใจมาก เกือบหลั่งน้ำตา “ช่างเป็นภาพพี่น้องรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งภาพหนึ่ง! เจ้าเก้า เราเลือกเจ้าเป็น

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 915

    หลี่หลงหลินพูดเนิบๆ “ข้านำเงินออกมาง่าย ๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร! มิสู้ พวกเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่!”หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะเดิมพันกันเช่นไร?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ง่ายมาก! หากข้านำเงินออกมามากกว่าพี่ใหญ่สิบตำลึง ขุนนางบุ๋นบู๊ทุกคน ก็ต้องเอาเงินออกมาหนึ่งตำลึง!”ทุกคนล้วนตกตะลึงนี่คือวิธีเดิมพันอะไรกัน?เทียบกันว่าใครมีเงินมากกว่าหรือ?มิใช่ว่า หลี่หลงหลินนำเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา เหล่าขุนนางทุกคนล้วนต้องออกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงหรอกหรือ?นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยโดยเฉพาะขุนนางมือสะอาดที่พร่ำบอกว่าตนเองซื่อตรงเหล่านั้น แม้ว่าเป็นขุนนางคดโกงร่ำรวยอย่างมาก แต่ยามเข้าประชุมราชสำนักกลับแต่งกายทั้งปะทั้งเย็บมา ทุกวันล้วนพร่ำบ่นว่ายากจนต่อหน้าฮ่องเต้หวู่หากให้พวกเขานำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมา นั่นทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าพวกเขา!หลี่หลงหลินเห็นเหล่าขุนนางเงียบงันไม่พูดจา ยิ้มเย็นพูดว่า “ฮึๆ ไม่กล้าหรือ? เช่นนั้นพวกเจ้าก็หุบปาก!”เจ้ากรมคลังหน้าแดงไปถึงหู แก้ต่างขึ้นว่า “ราชสำนักเป็นสถานที่ทรงเกียรติมากเพียงใด องค์ชายท่านมาเดิมพันที่นี่ ช่างเล่นอะไรไร้สาระจริงๆ!”หล

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 916

    เหล่าขุนนางต่างถกเถียงกันโดยเฉพาะเหล่าขุนนางบุ๋น แต่ละคนล้วนมีสีหน้ากระตือรือร้น โทสะสุมทรวงฮ่องเต้หวู่เอียงหน้า สบมองเว่ยซวินขันทีใหญ่หนึ่งปราดเพียะ!เว่ยซวินฟาดแส้ในมือทีหนึ่ง สะบัดลงบนพื้นเงาวาววับ ตวาดเสียงเฉียบ “เงียบ!”กลุ่มขุนนางเงียบลงในทันใดสายตาฮ่องเต้หวู่กวาดมองกลุ่มขุนนาง เปล่งเสียงเยียบเย็นน่าครั่นคร้าม “เจ้าเก้า หากเจ้านำเงินออกมาไม่ได้ เราจะลงโทษเจ้าข้อหาหลอกลวงเบื้องสูง!”แท้จริงแล้วฮ่องเต้หวู่ก็รู้สึกอึดอัดภายในใจเจ้าเก้าเด็กคนนี้ เหตุใดจึงอาจหาญถึงเพียงนี้ ขวัญกล้าเดิมพัน กับองค์ชายใหญ่และเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักหลายวันก่อน เขายังร้องไห้เพราะความจนกับเราอยู่เลยมิใช่หรือ?เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันในระยะเวลาสั้นๆ หรือว่าภายในมือเขาจะมีเงินแล้ว?ได้ยินถ้อยคำนี้ของฮ่องเต้หวู่ เหล่าขุนนางบุ๋นต่างดีใจหลอกลวงเบื้องสูง แม้ว่าสำหรับหลี่หลงหลินรัชทายาทคนนี้ ไม่สะทกสะท้านแต่ระยะนี้หลี่หลงหลิน โอหังเกินไปแล้วจริงๆ!องค์ชายใหญ่กลับเมืองหลวง ก็ลิดรอนอำนาจของหลี่หลงหลินนี่คือสัญญาณดี!องค์ชายคนอื่น อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่หลงหลินองค์ชายใหญ่กลับไม่เหมือนก

