เว่ยซวินส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่น “พระชายา เมื่อเจ้าเข้ามาก็รู้แล้ว! สรุปก็คือ... ระวังตัวเอาไว้เป็นหลัก!”เอี๊ยด...เว่ยซวินเปิดประตูใหญ่ตำหนักเย็น แล้วซ่อนตัวอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเข้าไปกลับกัน หลี่หลงหลินกลับไม่เผยความหวาดกลัวออกมา แต่เดินเข้าไปพร้อมกับตะเกียงในมือเมื่อเขาเห็นซูเฟิ่งหลิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “อะไร? เจ้ากลัวหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงหน้าแดงก่ำ กำด้ามดาบเอาไว้แน่น พูดอย่างปากแข็ง “ใครกลัว! มันก็แค่ตำหนักเย็นไม่ใช่หรือ? มีอะไรให้กลัว!”แม้จะพูดเช่นนี้ ซูเฟิ่งหลิงก็ยังตื่นตระหนกอยู่ดีซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวการต่อสู้ในสนามรบ ซากศพที่พะเนินเป็นภูเขา หรือทะเลเลือดนางกลัวอย่างเดียวก็คือกลัวผี!ไม่ว่าจะเป็นสุสานหรือตำหนักเย็น สถานที่เช่นนี้ไม่รู้ว่า มีคนตายอย่างไม่ยุติธรรมไปเท่าไหร่แล้ว มันมืดมน สามารถให้กำเนิดวิญญาณชั่วร้ายได้ง่ายที่สุด!นางจับแขนของหลี่หลงหลินเอาไว้แน่น แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนกตำหนักเย็น ดูเสื่อมโทรมยิ่งนักในสวน มีวัชพืชเกิดขึ้นรกเต็มไปหมด มีพังพอนปรากฏตัวออกมาอีกทั้งยังมียุงเยอะมาก พวกมันส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับเมฆหมอกสิ่งที่ทำให
“ที่ตำหนักเย็นแห่งนี้ไม่ใช่ที่ให้คนอยู่จริงๆ!”หลี่หลงหลินสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นที่พุ่งเข้ามาบนหลังของเขา ลำคอของเขาแข็งอย่างที่ไม่เคยแข็งมาก่อนเขาค่อนข้างชื่นชมฉินกุ้ยเฟยหลังจากถูกจับขังอยู่ในตำหนักเย็นเป็นเวลานาน แต่ก็ยังรักษาสติเอาไว้ได้โดยที่ไม่เป็นบ้าไปเสียก่อนหลี่หลงหลินถามตัวเอง ต่อให้เป็นเขาก็ยังทำเช่นนั้นไม่ได้!ตอนนี้หลี่หลงหลินแค่อยากหนีออกจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้!แต่เขาออกไปไม่ได้ซูเฟิ่งหลิงที่อยู่ข้างๆ ถ้าตนหนีไป นางคงจะหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ ต่อจากนี้ก็คงจะเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้อีกแต่ซูเฟิ่งหลิงก็คิดเช่นเดียวกันถ้านางไม่กลัวว่าจะขายหน้าต่อหน้าหลี่หลงหลิน นางคงจะหนีไปนานแล้ว!ทั้งสองจะไม่ยอมขายหน้าต่อหน้ากันและกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ใจดีสู้เสือ ติดตามกลิ่นเลือด เดินไปข้างหน้าท่ามกลางความมืดมิด และไปถึงส่วนลึกของตำหนักเย็นโดยไม่รู้ตัว“ที่นี่...”ซูเฟิ่งหลิงปิดปากและจมูก ชี้ไปที่ประตูลับที่พาไปยังใต้ดินตรงหน้านาง “กลิ่นเลือดมาจากด้านล่าง! ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?”หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงต่ำ “บางทีมันอาจจะเป็นคุกใต้ดินก็ได้นะ!”เสียงของซูเฟิ่งหลิงสั่นเครือ
