อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงองค์หญิงแห่งเผ่าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! ปัง! เซียวเซวียนเช่อได้สติกลับมา ก็ตบโต๊ะด้วยความโกรธแล้วลุกขึ้น พูดเสียงดังลั่นว่า “ฝ่าบาท พระองค์ก็เห็นแล้ว! ซูเฟิ่งหลิงกระทำเช่นนี้ ทำให้แคว้นของเราเสื่อมเสียเกียรติ ขอฝ่าบาทลงโทษอย่างหนัก!” “เอ่อ...” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วไม่พูดอะไร แม้การกระทำของซูเฟิ่งหลิงจะดูหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ในใจลึก ๆ ฮ่องเต้หวู่กลับรู้สึกสะใจไม่น้อย! เซียวเม่ยเอ๋อร์ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ อาศัยว่าตัวเองยังสาวและมีหน้าตาสะสวย ก็กล้าที่จะมาดูหมิ่นพระสนมในวังหลวงอย่างเปิดเผย? ในใจของเหล่าสนมต่างก็เจ็บแค้น ฮ่องเต้หวู่เองก็ไม่ต่างกัน! แต่ถึงกระนั้น ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้หวู่ย่อมไม่อาจตัดสินด้วยอารมณ์ได้ จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ซูเฟิ่งหลิง เหตุใดเจ้าถึงตบหน้าองค์หญิงแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ซ้ำยังด่าว่านางเป็นแพศยา? หากเจ้าอธิบายไม่ได้ ก็อย่าโทษที่เราจะลงโทษเจ้าเลย!” ซูเฟิ่งหลิงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ประสานมือคำนับฮ่องเต้หวู่ “กราบทูลฝ่าบาท ตระกูลซูของหม่อมฉันเต็มไปด้วยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ล้วนพลีชีพเพื่อปกป้องชา
ซูเฟิ่งหลิงถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ไทฮองไทเฮาผู้จิตใจดีมีเมตตา ทำไมถึงดูโหดกว่านางเสียอีก! ถึงกับจะให้ตบนางเซียวเม่ยเอ๋อร์อีกสามสิบทีหรือ? ใบหน้างดงามเย้ายวนของนาง คงต้องยับเยินไม่มีชิ้นดีแน่! ฮองเฮาหลู่ก็หัวเราะพลางพูดว่า “เสด็จแม่กล่าวถูกต้อง! แต่สามสิบที ดูจะน้อยไปหน่อย! ตบนางสักหกสิบทีดีกว่า จึงจะสามารถบอกกล่าววีรบุรุษตระกูลซูที่อยู่บนสวรรค์ได้!” เหล่าสนมถึงกับดวงตาเบิกกว้าง เป็นที่รู้กันว่าฮองเฮาหลู่กับไทฮองไทเฮานั้น เป็นแม่สามีลูกสะใภ้ที่ไม่ลงรอยกัน เรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งวังหลัง แต่ใครจะคิดว่า ทั้งคู่จะร่วมมือกันออกหน้าแทนซูเฟิ่งหลิงนี่เป็นภาพที่หาได้ยากยิ่ง! ทางฝั่งเซียวเม่ยเอ๋อร์เกือบจะโมโหจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว!“พวกเจ้า...” “ร่วมมือกันรังแกข้า!” "ข้าจะไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าดินเดียวกับพวกเจ้า!" “รอให้ข้ากลับไปยังชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก่อน ข้าจะฟ้องเสด็จพ่อ ให้เขานำกองทัพม้าเหล็กของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมากวาดล้างพวกเจ้าทั้งหมด...” เซียวเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยความโกรธ และเตรียมจะสะบัดแขนเสื้อจากไป แต่เซียวเซวียนเช่อกลับยื่นแขนออกมาขว
องค์ชายสี่หลี่จือพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าเก้า ในเมื่อเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ก็ลองประลองกับท่านราชครูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือดูสิ! ถ้าชนะได้ก็จะช่วยเชิดชูเกียรติให้ต้าเซี่ย!” หลี่หลงหลินปรายตามองหลี่จือแวบหนึ่ง “เหอะเหอะ!” เจ้าพูดว่าจะประลองบทกวี แล้วก็จะประลองเลยหรือ? ต่อหน้าฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทฮองไทเฮา ตัวเจ้าถือเป็นใครกัน! ไทฮองไทเฮาค่อนข้างแปลกใจ จึงหันไปถามซูเฟิ่งหลิงที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าเก้ายังแต่งบทกวีเป็นด้วยหรือ? เหตุใดข้าถึงจำได้ว่าเขาเกลียดการอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก ไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือขาดการศึกษา?” แม้บทกวีชายแดนสามบทของหลี่หลงหลินจะโด่งดังในเมืองหลวง แต่ไทฮองไทเฮาอยู่ในพระราชวังชั้นในมานาน ไม่เคยออกไปข้างนอกเลย และไม่ได้สนใจบทกวี จึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขา ซูเฟิ่งหลิงรีบพูด “เสด็จย่า! พระองค์คงยังไม่ทราบ หลี่หลงหลินนั้นมีพรสวรรค์อย่างล้นเหลือ บทกวีชายแดนสามบทของเขา ทำให้คนทั้งเมืองหลวงต้องตกตะลึง! โดยเฉพาะบทกวีหม่านเจียงหงที่ปลุกใจผู้คนได้อย่างมหัศจรรย์!” “นอกจากนี้ เขายังเคยสอนศิษย์ถึงสองคน คนหนึ่งได้ตำแหน่งจอหงวน อีกคนหนึ่งสอบติดบัณฑิตชั้นสูง!
