ฮ่องเต้หวู่ดวงตาเป็นประกาย แสดงความคิดเห็นว่า “สำนักศึกษาแพทย์หรือ? ให้ซุนชิงไต้เป็นอาจารย์ สอนหมอให้มีมากขึ้น? เป็นความคิดที่น่าสนใจ! แต่ทำไมต้องเป็นผู้หญิง? ผู้ชายไม่ได้หรือ?” ในความคิดของฮ่องเต้หวู่ มีหมอผู้หญิงเพียงไม่กี่คนก็พอ! ส่วนซุนชิงไต้เป็นข้อยกเว้น เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว การเป็นหมอต้องใช้แรงกาย! หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยยิ้ม “ผู้หญิงใจละเอียดอ่อน และในสนามรบ สามารถปลอบประโลมจิตใจทหารได้! นอกจากนี้ การที่ผู้หญิงเป็นหมอ ยังสะดวกในการเข้าวัง รักษาโรคให้เหล่าสนม!” เขตพระราชฐานชั้นใน ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะผู้ชาย! กล่าวได้ว่า นอกจากฮ่องเต้ และองค์ชายแล้ว ใครก็ตามที่เข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นใน ถือเป็นข้อห้ามอย่างยิ่งใหญ่! รวมถึงแพทย์หลวงด้วย! ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “แล้วเจ้าจะรับประกันความจงรักภักดีของพวกนางได้อย่างไร?” สิ่งที่เขากังวล ไม่ใช่แค่ฝีมือทางการแพทย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความจงรักภักดี หากมีมือสังหารแฝงตัวอยู่ในหมู่แพทย์หญิงเหล่านี้ คงจะเป็นเรื่องวุ่นวาย! หลี่หลงหลินตอบอย่างไม่ลังเล “เหมือนกับองครักษ์เสื้อแพร ต้องมีประวัติครอบครัวท
น้ำลึกเกินไป! ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม”แล้วท่านจะทำยังไงต่อ?” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คนอื่นทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร? แต่เสด็จพ่อกลับมีท่าทีเช่นนี้! เพียงลำพังตัวข้าคนเดียว อยากจะสืบสวนเรื่องนี้ในวังหลัง ก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!” “เอาล่ะ ไปที่ตำหนักฉางเล่อก่อน ไปพบเสด็จแม่ของข้า อย่างน้อยก็ช่วยเตือนนาง” ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า “อืม! ทำได้แค่นี้แหละ!” ในเวลานี้ เสียงแหลมคมกฌดังขึ้นด้านหลังหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า รอสักครู่!” หลี่หลงหลินหันกลับไป เห็นขันทีชราในชุดปักลายหม่างเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “เว่ยกงกง มีอะไรจะชี้แนะหรือ?” เว่ยซวินลดเสียงลง “ฮ่องเต้ให้ข้ามาบอกท่าน! ที่จริงแล้ว พระองค์ก็อยากสืบสวนคดีนี้เช่นกัน แต่...ฮองเฮาอยากให้เรื่องเงียบๆ ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ฮองเฮาหรือ?” เว่ยซวินพยักหน้า และเอ่ยว่า “อีกอย่าง! เรื่องที่ท่านให้ข้าสืบ มีเบาะแสแล้ว! ในวังหลังทั้งหมด สถานที่ที่มียุงน้อยที่สุดคือตำหนักจิ่นซิ้วของฉินกุ้ยเฟย!” พูดจบ เว่ยซวินก็หันหลังกลับไป หลี่หลงหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ในหัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย ห
หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เสด็จแม่ ตามที่ท่านพูดมา ฉินกุ้ยเฟยควรจะตั้งใจจัดการกับหลู่ฮองเฮาสิ! ทำไมต้องสร้างศัตรูไปทั่ว แล้วยังรังแกพระองค์อีก?” หลินกุ้ยเฟยมีนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบเป็นศัตรูกับใคร ในวังหลัง นางเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแย่งชิงความโปรดปราน ทำไมฉินกุ้ยเฟยต้องรังแกนาง? หรือว่าสู้กับหลู่ฮองเฮาไม่ได้ เลยมาลงที่สนมคนอื่น? หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน! บางที ฉินกุ้ยเฟยอาจจะชอบตำหนักฉางเล่อและดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้มากก็ได้!” เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น แม้แต่หลินกุ้ยเฟยเองก็ยังไม่เชื่อ หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วฮองเฮาล่ะ? นางมีนิสัยเช่นไร?” หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ดูไม่ออก! แต่ฮองเฮาเป็นคนดี มีความสามารถ รู้จักคำนึงถึงภาพรวม! นางจัดการวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!” “ยกเว้นฉินกุ้ยเฟยที่ชอบก่อเรื่อง” “สนมคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข!” คำนึงถึงภาพรวม! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกถึงบางอย่าง หรือว่าฮองเฮาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เพียงเพราะคำว่าคำนึงถึงภาพรวมหรือ? มีความเป็นไปได้สูงมาก! หลู่
