สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก รีบตรัสถาม “เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด? ขอเพียงเจ้าพูด เราก็จะประทานให้เจ้า!”ครั้งนี้ฮ่องเต้หวู่ดีใจอย่างแท้จริง อยากประทานรางวัลให้หลี่หลงหลินเว้นเสียแต่เงิน ก็คือตำแหน่งมิใช่หรือเหล็กกล้าตีร้อยครั้ง แลกกับตำแหน่งอ๋อง นี่เหลือเฟือมากนัก!สีหน้าหลี่หลงหลินลำบากใจอยู่มาก “ลูกมีคำขอไม่สมเหตุสมผลอย่างหนึ่ง! แต่ลูกกลัวเสด็จพ่อและเหล่าขุนนางไม่รับปากพ่ะย่ะค่ะ!”สายตาฮ่องเต้หวู่ตกลงบนตัวตู้เหวินยวน ตรัสว่า “คำขอของเจ้าเก้า เราต้องรับปากแน่! ขุนนางผู้ภักดี พวกเจ้าเล่า? คงไม่ห้ามเราประทานรางวัลให้เจ้าเก้าหรอกกระมัง?”ตู้เหวินยวนชะงักองค์ชายเก้าอันตรายยิ่งนัก!รู้อุบายผู้อื่นแล้วยังใช้อุบายนั้นโจมตีย้อนกลับได้ว่องไวเพียงนี้?แต่ถึงอย่างไรตู้เหวินยวนก็คือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ รีบคลี่ยิ้มเอื้อนเอ่ย “ฝ่าบาท ดูพระองค์รับสั่งเถิด! ประทานรางวัลแก่องค์ชายเก้า เป็นกระหม่อมเสนอเอง ไฉนเลยจะบิดพลิ้วได้เล่า!”“วันนี้กระหม่อมขอพูดตรงนี้เลย!”“หากคำขอขององค์ชายเก้า พรั่งพร้อมไปด้วยเหตุและผล ทำเพื่อราชสำนัก เพื่อต้าเซี่ย เพื่อฝ่าบาท!”“กระหม่อมก็ไม่มีเหตุผลให้ป
ฮ่องเต้หวู่เงียบงันไม่พูดจาเขากำลังชั่งน้ำหนักความร้ายแรงที่สตรีเป็นขุนนาง ไปจนถึงผลประโยชน์ที่เหล็กกล้าตีร้อยครั้งนำมาให้ ตกลงอย่างใดมีน้ำหนักมากกว่ากันหลี่หลงหลินตีฝีปากกับตู้เหวินยวนต่อ“ใต้เท้าตู้ ท่านเสียมารยาทแล้ว!”“องค์ชายเก้า ข้ามิได้เสียมารยาท! ท่านพูดว่าคนผู้นี้เป็นสตรี ข้าย่อมไม่รับปากตั้งแต่แรก!”“สตรีแล้วอย่างไร? เหตุใดไม่สามารถเป็นขุนนางได้?”“นักปราชญ์กล่าวว่าสตรีและคนถ่อยเลี้ยงดูยากเฉกเดียวกัน!”“แม่ท่านก็เป็นสตรี! นี่ก็เลี้ยงท่านมามิใช่หรือ?”“องค์ชายเก้า ท่านๆ...ท่านพูดจาหยาบคายเกินไปแล้ว ไร้ความสุภาพนอบน้อม!”เห็นได้ชัดว่าตู้เหวินยวนมิใช่คู่ต่อสู้ของหลี่หลงหลิน ถูกด่าก็ตาเหลือกจวนเจียนจะหมดสติไปแล้ว“พอแล้ว!”ฮ่องเต้หวู่เอ่ยขัดทั้งสองที่กำลังทะเลาะกัน“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรหลี่หลงหลิน เปล่งเสียงหนัก “พี่สะใภ้รองของเจ้าคนนี้ต้องเข้ากรมโยธาให้ได้กระนั้นรึ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้เป็นพี่สะใภ้รองค้นพบ...”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง จับจ้องหลี่หลงหลินเหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้เป็นท่านค้นพบและสอนพี่สะใภ้รองมิใช่หรือ?เหตุใดเป็นพี่
หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ ตู้เหวินยวนจิตใจสกปรก ลูกสกปรกยิ่งกว่า! คนชั่วกำราบคนชั่ว! ลูกไม่กลัวพวกเขา!”ฮ่องเต้หวู่เอือมระอา “นี่มิใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัว...”หลี่หลงหลินเอ่ยปากสีหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ วิจารณ์ต่อหน้าก็ดี ฝีมือของอันธพาลก็ช่างเถอะ! ลูกไม่กลัว! แต่ลูกกลับกังวลเรื่องหนึ่ง...”ฮ่องเต้หวู่ชะงัก ตรัสถาม “เรื่องใด?”หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงหนัก “ลูกกำลังสงสัย ภายในราชสำนักนี้ ต่อให้ไม่มีคนสอดแนมของเผ่าหมาน แต่ก็มีพี่สามอยู่ด้วย! เคล็ดลับเหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้สำคัญมากนัก!”“หากความลับแพร่งพรายออกจากกรมโยธาไปถึงเผ่าหมานหรือซีเหลียง”“น่ากลัวว่า...”“ผลที่ตามมาไม่อยากจะนึกถึง!”ฮ่องเต้หวู่ได้ยิน ตกตะลึงพรึงเพริดความคิดของเขายังอยู่ที่อุบายเจ้าเล่ห์ของตู้เหวินยวน ยังคิดขั้นนี้ไม่ถึงใคร่ครวญดูหนึ่งรอบ เหงื่อเย็นผุดทั่วทั้งสรรพางค์กายฮ่องเต้หวู่ถ้อยคำนี้ของเจ้าเก้ามิได้เจตนาพูดเพื่อทำให้ผู้ฟังตื่นตระหนกภายในราชสำนักจะต้องมีคนมีเจตนาซ่อนเร้น คิดเป็นอื่นอยู่อย่างแน่นอน!หาไม่แล้วตกลงใครคือผู้แย้มพรายเบาะแสของกองทัพสกุลซูกันเล่า?ยังมีคนสอดแนมของเผ่าหมานอีกด้วย
หลายวันมานี้ กงซูหว่านร้อนใจมากป่าไผ่ไม่สงบอีกต่อไป ชาในมือเองก็ไม่หอมหวานแล้ว“องค์ชายเก้าสามารถพูดเอาชนะใจฝ่าบาท ให้ข้าเข้าวังเป็นขุนนางได้จริงหรือ?”“อุปนิสัยของข้านี้ เหมาะสมลอยเด่นอยู่เหนือเหล่าขุนนาง มอบใบหน้าประดับยิ้มให้ผู้อื่น ประจบสอพลอเอาใจคนกระนั้นรึ?”“แต่หากข้าไม่เข้ากรมโยธา เช่นนั้นสกุลกงซูจะทำเยี่ยงไร...”กงซูหว่านรู้สึกสับสนภายในใจพูดตามสัตย์จริง กงซูหว่านไม่ยินดีเดินบนเส้นทางสายนี้ อยู่ร่วมกับขุนนางทุจริตเหล่านั้นนางเพียงอยากหาสถานที่สงบแห่งหนึ่ง ศึกษาพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้วิชากลไกของสกุลกงซูโด่งดังเลื่องชื่อปัญหาที่มีอยู่ในมือไม่มีการสนับสนุนจากราชสำนัก ต่อให้กงซูหว่านคิดค้นสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ออกมา แต่มีประโยชน์อันใดเล่า?ยังมิต้องเก็บไว้บนหิ้ง ปล่อยฝุ่นเกาะ ลงท้ายก็ถูกคนลืมหรอกหรือ?“พี่รอง...”“ข้าควรทำเยี่ยงไร?”กงซูหว่านมองภาพเหมือนของสามีผู้ล่วงลับ น้ำตาไหลนองหน้าอย่างไม่รู้ตัว“พี่สะใภ้รอง!”“พี่สะใภ้รอง!”ซูเฟิ่งหลิงโผล่พรวดพราดเข้ามาในลานป่าไผ่ ความสุขเกลื่อนหน้า “พี่สะใภ้รอง มีข่าวดี! ฝ่าบาทรับปาก ให้ท่านเข้าเป็นขุนนางในกรมโยธาแล้ว! มิ
