พระราชโองการของฝ่าบาท เป็นขวัญกําลังใจให้แก่ทหารที่เหลืออยู่ของตระกูลซู พวกเขารีบรุดวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวความตาย พวกหน่วยทหารกล้าตายแปดร้อยนายจะเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้ยังไง พวกเขาถูกจู่โจมจนเละตุ้มเปะไปหมด พ่ายแพ้ราบคาบ! ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม กลุ่มกบฏส่วนใหญ่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือคุกเข่ายอมจํานน ซูเฟิ่งหลิงจับหลี่เซวียนด้วยมือตัวเอง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนา และพาเขาไปหาฝ่าบาท “ดี!” ฝ่าบาทดีใจมาก เขามองไปที่ซูเฟิ่งหลิง: “ข้าพูดคำไหนคำนั้น! เจ้าต้องการรางวัลอะไร? เครื่องประดับทอง ชุดเกราะและดาบ เรือนหลังงามที่ดินแปลงสวย เจ้าเอ่ยปากมาได้! ” ซูเฟิ่งหลิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว นางคุกเข่าลงบนพื้นแล้วส่ายหัว: “ฝ่าบาท! หม่อมไม่ต้องการรางวัลเหล่านี้! ” ฝ่าบาทประหลาดใจ: “ห๊า? แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด? ” ดวงตาของซูเฟิ่งหลิงแดงระเรื่อ: “แม่ทัพสิบแปดคนของตระกูลซู ได้ปกป้องชายแดนทางเหนือมาเป็นเวลาหลายปี มีความจงรักภักดี สร้างชัยชนะในการรบ! แต่พวกเขาตกเป็นเหยื่อของผู้ทรยศและเสียชีวิตในสนามรบ กองทัพตระกูลซูก็เหลือทหารเพียงพันนายเท่านั้น! ” “ทุกวันนี้ มีคนไม่น้อยใส่ร้
มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า การประชุมขุนนางในตอนนี้ แบ่งพรรคแบ่งพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก่งแย่งชิงดีระหว่างขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆขุนนางฝ่ายบู๊ส่วนใหญ่เป็นญาติสายตรงของตระกูลซู พวกเขาสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงให้ลงสนามรบ เช่นนี้ไม่มีอะไรให้วิจารณ์ได้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงเช่นเดียวกัน ก็สมควรที่จะไตร่ตรองดูแล้ว!นอกจากนี้ ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือบารมีของตระกูลซูในกองทัพทหาร!ถ้าหากซูเฟิ่งหลิงลงสนามรบ ถูกคนฆ่าตาย ตัดสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลซูเกรงว่าจะต้องเกิดการก่อกบฏขึ้นในกองทัพ!ถึงตอนนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเร่งเดินทัพบุกเข้ามา ต้าเซี่ยก็จบเห่แน่!เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่า ฮ่องเต้หวู่ก็เห็นจุดนี้แล้ว ถึงได้ลังเลเช่นนี้ในเมื่อฮ่องเต้หวู่ไม่สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงนำทัพทหารพ่ายศึกลงสนามรบ ไปตายอย่างเสียเปล่าได้เช่นนั้นเขาทำได้แค่เพียงปฏิเสธซูเฟิ่งหลิง คิดหาหนทางให้นางกับทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนายรั้งอยู่ที่เมืองหลวงในความเป็นจริง นี่คือเส้นทางที่เดินต่อไปไม่ได้เช่นกันซูเฟิ่งหลิงกลับไม่สนใจส่วนที่สำคัญอยู่ที่ทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนาย!มีผู้มารุกรานอาณาเ