ตำหนักเย็น คุกใต้ดินกลิ่นเลือดที่นี่ฉุนมาก แถมยุงก็ยังเยอะมากด้วยหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงใช้เสื้อผ้าคลุมศีรษะ เหลือเพียงดวงตาที่โผล่ออกมา ยกโคมไฟในมือ แล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังบนพื้นมีทรงกลมจำนวนหนึ่งคล้ายกับโคมไฟที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นซูเฟิ่งหลิงประหลาดใจมาก “นี่คืออะไร?”ใบหน้าของหลี่หลงหลินน่าเกลียดมากขึ้น “น่าจะเป็นกรงยุง! มีคนเลี้ยงยุงไว้ที่นี่ เอาไว้แพร่เชื้อมาลาเรีย!”ซูเฟิ่งหลิงตกใจยิ่งนักจนหนังศีรษะชาไปหมดถ้านางไม่ได้เห็นด้วยตาของนางเอง นางก็คงยากที่จะเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ชั่วร้ายขนาดนี้ด้วย!นั่นเป็นโรคมาลาเรียเลยนะ!ตราบใดที่มันแพร่กระจายประชาชนหลายพันคนจะติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วใต้หล้าจะโศกเศร้า อดอยาก เกิดสงคราม แผ่นดินจะไร้เสียงของสิ่งมีชีวิต นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง!สิ่งที่ซูเฟิ่งหลิงไม่อาจเข้าใจได้เลยก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ ทำลายชีวิตผู้คนมากมายเช่นนี้ เพียงเพราะความอิจฉาริษยาในวังหลังเท่านั้นหรือ?ไม่อาจเข้าใจได้เลย!หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อมีกรงยุง ก็ต้องมีบ่อเลือด...”กรงยุง เป็นเพ
หลี่หลงหลินจ้องมองฉินกุ้ยเฟยพร้อมกับเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “นี่เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ! แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะว่าเจ้ากลัว!”ฉินกุ้ยเฟยลนลานเล็กน้อย “กลัวหรือ? ความกลัวคืออะไรข้ายังไม่รู้เลย! คนที่กลัวน่าจะเป็นเจ้ามากกว่านะ!”หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “หากไม่ใช่เพราะเจ้ากลัว เจ้าคงไม่ร้อนรนใจ รีบมาที่วังหลังในชั่วข้ามคืน เพราะอยากจะจัดการกับหลักฐานความผิดเช่นนี้! แต่ว่าเจ้ามาช้าไปหนึ่งก้าว!”“ตอนนี้ข้าเจอบ่อเลือดและกรงยุงแล้ว!”“เจ้าคงหนีความผิดไม่ได้!”“ไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น พี่สี่ก็จะถูกโยงเข้ามาเกี่ยวด้วย!”สีหน้าของฉินกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปอย่างมากนางมีลูกชายเพียงสองคน เจ้าหกตายไปแล้ว และเพียงเจ้าสี่เท่านั้น!อย่างที่หลี่หลงหลินพูด หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ฮ่องเต้ทรงทราบว่าตนฆ่าคนเพื่อสร้างบ่อเลือด เลี้ยงฝูงยุง แพร่โรคระบาด เขาไม่มีทางปล่อยตนไปแน่!ฉินกุ้ยเฟยยิ้มชั่วร้าย “เจ้าเก้า เจ้าฉลาดมากจริงๆ! แต่เจ้าคงไม่คิดว่าจะสามารถรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้สินะ! ฆ่าพวกมัน แล้วดูดเลือดพวกมัน เอาไปเลี้ยงยุง!”หลังจากออกคำสั่งแล้ว ขันทีหลายสิบคนที่มีสีหน้าดุร้ายก็เข้าไปปิดล้อมหลี่หลงหลิน
