หลี่เทียนฉี่ตกตะลึงหน้าถอดสี หันมองเสิ่นชิงโจว “ท่านอาจารย์ นั่นจะทำเช่นไร? แผนเข้าเมืองหลวงของข้า ยังไม่เริ่ม ก็ล้มเหลวแล้ว!”เสิ่นชิงโจวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตั้งแต่เริ่มจนจบเป็นเจ้าดูเบาหลี่หลงหลินมากจนเกินไป!”สีหน้าหลี่เทียนฉี่แดงเรื่อแม้ว่าสืบข่าวมาไม่น้อย รู้ว่าหลี่หลงหลินพลิกฟื้นขึ้นมาในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญทว่า ความประทับใจแรกของคน มักลึกซึ้งยากจะเปลี่ยนแปลงภายในส่วนลึกของหัวใจหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินคือไอ้คนชอบร้องไห้น้ำมูกไหล ตัวไร้ประโยชน์ตั้งแต่หัวจรดหาง ไล่ตามอยู่ข้างหลังที่สุดคนนั้น “ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่เข้าใจ”หลี่เทียนฉี่ถามสิ่งที่กำลังสงสัยภายในใจ “เจ้าเก้าเด็กคนนี้ ตกลงไปเอาเงินสองล้านตำลึงมากจากที่ใด! หรือว่า เขาสามารถแตะหินเป็นทองได้กระนั้น?”เสิ่นชิงโจวสบมองหลี่เทียนฉี่สายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเอ่ยปาก “เมื่อคืน โจวซิงตายแล้ว! ถูกหลี่หลงหลินนำทหาร ฆ่าตายที่ศาลาสิบลี้ของเมืองทางทิศเหนือ!”หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินข่าวลือมาบางส่วน! หรือว่า ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกัน?”อย่างไรเสียเขาก็เป็นศิษย์รักของเสิ่นชิงโ
นับตั้งแต่หลี่เทียนฉี่ถูกปลดจากตำแหน่งเขาก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกเลยทุกเดือน หลี่เทียนฉี่จะเขียนจดหมายทูลถามสารทุกข์สุกดิบต่อฮ่องเต้หวู่แต่จดหมายเหล่านั้นกลับหายไปในทะเลไร้ข่าวคราว ไม่เคยได้รับคำตอบใดๆราวกับว่าฮ่องเต้หวู่กับตนเองมิใช่บิดาบุตรกันอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เย็นชาต่อกัน!ไม่สิ!แม้แต่คนแปลกหน้ายังอาจจะพูดคุยทักทายกันบ้างตนเองกับฮ่องเต้หวู่ แม้เป็นพ่อลูกกัน แต่กลับเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้!ในขณะที่องค์ชายเก้ากำลังโด่งดัง ได้รับความโปรดปรานอย่างล้นหลามหลี่เทียนฉี่มองเห็นเงาของตนเองในอดีต จากตัวของหลี่หลงหลินความริษยา ทำให้ใบหน้าของหลี่เทียนฉี่บิดเบี้ยวและดุร้าย“ฮู้...”หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เทียนฉี่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ท่านอาจารย์พูดถูก! ความโปรดปรานที่ข้าเคยได้รับ หากเทียบกับองค์ชายเก้าแล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!”ในที่สุดหลี่เทียนฉี่ก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตนจึงพ่ายแพ้ต่อหลี่หลงหลินอย่างหมดรูปดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้กับหลี่หลงหลิน แต่แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ศัตรูที่แท้จริงที่เขาต้องเผช
หากต้องการยึดครองแผ่นดิน จำต้องยกทัพก่อกบฏทัพยังไม่เคลื่อน เสบียงต้องพร้อมก่อนหากมอบเงินทั้งหมดให้ราชสำนัก แล้วจะก่อกบฏได้อย่างไร?สมองของหลี่เทียนฉี่ติดอยู่ในวงจรความคิด“องค์รัชทายาท!”เสิ่นชิงโจวเอ่ยขึ้น “การหาเงินมีอะไรยากหรือ?”หลี่เทียนฉี่ตะลึง งุนงงถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านมีวิธีหาเงินหรือ?”ไม่เคยบริหารบ้านเมือง ไม่รู้ว่าข้าวของแพงเพียงใดแม้เสิ่นชิงโจวจะเป็นราชครู เป็นบัณฑิต ปัญญาเหนือล้ำกว่าผู้ใดในใต้หล้าแต่เขากลับไม่สนใจเรื่องทางโลก มุ่งมั่นเพียงศึกษาคัมภีร์ปราชญ์สำหรับวิถีแห่งการค้า เสิ่นชิงโจวไม่ถนัดเลยหลี่เทียนฉี่เคยเป็นถึงองค์รัชทายาทที่ถูกปลด เคยว่าราชการแผ่นดิน ช่วยฮ่องเต้หวู่บริหารบ้านเมืองเขาย่อมรู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการหาเงินเสิ่นชิงโจวยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ใช่พ่อค้าที่ต่ำต้อย จะมีช่องทางหาเงินได้อย่างไร แต่ข้ารู้จักคนผู้หนึ่งที่เป็นอัจฉริยะด้านการค้าโดยกำเนิด”หลี่เทียนฉี่ตกใจ ก่อนจะตื่นเต้นถามว่า “อาจารย์ ท่านรู้จักคนเช่นนี้ด้วยหรือ! เขาเป็นใคร?”ลูกน้องในมือของเขายังขาดคนเก่งที่ดูแลเรื่องการเงินและเสบียงหากเสิ่นชิงโจวสามารถแนะนำคนเก่งได้ใ