องค์ชายเก้าเองก็อยากยกทัพไปปราบหมานอี๋ ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเช่นกัน?เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นบู๊ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตนเององค์ชายเก้าขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรก่อนหน้านี้กองทัพตระกูลซูทำสงครามกับเผ่าหมาน อยู่ที่ดินแดนทางเหนือ เขาตกใจจนหนีการสู้รบ ทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายเหตุใดตอนนี้องค์ชายเก้านิสัยถึงได้เปลี่ยนไป?องค์ชายพระองค์อื่น ก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน จ้องมองน้องชายคนเล็กสุดของตนพวกเขาเข้าใจอุปนิสัยของหลี่หลงหลินเป็นที่สุดแล้วไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เหตุใดหลี่หลงหลินถึงเป็นฝ่ายเสนอตัวขอนำทัพ ออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือซูเฟิ่งหลิงเองก็ตกใจเช่นกัน ดวงตานกการะเวกจ้องมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจองค์ชายเก้าผู้ไร้ความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะไม่กลัวตาย ยอมยกทัพออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกับตนถึงแม้ว่าเขาจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแต่ความกล้าหาญครั้งนี้ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่!มีเพียงฮ่องเต้หวู่ที่โมโหจนควันออกหู หัวใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ค้อนหลี่หลงหลินด้วยความดุร้าย!เจ้าเก้ายังคงเป็นคนไร้ประโยชน์คนนั้นเช่นเดิม!เราพูดชั
แม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ก็เชื่อไม่ได้ จะมอบอำนาจทางทหารให้พวกเขาไม่ได้ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีอยู่ไม่กี่คนที่มีอำนาจทางทหารเนื่องจากเจ้าหกไม่มีอำนาจทหาร ถึงได้คิดว่าฮ่องเต้หวู่เมินตนเอง ถึงได้เลี้ยงดูทหารหน่วยกล้าตาย ทำการก่อกบฏ!เจ้าเก้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรมาร้องขออำนาจทหาร?อีกทั้ง เจ้าเก้ายังอยากจะสร้างทหารใหม่อะไรอีก?บัดนี้เผ่าหมานได้โจมตีแนวป้องกันดินแดนทางเหนือแตกแล้ว เดินทัพลงใต้ ประชิดเมืองหลวงสร้างกองทัพทหารใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง?รอให้เจ้าสร้างกองทัพสำเร็จ ก็คงสายเกินไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างกองทัพทหารใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเสบียง เงินเดือนทหาร อาวุธ...นั่นไม่ใช่เป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ!บัดนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า ราชสำนักมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ อย่าว่าแต่สร้างกองทัพทหารใหม่ แม้แต่เงินเดือนทหารรักษาพระองค์ยังค้างจ่ายหลายเดือน!นี่ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกหรือ?ฮ่องเต้หวู่จะรับปากเจ้าได้อย่างไร!ในความเป็นจริง ตอนแรกฮ่องเต้หวู่เองก็คิดว่าคำพูดของหลี่หลงหลิน เหลวไหลเกินไปจร