บทล่าสุด

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1080

    ฉินฮั่นหยางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าตอบเสิ่นชิงโจวล่วงรู้ความลับของเขามากเกินไปหากเรื่องพวกนั้นถูกเปิดโปง ต่อให้ถูกประหารสิบครั้งก็ยังไม่พอ!แม้ว่าหลี่หลงหลินจะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะลืมเรื่องในอดีตและค้ำจุนให้เขารุ่งเรืองมั่งคั่งต่อไปแต่หากอีกฝ่ายเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ?ฉินฮั่นหยางไม่กล้าเสี่ยงเขาหวังว่าหลี่หลงหลินจะยื่นข้อเสนอที่จริงใจมากกว่านี้ทว่าหลี่หลงหลินไม่ได้เสียเวลาพูดจาให้มากความ เขาหันไปเดินเข้าหาบรรดาบัณฑิตทรงคุณวุฒิคนอื่นๆ แทน ชัดเจนว่าต้องการดึงพวกเขาเข้าพวก“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของฉินฮั่นหยางก็เปลี่ยนไปทันทีในหมู่บัณฑิตทรงคุณวุฒิเหล่านี้ หากมีแม้แต่คนเดียวที่ใจอ่อน ยอมรับหลี่หลงหลินเป็นอาจารย์ และเข้าสู่สำนักปรัชญาแห่งจิตใจนั่นหมายความว่า เสิ่นชิงโจวแพ้แล้ว!หากหลี่หลงหลินสามารถนั่งมั่นในตำแหน่งนักปราชญ์คนใหม่แห่งสำนักปรัชญาแห่งจิตใจได้ตนเองเป็นเพียงบัณฑิตทรงคุณวุฒิ จะเอาอะไรไปเทียบกับนักปราชญ์ได้?ถึงตอนนั้น จะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร!ฉินฮั่นหยางอาจมั่นใจว่าตนเองจะไม่หวั่นไหว แต่เขาไม่อาจมั่นใจได้ว่านักปราช

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1079

    เสิ่นชิงโจวเองก็คาดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ มุมปากกระตุกเล็กน้อยช่างเป็นพวกชาวบ้านโง่เขลาเสียจริงพวกเจ้าแม้แต่แนวคิดของปรัชญาแห่งจิตใจก็ยังไม่เข้าใจแท้ๆ แต่กลับยอมคารวะหลี่หลงหลินเป็นอาจารย์อย่างง่ายดาย?ต่อให้หลี่หลงหลินหลอกขายพวกเจ้า พวกเจ้าก็คงยังช่วยเขานับเงินให้ด้วยซ้ำ!แต่พูดก็พูดเถอะหลี่หลงหลินใช้วิธีอะไรกันแน่ ถึงสามารถซื้อใจชาวบ้านได้มากมายถึงเพียงนี้?ช่างน่าทึ่งนัก!หลี่หลงหลินมองเสิ่นชิงโจวด้วยรอยยิ้มสงบ “ท่านราชครู เท่านี้พอหรือไม่?”เสิ่นชิงโจวยังคงไม่ยอมรับ “ข้าบอกไปแล้วว่าพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนไร้ระเบียบ ส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือเสียด้วยซ้ำ!”หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “ที่ท่านหมายถึงคือ มีแต่ผู้มีความรู้เท่านั้นที่คารวะข้าเป็นอาจารย์ ท่านจึงจะยอมรับงั้นหรือ?”เสิ่นชิงโจวพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว!”หลี่หลงหลินยกมือขึ้น ชี้ไปยังบัณฑิตทรงคุณวุฒิเหล่านี้สิบคนที่อยู่ด้านหลังเสิ่นชิงโจว “แล้วพวกเขาล่ะ? หากบัณฑิตทรงคุณวุฒิเหล่านี้ยินดีคารวะข้าเป็นอาจารย์ ท่านจะยังกล้าหาข้อแก้ตัวอีกหรือไม่?”เสิ่นชิงโจวถึงกับตะลึงงันให้บัณฑิตทรงคุณวุฒิเหล่านั้นคารวะหลี่หลงห