แต่มันเหมือนกันที่ไหน?ประกาศก็เหมือนกับราชโองการที่ติดไว้ที่ประตูเมือง ใช้เพื่อแจ้งข่าวสารสำคัญต่อสำนักศึกษาทั่วแผ่นดินเช่น บัณฑิตผู้หนึ่งเขียนบทความอะไร จะไปบรรยายที่ไหนพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ต่างจากราชโองการแล้วหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยคืออะไร?เป็นเพียงสิ่งบันเทิง ใช้ฆ่าเวลาสำหรับชาวบ้านแม้แต่บทความของฮ่องเต้และเรื่องราวของบ้านเมืองที่ตีพิมพ์ไว้ด้านหน้านั้น จริงๆ แล้วก็เพื่อให้ชาวบ้านได้มีหัวข้อสนทนามากขึ้นหลังอาหารเย็นเท่านั้น!หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ราชโองการ และประกาศ มีบทบาทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมือนความแตกต่างระหว่างแอปเปิลกับสาลี่ แม้ว่าจะเป็นผลไม้ทั้งคู่ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งเดียวกันอย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเสิ่นชิงโจวตั้งใจจะผสมปนเปสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันแม้จะดูฝืนๆ ไปบ้างแต่หมวกของการลอกเลียนแบบก็ถูกโยนจากหัวของเขาไปสวมบนหัวของหลี่หลงหลินโดยตรงในใจของหลี่เทียนฉี่รู้สึกดีขึ้นมากเสิ่นชิงโจวกล่าวต่อ “หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยของหลี่หลงหลินเลียนแบบประกาศของสำนักศึกษา! สามารถเห็นได้จากตัวอักษรเพียงตัวเดียว! แม้ว่าเขาจะมีโรงเรียนทหารซีซานอยู่ใต้บัง
สามวันต่อมาพระราชวังต้องห้าม ตำหนักฉางเล่อฮ่องเต้หวู่ตื่นจากความอบอุ่น พลันรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้นานแล้ว! ฮ่องเต้หวู่ร่ำลาฮองเฮาหลิน เดินไปยังห้องทรงพระอักษรอย่างองอาจ“สหายเว่ย!”“องค์ชายใหญ่ส่งเงินสิบล้านตำลึงมาหรือยัง?”ฮ่องเต้หวู่นั่งลงบนเก้าอี้ สิ่งแรกที่ถามคือเรื่องเงินเว่ยซวินรีบนำกล่องผ้าไหมมายื่นให้ “ทูลฝ่าบาท เช้าตรู่วันนี้ องค์ชายใหญ่ได้นำเงินมาส่งแล้ว โปรดทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ไม่รอช้า รีบเปิดกล่องผ้าไหมทันที เมื่อเห็นตั๋วเงินสีขาวเรียงรายอยู่ภายใน ถึงกับยิ้มจนหุบไม่ลง“หนึ่งล้าน...”“สองล้าน...”“…”“เก้าล้าน สิบล้าน!”“ครบสิบล้านตำลึง!”ฮ่องเต้หวู่เหมือนคนขี้เหนียว นับธนบัตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยืนยันว่าเป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ข้ามีเงินแล้ว! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”“องค์ชายใหญ่ ครั้งนี้มีความดีความชอบมาก!”ที่ผ่านมา ฮ่องเต้หวู่มีความอคติต่อองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่อย่างมากสันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยากเขารู้สึกมาตลอดว่าหลี่เทียนฉี่จะก่อกบฏครั้งนี้ หลี่เทียนฉี่กลับนำเงินสิบล้านตำลึงมาถวายนี