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลี่หลงหลินหลุดออกจากปาก ทั้งท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึงทันทีไม่ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ หรือว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ทั้งหมดสงสัยว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว!องค์ชายเก้าบ้าไปแล้วหรือ?ทุกคนต่างต้องการกำจัดองค์ชายหกออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงหลี่หลงหลินที่ก้าวออกมาโต้แย้ง ขอความเมตตาแทนองค์ชายหก?มีเหตุผลอะไรกันแน่?ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินถูกจับเข้าคุก เกือบจะต้องตาย ก็เป็นเพราะองค์ชายหกเป็นผู้ส่งเสริม อยู่เบื้องหลัง!ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลิน กล่าวอย่างตื่นตะลึง “ท่านกำลังทำอะไรอยู่? องค์ชายหกทำร้ายท่านอย่างน่าสงสารขนาดนี้! ยังทำร้ายตระกูลซูของข้าจนหมดสิ้น แต่ท่านกลับช่วยเขาพูด!หลี่หลงหลินเหลือบมองซูเฟิ่งหลิงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ “ที่นี่คือท้องพระโรง ในเมื่อเจ้าไม่เข้าใจ ก็อย่าพูดจาเหลวไหล ระวังจะเป็นอันตรายต่อตนเอง!”ซูเฟิ่งหลิงสำลักจนพูดไม่ออก ใบหน้าดำคร่ำเครียดฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว กล่าวอย่างสนใจ “เจ้าเก้า เราไม่คิดเลยว่า เจ้าจะขอควาเมตตาแทนเจ้าหก! เจ้าลองว่ามา มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่สังหารเขา!”หลี่หลงหลินสีหน้าลำบากใจ จ้องมององค์ชายและบรรดาขุนนางใหญ่
“วางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ไม่เพียงขุนนางบุ๋นบู๊ แม้แต่เสด็จพ่อ ท่านก็ถูกหลอกลวงเช่นกัน! เป็นไปได้จริง ๆ งั้นหรือ?”ฮ่องเต้หวู่สีหน้าตกละลึงในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกว่ามีจุดที่ผิดปกติ!นั่นก็เป็นเพราะเป็นแผนก่อกบฏของเจ้าหก รีบร้อนจนเกินไป โง่เขลาเกินไปจริง ๆ!กล่าวว่าเขาเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด เป็นตัวการใส่ร้ายตระกูลซู?คนโง่ถึงจะเชื่อ!ในเมื่อไม่ใช่เจ้าหก เช่นนั้นมือมืดเบื้องหลังยังมีคนอื่นอยู่!ไม่เพียงเจ้าเก้า แม้แต่เจ้าหก ก็เป็นแพะรับบาปที่คนผู้นี้จัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!ถ้าหากตนโมโห ไม่แยกแยะถูกผิด ฆ่าเจ้าหกเช่นนั้น มือมืดเบื้องหลังผู้นี้ไม่เพียงสามารถปิดฟ้าข้ามทะเล รอดพ้นภัยพิบัติอีกทั้งตั้งแต่บัดนี้ไป ก็จะต้องแบกชื่อจักรพรรดิทรราช!คนผู้นี้อาจจะอยู่เบื้องหลัง ปลุกปั่นเจตนาของชาวบ้าน ยุแยงตะแคงรั่วตามอำเภอใจ !ฮ่องเต้หวู่ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกกลัวในภายหลัง อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเหงื่อแตก!ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเตือนได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงโง่งมจักรพรรดิผู้สูงส่ง ถูกคนหลอกใช้กลายเป็นหมาก กลายเป็นตัวตลก ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หวู่โมโห!“
จางไป่เจิง!หลี่หลงหลินตะลึงงันไปทันที!เขานำทัพทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่งแสนนาย ไปทำศึกกับเผ่าหมานไม่ใช่หรือ?เหตุใดจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?ไม่ช้า หลี่หลงหลินก็เข้าใจฮ่องเต้หวู่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!เรื่องอื่น ฮ่องเต้หวู่เดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้าหกจะก่อกบฏด้วยเหตุนี้ เขาจึงจงใจให้จางไป่เจิงนำทัพออกศึก สร้างภาพลวงตาว่ากำลังทหารในเมืองหลวงว่างเปล่า!ความเป็นจริง จางไป่เจิงไม่ได้ไปไหนเลย แอบซุ่มอยู่ในวังหลวง รอให้เจ้าหกเข้ามาติดกับเอง!