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1078

    ฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้าลำบากใจเสิ่นชิงโจวกล่าวความจริงต่อให้ปรัชญาแห่งจิตใจล้ำเลิศเพียงใด ก็ต้องมีผู้สืบทอดจึงจะเกิดผลศิษย์ของนักปราชญ์มีมากถึงสามพันคน ในจำนวนนั้นมีผู้ทรงปัญญาเจ็ดสิบสองคนศิษย์เอกอย่างเหยียนหุย ก็มีเค้าลางของนักปราชญ์เช่นกันแต่หลี่หลงหลินเพิ่งก่อตั้งปรัชญาแห่งจิตใจขึ้นมาใหม่ กระทั่งศิษย์สักคนก็ยังไม่มีแล้วจะให้เราสถาปนาเขาเป็นนักปราชญ์ได้อย่างไร?หากเป็นคนแปลกหน้าก็แล้วไปเถิดแต่เขาดันเป็นบุตรของตนหากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนทั้งใต้หล้าย่อมกล่าวหาว่าเราลำเอียงเข้าข้างเขานักปราชญ์เช่นนี้ ใครจะยอมรับกัน?หลี่หลงหลินเผยรอยยิ้มบาง “ใครบอกว่าข้าไม่มีศิษย์?”ทันทีที่คำพูดจบลงจากกลุ่มชาวบ้านก็มีคนก้าวออกมาเป็นกลุ่มพวกเขาสวมอาภรณ์บัณฑิต ศีรษะสวมหมวกสี่เหลี่ยม ดูเป็นบัณฑิตโดยแท้คนที่เดินนำหน้า ฮ่องเต้หวู่จำได้ดีเขาคือจอหงวนหนิงชิงโหวส่วนบัณฑิตที่เหลือ แม้ฮ่องเต้หวู่จะไม่รู้จัก แต่เพียงเห็นสีหน้าท่าทางอันหยิ่งยโส ก็เข้าใจได้ทันทีพวกเขาย่อมเป็นบัณฑิตหยิ่งยโสที่ติดตามหนิงชิงโหวมาแน่นอนบัณฑิตเหล่านี้เข้าร่วมกับเขาทิศประจิม ทั้งยังสั่งสอนอบรมผู้คน ทำหน้

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1077

    เช่นนั้นมิสู้ให้ข้าดำเนินการก่อน แต่งตั้งนักปราชญ์ขึ้นมาก่อนหนึ่งคนหากนักปราชญ์ต้องได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ เช่นนั้นบัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหลายก็ต้องได้รับการแต่งตั้งจากอำนาจของฮ่องเต้จึงจะมีผลเดิมที สำนักปราชญ์อยู่เหนือการควบคุมของราชสำนัก มีระบบเป็นของตนเองหากทำเช่นนี้แล้วบัณฑิตทรงคุณวุฒิและนักปราชญ์ของสำนักปราชญ์จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ไม่เท่ากับว่าสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายหรือ?พวกเขาจะคิดก่อคลื่นลม ปั่นป่วนในเงามืดอีกต่อไปคงเป็นไปไม่ได้แล้วแน่นอนว่าการแต่งตั้งนักปราชญ์ ไม่ใช่ว่าจะกระทำได้ตามอำเภอใจความสามารถเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือฐานะหากฮ่องเต้หวู่แต่งตั้งนักปราชญ์ขึ้นมาเพียงคนเดียว บุคคลผู้นั้นย่อมได้รับชื่อเสียงเกียรติคุณอันสูงส่งจากประชาชนหากบุคคลผู้นี้คิดไม่ซื่อ วางแผนก่อกบฏถ้าเป็นอย่างนั้นจริง บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน!อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่มีอยู่จริงสำหรับหลี่หลงหลินเขาเป็นองค์ชายรัชทายาทอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องขึ้นครองราชย์ในสักวัน ไม่มีเหตุผลที่จะก่อกบฏการแต่งตั้งหลี่หลงหลินเป็นนักปราชญ์ ไม่เพียงแต่จะสามารถกดขี่ส

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1076

    “ดี...”ฮ่องเต้หวู่กลั้นความคิดอยู่นาน กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้เพียงคำเดียว แต่เมื่อนึกว่ามันดูจืดชืดเกินไป จึงเสริมขึ้นอีกว่า “ดีมาก!”หลี่หลงหลินรู้สึกพูดไม่ออกในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเสิ่นชิงโจวถึงต้องการยุยงให้ฮ่องเต้หวู่ก่อกบฏบิดาไร้ประโยชน์ของตนผู้นั้น ไม่เพียงแค่ละเลยด้านการปกครองด้วยวัฒนธรรมเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจหลักขงจื๊อแม้แต่น้อย แถมยังอ่านปรัชญาแห่งจิตใจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ถึงขนาดไม่รู้จะกล่าวคำชมเชยอย่างไร กลัวว่าเอ่ยออกไปมากกว่านี้จะเผลอทำให้ตัวเองโป๊ะแตกอย่างไรก็ตาม ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นตัวเขาก็ไม่ต่างกันโทษฐานที่ตัวเองไม่มีวัฒนธรรม อาศัยแต่การลอกเลียนแบบปรัชญาแห่งจิตใจของปราชญ์หวังหยางหมิงนั้น ลึกซึ้งอย่างแท้จริงหลี่หลงหลินใช้เวลาสามวัน คัดลอกปรัชญาแห่งจิตใจฉบับดั้งเดิมตามความทรงจำ อันที่จริง เขาก็แค่เข้าใจหลักการใหญ่ๆ อย่าง “รู้แล้วลงมือทำ” “ศึกษาสิ่งต่างๆ เพื่อเข้าถึงความรู้” “มุ่งสู่จิตสำนึกแห่งคุณธรรม”ส่วนที่ลึกซึ้งกว่านั้น หลี่หลงหลินก็ไม่ค่อยเข้าใจ ต้องอาศัยให้เหล่าศิษย์ไปอ่านปรัชญาแห่งจิตใจและเข้าใจด้วยตัวเองจะบรรลุสู่ความเป็นปราชญ

