ลั่วอวี้จู๋โมโหอยู่บ้างผ้าฝ้ายขายไม่ออก ร้านขายผ้าสกุลซูค้าขายย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ท่านไม่คิดหาทางแก้ก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังสร้างปัญหาเพิ่มอยู่ที่นี่?รู้ว่าขาดทุน กลับยังไม่ยอมลดการผลิตมีใครทำการค้าเหมือนท่านด้วยหรือ?หลิ่วหรูเยียนเองก็แปลกใจมาก “องค์ชายเก้า ข้ารู้ท่านอยากให้พวกแม่ม่ายเด็กกำพร้ามีชีวิตที่ดี แต่ท่านไม่ลดการผลิตก็ช่างเถอะ นี่ยังจะเพิ่มการผลิต? ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?”หลี่หลงหลินมองพี่สะใภ้รูปโฉมงดงามดุจบุปผาทั้งสองท่าน พูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้สี่ ข้าขอไขความกระจ่างให้พวกท่านเอง! เพื่อความสงบสุขของเมืองหลวง ฝ่าบาทวางแผนรับสมัครลูกหลานชนชั้นสูง ก่อตั้งองครักษ์เสื้อแพร ให้เว่ยซวินรับผิดชอบบัญชาการ!”“ข้าตกลงกับเว่ยซวินดีแล้ว สกุลซูเป็นผู้ทำชุดมัจฉาบินขององครักษ์เสื้อแพร!”ลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียนได้ยินก็ดีใจขึ้นมา“องค์ชายเก้า เหตุใดท่านไม่พูดตั้งแต่แรกเล่า!”พวกชนชั้นสูงมีเงิน ใบสั่งซื้อขององครักษ์เสื้อแพรจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อยเป็นแน่!”“วสันต์คิมหันต์เหมันต์สารทฤดูอย่างละชุด นี่ก็สี่ชุดแล้ว ยังต้องมีสำรอง ก็เป็นแปดชุด...”ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคำนวณยิ่งดีใจ
วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย มันถูกหลอมในรูปแบบนี้แต่วิธีนี้ซับซ้อนเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพแม้แต่ช่างที่เชี่ยวชาญก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะสามารถหลอมเหล็กได้ร้อยชิ้นมันช่างช้าเกินไปจริงๆวิธีแก้ปัญหาของหลี่หลงหลินนั้นง่ายมากนั่นก็คือการหลอมด้วยเตาถลุงเหล็กซึ่งเป็นวิธีพื้นบ้านวิธีเช่นนี้ ต้นทุนที่ใช้ต่ำมาก แต่ก็สามารถหลอมเป็นสินค้าได้ไม่ด้อยไปกว่าเหล็กสมัยใหม่เลยทว่าหลี่หลงหลินไม่ค่อยรู้เรื่องการถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอมมากนัก แต่ว่าความคิดพื้นฐานนี้ ปัญหาทางวิธีการที่เหลืออยู่ คงต้องให้กงซูหว่านสตรีเรียนดีผู้นี้คิดหาทางแก้ไขด้วยตัวเองหลี่หลงหลินเชื่อว่า ด้วยสติปัญญาของกงซูหว่าน เพียงให้แนวทางกับนาง เรื่องถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอม ก็ง่ายอย่างกับพลิกฝ่ามือฮู้...หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว ก็ทอดถอนใจกับตัวเอง “ข้านี่ช่างขยันจริงๆ ทำงานจนโต้รุ่งเลยทีเดียว...”ปัง!ทันใดนั้นประตูใหญ่ก็ถูกคนเตะเข้ามาในเวลานี้ ร่างอรชรก็บุกเข้ามาซึ่งก็คือซูเฟิ่งหลิงใบหน้าของนางอมชมพู ริมฝีปากแต้มสีชาด ผมสีดำเงาเกล้าขึ้นสูงปักปิ่นทอง การแต่งกายงดงามมีเสน่ห์ ส
หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สี่ ท่านสวยมาแต่กำเนิด ไหนเลยต้องอาศัยผงแป้ง สวยกว่าสตรีบางคนที่แต่งหน้าจัดอีก!”หลิ่วหรูเยียนปิดปากหัวเราะเบาๆ ทำให้นางต่างจากเวลาปกติ “องค์ชายเก้า เจ้าช่างพูดความจริงได้น่าฟังยิ่งนัก”ซูเฟิ่งหลิงโกรธมาก นางใช้ศอกกระแทกไปที่หลี่หลงหลินเมื่อเห็นว่าหลี่หลงหลินแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยความเจ็บปวด หลิ่วหรูเยียนก็ถามด้วยความเป็นห่วง “องค์ชายเก้า ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”หลี่หลงหลินโบกมือ แล้วยืดตัวตรง ส่งกระดาษไปให้ “พี่สะใภ้สี่ นี่คือชุดมัจฉาบิน ข้าอดหลับอดนอนถึงได้วาดเสร็จ”หลิ่วหรูเยียนรับภาพวาดไป แล้วมองดูสักครู่ ทันทีใดนั้นสายตาของนางก็เป็นประกาย เอ่ยด้วยความตกใจว่า “นี่คือชุดมัจฉาบิน ช่างสง่างามยิ่งนัก ช่างไม่ธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้”ซูเฟิ่งหลิงกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้สี่ ชุดที่เขาออกแบบ มันงดงามขนาดนั้นจริงๆ หรือ?”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเล็ก เจ้าเชื่อในวิสัยทัศน์ความงามของข้าหรือไม่ ชุดมัจฉาบินนี้ หากองค์ชายเก้าสวมเป็นชุดของบุรุษ จะต้องมีสาวน้อยมากมายมาหลงใหลอย่างแน่นอน”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก “ชิ อย่างเขานี่หรือ? ยังหล่
