หลี่หลงหลินโบกมืออย่างใจร้อน “ช่วงนี้ยุงที่ตำหนักฉางเล่อเยอะมาก!” เหล่าขันทีก็บ่นพึมพำ “ใช่! ยุงเยอะมาก ไม่รู้มาจากไหน! ไม่กี่วันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีฝูงยุงบินมาเต็มไปหมด ดุร้ายมาก เห็นคนก็กัด แปลกจริงๆ!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือ? จำวันเวลาที่แน่นอนได้หรือไม่?” ขันทีคนหนึ่งพยักหน้า “จำได้สิ! วันนั้นเป็นวันหยุดของข้าพอดี! ห่างจากวันนี้ห้าวันพอดี...” หลี่หลงหลินถามต่อ “วันหยุดของเจ้า คนอื่นเห็นคนน่าสงสัยอยู่แถวตำหนักฉางเล่อหรือไม่?” เมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยย้ำเตือน เหล่าขันทีก็จำได้ทันที “มีขันทีสองคนจากตำหนักจิ่นซิ้ว เดินวนเวียนอยู่หน้าตำหนักฉางเล่อตอนกลางดึก! พอพวกเราตะโกนใส่ พวกเขาก็วิ่งหนีไป!” ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “พวกเจ้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? เป็นขันทีจากตำหนักจิ่นซิ้วจริงๆหรือ?” ขันทีคนหนึ่งยืนยัน “ไม่ผิดแน่นอน! คือเสี่ยวเต๋อจื่อและเสี่ยวเติ้งจื่อจากตำหนักจิ่นซิ้ว! พวกเขายังติดเงินข้าอยู่เลย! ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็จำได้!” หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วในมือพวกเขาถืออะไรอยู่หรือไม่?” ขันทีคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตบต้นขาตัวเอง “องค์ชาย ท่
“นอกจากการวางแผนแล้ว ยังมีการดึงตัวไปเข้าข้าง...” หลี่หลงหลินเดินตามขันทีเข้าไปในตำหนักเฟิ่งซี พลางคิดคำนวณในใจ ฮองเฮาไม่ใช่คนที่ใครอยากจะพบก็พบได้ แม้แต่ฮ่องเต้ หากเกิดอยากจะพบหลู่ฮองเฮาขึ้นมา ต้องรอครึ่งชั่วยามก็ยังเป็นไปได้ หากหลู่ฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ถูกปฏิเสธก็เป็นเรื่องธรรมดา หลี่หลงหลินยิ่งมั่นใจ หลู่ฮองเฮาไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางตน เรื่องจะสืบสวนเรื่องมาลาเรีย เพราะนางและเขามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือฉินกุ้ยเฟย! นี่เป็นข่าวดี! หลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักอันหรูหรา เห็นหลู่ฮองเฮาสวมชุดแบบชาววังที่งดงาม เอนกายอยู่บนเตียงนุ่มๆ นางกำนัลหน้าตาสะสวยสองคนคุกเข่าอยู่ข้างหน้า นวดขาให้นางเบาๆ ต้องยอมรับว่า หลู่ฮองเฮามีสง่าราศีที่จะเป็นแม่ของแผ่นดินจริงๆ ชุดที่หรูหราอลังการ และมงกุฎหงส์สีทองอร่าม หากผู้หญิงคนอื่นสวมใส่ อาจจะดูโอ้อวด หรือแม้แต่ดูไร้รสนิยม แต่หลู่ฮองเฮามีออร่าที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งชุดงดงามเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น! “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่!” หลี่หลงหลินโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าหลู่ฮองเฮาจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหลี่หลงหลิน แต่ตามกฎ
พระพักตร์ของฮองเฮาหลู่เผยรอยยิ้ม “ขยับขึ้นมา ให้ข้าดู!”สาวใช้ทางด้านข้างรีบรับขวดกระเบื้องเคลือบ ส่งให้ฮองเฮาหลู่ฮองเฮาหลู่เปิดขวดกระเบื้องเคลือบออกเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กำจายออกมา ชวนให้คนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง“กลิ่นหอมยิ่งนัก!”ฮองเฮาหลู่ตรัสอย่างตกตะลึง “น้ำหอมดอกไม้ก็คือน้ำหอมหรือ?”ในยุคสมัยโบราณก็มีน้ำหอมแต่มากที่สุดคือผสมเข้ากับน้ำยามอาบชำระกาย สามารถรักษากลิ่นหอมได้นานหนึ่งถึงสองวันสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่ใช้ก็คือกำยาน ถุงหอมหลี่หลงหลินพยักหน้า “น้ำหอมดอกไม้สามารถใช้เป็นน้ำหอมได้ แท้จริงแล้วเป็นยาชนิดหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ยา?”หลี่หลงหลินก้มหน้า “ใช่! เป็นยากันยุงยับยั้งอาการคันชนิดหนึ่ง! ลูกคิดว่าเสด็จแม่จำเป็นต้องใช้ที่สุด จะต้องได้ใช้...”ฮองเฮาหลู่หลักแหลมมากเพียงใด ทันใดนั้นฟังออกว่าภายในคำพูดหลี่หลงหลินยังมีความนัยแฝงอยู่“เจ้าพูดคำนี้หมายความว่ากระไร?”ฮองเฮาหลู่มีน้ำโหอยู่บ้าง “ข้ามีร่างหงส์แข็งแรงดี เหตุใดเจ้าจึงนำยามาส่ง? เจ้าดีที่สุดคืออธิบายให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้า แววตาทอประกายเยียบเย็น “เริ่มแรกคือไท
ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว
ขันทีร้องตะโกนโวยวายอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ตำหนักจิ่นซิ่วชุลมุนวุ่นวายสงบไม่ลงท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของขันทีและนางกำนัล หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเหยียบเข้าตำหนักจิ่นซิ่วเพียงไม่กี่ก้าวภายในก็มีองครักษ์หนึ่งกลุ่มใหญ่โผล่ออกจากตำหนัก ดำทะมึนเป็นผืนเดียวผู้เป็นหัวหน้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส ก็คือองค์ชายสี่หลี่จือศัตรูพบหน้า ตาแดงก่ำเป็นพิเศษแม้หลี่จือและหลี่หลงหลินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง กลับมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง อยากฉีกเนื้อเลาะกระดูก ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้ขณะเดียวกันหลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเก้าตัวดี! เมื่อวาน เจ้าตบหน้าเสด็จแม่ข้าต่อหน้าธารกำนัล! ข้ายังไม่ทันถามหาเอาความจากเจ้า!”“วันนี้ เจ้าบุกเข้าตำหนักจิ่นซิ่ว รังแกถึงศีรษะข้า!”“คิดจริงหรือว่า ข้ารังแกง่ายเพียงนั้น!”“บุก!”“ให้เขามาแล้วมิได้กลับไปอีก!”เหล่าองครักษ์บุกขึ้นมา ล้อมหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงิน ใบหน้าปราศจากความกลัว ตรงข้ามกันตื่นเต้นดีใจมากสงครามภูเขาทิศประจิมไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณทางทหารให้กับกองทัพใหม่ซูเฟิ่งหลิงผ่านสงครามด
กลับคิดไม่ถึงฉินกุ้ยเฟยรับปากอย่างมีความสุขเพียงนี้เชียวรึ?นางวางท่ากลบเกลื่อน? หรือไม่กริ่งเกรงจริงกันแน่?เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลี่หลงหลินไม่คิดมาก เอ่ยปากสำทับซูเฟิ่งหลิง “เจ้าข้าแยกย้ายกันค้นหา!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า เข้าตำหนักหลักของตำหนักจิ่นซิ่วหลี่หลงหลินกลับไปยังตำหนักด้านข้างหลี่จือพาเหล่าองครักษ์ ยืนกอดอกมองอยู่ไกลๆ ใบหน้าประดับยิ้มเย็น ถึงขั้นไม่ขัดขวางจริงการกระทำเช่นนี้ ทำให้หัวใจหลี่หลงหลินหนักอึ้งเขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง น่ากลัวว่าตำหนักจิ่นซิ่วนี้หาไม่พบอะไร!ความจริง ก็เป็นเช่นนี้หลี่หลงหลินค้นหาหนึ่งชั่วยามแล้ว ค้นหาทุกซอกมุมของตำหนักจิ่นซิ่ว กลับไม่ได้รับอะไรหน้าประตูตำหนัก ซูเฟิ่งหลิงมารวมตัวกับหลี่หลงหลิน สีหน้าไม่สบอารมณ์เฉกเดียวกัน “หาทั่วแล้ว! ไม่พบสถานที่น่าสงสัยอะไร!”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่พบอะไร!”ซูเฟิ่งหลิงถอนหายใจอย่างเสียดาย “รู้ตั้งแต่แรก เรียกคนมาเพิ่มสองสามคน ตรวจค้นตำหนักจิ่นซิ่วทุกสามฉื่อ ก็ไม่เชื่อว่าจะหาอะไรไม่พบ?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าตำหนักจิ่นซิ่วไม่เหมือนแห่งอื่นนี่คือตำหนักของสนมคนโปรดของฝ่าบาทแมวสุนัขอะไร
“ตายแล้ว?”ทันใดนั้นหลี่หลงหลิน คิดว่าฉินกุ้ยเฟยกำลังหลอกแต่หลี่หลงหลินมองจากท่าทางของฉินกุ้ยเฟยแล้ว มองออกอย่างว่องไวเสี่ยวเติ้งจื่อและเสี่ยวเต๋อจื่อขันทีสองคนนี้ เป็นไปได้เจ็ดถึงแปดในสิบส่วนว่าตายไปแล้วจริงๆ!ฆ่าคนปิดปาก!สอดรับกับจิตใจอำมหิตของฉินกุ้ยเฟยมาก!หลี่หลงหลินหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถามไล่เรียง “ตายตั้งแต่ยามใด?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “เมื่อคืน!”หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจเมื่อคืน?นั่นก็หมายความว่าฉินกุ้ยเฟยหลุดปากพูดที่ตำหนักชิงหนิง รู้ว่าตนเองเผยพิรุธ ดังนั้นกลับมาแล้ว ก็ฆ่าขันทีทั้งสองปิดปาก!ตนเองช้าไปหนึ่งก้าว!ไม่!ไม่ใช่ตนเองช้าไป!แต่ฉินกุ้ยเฟยระแวงหนักเกินไป ลงมือว่องไวเกินไป!สตรีคนนี้ รับมือยากยิ่งนัก!จิตใจล้ำลึก ไม่เป็นรองฮองเฮา!มิน่าเล่า มังกรหลับหงส์ดรุณ สามารถต่อสู้กันมานานหลายปีเพียงนี้ ไม่มีใครยอมใคร!หลี่หลงหลินถามต่อ “ตายเยี่ยงไร?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “โรคมาลาเรีย”หลี่หลงหลินตกตะลึงภายในใจ “เป็นไปไม่ได้! ทั้งสองคนเป็นโรคมาลาเรียพร้อมกัน ตายไปภายในคืนเดียว? บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง?”ฉินกุ้ยเฟยยิ้มเย็น “เช่นนั้นเสด็จแม่เจ้าและไทเฮา