แม้ว่าตนจะไม่ได้ให้ซูเฟิ่งหลิงนำทหารพ่ายศึกตระกูลซูปราบกบฏฮ่องเต้หวู่วางแผนการทุกอย่างเอาไว้แต่แรก จัดการเจ้าหกอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส!หลี่หลงหลินเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจทันที!เอาแต่จ้องจะเล่นงานผู้อื่น โดยไม่คาดว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องเล่นงานอยู่เช่นกัน!อย่างไรเสียฮ่องเต้หวู่ก็คือจักรพรรดิ ความคิดล้ำลึก ราวกับเหวลึกและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างทอดถอนใจ “เสด็จพ่อ ที่แท้ท่านก็วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว! ต่อให้ลูกไม่ลงมือ ท่านก็สามารถอยู่ในตำแหน่ง
เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ยิ่งใหญ่และสำคัญเกินไป ไม่ใช่เรื่องที่แม่ทัพฝ่ายบู๊อย่างเขาจะสามารถยุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดจาเพ้อเจ้อฮ่องเต้หวู่ทอดถอนใจ กล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สถานการณ์ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นอย่างไรบ้าง?”จางไป่เจิงกล่าวเสียงขรึม “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกำลังเดินทางลงใต้ บุกโจมตีอย่างฮึกเหิม! กระหม่อมจำเป็นต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้ เพื่อเร่งเดินทางให้ทันทัพใหญ่พ่ะย่ะค่ะ! มิเช่นนั้น ไม่มีนายพลคอยสั่งการ เกรงว่าจิตใจของเหล่าทหารจะไม่สงบ!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด!”จางไป่เจิงสีหน้าลำบากใจ “ฝ่าบาท ทัพใหญ่ออกศึก ปูนบำเหน็จรางวัลให้สามเหล่าทัพ บรรดาพลทหารจึงจะมีขวัญกำลังใจ ต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ! แต่ทหารรักษาพระองค์ไม่ได้เบี้ยเลี้ยงมาสามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่กล่าวอย่างไม่พอใจ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะทางใต้น้ำท่วม เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย จึงนำเงินออกมาจนเกลี้ยงท้องพระคลัง! เราจะค้างจ่ายเงินเดือนของเหล่าทหารได้อย่างไร? แต่บัดนี้ เงินของราชสำนักขัดสนรุนแรง ท้องพระคลังว่างเปล่า นำเงินออกมาไม่ได้จริง
ทั้งสองสบตากันลั่วอวี้จู๋หน้าแดงเรื่อ เมื่อครู่สนใจเพียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดเสียใจ ไฉนเลยจะคิดถึงเรื่องนี้!ลูกกระเดือกหลี่หลงหลินเกร็งเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้เรือนร่างของลั่วอวี้จู๋เร่าร้อนถึงเพียงนี้ อกอวบอิ่มดูมีน้ำหนัก ปกติเสื้อผ้าหลวมสายคาดเอวกว้างเหล่านั้นปกปิดเรือนร่างเย้ายวนนี้ไว้จนหมดช่างเสียดายของโดยแท้!ลั่วอวี้จู๋หลบตา เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่มีเรื่องใดก็กลับไปก่อนเถอะเพคะ...”บัดนี้ลั่วอวี้จู๋อยากหารูมุดเข้าไปเหลือเกินอยากไล่หลี่หลงหลินออกไปก่อน หาไม่แล้วท่ามกลางบรรยากาศคลุมเครือเช่นนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นนางก็ไม่แน่ใจแล้วหลี่หลงหลินรีบขยับถอยออกไป “หากพี่สะใภ้ไม่พูด ข้าก็เกือบลืมธุระสำคัญไปแล้ว เมื่อครู่ข้าผลักประตูเข้ามา วู่วามจริงๆ ตอนนี้ข้าจะออกไปเคาะประตูใหม่..”สิ้นคำ รีบหันหลังกลับออกไปหลี่หลงหลินรีบเบี่ยงเบนความคิดไปที่อื่น กลัววู่วามขึ้นมาทำลายเรื่องผิดต่อศีลธรรมร้ายแรงลั่วอวี้จู๋ไฉนเลยจะฟังความนัยของหลี่หลงหลินไม่ออกรีบสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ตามปกติ ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดถึงเพียงนั้น“เข้ามาเถอะ”หลี่หลงหลินเคาะประตูเข้ามา บรรยาก
