น้ำลึกเกินไป! ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม”แล้วท่านจะทำยังไงต่อ?” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คนอื่นทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร? แต่เสด็จพ่อกลับมีท่าทีเช่นนี้! เพียงลำพังตัวข้าคนเดียว อยากจะสืบสวนเรื่องนี้ในวังหลัง ก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!” “เอาล่ะ ไปที่ตำหนักฉางเล่อก่อน ไปพบเสด็จแม่ของข้า อย่างน้อยก็ช่วยเตือนนาง” ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า “อืม! ทำได้แค่นี้แหละ!” ในเวลานี้ เสียงแหลมคมกฌดังขึ้นด้านหลังหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า รอสักครู่!” หลี่หลงหลินหันกลับไป เห็นขันทีชราในชุดปักลายหม่างเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “เว่ยกงกง มีอะไรจะชี้แนะหรือ?” เว่ยซวินลดเสียงลง “ฮ่องเต้ให้ข้ามาบอกท่าน! ที่จริงแล้ว พระองค์ก็อยากสืบสวนคดีนี้เช่นกัน แต่...ฮองเฮาอยากให้เรื่องเงียบๆ ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ฮองเฮาหรือ?” เว่ยซวินพยักหน้า และเอ่ยว่า “อีกอย่าง! เรื่องที่ท่านให้ข้าสืบ มีเบาะแสแล้ว! ในวังหลังทั้งหมด สถานที่ที่มียุงน้อยที่สุดคือตำหนักจิ่นซิ้วของฉินกุ้ยเฟย!” พูดจบ เว่ยซวินก็หันหลังกลับไป หลี่หลงหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ในหัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย ห
หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เสด็จแม่ ตามที่ท่านพูดมา ฉินกุ้ยเฟยควรจะตั้งใจจัดการกับหลู่ฮองเฮาสิ! ทำไมต้องสร้างศัตรูไปทั่ว แล้วยังรังแกพระองค์อีก?” หลินกุ้ยเฟยมีนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบเป็นศัตรูกับใคร ในวังหลัง นางเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแย่งชิงความโปรดปราน ทำไมฉินกุ้ยเฟยต้องรังแกนาง? หรือว่าสู้กับหลู่ฮองเฮาไม่ได้ เลยมาลงที่สนมคนอื่น? หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน! บางที ฉินกุ้ยเฟยอาจจะชอบตำหนักฉางเล่อและดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้มากก็ได้!” เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น แม้แต่หลินกุ้ยเฟยเองก็ยังไม่เชื่อ หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วฮองเฮาล่ะ? นางมีนิสัยเช่นไร?” หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ดูไม่ออก! แต่ฮองเฮาเป็นคนดี มีความสามารถ รู้จักคำนึงถึงภาพรวม! นางจัดการวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!” “ยกเว้นฉินกุ้ยเฟยที่ชอบก่อเรื่อง” “สนมคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข!” คำนึงถึงภาพรวม! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกถึงบางอย่าง หรือว่าฮองเฮาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เพียงเพราะคำว่าคำนึงถึงภาพรวมหรือ? มีความเป็นไปได้สูงมาก! หลู่
หลี่หลงหลินโบกมืออย่างใจร้อน “ช่วงนี้ยุงที่ตำหนักฉางเล่อเยอะมาก!” เหล่าขันทีก็บ่นพึมพำ “ใช่! ยุงเยอะมาก ไม่รู้มาจากไหน! ไม่กี่วันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีฝูงยุงบินมาเต็มไปหมด ดุร้ายมาก เห็นคนก็กัด แปลกจริงๆ!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือ? จำวันเวลาที่แน่นอนได้หรือไม่?” ขันทีคนหนึ่งพยักหน้า “จำได้สิ! วันนั้นเป็นวันหยุดของข้าพอดี! ห่างจากวันนี้ห้าวันพอดี...” หลี่หลงหลินถามต่อ “วันหยุดของเจ้า คนอื่นเห็นคนน่าสงสัยอยู่แถวตำหนักฉางเล่อหรือไม่?” เมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยย้ำเตือน เหล่าขันทีก็จำได้ทันที “มีขันทีสองคนจากตำหนักจิ่นซิ้ว เดินวนเวียนอยู่หน้าตำหนักฉางเล่อตอนกลางดึก! พอพวกเราตะโกนใส่ พวกเขาก็วิ่งหนีไป!” ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “พวกเจ้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? เป็นขันทีจากตำหนักจิ่นซิ้วจริงๆหรือ?” ขันทีคนหนึ่งยืนยัน “ไม่ผิดแน่นอน! คือเสี่ยวเต๋อจื่อและเสี่ยวเติ้งจื่อจากตำหนักจิ่นซิ้ว! พวกเขายังติดเงินข้าอยู่เลย! ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็จำได้!” หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วในมือพวกเขาถืออะไรอยู่หรือไม่?” ขันทีคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตบต้นขาตัวเอง “องค์ชาย ท่