อุปนิสัยของกงซูหว่านเป็นเช่นไร พวกนางล้วนรู้ดีนางเป็นสตรีดื้อรั้นมากคนหนึ่ง!หากตัดสินใจเรื่องใดไปแล้ว ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!ในเมื่อนางพูดว่าไม่อยากเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง เช่นนั้นก็ไม่มีวันไป!ซูเฟิ่งหลิงเผยสีหน้าว้าวุ่น “พี่สะใภ้รอง ท่านไม่ยอมเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง ไฉนไม่พูดตั้งแต่แรก? ฝ่าบาทล้วนรับปากไปแล้ว! หากท่านไม่ไป นี่ต้องถูกลงโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง! ฝ่าบาทจะต้องไม่พอพระทัยเป็นแน่!”กงซูหว่านขมวดคิ้ว “อ้างว่าป่วย! หากไม่ได้จริงๆ ก็แกล้งตาย! พวกเจ้าขุดสุสานให้ข้าแห่งหนึ่ง ตรงข้ามกันข้าสามารถอยู่ภายในนั้น ร้อยปีไม่ออกมาได้!!”“.....”ทุกคนพูดไม่ออกแล้วแม้แต่แกล้งตายกงซูหว่านก็คิดออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าความคิดไม่ยอมเป็นขุนนางนี้แข็งแกร่งมาก!ปัญหาก็คือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหล็กกล้าตีร้อยครั้งต่อให้กงซูหว่านแกล้งตาย หลบอยู่ภายในสุสาน ฮ่องเต้ก็ไม่มีวันเลิกรา!“พี่สะใภ้รอง! พี่สะใภ้รอง...”ตอนนี้เอง หลี่หลงหลินที่มีสีหน้าดีอกดีใจมาที่ลานป่าไผ่เพื่อแจ้งข่าวดีต่อกงซูหว่าน“หา?”หลี่หลงหลินเปิดประตู พบญาติฝ่ายหญิงล้วนอยู่ทั้งหมด พูดยิ้มๆ “ทุกคนมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดเลยหรื
สถาบันวิจัยภูเขาประจิม?ตนเองไม่จำเป็นต้องประจบเอาใจ ไม่ต้องพึ่งพาผู้มีอำนาจ ราชสำนักยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด?กงซูหว่านตกตะลึง คล้ายกำลังอยู่ในห้วงฝัน!อยู่ที่ภูเขาทิศประจิมแยกออกจากโลกภายนอก อยู่ร่วมกับสหายรู้ใจ ร่วมกันประดิษฐ์สิ่งของ ค้นคว้าวิชากลไกไม่ต้องตีฝีปาก ไม่ต้องไปจัดการความสัมพันธ์อันวุ่นวายของคน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าสำคัญที่สุดคือสิ่งที่พวกเขาวิจัยออกมา ราชสำนักนำไปใช้สร้างคุณประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง มิได้กลายเป็นขยะไร้ประโยชน์!นี่มิใช่ชีวิตในฝันของนางหรอกหรือ?“องค์ชายเก้า นี่คือเรื่องจริงหรือ?”เสียงกงซูหว่านสั่นๆ คล้ายรอยแตกบนธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปีหลี่หลงหลินพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม “ไม่กล้าปิดบังพี่สะใภ้!”ธารน้ำแข็งภายในหัวใจของกงซูหว่านพังทลายลงในทันใด ไม่อาจข่มอารมณ์ของตนได้อีก น้ำตาเอ่อล้น คุกเข่ากับพื้นพร้อมทั้งคำนับ “ขอบคุณมาก องค์ชายเก้า!”หลี่หลงหลินประคองกงซูหว่านขึ้น “พี่สะใภ้รอง ทำเช่นนี้ไม่ได้! เฟิ่งหลิง เจ้ารีบประคองพี่สะใภ้รองเข้าห้อง ให้นางสงบอารมณ์! ช่วงบ่ายพวกเราจะไปภูเขาทิศประจิมเพื่อเลือกสถานที่สถาบันวิจัย