หลี่หลงหลินโบกมืออย่างใจร้อน “ช่วงนี้ยุงที่ตำหนักฉางเล่อเยอะมาก!” เหล่าขันทีก็บ่นพึมพำ “ใช่! ยุงเยอะมาก ไม่รู้มาจากไหน! ไม่กี่วันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีฝูงยุงบินมาเต็มไปหมด ดุร้ายมาก เห็นคนก็กัด แปลกจริงๆ!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือ? จำวันเวลาที่แน่นอนได้หรือไม่?” ขันทีคนหนึ่งพยักหน้า “จำได้สิ! วันนั้นเป็นวันหยุดของข้าพอดี! ห่างจากวันนี้ห้าวันพอดี...” หลี่หลงหลินถามต่อ “วันหยุดของเจ้า คนอื่นเห็นคนน่าสงสัยอยู่แถวตำหนักฉางเล่อหรือไม่?” เมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยย้ำเตือน เหล่าขันทีก็จำได้ทันที “มีขันทีสองคนจากตำหนักจิ่นซิ้ว เดินวนเวียนอยู่หน้าตำหนักฉางเล่อตอนกลางดึก! พอพวกเราตะโกนใส่ พวกเขาก็วิ่งหนีไป!” ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “พวกเจ้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? เป็นขันทีจากตำหนักจิ่นซิ้วจริงๆหรือ?” ขันทีคนหนึ่งยืนยัน “ไม่ผิดแน่นอน! คือเสี่ยวเต๋อจื่อและเสี่ยวเติ้งจื่อจากตำหนักจิ่นซิ้ว! พวกเขายังติดเงินข้าอยู่เลย! ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็จำได้!” หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วในมือพวกเขาถืออะไรอยู่หรือไม่?” ขันทีคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตบต้นขาตัวเอง “องค์ชาย ท่
“นอกจากการวางแผนแล้ว ยังมีการดึงตัวไปเข้าข้าง...” หลี่หลงหลินเดินตามขันทีเข้าไปในตำหนักเฟิ่งซี พลางคิดคำนวณในใจ ฮองเฮาไม่ใช่คนที่ใครอยากจะพบก็พบได้ แม้แต่ฮ่องเต้ หากเกิดอยากจะพบหลู่ฮองเฮาขึ้นมา ต้องรอครึ่งชั่วยามก็ยังเป็นไปได้ หากหลู่ฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ถูกปฏิเสธก็เป็นเรื่องธรรมดา หลี่หลงหลินยิ่งมั่นใจ หลู่ฮองเฮาไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางตน เรื่องจะสืบสวนเรื่องมาลาเรีย เพราะนางและเขามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือฉินกุ้ยเฟย! นี่เป็นข่าวดี! หลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักอันหรูหรา เห็นหลู่ฮองเฮาสวมชุดแบบชาววังที่งดงาม เอนกายอยู่บนเตียงนุ่มๆ นางกำนัลหน้าตาสะสวยสองคนคุกเข่าอยู่ข้างหน้า นวดขาให้นางเบาๆ ต้องยอมรับว่า หลู่ฮองเฮามีสง่าราศีที่จะเป็นแม่ของแผ่นดินจริงๆ ชุดที่หรูหราอลังการ และมงกุฎหงส์สีทองอร่าม หากผู้หญิงคนอื่นสวมใส่ อาจจะดูโอ้อวด หรือแม้แต่ดูไร้รสนิยม แต่หลู่ฮองเฮามีออร่าที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งชุดงดงามเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น! “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่!” หลี่หลงหลินโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าหลู่ฮองเฮาจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหลี่หลงหลิน แต่ตามกฎ
พระพักตร์ของฮองเฮาหลู่เผยรอยยิ้ม “ขยับขึ้นมา ให้ข้าดู!”สาวใช้ทางด้านข้างรีบรับขวดกระเบื้องเคลือบ ส่งให้ฮองเฮาหลู่ฮองเฮาหลู่เปิดขวดกระเบื้องเคลือบออกเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กำจายออกมา ชวนให้คนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง“กลิ่นหอมยิ่งนัก!”ฮองเฮาหลู่ตรัสอย่างตกตะลึง “น้ำหอมดอกไม้ก็คือน้ำหอมหรือ?”ในยุคสมัยโบราณก็มีน้ำหอมแต่มากที่สุดคือผสมเข้ากับน้ำยามอาบชำระกาย สามารถรักษากลิ่นหอมได้นานหนึ่งถึงสองวันสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่ใช้ก็คือกำยาน ถุงหอมหลี่หลงหลินพยักหน้า “น้ำหอมดอกไม้สามารถใช้เป็นน้ำหอมได้ แท้จริงแล้วเป็นยาชนิดหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ยา?”หลี่หลงหลินก้มหน้า “ใช่! เป็นยากันยุงยับยั้งอาการคันชนิดหนึ่ง! ลูกคิดว่าเสด็จแม่จำเป็นต้องใช้ที่สุด จะต้องได้ใช้...”ฮองเฮาหลู่หลักแหลมมากเพียงใด ทันใดนั้นฟังออกว่าภายในคำพูดหลี่หลงหลินยังมีความนัยแฝงอยู่“เจ้าพูดคำนี้หมายความว่ากระไร?”ฮองเฮาหลู่มีน้ำโหอยู่บ้าง “ข้ามีร่างหงส์แข็งแรงดี เหตุใดเจ้าจึงนำยามาส่ง? เจ้าดีที่สุดคืออธิบายให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้า แววตาทอประกายเยียบเย็น “เริ่มแรกคือไท
ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว