“เสด็จพ่อเอ๋ย เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกอย่างที่สุด “เพื่อเงินเพียงเท่านี้ ถึงกับชักศึกเข้าบ้าน! คิดน้อยเกินไปแล้ว จะต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเพราะเรื่องเล็ก...”ทว่าหลี่หลงหลินเองก็เข้าใจความคิดของฮ่องเต้หวู่ราชสำนักขาดแคลนเงินหนึ่งล้านตำลึงเงิน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆยิ่งไปกว่านั้นหลี่เทียนฉี่ยังมอบให้ หากไม่เอาก็เสียดาย!ส่วนความอันตรายที่ซ่อนอยู่ ฮ่องเต้หวู่กลับไม่ใส่ใจหลี่เทียนฉี่เข้าเมืองมาเพียงลำพัง มิได้นำทหารมาด้วยเขาจะยังสร้างปัญหาอันใดได้?หลี่เทียนฉี่ค่อยๆ ลุกขึ้น สายตาตกลงบนตัวหลี่หลงหลิน ยิ้มเย็น “เจ้าเก้า เจ้าอายุน้อยที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด! ข้าเกือบลืม หน้าตาเจ้าไปแล้ว!”“คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ชิงบัลลังก์นี้ เจ้าจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย ได้รับแต่งตังเป็นรัชทายาท!”“ช่างน่ายินดีน่าเฉลิมฉลองจริงๆ!”หลี่หลงหลินเอ่ยปากอย่างถ่อมตน “พี่ใหญ่ ข้าเพียงวาสนาดี...”หลี่เทียนฉี่ยิ้มเย็น จู่ๆ ก็กล่าวกดดัน “เป็นรัชทายาท ไม่ใช่เพียงวาสนาดีก็ใช้ได้! ในเมื่อเจ้าเป็นองค์ชายของต้าเซี่ย ก็สมควรทำตัวเป็นแบบอย่าง ช่วยแบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อ!”“ข้าเพิ่งนำเงินหนึ่งล้านต
ในท้องพระโรงขุนนางทั้งหลายล้วนหันมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้างุนงงนี่มันเรื่องอะไรกัน?หลี่เทียนฉี่เพิ่งเข้าเมืองหลวง ก็เปิดศึกโจมตีหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินรัชทายาทคนใหม่ ยามอยู่ต่อหน้ารัชทายาทที่ถูกปลด กลับถึงขนาดแสดงท่าทีขี้ขลาด?นี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเขา!หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงจนเหม่อไปเขารู้สึกคล้ายปล่อยหมัด ลงบนนุ่น จะว่าเจ็บก็ไม่เชิงฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้าชื่นชมดีใจ “เจ้าเก้า เจ้าคิดได้เช่นนี้ เราปลื้มใจยิ่งนัก! อย่างไรเสียเจ้าก็อายุยังน้อย ควรรับฟังคำสั่งสอนจากพี่ใหญ่เจ้าให้มาก”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นในใจรับฟังคำสั่งสอนอะไร?วางแผนชั่วเยี่ยงไร ก่อกบฏเยี่ยงไรงั้นหรือ?หรือว่าจะเป็นรัชทายาทถูกปลดเยี่ยงไรงั้นหรือ?ทว่า หลี่หลงหลินกลับเผยสีหน้าเคารพนบนอบ ค้อมตัวให้หลี่เทียนฉี่ “ภายภาคหน้าข้าจะต้องเห็นพี่ใหญ่เป็นแบบอย่าง เรียนรู้จากพี่ใหญ่แน่!”หลี่เทียนฉี่ถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ใบหน้าแดงเรื่อ “รัชทายาท เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้...”ฮ่องเต้หวู่เห็นสองพี่น้องเข้ากันได้ดี ก็ซาบซึ้งใจมาก เกือบหลั่งน้ำตา “ช่างเป็นภาพพี่น้องรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งภาพหนึ่ง! เจ้าเก้า เราเลือกเจ้าเป็น