หลี่หลงหลินพูดต่อ “ที่พักเล่า?”หนิงชิงโหวส่ายหน้าดังเดิม “ก็ไม่ใช่”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นข้าก็ไม่เข้าใจแล้ว! กินดีอยู่ดี ให้พวกเขาร่ำเรียนโดยไม่เสียเงิน ทุกเดือนยังส่งเงินกลับบ้านของพวกเขาได้! ยังมีอันใดให้กังวล?”หนิงชิงโหวกระซิบ “พวกเขากังวลคนในครอบครัว สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยนอกเมืองไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว...”หลี่หลงหลินตกตะลึงคนเป็นทหาร ที่กังวลกลับมิใช่ตนเอง เพราะพวกเขาตัดสินใจเข้าสนามรบอยู่ทุกเมื่อ เตรียมเสียสละเพื่อบ้านเมืองพวกเขากังวลก็คือคนในครอบครัว!ตนเองกินดีอยู่ดีที่ภูเขาทิศประจิม มีเนื้อกินทุกมื้อคนในครอบครัวกลับอยู่อย่างอดอยากที่ค่ายผู้ลี้ภัยบัดนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยยังมีเบี้ยเลี้ยงทหาร สถานการณ์ของคนในครอบครัวของพวกเขาล้วนลำบากเพียงนี้ หากเกิดสงคราม พวกเขาเข้าร่วมออกศึกในสนามรบ สู้จนตายเล่า?ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นผู้ลี้ภัยไร้บ้าน กลายเป็นขอทานหรอกหรือ?หนิงชิงโหวหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าเองก็ใคร่ครวญมานานมากแล้ว! ต้องการคลายความกังวลของพวกศิษย์ มีเพียงทางเดียวก็คือมอบเงินให้ครอบครัวของพวกเขา...”หลี่หลงหลินปฏิ
ที่ดินได้มาโดยไม่เสียอะไร อันที่จริงก็คือการปรับที่ดินในสังคมศักดินา นี่ก็คือการเขย่ารากฐาน และเป็นการกระทำของกบฏต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ก็ไม่สามารถทำได้นับประสาอะไรกับหลี่หลงหลินองค์ชายคนหนึ่งแต่หากพูดว่าเช่าก็ไม่เหมือนกันแล้ว สามารถอ้อมเกล็ดใต้คอของขุนนางชนชั้นสูงได้สำหรับเรื่องละเว้นค่าเช่า กลับพบได้บ่อยครั้งแม้แต่ผู้มีคุณธรรมในท้องถิ่นก็มักละเว้นค่าเช่าที่อยู่บ่อยๆสรุปว่าการกระทำของหลี่หลงหลินนี้ ต่อให้ตู้เหวินยวนจงใจหาเรื่องก็ไม่สามารถก่อเรื่องอันใดได้ คิดเพียงว่าเขาเป็นตัวโง่งม ที่ดินหนึ่งหมื่นหมู่กลับปล่อยเช่าโดยไม่เก็บเงินหนิงชิงโหวตื่นเต้นมาก ค้อมคำนับ “องค์ชายเก้า ข้าขอขอบคุณท่านแทนเหล่าทหารแล้ว!”เขาวาสนาดียิ่งนัก สามารถติดตามหลี่หลงหลินได้บนตัวของหลี่หลงหลินมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากผู้อื่นหรืออาจพูดว่าความคิดอ่านของหลี่หลงหลินอยู่เหนือคนในยุคนี้ไกลนักต่อให้เป็นนักปราชญ์ในอดีตก็ไม่สามารถเทียบเขาได้หลี่หลงหลินโบกมือ สีหน้าเรียบเฉย “ก็แค่เรื่องเล็กเท่านั้น! แต่...”ที่นาในภูเขาทิศประจิมต้องถูกจัดสรรปันส่วนทว่าใครเป็นคนไปประกาศเรื่องนี้ ก็ย
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