ฮ่องเต้หวู่สงสัยกล่าวว่า “ปกติมีมากสุดก็ไม่เกินหลักสิบไม่ใช่หรือ?”เว่ยซวินอึกอัก “ครั้งนี้ ซ่งชิงหลวนมาด้วยตนเอง! เขามีลูกศิษย์มากมายพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึง กล่าวด้วยความโกรธจัด “ซ่งชิงหลวน เจ้าสำนักศึกษาหรือ? เขารับราชการในสำนักฮั่นหลิน ไม่กลัวข้าจะปลดเขาออกจากตำแหน่งหรืออย่างไร?”บัณฑิตทรงคุณวุฒิเช่นซ่งชิงหลวน มักจะดำรงตำแหน่งในสำนักฮั่นหลิน กินเบี้ยหวัดของราชสำนัก มักจะไปบรรยายที่สำนักศึกษาแห่งแคว้นแม้เขาจะเป็นผู้ทรงเกียรติไม่ยึดติดกับอำนาจ แต่เขากลับมีชื่อเสียงสูงยิ่งในราชสำนักซ่งชิงหลวนไม่รักศักดิ์ศรี นำบัณฑิตมาก่อความวุ่นวายด้วยตนเองไม่แปลกที่ฮ่องเต้หวู่จะโกรธ“ข้ารู้ ซ่งชิงหลวนและเสิ่นชิงโจวเป็นบัณฑิตทรงคุณวุฒิเป็นเพื่อนสนิทกัน”“แต่ข้าไม่อาจปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเหนือความถูกต้อง และปล่อยเสิ่นชิงโจวไปได้!”ท่าทีของฮ่องเต้หวู่แน่วแน่เรื่องอื่นคุยกันได้แต่จะให้ข้าปล่อยเสิ่นชิงโจวไป ฝันไปเถอะ!เว่ยซวินรีบพูด “ฝ่าบาท ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ครั้งนี้ ซ่งชิงหลวนนำบัณฑิตมาก่อความวุ่นวาย ไม่ใช่เพื่อเสิ่นชิงโจว แต่เพื่อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย!”ฮ่องเต้หวู่ต
“สหายเว่ย!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกเบื่อหน่าย ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า “เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง ให้องครักษ์เสื้อแพรขับไล่เหล่าบัณฑิตออกไป เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลาย หากเกิดเรื่องขึ้นอาจยากที่จะจัดการ”ใกล้ถึงสิ้นปีแล้ว ฮ่องเต้หวู่ทรงตั้งพระทัยที่จะระงับข้อพิพาทและรักษาความสงบเว่ยซวินเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท การขับไล่เหล่าบัณฑิตนั้นง่าย แต่หากพวกเขาชุมนุมกันอีกในไม่กี่วัน ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เงื่อนงำ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”เว่ยซวินกะพริบตา สีหน้าแปลกประหลาด “เหล่าบัณฑิตก่อความวุ่นวายเช่นนี้ เบื้องหลังจะมีคนคอยยุยงส่งเสริมหรือไม่?”ฮ่องเต้หวู่ตะลึง เข้าใจความหมายของเว่ยซวินในทันที เอ่ยเสียงหลง “เจ้าหมายถึงองค์ชายใหญ่?”เว่ยซวินรีบคุกเข่า “กระหม่อม...กระหม่อมเพียงแค่คาดเดา ไม่ได้มีเจตนาจะยุยงให้แตกแยกพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่โบกมือ “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า และสิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล เมืองหลวงสงบสุขดี องค์ชายใหญ่เพิ่งกลับมา เหล่าบัณฑิตก็เริ่มก่อความวุ่นวาย
ถึงกับทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้หากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็แปลกแล้ว!“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลิน “ข้าคิดจะมอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ! เจ้าจะรับหรือไม่?”หลี่หลงหลินตะลึงงันทันที ไม่คิดว่าฮ่องเต้หวู่จะตรัสเช่นนี้เรื่องใดก็ตาม หากเกี่ยวข้องกับบัณฑิต ก็จะยุ่งยากมากในยุคสมัยของต้าเซี่ย บัณฑิตกุมอำนาจในการพูดแม้แต่ฮ่องเต้ หากถูกกล่าวหาว่าเป็นทรราช ประชาชนก็จะรุมประณามยิ่งกว่านั้น องค์รัชทายาทอย่างหลี่หลงหลิน ชื่อเสียงก็เน่าเฟะไปนานแล้วเขาอาศัยเพียงบทกวีไม่กี่บท ก็สามารถทำให้หนิงชิงโหว บัณฑิตผู้หยิ่งยโสต้องยอมศิโรราบได้ ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้างส่วนบัณฑิตในสำนักศึกษา พวกเขาไม่เห็นบทกวีอยู่ในสายตา!หากไม่สามารถใช้บทกวีเอาชนะได้ แล้วจะทำอย่างไร?หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย “เสด็จพ่อ ลูกยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เห็นหลี่หลงหลินตอบรับอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกประหลาดใจพูดตามตรงแม้แต่ฮ่องเต้หวู่เอง ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับบัณฑิตเหล่านี้อย่างไรหลี่หลงหลินมีวิธีรับมือเร็วขนาดนี้เลยหรือ?ฮ่องเต้หวู่ตั้งตารอ “เจ้
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