หลี่หลงหลินพูดเนิบๆ “ข้านำเงินออกมาง่าย ๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร! มิสู้ พวกเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่!”หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะเดิมพันกันเช่นไร?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ง่ายมาก! หากข้านำเงินออกมามากกว่าพี่ใหญ่สิบตำลึง ขุนนางบุ๋นบู๊ทุกคน ก็ต้องเอาเงินออกมาหนึ่งตำลึง!”ทุกคนล้วนตกตะลึงนี่คือวิธีเดิมพันอะไรกัน?เทียบกันว่าใครมีเงินมากกว่าหรือ?มิใช่ว่า หลี่หลงหลินนำเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา เหล่าขุนนางทุกคนล้วนต้องออกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงหรอกหรือ?นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยโดยเฉพาะขุนนางมือสะอาดที่พร่ำบอกว่าตนเองซื่อตรงเหล่านั้น แม้ว่าเป็นขุนนางคดโกงร่ำรวยอย่างมาก แต่ยามเข้าประชุมราชสำนักกลับแต่งกายทั้งปะทั้งเย็บมา ทุกวันล้วนพร่ำบ่นว่ายากจนต่อหน้าฮ่องเต้หวู่หากให้พวกเขานำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมา นั่นทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าพวกเขา!หลี่หลงหลินเห็นเหล่าขุนนางเงียบงันไม่พูดจา ยิ้มเย็นพูดว่า “ฮึๆ ไม่กล้าหรือ? เช่นนั้นพวกเจ้าก็หุบปาก!”เจ้ากรมคลังหน้าแดงไปถึงหู แก้ต่างขึ้นว่า “ราชสำนักเป็นสถานที่ทรงเกียรติมากเพียงใด องค์ชายท่านมาเดิมพันที่นี่ ช่างเล่นอะไรไร้สาระจริงๆ!”หล
เหล่าขุนนางต่างถกเถียงกันโดยเฉพาะเหล่าขุนนางบุ๋น แต่ละคนล้วนมีสีหน้ากระตือรือร้น โทสะสุมทรวงฮ่องเต้หวู่เอียงหน้า สบมองเว่ยซวินขันทีใหญ่หนึ่งปราดเพียะ!เว่ยซวินฟาดแส้ในมือทีหนึ่ง สะบัดลงบนพื้นเงาวาววับ ตวาดเสียงเฉียบ “เงียบ!”กลุ่มขุนนางเงียบลงในทันใดสายตาฮ่องเต้หวู่กวาดมองกลุ่มขุนนาง เปล่งเสียงเยียบเย็นน่าครั่นคร้าม “เจ้าเก้า หากเจ้านำเงินออกมาไม่ได้ เราจะลงโทษเจ้าข้อหาหลอกลวงเบื้องสูง!”แท้จริงแล้วฮ่องเต้หวู่ก็รู้สึกอึดอัดภายในใจเจ้าเก้าเด็กคนนี้ เหตุใดจึงอาจหาญถึงเพียงนี้ ขวัญกล้าเดิมพัน กับองค์ชายใหญ่และเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักหลายวันก่อน เขายังร้องไห้เพราะความจนกับเราอยู่เลยมิใช่หรือ?เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันในระยะเวลาสั้นๆ หรือว่าภายในมือเขาจะมีเงินแล้ว?ได้ยินถ้อยคำนี้ของฮ่องเต้หวู่ เหล่าขุนนางบุ๋นต่างดีใจหลอกลวงเบื้องสูง แม้ว่าสำหรับหลี่หลงหลินรัชทายาทคนนี้ ไม่สะทกสะท้านแต่ระยะนี้หลี่หลงหลิน โอหังเกินไปแล้วจริงๆ!องค์ชายใหญ่กลับเมืองหลวง ก็ลิดรอนอำนาจของหลี่หลงหลินนี่คือสัญญาณดี!องค์ชายคนอื่น อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่หลงหลินองค์ชายใหญ่กลับไม่เหมือนก
