ฮูหยินผู้เฒ่าซูอ่านจดหมายเลือดวนซ้ำหลายรอบ พูดด้วยความไม่เข้าใจ “หลี่หลงหลิน! เหตุใดท่านไม่เอาจดหมายเลือด ให้ฝ่าบาท เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง “ไม่มีใครรู้จักลูกชายดีเท่ากับบิดา! นิสัยของเสด็จพ่อ ข้ารู้จักเป็นอย่างดี! ด้วยความหวาดระแวงและดื้อรั้นของเสด็จพ่อ จะเชื่อข้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเงียบนางเองก็รู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่เป็นคนอย่างไรตระกูลซู จงรักภักดีต่อต้าเซี่ย ปกป้องดินแดนทางเหนือมาหลายชั่วอายุคน ไม่รู้ว่ามีวิญญาณจงรักภักดีมากมายเพียงใดที่ถูกฝังในต่างแดน แต่ฮ่องเต้หวู่กลับยังคงหวาดระแวงและคอยกดตระกูลซูสถานการณ์ในราชสำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็พอได้ยินมาบ้างขุนนางฝ่ายบุ๋นรักเงินทอง ขุนนางฝ่ายบู๊รักชีวิตบวกกับฮ่องเต้หวู่ไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกจากองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินที่เสเพลเกินไป ไม่มีขุนนางคนใดสนับสนุนขุนนางคนอื่นล้วนลอบสนับสนุนองค์ชายพระองค์ เสมือนองค์ชายทั้งเก้าในสมัยราชวงศ์ชิงช่วงชิงบัลลังก์!หลายฝ่ายในราชสำนักแก่งแย่งชิงดี โจมตีซึ่งกันและกัน จนโกลาหลเสียงร้องทุกข์ของไพร่ฟ้าท่วมท้องถนน ชีวิตลำบากข้นแค้น!เวลานี้
หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทหารที่เหลืออยู่หนึ่งพันนายของตระกูลซู บุกเข้าวัง ปรับราชวงศ์เปลี่ยนรัชสมัย! เขายืมมือของตระกูลซูกำจัดผู้เห็นต่าง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อให้ตระกูลซูถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ให้อาชญากรรมทั้งหมดตกอยู่กับตระกูลซู! ” “หากเขาสังหารตระกูลซู ล้างมลทินให้ตนเอง ยกดินแดนให้คนป่าเถื่อนเป็นการชดเชย เขาก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง!” “นี่คือภาพรวมแผนการของเขา!” “ยอดแม่ทัพยืนหยัดบนหมื่นกระดูก!” “ไม่ว่าจะเป็นข้า หรือตระกูลซู ล้วนเป็นบันไดของคนผู้นี้!” “คนไร้ประโยชน์อย่างข้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย!”“แต่ตระกูลซูมีแต่ด้วยความภักดี กลับต้องกลายเป็นกบฏ ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ทิ้งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปชั่วลูกชั่วหลาน!” คําพูดนี้ ทําลายกำแพงในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูไปโดยสิ้นเชิง!ตุ้บ!ฮูหยินผู้เฒ่าซูนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น ดวงตาของนางว่างเปล่า ร้องไห้คร่ำครวญ: “ไม่กลัวหากร่างกายจะแหลกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงใจภักดิ์ไว้ในประวัติศาสตร์! ตระกูลซูของเราไม่กลัวความตาย! เพียงแต่หากตระกูลซูกลายเป็นกบฏจริงๆ แล้วข้าจะมีหน้าไปเจอบรรพบุรุษของตระกูลซูได้ยังไง...
