ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว
ขันทีร้องตะโกนโวยวายอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ตำหนักจิ่นซิ่วชุลมุนวุ่นวายสงบไม่ลงท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของขันทีและนางกำนัล หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเหยียบเข้าตำหนักจิ่นซิ่วเพียงไม่กี่ก้าวภายในก็มีองครักษ์หนึ่งกลุ่มใหญ่โผล่ออกจากตำหนัก ดำทะมึนเป็นผืนเดียวผู้เป็นหัวหน้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส ก็คือองค์ชายสี่หลี่จือศัตรูพบหน้า ตาแดงก่ำเป็นพิเศษแม้หลี่จือและหลี่หลงหลินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง กลับมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง อยากฉีกเนื้อเลาะกระดูก ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้ขณะเดียวกันหลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเก้าตัวดี! เมื่อวาน เจ้าตบหน้าเสด็จแม่ข้าต่อหน้าธารกำนัล! ข้ายังไม่ทันถามหาเอาความจากเจ้า!”“วันนี้ เจ้าบุกเข้าตำหนักจิ่นซิ่ว รังแกถึงศีรษะข้า!”“คิดจริงหรือว่า ข้ารังแกง่ายเพียงนั้น!”“บุก!”“ให้เขามาแล้วมิได้กลับไปอีก!”เหล่าองครักษ์บุกขึ้นมา ล้อมหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงิน ใบหน้าปราศจากความกลัว ตรงข้ามกันตื่นเต้นดีใจมากสงครามภูเขาทิศประจิมไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณทางทหารให้กับกองทัพใหม่ซูเฟิ่งหลิงผ่านสงครามด
กลับคิดไม่ถึงฉินกุ้ยเฟยรับปากอย่างมีความสุขเพียงนี้เชียวรึ?นางวางท่ากลบเกลื่อน? หรือไม่กริ่งเกรงจริงกันแน่?เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลี่หลงหลินไม่คิดมาก เอ่ยปากสำทับซูเฟิ่งหลิง “เจ้าข้าแยกย้ายกันค้นหา!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า เข้าตำหนักหลักของตำหนักจิ่นซิ่วหลี่หลงหลินกลับไปยังตำหนักด้านข้างหลี่จือพาเหล่าองครักษ์ ยืนกอดอกมองอยู่ไกลๆ ใบหน้าประดับยิ้มเย็น ถึงขั้นไม่ขัดขวางจริงการกระทำเช่นนี้ ทำให้หัวใจหลี่หลงหลินหนักอึ้งเขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง น่ากลัวว่าตำหนักจิ่นซิ่วนี้หาไม่พบอะไร!ความจริง ก็เป็นเช่นนี้หลี่หลงหลินค้นหาหนึ่งชั่วยามแล้ว ค้นหาทุกซอกมุมของตำหนักจิ่นซิ่ว กลับไม่ได้รับอะไรหน้าประตูตำหนัก ซูเฟิ่งหลิงมารวมตัวกับหลี่หลงหลิน สีหน้าไม่สบอารมณ์เฉกเดียวกัน “หาทั่วแล้ว! ไม่พบสถานที่น่าสงสัยอะไร!”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่พบอะไร!”ซูเฟิ่งหลิงถอนหายใจอย่างเสียดาย “รู้ตั้งแต่แรก เรียกคนมาเพิ่มสองสามคน ตรวจค้นตำหนักจิ่นซิ่วทุกสามฉื่อ ก็ไม่เชื่อว่าจะหาอะไรไม่พบ?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าตำหนักจิ่นซิ่วไม่เหมือนแห่งอื่นนี่คือตำหนักของสนมคนโปรดของฝ่าบาทแมวสุนัขอะไร