หลี่หลงหลินเข้าใจในทันใด ลั่วอวี้จู๋กำลังเสียใจเพราะตนถูกแต่งตั้งเป็นนักปราชญ์ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของคนบนโลก นี่คือหลี่หลงหลินกำลังทำผิดศีลธรรมอย่างแท้จริงชนิดที่ว่ายากจะแก้ตัวได้!หากเป็นที่ผ่านมา ในฐานะฮ่องเต้ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิแต่บัดนี้หลี่หลงหลินในฐานะนักปราชญ์คนใหม่ย่อมต้องวางตัวให้เหมาะสม เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คนลั่วอวี้จู๋คิดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้น้ำตาสองสายไหลผ่านพวงแก้มของนาง คล้ายไหลผ่านหยกหยางจือก็มิปาน ทิ้งคราบน้ำตารางๆ เอาไว้ต่อให้เป็นลั่วอวี้จู๋ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง นางก็ไม่อาจคิดหาหนทางได้นั่นก็หมายความว่าชาตินี้นางทำได้เพียงเป็นพี่สะใภ้น้องเขยกับหลี่หลงหลินเท่านั้นลั่วอวี้จู๋เจ็บปวดใจ เบือนหน้าหนี พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย ท่านรีบไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นท่าน!”คิดไม่ถึงหลี่หลงหลินกลับยิ้มออกมาคล้ายเรื่องฟ้าถล่มลงตรงหน้าไม่เกี่ยวอันใดกับเขา“ข้ายังคิดว่าเรื่องใดสามารถทำให้พี่สะใภ้เสียใจถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้?”ได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ลั่วอวี้จู๋เปี่ยมความตกตะลึง“องค์ชาย นี่ท่านหมายความว่าอันใด?”ล
เพิ่งสิ้นคำหลี่หลงหลินก็รู้สึกผิดอยู่บ้างทว่าแต่ไหนแต่ไรมาลั่วอวี้จู๋ล้วนเชื่อคำพูดเขาโดยไร้ข้อกังขา ไม่เกิดความสงสัยเลยสักนิดเห็นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าทอจากผ้าไหมเช็ดคราบน้ำตา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย ท่านกลับไปเถอะ หม่อมฉันสบายดี เพียงแต่นึกเรื่องเศร้าบางอย่างเท่านั้น”ถ้อยคำเหล่านี้ของลั่วอวี้จู๋จะสามารถปิดบังหลี่หลงหลินได้เยี่ยงไรหลี่หลงหลินเป็นคนสองชาติภพ ผ่านสตรีมามากมายมีสตรีใดไม่เคยพบเห็นมาก่อนลั่วอวี้จู๋นี่คืออยากหยุดแต่ทำไม่ได้!หลี่หลงหลินไม่ใช่คนซื่อเช่นนั้นเขาคล้ายไม่ฟังคำพูดของลั่วอวี้จู๋ เดินเข้าไปภายในห้อง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าปิดบังข้าเลย หากไม่เสียใจ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ?”ลั่วอวี้จู๋ภายในใจหลี่หลงหลินล้วนมีเพียงภาพของผู้ใหญ่สุขุมมากความสามารถต่อให้เหน็ดเหนื่อยและลำบากเยี่ยงไร ก็ไม่เคยเห็นนางหลั่งน้ำตาแม้หยดเดียวหรือพูดว่าลำบากแต่บัดนี้กลับร้องไห้เพียงลำพังภายในห้องคำพูดของหลี่หลงหลินคล้ายคมมีดแทงลงบนต่อมน้ำตาของลั่วอวี้จู๋น้ำตาที่รินไหลเมื่อครู่เอ่อทะลักออกมาลั่วอวี้จู๋ร้องไห้สะอึกสะอื้นรูปร่างอวบอิ่มเองก็สั่นเทาตามแรงสะอื้นหลี่หลงหลิ