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1075

    หลี่หลงหลินส่ายหัวเบาๆ “ท่านผิดแล้ว! ในใจของทุกคนล้วนมีสำนึกดี! หากรู้แล้วลงมือทำ มุ่งสู่จิตสำนึกแห่งคุณธรรม ทุกคนก็สามารถบรรลุสู่ความเป็นปราชญ์ สร้างความรุ่งเรืองให้กับหลักขงจื๊อไปหมื่นชั่วอายุคน!”รู้แล้วลงมือทำ มุ่งสู่จิตสำนึกแห่งคุณธรรม?ร่างกายของเสิ่นชิงโจวสั่นสะท้าน สีหน้าปรากฏความไม่อยากเชื่อท้ายที่สุด เขาก็เป็นปราชญ์ผู้รอบรู้ตำรา ถึงแม้เพราะความเห็นแก่ตัวจะทำให้เขาเดินออกนอกเส้นทางแต่ความรู้ของเขาก็ยังคงเป็นของจริงแน่นอนว่าเมื่อหลี่หลงหลินกล่าวคำว่า “รู้แล้วลงมือทำ มุ่งสู่จิตสำนึกแห่งคุณธรรม” ทั้งเจ็ดคำออกมา เสิ่นชิงโจวก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คือวิถีแห่งปราชญ์!“น่าเสียดาย...”“หากข้ายังหนุ่มกว่านี้สักหลายสิบปี บางทีก็อาจเห็นด้วยกับปรัชญาแห่งจิตใจ และเดินบนวิถีแห่งปราชญ์นี้”“แต่ข้าแก่ชราแล้ว ไม่อาจหวนกลับได้!”“ทำได้เพียงสู้จนถึงที่สุด!”เสิ่นชิงโจวส่ายหัว มองไปที่หลี่หลงหลิน “พูดไปก็ไร้ประโยชน์! ข้าจะไม่โต้เถียงกับท่านด้วยวาจา! นำงานเขียนของท่านมาให้ข้าดูเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน!”หลี่หลงหลินส่ายหัว ปฏิเสธโดยตรง “ท่านไม่คู่ควร!”เสิ่นชิงโจวโกรธจนอับอาย หน้าแดงก่ำ

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1074

    คำพูดของหลี่หลงหลินประโยคนี้ เปรียบเสมือนเสียงระฆังยามเช้า และกลองยามเย็น ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกและฉุกคิดสำนักปราชญ์ของพวกเจ้า ไม่ต้องการผูกขาดการสอบขุนนาง สร้างตระกูลขุนนาง ก่อตั้งชนชั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์แก่ลูกหลานในภายภาคหน้าของพวกเจ้าหรือ?ปรัชญาแห่งจิตใจ คือการทำลายความอยุติธรรมในโลก!ทุกคนดุจดั่งมังกร ทุกคนบรรลุเป็นนักปราชญ์!บนลานหยกขาว เงียบสงัดไร้เสียงแม้แต่นกกามีเพียงความตื่นตะลึง!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ยังตกตะลึงจนร่างมังกรสั่นสะท้านทุกคนดุจดั่งมังกร ทุกคนบรรลุความเป็นนักปราชญ์!นี่ช่างเป็นปณิธานอันยิ่งใหญ่เพียงใด!หากสามารถทำให้เป็นจริงได้ โลกมนุษย์จะรุ่งเรืองเพียงใดกัน!ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ไม่มีค่าอะไรเลย!ทุกที่ที่กองทัพพยัคฆ์ต้าเซี่ยย่างกรายไป หากพวกหมานอี๋กล้าขัดขืน ย่อมถูกบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผง!ในห้วงความคิดของฮ่องเต้หวู่ ภาพตนเองในเกราะทองอันทรงอำนาจดุดัน ปรากฏขึ้นแจ่มชัด นำทัพทหารต้าเซี่ยนับหมื่นที่สวมเกราะถืออาวุธคมกล้า ออกรบแผ่ขยายอำนาจไปทั่วทุกสารทิศเพียงแค่จินตนาการถึงภาพนั้น ดวงตาของฮ่องเต้หวู่ก็เปล่งประกาย เลือดลมเดือดพล่