ปรมาจารย์ยอดเยี่ยมเยี่ยงไร ก็ไม่สามารถเทียบกับอาจารย์ของฮ่องเต้เสิ่นชิงโจวได้!หลี่เทียนฉี่สำรวจรายงานของเจ้าเก้าอย่างละเอียด ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างต่อเนื่องเจ้าเก้าคนนี้ ต่อให้เป็นตัวไร้ประโยชน์ก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ผู้มีพรสวรรค์!ที่แท้ เขาแสร้งทำตัวต่ำต้อยเพื่อเก็บซ่อนความสามารถ เหมือนหมาป่าที่แสร้งเป็นหมูเพื่อจับเสือ เจ้าเก้าคิดค้นสิ่งของออกมาไม่น้อยยกตัวอย่างเช่นน้ำตาล สุราเหินเวหา ยังมีหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยที่ได้รับความนิยมในระยะอันใกล้นี้สินค้าเหล่านี้ล้วนมีโอกาสเติบโต หากให้เวลาอีกสักหน่อย จะต้องไม่มีปัญหาแน่!แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้เจ้าเก้าก็ใช้กลโกง จัดตั้งโรงเรียนทหารซีซาน หาเงินได้มหาศาล มั่งคั่งร่ำรวยทว่าหลังไฟมังกรเผายุ้งฉาง เมืองหลวงขาดแคลนธัญพืช เพื่อบรรเทาทุกข์ เจ้าเก้าใช้เงินไปจนหมดแล้วสถานการณ์การเงินของภูเขาทิศประจิม ไม่สู้ดีนักในรายงานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ยังไม่ต้องพูดถึงหนึ่งล้านตำลึงบัดนี้หลี่หลงหลิน แม้แต่สามแสนตำลึงก็นำออกมาไม่ได้!การเดิมพันครั้งนี้ หลี่หลงหลินต้องพ่ายแพ้แล้ว!เมื่อครู่ เขาต้องแสร้งทำเป็นโอ้อวดแน่!จากนั้
ท้องพระโรง เสียงเงียบกริบขุนนางทั้งหลาย ตกตะลึงลืมตาอ้าปากค้างพวกเขาล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาของตน!สองล้านตำลึง!ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่ตั๋วเงิน แต่เป็นเงินทองของจริงตั๋วเงิน อาจปลอมขึ้นมาได้เงินทองของจริง ไม่สามารถปลอมแปลงได้!ขณะเดียวกัน เหล่าขุนนางต่างโล่งอก มีหลี่เทียนฉี่รับผิดชอบแทนหาไม่แล้วพวกเขาทุกคน ล้วนต้องสูญเสียมหาศาล นำเงินออกมาชดใช้สำหรับขุนนางส่วนมาก นี่มิใช่จำนวนน้อยแต่มากเพียงพอให้พวกเขาล้มละลายเงินมากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนรวมอยู่บนตัวหลี่เทียนฉี่ จึงกลายเป็นจำนวนมหาศาลชวนให้คนตกใจ!ทั้งหมดสิบล้านตำลึง“รัชทายาทร้ายกาจเกินไปแล้ว!”“องค์ชายใหญ่เพิ่งกลับถึงเมืองหลวง ก็ถูกรัชทายาทขูดรีดเอาเงินก้อนโต!”“สิบล้านตำลึง หากข้าเป็นองค์ชายใหญ่ หัวใจจะต้องหลั่งเลือดแน่!”“ไม่เพียงแค่หัวใจหลั่งเลือด สมองเองก็มีเลือดออก!”เหล่าขุนนางต่างพากันไว้อาลัยหลี่เทียนฉี่หลี่เทียนฉี่วิญญาณหลุดลอยไปแล้ว เสียงสั่นเครือ “ข้า...เมื่อครู่พูดว่าจะช่วยรับผิดชอบแทนพวกเจ้า แต่มิได้พูดว่ารับผิดชอบแทนพวกเจ้าทั้งหมด! อย่างมากที่สุด ข้าก็ช่วยพวกเจ้าออกได้แค่ครึ่งหนึ่ง!”? ? ?เห
ฮ่องเต้หวู่ชะงักไป พูดอย่างไม่เข้าใจ “ความดีความชอบของเรา? อย่างไรกัน?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ ท่านจะต้องแปลกใจแน่ เงินสองล้านตำลึงนี้ ได้มาจากที่ใด เหตุใดลูกสามารถร่ำรวยได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “อันที่จริงเราเองก็อยากรู้คำตอบ”หลี่หลงหลินหัวเราะคิกๆ “เงินเหล่านี้ แท้จริงแล้วล้วนเป็นเงินสินบนของโจวซิงพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงเหม่อไปเงินสินบนของโจวซิง?