งดงาม แต่ก็นองเลือดมากเช่นกัน!คนบ้าในตำหนักเย็นเหล่านี้ ไม่รู้ว่าความตายคืออะไร พวกเขาพุ่งเข้ามาหาทั้งสองทั้งหน้าและหลังไม่หยุดเหมือนแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ!ดูเหมือนว่านอกจากความตายแล้ว ก็มีวิธีเดียวที่จะหลบหนีจากขุมนรกที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ไปได้!เพียงระยะทางสั้นๆ ในสิบจั้ง ก็มีศพที่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่แม้แต่ซูเฟิ่งหลิงก็ฆ่าจนข้อมือของนางชา ผิวบริเวณปากเสือก็ปริแตก!โชคดีที่วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยเป็นอาวุธที่แหลมคม!หากเป็นดาบธรรมดา เกรงว่ามันคงไม่สามารถแบกรับได้ จนดาบพังทลายลง!ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงประตูหน้าตำหนักเย็นซูเฟิ่งหลิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง หายใจหอบอย่างรุนแรง“ข้าแบกเจ้าเอง!”หลี่หลงหลินแบกซูเฟิ่งหลิงไว้บนหลังโดยไม่ปริปากสักคำ แล้วสุดท้ายก็พุ่งออกไป“หยุดพวกเขาเอาไว้!”เสียงคำรามของฉินกุ้ยเฟยดังก้องไปทั่วตำหนักเย็นที่หน้าประตูตำหนักเย็น ฉินกุ้ยเฟยยังอยู่ ขันทีหลายคนที่เฝ้าอยู่ก็มีประโยชน์มากพวกเขาชักดาบออกมาทันที ปิดกั้นเส้นทางของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ซวยแล้ว!”สีหน้าของหลี่หลงหลินเปลี่ยนไปอย่างมากเส้นทางเอาชีวิตรอดอยู่ตร
เมื่อเหล่าองครักษ์เสื้อแพรเห็นไฟลุกไหม้ในตำหนักเย็น เขาต่างก็มองหน้ากันฮองเฮาหลู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน อยากจะเข้าใกล้ เพื่อดูให้ชัดเจนเว่ยซวินรีบยื่นมือออกไปเพื่อหยุดฮองเฮาหลู่ “ฮองเฮา ที่นี่อันตรายมากพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ได้สติกลับมา ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นไปสู่ท้องฟ้า “เจ้าเก้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลี่หลงหลินตอบว่า “ฉินกุ้ยเฟยทำเรื่องที่ไม่อาจบอกใครได้ในตำหนักเย็น! นางสั่งให้คนเทน้ำมันลงบนนั้นตั้งแต่แรก คิดที่จะเผาสถานที่แห่งนี้เพื่อทำลายหลักฐาน!”“แต่สุดท้ายก็ถูกข้าและซูเฟิ่งหลิงพบเข้า เลยอยากจะฆ่าคนเพื่อปิดปากไปด้วย!”“สุดท้าย...เสด็จแม่ท่านก็เสด็จมาถึงพ่ะย่ะค่ะ”“ฉินกุ้ยเฟยรู้ว่าตนคงไม่รอด จึงจุดไฟ ฆ่าตัวตายในทะเลเพลิง…”ฮองเฮาหลู่ขมวดคิ้ว “นางทำกรรมชั่วอะไรกันแน่? ต้องมีจุดจบขนาดนี้เลยหรือ?”หลี่หลงหลินไม่ตอบกรรมชั่วของฉินกุ้ยเฟยนั้นร้ายแรงเกินไปจริงๆประหารสิบครั้งก็ยังไม่พอ!และเพราะนางเข้าใจความจริงนี้ดี นางจึงเลือกที่จะจุดไฟ!อย่างน้อยการที่ทำเช่นนี้ มันก็ยังสามารถปกป้ององค์ชายสี่ได้แม้ว่าฉินกุ้ยเฟยจะเป็นสตรีร้ายกาจ