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1073

    รากฐานของขงจื๊อ ก็คือสี่ตำราห้าคัมภีร์และคำสอนของนักปราชญ์สี่ตำราห้าคัมภีร์ มีเนื้อหามากมายเพียงใด?แม้แต่ทงเซิงผู้เฉลียวฉลาด ยังสามารถท่องจำได้อย่างคล่องแคล่วยิ่งไม่ต้องพูดถึงบัณฑิตอัจฉริยะมากมายแห่งต้าเซี่ยในตลอดพันปีที่ผ่านมา ต่างก็อุทิศตนศึกษาและขบคิดอย่างลึกซึ้งในสี่ตำราห้าคัมภีร์พูดได้ว่าแนวทางแห่งขงจื๊อ เปรียบเสมือนเส้นทางโคลนที่ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยผู้คนมากมายการจะสร้างความแปลกใหม่ บุกเบิกแนวคิดใหม่ หรือเขียนตำราใหม่ บนเส้นทางที่ถูกเหยียบย่ำจนเลอะเทอะนี้ หาใช่เรื่องง่ายดายไม่?หากมีผู้ใดสามารถทำได้จริงเช่นนั้น สมญานักปราชญ์ ก็คู่ควรกับเขาอย่างแท้จริง!เพียงแต่เสิ่นชิงโจวรู้ดีว่า ตนไม่มีความสามารถนั้นหลี่หลงหลิน แม้จะเคยศึกษาตำราของนักปราชญ์มาหลายปี แต่ก็ยิ่งไม่มีความสามารถทำเช่นนั้นได้“เขียนตำราบุกเบิกแนวคิดใหม่...”“ข้ากลับมีอยู่จริงๆ!”ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน หลี่หลงหลินไม่รีบร้อนหรือลนลานแม้แต่น้อย เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ พลางกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะประกาศแนวคิดใหม่ ตั้งชื่อว่า... ปรัชญาแห่งจิตใจ!”ฉากนี้ทำให้ผู้คนมากมายถึงกับตะลึงงั

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1072

    นักปราชญ์ใหม่แห่งสำนักปราชญ์?คำคำนี้ดังราวกับสายฟ้าฟาด ก้องกังวานในหูของทุกคนอะไรกัน?ข้าคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม!เมื่อครู่รัชทายาทเพิ่งบอกว่าตนเองเป็นนักปราชญ์ใหม่แห่งสำนักปราชญ์?นักปราชญ์ใหม่ก็คือนักปราชญ์คนใหม่!รัชทายาทหมายความว่า ตนเองสามารถเทียบได้กับนักปราชญ์อันดับสอง ซึ่งก็หมายความว่า เขาเป็นนักปราชญ์อันดับสามของสำนักปราชญ์ในรอบพันปีหรือ?นี่ นี่ นี่...นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!เหลือเชื่อยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันตกเสียอีก!“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เสิ่นชิงโจวชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นกุมท้องหัวเราะจนตัวงอเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและบัณฑิตทั้งหลาย ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง“รัชทายาท ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?”“นักปราชญ์คนใหม่แห่งสำนักปราชญ์? ท่านหมายความว่า ท่านคือปราชญ์ของสำนักปราชญ์อย่างนั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า! องค์ชายเสเพลผู้ไร้ความรู้ความสามารถเช่นท่าน กล้าประกาศตนเป็นนักปราชญ์ ช่างน่าขันเสียจริง!”“ถ้าท่านเป็นนักปราชญ์ เช่นนั้นคนทั้งโลกก็คงเป็นปราชญ์กันหมดแล้ว!”ซูเฟิ่งหลิงถึงกับอึ้ง ใบหน้างดงามแฝงความตกตะลึง ดวงตาหงส์จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ริมฝ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status