นั่นก็มีเหตุผล!นี่ไม่ใช่เงินของหลี่หลงหลิน แต่เป็นเงินของราชสำนัก เป็นเงินของเรา!นั่นก็หมายความว่า หลี่หลงหลินมิได้ออกเงินแม้ตำลึงเดียว ยังไม่ต้องพูดว่าหลอกหลี่เทียนฉี่ สร้างชื่อเสียงให้ตน!จับหมาป่าด้วยมือเปล่า!หากหลี่เทียนฉี่รู้เรื่องนี้ จะต้องโมโหจนกระอักโลหิตแน่!“เจ้าเก้า...”ฮ่องเต้หวู่ตบบ่าหลี่หลงหลิน พูดอย่างจริงใจ “เจ้าช่างทำให้เรา ตกตะลึงดีใจครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ! แต่ความกล้าของเจ้า มากเกินไปแล้ว! หวังว่าความตกตะลึงดีใจนี้ จะไม่กลายเป็นตกตะลึงขวัญผวาในสักวันหนึ่ง!”หลี่หลงหลินค้อมตัว “ลูกซื่อสัตย์ภักดีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินตะวันจันทราล้วนสามารถเป็นพยานได้!”ใบหน้าฮ
หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงหน้าถอดสี หันมองเสิ่นชิงโจว “ท่านอาจารย์ นั่นจะทำเช่นไร? แผนเข้าเมืองหลวงของข้า ยังไม่เริ่ม ก็ล้มเหลวแล้ว!”เสิ่นชิงโจวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตั้งแต่เริ่มจนจบเป็นเจ้าดูเบาหลี่หลงหลินมากจนเกินไป!”สีหน้าหลี่เทียนฉี่แดงเรื่อแม้ว่าสืบข่าวมาไม่น้อย รู้ว่าหลี่หลงหลินพลิกฟื้นขึ้นมาในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญทว่า ความประทับใจแรกของคน มักลึกซึ้งยากจะเปลี่ยนแปลงภายในส่วนลึกของหัวใจหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินคือไอ้คนชอบร้องไห้น้ำมูกไหล ตัวไร้ประโยชน์ตั้งแต่หัวจรดหาง ไล่ตามอยู่ข้างหลังที่สุดคนนั้น “ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่เข้าใจ”หลี่เทียนฉี่ถามสิ่งที่กำลังสงสัยภายในใจ “เจ้าเก้าเด็กคนนี้ ตกลงไปเอาเงินสองล้านตำลึงมากจากที่ใด! หรือว่า เขาสามารถแตะหินเป็นทองได้กระนั้น?”เสิ่นชิงโจวสบมองหลี่เทียนฉี่สายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเอ่ยปาก “เมื่อคืน โจวซิงตายแล้ว! ถูกหลี่หลงหลินนำทหาร ฆ่าตายที่ศาลาสิบลี้ของเมืองทางทิศเหนือ!”หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินข่าวลือมาบางส่วน! หรือว่า ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกัน?”อย่างไรเสียเขาก็เป็นศิษย์รักของเสิ่นชิงโ
หลี่หลงหลินพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเชื่อข้า เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว! จางอี้ล่ะ?”เว่ยซวินรีบตอบ “รองผู้บัญชาการจางประจำการอยู่ที่หน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “พอดีเลย เจ้าไปบอกจางอี้ ให้เขาส่งองครักษ์เสื้อแพรหนึ่งพันนายมาที่นี่!”