“ตายแล้ว?”ทันใดนั้นหลี่หลงหลิน คิดว่าฉินกุ้ยเฟยกำลังหลอกแต่หลี่หลงหลินมองจากท่าทางของฉินกุ้ยเฟยแล้ว มองออกอย่างว่องไวเสี่ยวเติ้งจื่อและเสี่ยวเต๋อจื่อขันทีสองคนนี้ เป็นไปได้เจ็ดถึงแปดในสิบส่วนว่าตายไปแล้วจริงๆ!ฆ่าคนปิดปาก!สอดรับกับจิตใจอำมหิตของฉินกุ้ยเฟยมาก!หลี่หลงหลินหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถามไล่เรียง “ตายตั้งแต่ยามใด?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “เมื่อคืน!”หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจเมื่อคืน?นั่นก็หมายความว่าฉินกุ้ยเฟยหลุดปากพูดที่ตำหนักชิงหนิง รู้ว่าตนเองเผยพิรุธ ดังนั้นกลับมาแล้ว ก็ฆ่าขันทีทั้งสองปิดปาก!ตนเองช้าไปหนึ่งก้าว!ไม่!ไม่ใช่ตนเองช้าไป!แต่ฉินกุ้ยเฟยระแวงหนักเกินไป ลงมือว่องไวเกินไป!สตรีคนนี้ รับมือยากยิ่งนัก!จิตใจล้ำลึก ไม่เป็นรองฮองเฮา!มิน่าเล่า มังกรหลับหงส์ดรุณ สามารถต่อสู้กันมานานหลายปีเพียงนี้ ไม่มีใครยอมใคร!หลี่หลงหลินถามต่อ “ตายเยี่ยงไร?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “โรคมาลาเรีย”หลี่หลงหลินตกตะลึงภายในใจ “เป็นไปไม่ได้! ทั้งสองคนเป็นโรคมาลาเรียพร้อมกัน ตายไปภายในคืนเดียว? บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง?”ฉินกุ้ยเฟยยิ้มเย็น “เช่นนั้นเสด็จแม่เจ้าและไทเฮา
อ๊า!ซูเฟิ่งหลิงกรีดร้องออกมา มือสองข้างกุมศีรษะย่อตัวลงไป ปิดหูแน่นๆ ตกใจจนดวงหน้างดงามดุจบุปผาถอดสี“ฮ่าๆ!”“ที่แท้เจ้ากลัวผี!”หลี่หลงหลินชี้ซูเฟิ่งหลิง หัวเราะดังลั่นซูเฟิ่งหลิงนี่ถึงดึงสติกลับมาได้ เป็นหลี่หลงหลินแกล้ง กำหมัดแน่น ปากยังแข็งดังเดิม “ตัวข้าฟ้าไม่กลัว ดินไม่กลัว! ผีมีอะไรน่ากลัว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นเจ้าไปชันสูตรพลิกศพกับข้า! หาไม่แล้วก็คือกลัวผี!”ซูเฟิ่งหลิงสบถเสียงเย็น “ไปก็ไป! ใครกลัวใคร!”ณ ตำหนักด้านข้างพระที่นั่งหย่างซินเว่ยซวินกำลังพักผ่อนระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ภัยพิบัติคนก่อหายนะไม่หยุดหย่อน บัดนี้ยังเกิดความชุลมุนเรื่องโรคมาลาเรียอีกด้วยไม่เพียงแค่ฮ่องเต้เว่ยซวินเองก็ว้าวุ่นใจ “หรือต้าเซี่ยใกล้มาถึงจุดจบแล้วจริงๆ? หาไม่แล้ว เหตุใดเกิดเภทภัยมากเพียงนี้เล่า? เฮ้อ ก็ไม่รู้ครั้งนี้สามารถผ่านพ้นไปได้หรือไม่!”ต่อให้เป็นเว่ยซวินขันทีคนนี้ ก็หวังว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น แคว้นรุ่งเรืองปวงประชาสงบสุขสาเหตุไม่ใช่อื่นใดมีเพียงใต้หล้าสงบสุข เขาถึงจะสามารถหาเงินได้มากมาย เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งร่ำรวยบัดนี้ชุลมุนวุ่นวาย