ในท้องพระโรงฝ่าบาทกําลังมีประชุมฉุกเฉินเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างยืนสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศภายในจริงจังเป็นอย่างมากเส้นเลือดบนหน้าผากฝ่าบาทปูดขึ้น พักตรมังกรโกรธจัด: “มีกองทหารหลายแสนนายทางตอนเหนือ กลับไม่สามารถหยุดการย่ำยีประชาชนอย่างทารุณของเผ่าหมานนับหมื่นได้! ตอนนี้กองทัพเผ่าหมานได้เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว! ”“ต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่มีแม่ทัพและทหารที่สามารถสู้รบได้เลย!”“หรือต้องให้ข้านำทัพไปทำสงครามเอง?”เหล่าขุนนางทุกคนต่างก้มหน้าและไม่มีใครกล้าพูดฝ่าบาทเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้: “ไร้ประโยชน์! ล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์ ขุนนางเข้าใจข้าผิด! ศัตรูอยู่ตรงหน้า คุณธรรมอยู่ที่ใด? ”ในเวลานี้หลี่เซวียนองค์ชายหกยืนขึ้น: “เสด็จพ่อ กระหม่อมมีวิธีแก้ไขวิกฤตในเมืองหลวงพะยะค่ะ!”ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกายขึ้น: “เจ้าหก เจ้าฉลาดและมีไหวพริบมาตั้งแต่เด็ก! วิธีที่ว่าคืออะไร ไหนลองพูดมาสิ! ”หลี่เซวียนเอ่ยขึ้น: “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!การต่อต้านทหารม้าเผ่าหมาน จำเป็นต้องมีผู้นำทัพชั้นยอด! ภายใต้การบัญชาทัพของเสด็จพ่อ แล้วยังมีราชองครักษ์อ
ฝ่าบาทตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะขอพระราชทานสมรสจริงๆอีกทั้งยังขอพระราชทานสมรสกับองค์ชาย!การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นขายของของเด็กๆได้ยังไง?ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือการพระราชทานสมรส ต้องให้ความสำคัญกับคู่ที่เหมาะสมพูดตรงๆ ก็คือการแต่งงานทางการเมืองสนมขององค์ชาย ถ้าไม่เป็นองค์หญิงของต่างแคว้น ก็เป็นบุตรสาวของขุนนางที่มีอํานาจหากผู้ชายในตระกูลซูยังอยู่ ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่เฝ้าชายแดนทางเหนือ ตระกูลซูก็มีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับราชวงศ์แต่ตอนนี้ตระกูลซูเหลือเพียงเด็กกำพร้าและแม่ม่าย ไร้ค่าที่จะกล่าวถึงแม้ว่าตนเองตกลงที่จะพระราชทานสมรส แต่องค์ชายก็อาจไม่เห็นด้วย!เมื่อเห็นความลังเลของฝ่าบาท เว่ยซวินจึงเอ่ยด้วยเสียงต่ำ:" ฝ่าบาทสิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้คือระงับความโกรธของประชาชน หากพระองค์พระราชทานสมรสให้กับตระกูลซู และประหารองค์ชายเก้าได้ ความโกรธของประชาชนก็จะหายไป! ”ฝ่าบาทพยักหน้าใช่!ตอนนี้ต้าเซี่ยคลอนแคลน สถานการณ์ของราชวงค์ไม่แน่ชัดตนเองจะคิดไกลขนาดนั้นไปทำไม?สำหรับประชาชนตระกูลซูมีบารมีสูงมาก หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทํ
ฝ่าบาทส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า: “ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี! ฮูหยินผู้เฒ่าซู เว้นแต่เจ้าจะมีเหตุผล สามารถโน้มน้าวใจข้าได้! ไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่มีวันประทานสมรสที่ไร้เหตุผลเช่นนี้! ”ฮูหยินผู้เฒ่าซูกัดฟันเอ่ย: “ฝ่าบาท! หม่อมฉันเกลียดหลี่หลงหลินจริงๆ และเขาต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง! แต่แค่ฆ่าเขาด้วยมีดมันจะง่ายเกินไป! ”“หม่อมฉันต้องการให้หลี่หลงหลินเป็นลูกเขยของตระกูลซู เป็นวัวและม้าให้กับตระกูลซู และทรมานเขาอย่างสาสม!”“ทำให้เขาขอมีชีวิตรอดก็ไม่ได้ ขอตายก็ไม่ได้!”“ฝ่าบาท เมื่อครู่พระองค์เพิ่งตรัสว่า ให้หม่อมฉันจัดการกับหลี่หลงหลิงได้ตามใจชอบ! คำพูดพระองค์หนักแน่นดั่งภูผา จะกลับคำไม่ได้เพคะ! ”ทั้งราชสำนักตกอยู่ในความเงียบพูดตามตรง เหตุผลของฮูหยินผู้เฒ่าซู แม้จะดูขัดๆไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ตอนนี้ตระกูลซูไม่มีผู้ชาย มีเพียงกลุ่มแม่ม่าย ซึ่งทุกคนอยู่ในวัยที่อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงบวกกับซูเฟิ่งหลิงที่มุทะลุดุดันหลี่หลงหลินเข้าสู่ตระกูลซู และกลายเป็นผู้ชายคนเดียว เขาจะต้องถูกกินทั้งเป็นอย่างแน่นอน!แค่คิดก็ทําให้คนขนลุกซู่แล้ว!ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกาย สีหน้าเผยค
หลี่หลงหลินกลับไปที่เรือน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำขณะที่แช่น้ำร้อน เขานึกย้อนความทรงจำอย่างละเอียด องค์ชายเก้าจะถูกหลอกให้ไปเป็นกุนซือของกองทัพที่ดินแดนทางเหนือ โดยมีหลี่เซวียนเป็นผู้ยุแยงบวกกับปฏิกิริยาของหลี่เซวียนในวันนี้ผู้บงการเบื้องหลังฉากนี้ มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นเจ้าหกหลี่เซวียน!ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ!ต้องรีบหาหลักฐานการก่อกบฏของหลี่เซวียนให้พบเมื่อหลี่เซวียนไหวตัวได้และทําให้ตําแหน่งของเขามั่นคง มันจะยิ่งลําบาก!หลี่หลงหลินอาบน้ำเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าขององค์ชาย จากนั้นก็รีบไปที่บ้านตระกูลซูทันทีในการจัดการกับหลี่เซวียน หลี่หลงหลินทําคนเดียวไม่ได้ เขาต้องใช้พลังของตระกูลซู!ทันทีที่หลี่หลงหลินมาถึงหน้าบ้านตระกูลซู เขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากข้างในซูเฟิ่งหลิงที่ถือทวนเงินใส่ชุดเกราะเงิน สวมเสื้อคลุมสีแดงด้านหลัง มีไอสังหาร คํารามด้วยความโกรธ: “ท่านต้องการให้ข้าแต่งงานกับหลี่หลงหลินคนทรยศ!" ฝันไปเถอะ! ข้าจะฆ่าหลี่หลงหลินตอนนี้! เพื่อล้างแค้นให้ความภักดีของตระกูลซู! ”ซูเฟิ่งหลิงเมื่อรู้ว่าหลี่หลงหลินไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย แต่ฝ่าบาทยังพระราชทานสมรสให้เขาแต
ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้า “มีเหตุผล! แต่ว่า จะตามหาผู้อยู่เบื้องหลังอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “ง่ายมาก! เจ้าหกร่วมมือกับโม่เป่ยเผ่าหมาน ต้องมีการส่งจดหมายหากันอย่างแน่นอน! จดหมายเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะซ่อนในห้องหนังสือ! ขอเพียงลอบเข้าไปในห้องหนังสือ ขโมยจดหมายออกมา ก็จะได้หลักฐาน!”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเป็นปม “ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ “มิเช่นนั้นเล่า? เมียจ๋า หรือเจ้ามีความคิดอื่นที่ดีกว่านี้?”ดวงหน้างดงามของซูเฟิ่งหลิงฉายความโมโห “ขืนท่านเรียกข้าว่าเมียจ๋าอีก ข้าจะฆ่าท่านทิ้ง!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ย “พอแล้วๆ! พวกเจ้าสองสามีภรรยาหยุดทะเลาะกันได้แล้ว! ข้าคิดว่า ความคิดเห็นหลงหลิน ก็ใช้ได้! แต่ว่า ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”“เฟิ่งหลิง ด้วยความสามารถของเจ้า ลอบเข้าไปในห้องหนังสือขององค์ชายหก ขโมยจดหมาย ไม่ใช่เรื่องยากกระมัง?”ซูเฟิ่งหลิงลังเลเล็กน้อย “ไม่ใช่เรื่องยากเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่รู้ว่าผังจวนขององค์ชายหกเป็นเช่นไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าห้องหนังสืออยู่ที่ใด”หลี่หลงหลินตบแผงอกแล้วพูด “เรื่องนี้ง่าย! เมื่อก่อนข
พรึ่บ!ม่านฉีกขาดโบกพลิ้วตามสายลมยามค่ำคืน ทว่าหลังม่านกลับว่างเปล่าไม่มีผู้ใด!หลี่เซวียนขมวดคิ้วเป็นปม!หรือตนคิดผิดแล้ว?เมื่อครู่รู้สึกได้อย่างชัดเจน มีคนซ่อนตัวอยู่หลังม่าน!หรือว่า อาศัยจังหวะตอนที่ตนส่งหลี่หลงหลินเพียงครู่หนึ่ง คนๆ นั้นหนีไปแล้ว?หลี่เซวียนหัวใจหล่นวูบ เดินไปที่โต๊ะหนังสือทันที พบว่าจดหมายมีร่องรอยถูกรื้อค้น“แย่แล้ว!”“ตกหลุมพรางแล้ว!”หลี่เซวียนรู้สึกคล้ายโลกหมุน รีบคว้าโต๊ะ ไม่ได้ล้มลงหลังจากผ่านไปนานในที่สุดหลี่เซวียนก็ตั้งสติได้ รีบเรียกพบซุนกวางเสี้ยวคนสนิทของตนซุนกวางเสี้ยวคุกเข่าทำความเคารพ “องค์ชาย องค์ชายมีอะไรให้รับใช้พ่ะย่ะค่ะ?”หลี่เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทหารหน่วยกล้าตายเตรียมไปถึงไหนแล้ว?”ซุนกวางเสี้ยวตอบ “ทหารหน่วยกล้าตายแปดร้อยนายเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เคลื่อนกำลังพลได้ทุกเมื่อ!”หลี่เซวียนพยักหน้า “เยี่ยม! จางไป่เจิงนำทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย เดินทางข้ามคืนออกนอกเมืองหลวงไปแล้ว เพื่อรบกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! รุ่งสางวันพรุ่งนี้ เราเคลื่อนกำลังพลก่อกบฏ เปลี่ยนราชวงศ์!”ซุนกวางเสี้ยวได้ยินเช่นนั้น ตะลึงงัน
โรงกลั่นขนาดเล็กใช้เวลาเพียงสี่ถึงเจ็ดวันในการกลั่นสุรา แต่โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เพราะระยะเวลากลั่นที่นานขึ้นทำให้สุรามีรสชาติกลมกล่อม หอม และมีความเข้มข้นของฤทธิ์เมาสูงขึ้น หลี่หลงหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาจึงใช้เวลาเพียงสี่วันในการหมักสุราชุดแรกออกมา สถานที่หมักสุรานั้นอยู่ในสถาบันวิจัยภูเขาประจิม แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดื่มสุรา แต่เขาไม่ได้เป็นคนติดสุรา ดังนั้น เพื่อทดสอบคุณภาพของสุรา เขาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุราอย่างหนิงชิงโหวมา หนิงชิงโหวที่ได้รับฉายาว่า บัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วในยามปกติเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แต่เมื่อเมา เขากลับแสดงความคลุ้มคลั่ง ด่าทอฟ้าดิน และหัวเราะเยาะทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ขงจื๊อ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หนิงชิงโหวเป็นคนติดสุรา เคยลิ้มรสสุราชั้นเลิศจากทั่วหล้า เขาจึงมีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เมื่อได้ยินว่าหลี่หลงหลินจะกลั่นสุราที่ดีที่สุดในโลก และขอให้เขามาชิม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย “องค์ชายเก้า!” “ข้ามาตรฐานสูงเรื่องสุรานะ!” “ท่านบอกว่าสุราเหินเวหาเพียงดื่มคำเดียวก
สุรานี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตและโชคชะตาของแคว้นได้! นี่แหละคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด! หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “สิ่งนี้มีชื่อว่าระเบิดขวด เพียงใช้สุราที่มีฤทธิ์เมาผสมกับดินปืน ก็สามารถสร้างได้ ไม่เพียงแต่ต้นทุนต่ำ แต่ยังมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าทึ่ง! จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยพูดถึงรถถังให้เจ้าฟัง?” กงซูหว่านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่านางจำได้ หลี่หลงหลินเคยบอกว่า รถถังคือราชาแห่งสงครามบนบกอย่างแท้จริง! หากรถถังถือกำเนิดขึ้น ม้าศึกก็จะถูกขับออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง หากราชวงศ์ต้าเซี่ยมีรถถัง การทำลายล้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือแม้แต่การพิชิตโลกก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม้ว่ารถถังจะทรงพลัง แต่ระเบิดขวดนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจของมัน! ลองคิดดูสิว่า ระเบิดขวดจะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน!” คำพูดนี้ของหลี่หลงหลินไม่ได้พูดเกินจริง ในความเป็นจริง ระเบิดขวดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับรถถังโดยเฉพาะ กงซูหว่านตื่นเต้นมาก และพูดออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ “ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้! รีบบอกข้ามาเถอะว่าการกลั