บทกวีพันปี? เมื่อได้ยินคำนี้ ทั่วทั้งสวนหลวงพลันเงียบกริบ พระญาติในราชวงศ์ต่างงุนงง หลี่หลงหลินช่างกล้าพูดเหิมเกริมเสียจริง? บทกวียังไม่ได้แต่งด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าประกาศว่าจะเป็นบทกวีพันปี? คิดว่าบทกวีพันปีนั้นหาง่ายเหมือนsy;ผักกาดหรือ? แต่ถึงกระนั้น... การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ช่วยเสริมความน่าเกรงขามได้ไม่น้อย! เซียวเซวียนเช่อหัวเราะเยาะ “บทกวีพันปี? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าบทกวีใด ๆ ที่เจ้าแต่งก็จะกลายเป็นพันปีได้? น่าขันสิ้นดี!” เซียวเม่ยเอ๋อร์เย้ยหยัน “ไม่นึกเลยว่า องค์ชายเก้าจะเป็นคนพูดจาพล่อยๆ และหยิ่งยโสเสียจริง! ข้าคงตาบอดเสียแล้วที่เคยคิดเลือกเจ้ามาเป็นราชบุตรเขย!” แม้หลี่หลงหลินจะถูกเยาะเย้ย ก็ยังคงสงบนิ่ง เพราะความจริงจะพิสูจน์ทุกอย่าง! รอให้ข้าท่องบทกวีนี้เสร็จ หวังว่าพวกเจ้าจะยังหัวเราะออกนะ! แต่ถึงอย่างนั้น หลี่หลงหลินก็ยังไม่รีบแต่งบทกวี เขาเอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองพระจันทร์ที่สุกสกาวบนท้องฟ้า ราวกับกำลังครุ่นคิด การแต่งบทกวีนั้น! มักจะต้องมีการเก็บงำบางสิ่งบางอย่างไว้ เพื่อบ่มเพาะอารมณ์และสร้างบรรยากาศขึ้นมา! หากรีบเร่งจนเกินไป
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
เมืองหลวงจวนตระกูลซูพรึ่บ!ณ ลานกลางจวน ลำแสงสีเงินเคลื่อนผ่าน!นั่นไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลำแสงสะท้อนจากหอกยาว!เงาตามติดการเคลื่อนไหวของหอก หอกพุ่งตัวดุจดั่งมังกร!นางสวมเสื้อเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัด ไม่ได้สวมหมวกเกราะ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังมัดรวบเป็นหางม้า พริ้วไหวขึ้นลงวีรชนผู้กล้าหาญ สตรีไม่แพ้บุรุษ!สตรีผู้นั้นคือซูเฟิ่งหลิงหลานสาวแม่ทัพผู้เฒ่าซู!ตึ้ง!หอกยาวในมือซูเฟิ่งหลิงทิ่มแทงด้วยความรุนแรง เจาะทะลุหุ่นไม้ แตกเป็นเสี่ยงๆ!บนศีรษะของหุ่นไม้มีแผ่นกระดาษติดไว้ สามตัวอักษร...หลี่หลงหลิน!หญิงสาวข้างกายปรบมือ “คุณหนู วิชาหอกของคุณหนูพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น ทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาหงส์น้ำตารื้น พูดด้วยความโมโห “วิชาหอกเก่งกาจ มีประโยชน์อะไร? ข้าเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารไอ้คนสารเลวหลี่หลงหลินด้วยตนเอง ไม่อาจแก้แค้นให้ตระกูลซูที่จงรักภักดีได้!”พวกสตรีได้ยินเช่นนั้น ต่างก้มหน้าลง สีหน้าฉายความโกรธเคืองตระกูลซูจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน ภักดีต่อต้าเซี่ย!เพราะคนสารเลวหลี่หลงหลิน ทำให้ผู้ชายของตระกูลซูตายอย่างอนาถ เหลือเพียงห
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”คนทั้งตระกูลซูพากันทำความเคารพหญิงชราแม้ซูเฟิ่งหลิงจะหยุดการกระทำของตน ทว่ายังเจ็บใจยิ่งนัก “ท่านย่า! แทงครั้งเดียว ข้าก็สังหารเจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลินได้แล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูหัวเราะในลำคอ “โชคดีที่ข้ามาทันเวลา หากเจ้าทำให้เว่ยกงกงบาดเจ็บ เช่นนั้นเจ้าก็เท่ากับว่าเจ้าทำความผิดร้ายแรง! ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”ซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าซูเวลาโมโหเท่านั้น แม้จะเจ็บใจ แต่นางก็ถอยไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟังทว่าดวงตาหงส์คู่นั้น ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน แทบอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!เว่ยซวินดึงสติกลับมา ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วทำเคารพ “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าซู! ไม่พบเจอกันนาน ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นเช่นไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”เว่ยกงกงเป็นขันทีคนโปรดของฮ่องเต้หวู่ ถูกขนานนามว่าเก้าพันปีแต่กระทั่งเก้าพันปีท่านนี้ ยังต้องทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างว่าง่าย!เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้ไม่เพียงมีอำนาจในตระกูลซู แม้แต่ในราชสำนัก ก็น่าเกรงขามยิ่งนัก!ถึงอย่างไร ทหารรักษาแคว้นสิบแปดนายของตระกูลซู นางเป็นคนสอนมากับมือ!เมื่อครั้นฮ