“นอกจากการวางแผนแล้ว ยังมีการดึงตัวไปเข้าข้าง...” หลี่หลงหลินเดินตามขันทีเข้าไปในตำหนักเฟิ่งซี พลางคิดคำนวณในใจ ฮองเฮาไม่ใช่คนที่ใครอยากจะพบก็พบได้ แม้แต่ฮ่องเต้ หากเกิดอยากจะพบหลู่ฮองเฮาขึ้นมา ต้องรอครึ่งชั่วยามก็ยังเป็นไปได้ หากหลู่ฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ถูกปฏิเสธก็เป็นเรื่องธรรมดา หลี่หลงหลินยิ่งมั่นใจ หลู่ฮองเฮาไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางตน เรื่องจะสืบสวนเรื่องมาลาเรีย เพราะนางและเขามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือฉินกุ้ยเฟย! นี่เป็นข่าวดี! หลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักอันหรูหรา เห็นหลู่ฮองเฮาสวมชุดแบบชาววังที่งดงาม เอนกายอยู่บนเตียงนุ่มๆ นางกำนัลหน้าตาสะสวยสองคนคุกเข่าอยู่ข้างหน้า นวดขาให้นางเบาๆ ต้องยอมรับว่า หลู่ฮองเฮามีสง่าราศีที่จะเป็นแม่ของแผ่นดินจริงๆ ชุดที่หรูหราอลังการ และมงกุฎหงส์สีทองอร่าม หากผู้หญิงคนอื่นสวมใส่ อาจจะดูโอ้อวด หรือแม้แต่ดูไร้รสนิยม แต่หลู่ฮองเฮามีออร่าที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งชุดงดงามเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น! “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่!” หลี่หลงหลินโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าหลู่ฮองเฮาจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหลี่หลงหลิน แต่ตามกฎ
พระพักตร์ของฮองเฮาหลู่เผยรอยยิ้ม “ขยับขึ้นมา ให้ข้าดู!”สาวใช้ทางด้านข้างรีบรับขวดกระเบื้องเคลือบ ส่งให้ฮองเฮาหลู่ฮองเฮาหลู่เปิดขวดกระเบื้องเคลือบออกเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กำจายออกมา ชวนให้คนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง“กลิ่นหอมยิ่งนัก!”ฮองเฮาหลู่ตรัสอย่างตกตะลึง “น้ำหอมดอกไม้ก็คือน้ำหอมหรือ?”ในยุคสมัยโบราณก็มีน้ำหอมแต่มากที่สุดคือผสมเข้ากับน้ำยามอาบชำระกาย สามารถรักษากลิ่นหอมได้นานหนึ่งถึงสองวันสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่ใช้ก็คือกำยาน ถุงหอมหลี่หลงหลินพยักหน้า “น้ำหอมดอกไม้สามารถใช้เป็นน้ำหอมได้ แท้จริงแล้วเป็นยาชนิดหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ยา?”หลี่หลงหลินก้มหน้า “ใช่! เป็นยากันยุงยับยั้งอาการคันชนิดหนึ่ง! ลูกคิดว่าเสด็จแม่จำเป็นต้องใช้ที่สุด จะต้องได้ใช้...”ฮองเฮาหลู่หลักแหลมมากเพียงใด ทันใดนั้นฟังออกว่าภายในคำพูดหลี่หลงหลินยังมีความนัยแฝงอยู่“เจ้าพูดคำนี้หมายความว่ากระไร?”ฮองเฮาหลู่มีน้ำโหอยู่บ้าง “ข้ามีร่างหงส์แข็งแรงดี เหตุใดเจ้าจึงนำยามาส่ง? เจ้าดีที่สุดคืออธิบายให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้า แววตาทอประกายเยียบเย็น “เริ่มแรกคือไท
ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว
ขันทีร้องตะโกนโวยวายอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ตำหนักจิ่นซิ่วชุลมุนวุ่นวายสงบไม่ลงท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของขันทีและนางกำนัล หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเหยียบเข้าตำหนักจิ่นซิ่วเพียงไม่กี่ก้าวภายในก็มีองครักษ์หนึ่งกลุ่มใหญ่โผล่ออกจากตำหนัก ดำทะมึนเป็นผืนเดียวผู้เป็นหัวหน้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส ก็คือองค์ชายสี่หลี่จือศัตรูพบหน้า ตาแดงก่ำเป็นพิเศษแม้หลี่จือและหลี่หลงหลินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง กลับมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง อยากฉีกเนื้อเลาะกระดูก ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้ขณะเดียวกันหลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเก้าตัวดี! เมื่อวาน เจ้าตบหน้าเสด็จแม่ข้าต่อหน้าธารกำนัล! ข้ายังไม่ทันถามหาเอาความจากเจ้า!”“วันนี้ เจ้าบุกเข้าตำหนักจิ่นซิ่ว รังแกถึงศีรษะข้า!”“คิดจริงหรือว่า ข้ารังแกง่ายเพียงนั้น!”“บุก!”“ให้เขามาแล้วมิได้กลับไปอีก!”เหล่าองครักษ์บุกขึ้นมา ล้อมหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงิน ใบหน้าปราศจากความกลัว ตรงข้ามกันตื่นเต้นดีใจมากสงครามภูเขาทิศประจิมไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณทางทหารให้กับกองทัพใหม่ซูเฟิ่งหลิงผ่านสงครามด
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