ฮ่องเต้หวู่ได้ลิ้มรสความสุขของการกุมอำนาจ จึงมอบหมายให้เว่ยซวินขยายกองทัพองครักษ์เสื้อแพรอย่างต่อเนื่องตอนนี้องครักษ์เสื้อแพรเหมือนลูกโป่ง จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแค่ภายใต้บังคับบัญชาของจางอี้ ก็มีนายกองพันห้าคน คุมทหารห้าพันนายการเรียกองครักษ์เสื้อแพรหนึ่งพันนายมา ง่ายเหมือนดื่มน้ำเย็นเว่ยซวินคิดว่าหลี่หลงหลินต้องการรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพยักหน้าทันที “องค์รัชทายาท กระหม่อมจะสั่งคนไปแจ้งจางอี้ ให้เขาเคลื่อนย้ายกองทัพมาทันทีพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว”เวลานี้ ซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะสีเงิน คาดผ้าคลุมสีแดงเข้ม ท่าทางองอาจสง่างาม เดินเข้ามาตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นองค์รัชทายาท ประกอบกับองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่กลับมาเมืองหลวง เกรงว่าคงไม่มีเจตนาดีดังนั้น ซูเฟิ่งหลิงจึงทำ
ถึงกับทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้หากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็แปลกแล้ว!“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลิน “ข้าคิดจะมอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ! เจ้าจะรับหรือไม่?”หลี่หลงหลินตะลึงงันทันที ไม่คิดว่าฮ่องเต้หวู่จะตรัสเช่นนี้เรื่องใดก็ตาม หากเกี่ยวข้องกับบัณฑิต ก็จะยุ่งยากมากในยุคสมัยของต้าเซี่ย บัณฑิตกุมอำนาจในการพูดแม้แต่ฮ่องเต้ หากถูกกล่าวหาว่าเป็นทรราช ประชาชนก็จะรุมประณามยิ่งกว่านั้น องค์รัชทายาทอย่างหลี่หลงหลิน ชื่อเสียงก็เน่าเฟะไปนานแล้วเขาอาศัยเพียงบทกวีไม่กี่บท ก็สามารถทำให้หนิงชิงโหว บัณฑิตผู้หยิ่งยโสต้องยอมศิโรราบได้ ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้างส่วนบัณฑิตในสำนักศึกษา พวกเขาไม่เห็นบทกวีอยู่ในสายตา!หากไม่สามารถใช้บทกวีเอาชนะได้ แล้วจะทำอย่างไร?หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย “เสด็จพ่อ ลูกยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เห็นหลี่หลงหลินตอบรับอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกประหลาดใจพูดตามตรงแม้แต่ฮ่องเต้หวู่เอง ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับบัณฑิตเหล่านี้อย่างไรหลี่หลงหลินมีวิธีรับมือเร็วขนาดนี้เลยหรือ?ฮ่องเต้หวู่ตั้งตารอ “เจ้
“สหายเว่ย!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกเบื่อหน่าย ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า “เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง ให้องครักษ์เสื้อแพรขับไล่เหล่าบัณฑิตออกไป เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลาย หากเกิดเรื่องขึ้นอาจยากที่จะจัดการ”ใกล้ถึงสิ้นปีแล้ว ฮ่องเต้หวู่ทรงตั้งพระทัยที่จะระงับข้อพิพาทและรักษาความสงบเว่ยซวินเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท การขับไล่เหล่าบัณฑิตนั้นง่าย แต่หากพวกเขาชุมนุมกันอีกในไม่กี่วัน ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เงื่อนงำ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”เว่ยซวินกะพริบตา สีหน้าแปลกประหลาด “เหล่าบัณฑิตก่อความวุ่นวายเช่นนี้ เบื้องหลังจะมีคนคอยยุยงส่งเสริมหรือไม่?”