ตนเองต้องไปคารวะไทฮองไทเฮาพร้อมกับซูเฟิ่งหลิงหากเป็นเวลาปกติขอเพียงแค่ตนเองไปเลือกของมีค่าที่ตลาดประจิมอิงตามความชอบของไทฮองไทเฮาเลือกสิ่งของล้ำค่าหายากมาส่งมอบเป็นของขวัญก็ใช้ได้แล้วแต่งานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟวันขึ้นสิบหกค่ำเดือนอ้ายจะเมินข้ามไม่ได้เป็นอันขาดพี่สะใภ้ใหญ่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนำซ้ำยังเป็นพ่อค้ามั่งคั่งเขตเจียงเจ้อย่อมมีความรู้กว้างขวาง รู้ว่าสิ่งใดล้ำค่าที่สุดในใต้หล้ายิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้องค์หญิงไท่ผิงเองก็จะปรากฎตัวหลี่หลงหลินไม่สามารถตกเป็นรองได้ซูเฟิ่งหลิงเห็นเงาหลังของหลี่หลงหลินจากไป “หลี่หลงหลิน! ดึกถึงเพียงนี้ท่านจะไปทำอันใด?”หลี่หลงหลินมองนางแวบหนึ่ง “ข้ามีธุระต้องไปปรึกษาพี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!”พูดจบ ยกขาวิ่งหนีไปแล้วกลัวซูเฟิ่งหลิงจะไล่ตามออกมาจับไว้มิใช่เพราะหลี่หลงหลินไม่อยากปรึกษาเรื่องนี้กับซูเฟิ่งหลิงเพียงแต่ซูเฟิ่งหลิงเกิดในตระกูลนักรบ รำทวนแกว่งดาบตั้งแต่เด็ก ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้หลี่หลงหลินมาถึงลานบ้านของที่พักลั่วอวี้จู๋สามารถมองเห็นแสงเทียนสั่นไหวภายในเรือนได้นี่หมายความว่าลั่วอวี้จู๋ยังไม่เข้านอนหลี่ห
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!หลี่หลงหลินรู้เรื่ององค์หญิงไท่ผิงน้อยมากเพียงแต่สัญชาตญาณบอกเขา นี่ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง!ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะน้องสาวของหลี่เทียนฉี่องค์หญิงไท่ผิงรับหน้าที่เดินทางเป็นทูตสานสัมพันธไมตรีกับแคว้นโวกั๋วอำนาจบนตัวซับซ้อนอย่างมาก ไม่สามารถดูเบาได้!……จวนสกุลซูหลี่หลงหลินกลับถึงจวนก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามสามตั้งนานแล้วแต่จวนสกุลซูยังจุดไฟสว่างไสวสกุลซูทุกคนล้วนรอการกลับมาของหลี่หลงหลินขาซ้ายหลี่หลงหลินเพิ่งก้าวผ่านเข้าประตู เสียงปรบมือดังสนั่นก็ดังขึ้นมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าซูพาทุกคนในเรือนใหญ่มารอต้อนรับชนิดที่ว่ายังเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้หลี่หลงหลินอีกด้วยฮูหยินผู้เฒ่าซูเปิดปากก่อน “ยินดีกับรัชทายาท! เรื่องที่ลานไป๋อวี้ในวันนี้ รัชทายาทมีบารมียิ่งใหญ่ ฆ่าพวกบัณฑิตจอมปลอมเหล่านั้นได้ดี! ข้ามองคนไม่ผิดไปอย่างแท้จริง! สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงแต่งงานกับรัชทายาทท่านได้ ช่างเป็นวาสนาในรอบร้อยปีของพวกเราสกุลซูโดยแท้!”หลี่หลงหลินแปลกใจมากอย่างไรเสียฮูหยินผู้เฒ่าซูก็อายุมากแล้วหากเหล่าพี่สะใภ้จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่
หากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ฮ่องเต้หวู่ถึงขั้นคิดว่าอยากยกต้าเซี่ยไว้ในมือของเขาแล้ว!