ราตรีมาเยือนภายในโรงทึม ผ้าขาวพัดตามแรงลม สายลมหนาวเหน็บดังหวีดหวิว ดุจวิญญาณกำลังร่ำไห้ต่อให้เป็นวังหลวง ที่พักศพแห่งนี้ก็เรียบง่ายเกินไปแล้วกระมังศพสิบกว่าร่างนอนบนกระดานไม้ บนตัวคลุมผ้าขาวคนรับผิดชอบดูแลโรงทึม คือขันทีเฒ่าตาบอดหนึ่งข้างคนหนึ่งในมือเขาถือน้ำเต้าสุรา กรอกสุราเข้าปาก กำลังสะลึมสะลือใกล้หลับเต็มที จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากไกลๆเงยหน้ามองแวบหนึ่งมองเห็นขันทีสวมชุดปักลายหม่าง มือถือโคมไฟข้างหลังยังมีหนึ่งชายหนึ่งหญิงตามมาฝ่ายหญิงสวมชุดเกราะ รูปโฉมงดงามเพริศพริ้งฝ่ายชายสวมชุดปักลายกิเลน รัศมีสูงสง่า เห็นได้ชัดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งแน่นอนว่าทำให้ขันทีเฒ่าตกตะลึงพรึงเพริด ยังเป็นขันทีสวมชุดปักลายหม่างข้างหน้าเขารีบคุกเข่าลง เสียงสั่นๆ “พระเก้าพันปี...”ฝันไปก็คาดไม่ถึงพระเก้าพันปีผู้ยิ่งใหญ่ บุคคลสูงสง่าเพียงนั้น ถึงขั้นมาที่โรงทึมสถานที่เช่นนี้!เว่ยซวินหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ปิดปากจมูกไว้ พูดเสียงแหบ “เมื่อคืนมีสองศพถูกส่งมาจากตำหนักจิ่นซิ่ว อยู่ที่ใด?”หากมิใช่หลี่หลงหลินยืนกรานจะชันสูตรพลิกศพ ชาตินี้เว่ยซวิน ก็ไม่คิดมาเยือนสถานที่เช่นน
สถานที่พรรค์นี้ นางมิอาจอยู่ต่อไปได้แล้ว!หากมิใช่เพราะกลัวหลี่หลงหลินจะหัวเราะเยาะตนเอง ซูเฟิ่งหลิงคงหมุนตัวหนีไปตั้งแต่แรกแล้ว! หลี่หลงหลินเองก็คิดว่าภายในโรงทึมอึมครึมเกินไป รู้สึกไม่สบายตัว ถอนหายใจพลางเอ่ย “เสร็จแล้ว! พวกเราไปเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงถอนหายใจโล่งอก จับชายเสื้อหลี่หลงหลิน กลับออกไปอย่างระมัดระวังสำหรับผลลัพธ์นี้ หลี่หลงหลินผิดหวังมากหากไม่มีความสามารถ อย่าได้เข้าไปข้องเกี่ยวชันสูตรพลิกศพงานพรรค์นี้ ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ดังคาดต่อให้เป็นคนสองโลกหลี่หลงหลิน ความอดทนอยู่เหนือคนธรรมดามาก แต่ก็ไม่สามารถทำได้หลี่หลงหลินเพิ่งออกจากประตูใหญ่โรงทึม ก็ได้ยินขันทีเฒ่าบ่นงึมงำ “ก็ไม่รู้ถูกวิญญาณร้ายอันใดครอบงำ หรือเป็นโรคติดต่อ! ศพถูกส่งมาในระยะนี้ ล้วนมีสภาพเช่นนี้ ข้าอยู่ที่โรงทึมมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน”หลี่หลงหลินชะงักฝีเท้า หันมองขันทีเฒ่า เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “เจ้าว่าอะไรนะ?”ขันทีเฒ่าตกตะลึงใจสั่น รีบคุกเข่าลง “องค์ชาย กระหม่อมพูดเลื่อนเปื้อน...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า มาหยุดต่อหน้าขันทีเฒ่า เค้นถามว่า “เจ้าพูดว่าศพอื่น ก็เป็นเช่นนี้? อยู่ที่ใด?”ขันที