ฮ่องเต้หวู่ตะลึง เข้าใจความหมายของเว่ยซวินในทันที เอ่ยเสียงหลง “เจ้าหมายถึงองค์ชายใหญ่?”เว่ยซวินรีบคุกเข่า “กระหม่อม...กระหม่อมเพียงแค่คาดเดา ไม่ได้มีเจตนาจะยุยงให้แตกแยกพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่โบกมือ “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า และสิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล เมืองหลวงสงบสุขดี องค์ชายใหญ่เพิ่งกลับมา เหล่าบัณฑิตก็เริ่มก่อความวุ่นวาย
ฮ่องเต้หวู่สงสัยกล่าวว่า “ปกติมีมากสุดก็ไม่เกินหลักสิบไม่ใช่หรือ?”เว่ยซวินอึกอัก “ครั้งนี้ ซ่งชิงหลวนมาด้วยตนเอง! เขามีลูกศิษย์มากมายพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึง กล่าวด้วยความโกรธจัด “ซ่งชิงหลวน เจ้าสำนักศึกษาหรือ? เขารับราชการในสำนักฮั่นหลิน ไม่กลัวข้าจะปลดเขาออกจากตำแหน่งหรืออย่างไร?”บัณฑิตทรงคุณวุฒิเช่นซ่งชิงหลวน มักจะดำรงตำแหน่งในสำนักฮั่นหลิน กินเบี้ยหวัดของราชสำนัก มักจะไปบรรยายที่สำนักศึกษาแห่งแคว้นแม้เขาจะเป็นผู้ทรงเกียรติไม่ยึดติดกับอำนาจ แต่เขากลับมีชื่อเสียงสูงยิ่งในราชสำนักซ่งชิงหลวนไม่รักศักดิ์ศรี นำบัณฑิตมาก่อความวุ่นวายด้วยตนเองไม่แปลกที่ฮ่องเต้หวู่จะโกรธ“ข้ารู้ ซ่งชิงหลวนและเสิ่นชิงโจวเป็นบัณฑิตทรงคุณวุฒิเป็นเพื่อนสนิทกัน”“แต่ข้าไม่อาจปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเหนือความถูกต้อง และปล่อยเสิ่นชิงโจวไปได้!”ท่าทีของฮ่องเต้หวู่แน่วแน่เรื่องอื่นคุยกันได้แต่จะให้ข้าปล่อยเสิ่นชิงโจวไป ฝันไปเถอะ!เว่ยซวินรีบพูด “ฝ่าบาท ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ครั้งนี้ ซ่งชิงหลวนนำบัณฑิตมาก่อความวุ่นวาย ไม่ใช่เพื่อเสิ่นชิงโจว แต่เพื่อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย!”ฮ่องเต้หวู่ต
สามวันต่อมาพระราชวังต้องห้าม ตำหนักฉางเล่อฮ่องเต้หวู่ตื่นจากความอบอุ่น พลันรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้นานแล้ว! ฮ่องเต้หวู่ร่ำลาฮองเฮาหลิน เดินไปยังห้องทรงพระอักษรอย่างองอาจ“สหายเว่ย!”“องค์ชายใหญ่ส่งเงินสิบล้านตำลึงมาหรือยัง?”ฮ่องเต้หวู่นั่งลงบนเก้าอี้ สิ่งแรกที่ถามคือเรื่องเงินเว่ยซวินรีบนำกล่องผ้าไหมมายื่นให้ “ทูลฝ่าบาท เช้าตรู่วันนี้ องค์ชายใหญ่ได้นำเงินมาส่งแล้ว โปรดทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ไม่รอช้า รีบเปิดกล่องผ้าไหมทันที เมื่อเห็นตั๋วเงินสีขาวเรียงรายอยู่ภายใน ถึงกับยิ้มจนหุบไม่ลง“หนึ่งล้าน...”“สองล้าน...”“…”“เก้าล้าน สิบล้าน!”“ครบสิบล้านตำลึง!”ฮ่องเต้หวู่เหมือนคนขี้เหนียว นับธนบัตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยืนยันว่าเป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ข้ามีเงินแล้ว! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”“องค์ชายใหญ่ ครั้งนี้มีความดีความชอบมาก!”ที่ผ่านมา ฮ่องเต้หวู่มีความอคติต่อองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่อย่างมากสันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยากเขารู้สึกมาตลอดว่าหลี่เทียนฉี่จะก่อกบฏครั้งนี้ หลี่เทียนฉี่กลับนำเงินสิบล้านตำลึงมาถวายนี