กงซูหว่านหน้าแดงเล็กน้อย เอ่ยเตือนว่า “ข้าเคยพูดว่าเหงา แต่ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร? น้องเล็กก็อยู่นะ เจ้าไม่กลัวว่านางจะทุบตีเจ้าหรือ?”เห็นได้ชัดเลยว่ากงซูหว่านก็คิดไม่ดีเหมือนกันหลี่หลงหลินอธิบายว่า “พี่สะใภ้รอง มีงานใหญ่มาแล้ว นี่คือมีดปักลายที่ข้าใช้เวลาออกแบบทั้งคืน ในวังกำลังต้องการ เจ้าลงดูว่าจะสามารถเร่งผลิตได้หรือไม่”มีดปักลาย?กงชูหว่านตะลึงงันตระกูลกงซู สิ่งที่เก่งที่สุดคือการออกแบบอาวุธสงครามบันได รถหน้าไม้ รถบุกโจมตี รถโยนหิน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์จากตระกูลซูแม้ว่าเครื่องทอผ้า แว่นสายตายาว กล้องส่องทางไกลที่หลี่หลงหลินออกแบบนั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก และน่าสนใจมากแต่ในความเห็นของกงซูหว่าน พวกมันเป็นเพียงอุปกรณ์เล็กๆ ไม่ได้กระตุ้นความสนใจมากนักคราวนี้ ในที่สุดหลี่หลงหลินก็ได้ออกแบบอาวุธสงครามแล้วดวงตาของกงซูหว่านเป็นประกาย “มีดปักลายหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน! ไหนภาพออกแบบล่ะ? เอาออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ!”หลี่หลงลินหยิบภาพวาดของมีดปักลายออกมา ออกมาแล้วก็ส่งไปที่มือของกงซูหว่านกงซูหว่านก้มหน้าลง ตั้งใจมองอยู่ครู่หนึ่ง และอุทานว่า “มันอัศจรรย์มา
กงซูหว่านเม้มฝีปาก แล้วจ้องเข้าไปในแววตาของหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรหรือ?”หลี่หลงหลินยิ้ม “แน่นอน! และข้าก็ยังรู้ด้วยว่าถ้าสามารถผลิตเหล็กหลอมได้หลายร้อยชิ้น ไม่เพียงแต่ทั้งต้าเซี่ยเท่านั้น แม้แต่ทั้งใต้หล้านี้ก็พลิกฟ้าพลิกดินได้!”ซูเฟิ่งหลิงน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้ “ถ้าสามารถผลิตเหล็กหลอมได้หลายร้อยชิ้นจริงๆ จะสร้างอาวุธและชุดเกราะเทพได้มากขนาดไหน!”กงซูหว่านก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่! มีอาวุธสงครามมากมายที่ไม่กล้าจะจินตนาการ และสามารถสร้างมันออกมาได้...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งซูเฟิ่งหลิงก็ช่างเถอะ เดิมทีนางก็เป็นเพียงเด็กโง่คนหนึ่งแต่ด้วยความสามารถและความฉลาดของกงซูหว่าน ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของยุคนี้อยู่แล้ว แต่วิสัยทัศน์ก็ยังได้รับอิทธิพลจากยุคสมัยจะสร้างเกราะแบบไหน จะสร้างอาวุธแบบไหน!จุดประสงค์ในการผลิตเหล็กกล้า ได้กลายเป็นการผลิตปืนและปืนใหญ่ไปแล้ว!ยุคสมัยของอาวุธเย็นได้สิ้นสุดลงแล้ว!อนาคตคือยุคแห่งอาวุธปืน!ทหารม้าเผ่าหมานอี๋เหล่านั้น เพียงกระสุนนัดเดียวก็สามารถทำลายทั้งหมดได้!อย่างไรก็ตาม หลี่หลงหลินคิดเช่นนี้เพียงใน