เมื่อพูดแล้ว ก็ลงมือทันที หลี่หลงหลินสั่งให้ลั่วอวี้จู๋เรียกกงซูหว่านและซุนชิงไต้เข้ามา การกลั่นสุรานั้นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลาย อีกทั้งทุกกระบวนการยังต้องให้กงซูหว่านเป็นผู้ดูแล ส่วนซุนชิงไต้ พี่สะใภ้สาม ซึ่งเป็นหมอเทวดา นางมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการหมักดอง เพราะในชีวิตประจำวัน นางก็มักกลั่นสุราสมุนไพรเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือของนาง สุราเหินเวหาที่ผลิตออกมาย่อมต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่นานนัก กงซูหว่านและซุนชิงไต้ก็มาถึงยอดเขาทิศประจิม “องค์ชายเก้า คราวนี้ท่านจะทำของอร่อยอะไรอีกล่ะ?” ซุนชิงไต้ในชุดกระโปรงสีเขียวล้วน ผูกผมหางม้าสองข้าง พอมาถึงก็รื้อค้นตู้ไปทั่ว มองหาของกิน ขณะที่กงซูหว่านในชุดกระโปรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกข้ามา ท่านต้องการให้ทำอะไร? จะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่สะใภ้ทั้งสอง ข้ามีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้ช่วย! ข้าตั้งใจจะกลั่นสุรา...” เมื่อได้ยินเรื่องสุรา ทั้งซุนชิงไต้และกงซูหว่านที่ตอนแรกดูสนใจ ก็หมดความสนใจลงทันที กงซูหว่านหาวออกมาเบา ๆ “หากท่านต้องการกลั่นสุรา ไปหาโ
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต
หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจ นางมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ “ท่านทำงานยุ่งทุกวัน ยังมีเวลามาศึกษาเรื่องพวกนี้อีกหรือ? แล้วยังเขียนเค้าโครงนิยายด้วย? หรือว่าไปคัดลอกจากหนังสือเล่มอื่นมา?” หลี่หลงหลินกะพริบตาแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าลองดูเองสิ!” หลิ่วหรูเยียนหยิบเค้าโครงขึ้นมาอ่านด้วยความกังขา สิ่งที่เรียกว่าเค้าโครง ก็คือบทสรุปเรื่องราว หลี่หลงหลินใช้เรื่องความฝันในหอแดงเป็นต้นแบบ พร้อมกับเพิ่มองค์ประกอบยอดนิยมของนิยายแนวโลกีย์เข้าไป กลายเป็นนิยายผสม ชื่อเรื่องก็ง่าย ๆ และตรงไปตรงมา เรียกว่าดอกเหมยในหอแดง เพื่อเป็นการเคารพผู้เขียนต้นฉบับ พูดตามตรง นิยายผสมแบบนี้ย่อมไม่อาจเทียบต้นฉบับได้ แต่หลิ่วหรูเยียนกลับอ่านแล้วราวกับตกอยู่ในภวังค์ สุดท้ายนางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา หยดน้ำตาของนางราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่น “องค์ชาย...” “เรื่องราวนี้ ท่านเขียนขึ้นมาเพื่อบ่าวใช่หรือไม่?” “บ่าวมองเห็นเงาของตัวเองในเรื่องราวนี้!” “บ่าวซาบซึ้งใจเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนซบลงในอ้อมอกของหลี่หลงหลิน จนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา หลี่หลงหลินตอบด้วยท่าทีกึ่งเล่นกึ่งจริง “ก็ถือว่