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ไม่มีทางปิดบังฮ่องเต้หวู่ได้ดังนั้นหลี่หลงหลินจึงไม่ออกจากวัง รอจนกระทั่งฮ่องเต้หวู่ทรงตื่นบรรทมขึ้นมาในตอนเช้า คิดที่จะอธิบายด้วยตัวเองฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ให้เขาเข้ามา!”ทันทีที่หลี่หลงหลินเดินเข้ามาในตำหนักหยั่งซิน ก็ทักทายฮ่องเต้หวู่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างหน้าพักหนึ่งเห็นองค์ชายสี่หลี่จือ และเสนาบดีตู้เหวินยวนรวมถึงขุนนางฝ่ายบุ๋นกลุ่มหนึ่งที่รีบเร่งเข้ามา!หลี่จือสวมเสื้อผ้าสีขาวไว้ทุกข์ เขารู้ดีถึงสาเหตุการตายของฉินกุ้ยเฟย ต้องการสร้างปัญหากับ หลี่หลงหลิน!ตุบ!ไม่รอให้หลี่หลงหลินเอ่ยปาก หลี่จือก็เป็นฝ่ายคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ น้ำตาไหลอาบหน้า “เสด็จพ่อ! ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ! เจ้าเก้าสารเลวผู้นี้ฆ่าเสด็จแม่!”“เสด็จแม่ของข้าตายอย่างอนาถ!”ฮ่องเต้หวู่ตกใจมาก “ฉินกุ้ยเฟยตายในกองเพลิงที่ตำหนักเย็นอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าเก้า?”หลี่จือกัดฟันพูด “ท่านพ่อ ขณะที่ไฟไหม้อยู่! เจ้าเก้าก็อยู่ในตำหนักเย็น! เรื่องนี้อย่างไรก็เกี่ยวกับเขาพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเสด็จแม่ถึงต้องไปปรากฏตัวอยู่ที่
ฮ่องเต้หวู่รีบก้าวไปข้างหน้า ช่วยพยุงฮองเฮาหลู่นั่งลงบนเก้าอี้ และพูดด้วยความประหลาดใจ “ฮองเฮา เจ้าบอกข้าว่าอย่าไปสืบ”ฮองเฮาหลู่ส่ายหัว “หม่อมฉันมาเปลี่ยนใจทีหลังเพคะ! แต่นั่นไม่ได้สำคัญ! สิ่งสำคัญคือ...เจ้าเก้าได้พบอะไรในตำหนักเย็น! ถึงได้ทำให้ฉินกุ้ยเฟยตื่นตระหนก จนถึงขั้นวางเพลิงฆ่าตัวตายเช่นนี้!”ทุกคนต่างอยากรู้ แม้แต่ฮองเฮาหลู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแต่เมื่อวานนี้นางเห็นการตายของฉินกุ้ยเฟย ชั่วขณะนั้นนางตื่นตระหนกจนไม่ได้ถามเนื่องจากองค์ชายสี่และตู้เหวินยวนต้องการสืบต่อ จึงให้หลี่หลงหลินพูดความจริงต่อหน้าทุกคนจะดีกว่าฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดว่า “เจ้าเก้า พูดมา!”หลี่หลงหลินพยักหน้า แล้วเล่าสิ่งที่ตนค้นพบเมื่อวานนี้ออกมาอย่างละเอียดยิ่งฮองเฮาหลู่ฟังมากเท่าไรก็ยิ่งตกใจมากเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่ามีบ่อเลือดอยู่ในคุกใต้ดินตำหนักเย็น ใบหน้าก็ซีดเผือดอย่างอดไม่ได้จริงๆ แล้วนางเองก็เตรียมใจเอาไว้แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าฉินกุ้ยเฟยจะเสียใจจนเป็นบ้าได้ถึงขั้นนี้!ฮ่องเต้หวู่ก็ตกใจเช่นกันฉินกุ้ยเฟยใช้เลือดมนุษย์เป็นอาหารยุงและแพร่ระบาดโรคมาลาเรียอยู่ในตำหนักเย็น?