“องค์ชายท่านรีบไปดูเถอะ!”หลี่หลงหลินตะลึงจางอี้เจ้าคนไร้ประโยชน์ผู้นี้ กล้าไปท้าทายพ่อตัวเองได้อย่างไร?พอได้เป็นบัณฑิตชั้นสูง ก็เลยปีกกล้าขาแข็งอย่างนั้นหรือ?ในเวลานี้ ซูเฟิ่งหลิงที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นชุดทหารเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลี่หลงหลินถามว่า “ภาพอักษรที่ข้าให้เจ้า เจ้าเอาใส่กรอบแล้วใช้หรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ากล่าวว่า “เสร็จแล้วเมื่อวาน”หลี่หลงลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เอาล่ะ! นำภาพอักษรไปที่เขาทิศประจิม!”ซูเฟิ่งหลิงหยิบภาพอักษรขึ้นมาทันที ขึ้นรถม้าพร้อมกับหลี่หลงหลินและหนิงชิงโหว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่เขาทิศประจิมหนึ่งชั่วยามต่อมาเมื่อ หลี่หลงหลินมาถึงเขาทิศประจิม เขาลงจากรถม้า ก็เห็นหรงกั๋วกงกำลังทอดถอนใจกลุ่มชนชั้นสูงกำลังเกลี้ยกล่อมหรงกั๋วกงแต่เขากลับไม่ฟังเลย“หัวหน้าสำนักศึกษามาแล้ว!”เมื่อเหล่านักเรียนเห็นว่าหลี่หลงหลินมาแล้ว จึงทำความเคารพอย่างรวดเร็วหลี่หลงหลินเดินผ่านฝูงชน แล้วเดินไปตรงหน้าจางเฉวียน เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “หรงกั๋วกงข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับจางอี้กำลังทะเลาะกัน! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก
หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆเห็นได้ชัดว่าจางอี้อยู่ในช่วงต่อต้านแม้แต่เจ้าที่เป็นพ่อ เขายังไม่ฟังเลยแล้วข้าเป็นใคร?แต่มีคำพูดของคนผู้หนึ่ง จางอี้จะต้องฟังแน่หลี่หลงหลินพูดกับซูเฟิ่งหลิง “ไปเอาตัวเจ้าเด็กเวรจางอี้ออกมา!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปที่ประตูพร้อมตะโกนว่า “จางอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”จางอี้เดิมทียังคงต่อต้านอยู่ในห้องอย่างดื้อรั้น ใช้ตู้ดันประตูเอาไว้ ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้ลงมา ก็ไม่คิดที่จะเปิดประตูแต่พอเขาได้ยินเสียงของซูเฟิ่งหลิง ก็ตกใจกลัวจนฉี่แทบราด เขารีบเปิดประตูออกมา แล้วก้มหน้า “ท่านอาจารย์...”ไม่มีทาง!ประสบการณ์ที่เลวร้ายในเดือนนี้ทำให้จางอี้ ต้องทนทุกข์ทรมานจากความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดสะเทือนใจ ตอนนี้จางอี้ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน แม้แต่บิดาก็ยังกล้าต่อต้านทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าซูเฟิ่งหลิง กลับกลายเป็นหนูที่เห็นแมว“เจ้าลูกทรพี!”จางเฉวียนที่ไม่ได้ดั่งใจก็ยื่นมือออกไปหมายจะทุบตีหลี่หลงหลินยื่นมือออกไปห้ามจางเฉวียน “หรงกั๋วกง ลูกจะสั่งสอนให้ดีได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการทุบตี! เจ้าต้องพูดเหตุผลกับเขา! ช่างเถอะ ดูท่าเจ้าก็ไม่ใช่คนที่จะใช้เหตุผ
มันช่างเป็นคำชื่นชมที่ขัดต่อกฎธรรมชาติจริงๆซูเฟิ่งหลิงละอายใจจริงๆ!หลี่หลงหลินมองไปที่ธงเกียรติยศเขาทิศประจิมทั้งหมดที่กำลังกระพือ กลับรู้สึกพอใจมากธงเกียรติยศ!คำด้านบนนี้อาจจะฟังดูเลี่ยนหน่อย ถึงจะมีประโยชน์ในการโฆษณา!แต่ว่าธงเกียรติยศเป็นเพียงผลพลอยได้ การโฆษณาจริงๆ คือหนิงชิงโหวและจางอี้สองคนนั้นต่างหากหลี่หลงหลินโบกมือเรียกหนิงชิงโหวมาและอธิบายให้ชนชั้นสูงทุกคนได้ฟัง “ชื่อของเขาคือหนิงชิงโหว เขาคือบัณฑิตจอหงวนในการสอบขุนนางพระราชทานครั้งนี้!”ขุนนางต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง พร้อมกับยกมือขึ้นคำนับ “ชื่นชมชื่อเสียงมานานแล้ว!”หนิงชิงโหวไม่ชอบเลียแข้งเลียขาผู้มีอำนาจ เขาคุ้นเคยกับการหยิ่งผยอง เขาเพียงยกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “มิกล้า!”นั่นก็ยิ่งทำให้เหล่าชนชั้นสูงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ“สมแล้วที่เป็นบัณฑิตจอหงวน!”“ช่างน่าชื่นชมมากจริงๆ!”“ข้าได้ยินมาว่าหนิงเซิงผู้นี้ก่อนเป็นบัณฑิตจอหงวน เขาถูกขนานนามว่าเป็นบัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งในใต้หล้า!”“ช่างเป็นยอดฝีมือมาก! น่าทึ่งมากจริงๆ!”เหล่าชนชั้นสูงล้วนเป็นคนหยาบกระด้าง สำหรับบัณฑิต และยิ่งกับหนิงชิงโหวที่เป็น