แต่มันเหมือนกันที่ไหน?ประกาศก็เหมือนกับราชโองการที่ติดไว้ที่ประตูเมือง ใช้เพื่อแจ้งข่าวสารสำคัญต่อสำนักศึกษาทั่วแผ่นดินเช่น บัณฑิตผู้หนึ่งเขียนบทความอะไร จะไปบรรยายที่ไหนพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ต่างจากราชโองการแล้วหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยคืออะไร?เป็นเพียงสิ่งบันเทิง ใช้ฆ่าเวลาสำหรับชาวบ้านแม้แต่บทความของฮ่องเต้และเรื่องราวของบ้านเมืองที่ตีพิมพ์ไว้ด้านหน้านั้น จริงๆ แล้วก็เพื่อให้ชาวบ้านได้มีหัวข้อสนทนามากขึ้นหลังอาหารเย็นเท่านั้น!หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ราชโองการ และประกาศ มีบทบาทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมือนความแตกต่างระหว่างแอปเปิลกับสาลี่ แม้ว่าจะเป็นผลไม้ทั้งคู่ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งเดียวกันอย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเสิ่นชิงโจวตั้งใจจะผสมปนเปสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันแม้จะดูฝืนๆ ไปบ้างแต่หมวกของการลอกเลียนแบบก็ถูกโยนจากหัวของเขาไปสวมบนหัวของหลี่หลงหลินโดยตรงในใจของหลี่เทียนฉี่รู้สึกดีขึ้นมากเสิ่นชิงโจวกล่าวต่อ “หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยของหลี่หลงหลินเลียนแบบประกาศของสำนักศึกษา! สามารถเห็นได้จากตัวอักษรเพียงตัวเดียว! แม้ว่าเขาจะมีโรงเรียนทหารซีซานอยู่ใต้บัง
หากต้องการยึดครองแผ่นดิน จำต้องยกทัพก่อกบฏทัพยังไม่เคลื่อน เสบียงต้องพร้อมก่อนหากมอบเงินทั้งหมดให้ราชสำนัก แล้วจะก่อกบฏได้อย่างไร?สมองของหลี่เทียนฉี่ติดอยู่ในวงจรความคิด“องค์รัชทายาท!”เสิ่นชิงโจวเอ่ยขึ้น “การหาเงินมีอะไรยากหรือ?”หลี่เทียนฉี่ตะลึง งุนงงถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านมีวิธีหาเงินหรือ?”ไม่เคยบริหารบ้านเมือง ไม่รู้ว่าข้าวของแพงเพียงใดแม้เสิ่นชิงโจวจะเป็นราชครู เป็นบัณฑิต ปัญญาเหนือล้ำกว่าผู้ใดในใต้หล้าแต่เขากลับไม่สนใจเรื่องทางโลก มุ่งมั่นเพียงศึกษาคัมภีร์ปราชญ์สำหรับวิถีแห่งการค้า เสิ่นชิงโจวไม่ถนัดเลยหลี่เทียนฉี่เคยเป็นถึงองค์รัชทายาทที่ถูกปลด เคยว่าราชการแผ่นดิน ช่วยฮ่องเต้หวู่บริหารบ้านเมืองเขาย่อมรู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการหาเงินเสิ่นชิงโจวยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ใช่พ่อค้าที่ต่ำต้อย จะมีช่องทางหาเงินได้อย่างไร แต่ข้ารู้จักคนผู้หนึ่งที่เป็นอัจฉริยะด้านการค้าโดยกำเนิด”หลี่เทียนฉี่ตกใจ ก่อนจะตื่นเต้นถามว่า “อาจารย์ ท่านรู้จักคนเช่นนี้ด้วยหรือ! เขาเป็นใคร?”ลูกน้องในมือของเขายังขาดคนเก่งที่ดูแลเรื่องการเงินและเสบียงหากเสิ่นชิงโจวสามารถแนะนำคนเก่งได้ใ