หลิ่วหรูเยียนรู้สึกซาบซึ้งใจ มองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านมาที่หอละอองฝน คงไม่ได้มาพูดเรื่องนี้กับบ่าวโดยเฉพาะกระมัง?”หลี่หลงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี เลยอยากมาพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับเจ้า...”หลิ่วหรูเยียนดีใจมาก ยิ้มราวกับดอกไม้ พยักหน้าแล้วพูดว่า “องค์ชาย โปรดรอสักครู่... ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน!”หรือจะให้หลิ่วหรูเยียนพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับหลี่หลงหลินในชุดคลุมอาบน้ำเช่นนี้แบบนั้นจะไม่เหมาะเกินไปแล้วบนฉากกั้น เผยให้เห็นรูปร่างอรชรเผยส่วนนูนของ หลิ่วหรูเยียนออกมา เต็มไปด้วยเสน่ห์และทำให้คนจินตนาการไปไกลในอนาคตอันใกล้นี้หลิ่วหรูเยียนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น ผมของนางถูกรวบมัดขึ้นสูง สวมกระโปรงยาวลากพื้น งดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง หลี่หลงหลินมองจนตะลึงไปแล้ว!หลิ่วหรูเยียนหน้าแดง ยิ่งทำให้นางมีเสน่ห์มากขึ้น “องค์ชาย วันนี้ท่านอยากจะพูดอะไร? บทกวีหรือบทเพลง?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากคุยเรื่องนิยายกับเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?”สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนพลันมืดมนลง นางยิ้มอย่างขมขื่น “นิยาย เขียนยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีเรื่อ
หอละอองฝนท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราและสง่างามบนชั้นสองหลังฉากกั้นภูเขาและแม่น้ำ ไอน้ำม้วนตัวลอยขึ้นมาในอ่างอาบน้ำเคลือบสีแดง มีเสียงน้ำ “ซ่าๆ” และมีกลีบดอกไม้จำนวนมากลอยอยู่บนน้ำหลังจากก้าวออกจากอ่างอาบน้ำด้วยขาหยกสีขาวเหมือนงูหลามสีขาว หลิ่วหรูเยียนที่ห่อตัวตัวเองด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหม คลุมร่างกายที่สวยงามของนางเอาไว้แน่นหนา นางมองไปรอบๆ ตรวจดูให้แน่ใจว่าประตูและหน้าต่างถูกปิดแน่นแล้ว ค่อยเดินออกไปตั้งแต่คราวก่อน ที่ถูกหลี่หลงหลินพบอุปกรณ์เล็กๆ ที่หลิ่วหรูเยียนจะใช้ในการปลิดชีพนางก็ถึงได้รู้ว่าความลับของนางถูกหลี่หลงหลินพบแล้ว!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาบน้ำ หลิ่วหรูเยียนจะระแวงและระวังมากอย่างไรก็ตามทันทีที่นางเดินออกจากฉากกั้น นางก็พบร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังดื่มชาอย่างช้าๆ“อ๊า!”หลิ่วหรูเยียนตกใจมากจนหน้าซีด แล้วเกือบจะเป็นลมมีชายแปลกหน้าแอบเข้ามาในห้องของนางตอนที่นางอาบน้ำอยู่เขาคิดจะทำอะไร?ต้องคิดไม่ดีไม่ร้อยกับตนเป็นแน่!หลิ่วหรูเยียนเสียใจมาก ที่เชื่อฟังหลี่หลงหลินทิ้งกรรไกรและมีดทั้งหมดไป ตอนนี้ไม่เหลืออะไรจะปกป้องตัวเองแล้ว!จะทำอย่าง
เผื่อไว้ก่อนหลี่หลงหลินขอให้ซุนชิงไต้พี่สะใภ้สามให้มาช่วย ขอให้นางรับผิดชอบในการตรวจสอบเมล็ดข้าว“องค์ชายเก้า!”ทันทีที่ซุนชิงไต้เห็นหลี่หลงหลิน นางก็เริ่มบ่นว่า “มันเทศพวกนั้นจะสุกเมื่อไร ข้ามองดูทุ่งมันเทศทุกวัน จับแมลง กำจัดวัชพืช ก็เพิ่งจะงอกขึ้นมา”ด้วยประสบการณ์ของผงปรุงรสไก่และน้ำตาลทรายขาว ซุนชิงไต้น้ำลายไหลเพราะมันเทศมานานแล้วถึงอย่างไรหลี่หลงหลินเป็นทั้งสิ่งของเทพ เป็นทั้งยาอายุวัฒนะ โม้เรื่องมันเทศจนลอยขึ้นฟ้า ให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกท้อที่หวางหมู่เหนียงเหนียงปลูกการเอ่ยถึงมันเทศทำให้ซุนชิงไต้ผู้ที่เป็นนักชิมถึงกับน้ำลายไหลหากหลี่หลงหลินไม่เตือนซุนชิงไต้ ว่ามันเทศชอบความแห้งแล้งและกลัวน้ำขัง อย่าได้รดน้ำมากเกินไปล่ะก็นางคงรดน้ำทุ่งมันเทศไม่วันละสิบรอบก็แปดรอแน่นอนหลี่หลงหลินคำนวณวัน “มันเทศต้องใช้เวลาสามเดือนหรือครึ่งปีกว่าจะสุก! สิ่งที่เราปลูกในเทศกาลไหว้พระจันทร์ อย่างไรก็ต้องรอจนฤดูหนาวถึงจะเก็บเกี่ยวได้! จริงๆ แล้วก็รออีกหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น พี่สะใภ้อดทนเอาไว้ก่อน”“ก็ได้!”เมื่อซุนชิงไต้ได้ยินว่านางต้องรอหนึ่งหรือสองเดือนก่อนถึงจะได้กินมันเทศย่า