นับตั้งแต่หลี่เทียนฉี่ถูกปลดจากตำแหน่งเขาก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกเลยทุกเดือน หลี่เทียนฉี่จะเขียนจดหมายทูลถามสารทุกข์สุกดิบต่อฮ่องเต้หวู่แต่จดหมายเหล่านั้นกลับหายไปในทะเลไร้ข่าวคราว ไม่เคยได้รับคำตอบใดๆราวกับว่าฮ่องเต้หวู่กับตนเองมิใช่บิดาบุตรกันอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เย็นชาต่อกัน!ไม่สิ!แม้แต่คนแปลกหน้ายังอาจจะพูดคุยทักทายกันบ้างตนเองกับฮ่องเต้หวู่ แม้เป็นพ่อลูกกัน แต่กลับเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้!ในขณะที่องค์ชายเก้ากำลังโด่งดัง ได้รับความโปรดปรานอย่างล้นหลามหลี่เทียนฉี่มองเห็นเงาของตนเองในอดีต จากตัวของหลี่หลงหลินความริษยา ทำให้ใบหน้าของหลี่เทียนฉี่บิดเบี้ยวและดุร้าย“ฮู้...”หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เทียนฉี่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ท่านอาจารย์พูดถูก! ความโปรดปรานที่ข้าเคยได้รับ หากเทียบกับองค์ชายเก้าแล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!”ในที่สุดหลี่เทียนฉี่ก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตนจึงพ่ายแพ้ต่อหลี่หลงหลินอย่างหมดรูปดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้กับหลี่หลงหลิน แต่แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ศัตรูที่แท้จริงที่เขาต้องเผช
หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงหน้าถอดสี หันมองเสิ่นชิงโจว “ท่านอาจารย์ นั่นจะทำเช่นไร? แผนเข้าเมืองหลวงของข้า ยังไม่เริ่ม ก็ล้มเหลวแล้ว!”เสิ่นชิงโจวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตั้งแต่เริ่มจนจบเป็นเจ้าดูเบาหลี่หลงหลินมากจนเกินไป!”สีหน้าหลี่เทียนฉี่แดงเรื่อแม้ว่าสืบข่าวมาไม่น้อย รู้ว่าหลี่หลงหลินพลิกฟื้นขึ้นมาในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญทว่า ความประทับใจแรกของคน มักลึกซึ้งยากจะเปลี่ยนแปลงภายในส่วนลึกของหัวใจหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินคือไอ้คนชอบร้องไห้น้ำมูกไหล ตัวไร้ประโยชน์ตั้งแต่หัวจรดหาง ไล่ตามอยู่ข้างหลังที่สุดคนนั้น “ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่เข้าใจ”หลี่เทียนฉี่ถามสิ่งที่กำลังสงสัยภายในใจ “เจ้าเก้าเด็กคนนี้ ตกลงไปเอาเงินสองล้านตำลึงมากจากที่ใด! หรือว่า เขาสามารถแตะหินเป็นทองได้กระนั้น?”เสิ่นชิงโจวสบมองหลี่เทียนฉี่สายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเอ่ยปาก “เมื่อคืน โจวซิงตายแล้ว! ถูกหลี่หลงหลินนำทหาร ฆ่าตายที่ศาลาสิบลี้ของเมืองทางทิศเหนือ!”หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินข่าวลือมาบางส่วน! หรือว่า ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกัน?”อย่างไรเสียเขาก็เป็นศิษย์รักของเสิ่นชิงโ