“ไม่เพียงจัดการบัณฑิตหัวโบราณคร่ำครึเหล่านี้ ยังเอาเงินจากภายในมือพวกเขามาเติมคลังหลวงได้อีกด้วย”คลี่คลายปัญหาขาดดุลทางการเงินเร่งด่วนไปได้สีหน้าฮ่องเต้หวู่คล้ายไม่มีความหม่นหมองเหมือนเมื่อครู่อีกแต่หลี่หลงหลินเข้าใจเขาอย่างมากฮ่องเต้หวู่เรียกตนเองมา ย่อมไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านี้จะต้องยังมีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้พูดแน่ความคิดของฮ่องเต้หวู่ก็เป็นเช่นนี้ไม่สามารถปล่อยให้เหล่าขุนนางมองความคิดของตนออกได้ในปราดเดียว ดังนั้นหลี่หลงหลินจึงพูดต่อ “เสด็จพ่อวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้สำนักปราชญ์ล่มสลายไปแล้ว เสิ่นชิงโจวตายไปแล้ว ไม่มีวันเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อีก”“แม้พูดว่าแนวความคิดของหลักขงจื๊อปลูกฝังอยู่ภายในใจคนแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในทันทีทันใดเลยได้แต่ลูกจะใช้ความรู้ความสามารถของตน ใช้หลักปรัชญาแห่งจิตใจเปลี่ยนแปลงหลักขงจื๊อให้ดีขึ้น”“ใช้หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ทำให้เหล่าราษฎร์ต้าเซี่ยไปดู ไปเข้าใจ ไปเรียน”“ทำให้พวกเขารู้อย่างกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ได
ณ พระราชวังต้องห้าม ห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรฎีกาที่กองเป็นภูเขา ทรงไม่มีพระทัยจะจัดการงานราชการ บัดนี้พระองค์ทรงทั้งตกใจและดีใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในลานหยกขาววันนี้ ทำให้พระองค์ทรงรู้จักหลี่หลงหลินมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะสละราชสมบัติ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงเชื่อว่า หลี่หลงหลินมีความสามารถที่จะปกครองแคว้นต้าเซี่ยได้ “สหาย ไปตามรัชทายาทมาพบข้า ข้ามีเรื่องจะพูดกับเขา!” เว่ยซวินรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฮ่องเต้หวู่ทรงมีเรื่องในใจ มิเช่นนั้นคงไม่ประทับอยู่ในห้องทรงพระอักษรเพียงลำพังในยามดึกเช่นนี้ โดยไม่ไปหานางสนม แต่แม้ว่าเว่ยซวินจะรับใช้ฮ่องเต้หวู่มาหลายสิบปี เขาก็ยังไม่สามารถหยั่งรู้พระทัยของฮ่องเต้หวู่ได้ การรับใช้ฮ่องเต้ก็เหมือนกับการอยู่กับเสือ เว่ยซวินในฐานะข้ารับใช้ ในเวลานี้จะต้องตาไวหูไว “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เว่ยซวินไม่กล้าพูดมาก รีบไปแจ้งเรื่องนี้แก่รัชทายาท ต้องรู้ว่า แม้ว่าวันนี้หลี่หลงหลินจะแก้ไขวิกฤตได้ ทำให้เสิ่นชิงโจวผู้เป็นต้นเหตุโกรธจนสิ้นใจ และยังได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้เป็นนักปราชญ์คนใหม่ของสำนักปราชญ์ แต่เขาก็ทำให้กลุ่มข้าราชการทั้
องค์หญิงใหญ่และเสิ่นชิงโจวสบตากัน นางเห็นความมุ่งมั่นที่จะสู้จนตัวตายในดวงตาของเสิ่นชิงโจว “ครั้งนี้ไม่เจ้าตาย ก็ข้าตาย!” สิ้นเสียงเอ่ย ในห้องโดยสารเรือก็เหลือเพียงเสียงคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ องค์หญิงใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม นางรู้ว่าเรื่องนี้มีความหมายเช่นไร แต่นางก็นึกถึงองค์ชายใหญ่ที่ไร้ความสามารถ และนึกถึงเสด็จพ่อที่โปรดปรานโอรสองค์โต ในใจนางก็บังเกิดโทสะ แม้ว่าการตัดสินใจของนางจะทำให้แผ่นดินต้าเซี่ยต้องลุกเป็นไฟ ราษฎรต้องอดอยาก “แต่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า?” “ประวัติศาสตร์ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะ!” และนาง ก็จะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย! เสิ่นชิงโจวปรบมือ: “ไม่เสียแรงที่เป็นต้นกล้าที่ข้าหมายตาไว้ หากเจ้าทำตามที่ข้าบอก การกระทำครั้งนี้จะต้องสำเร็จ!” องค์หญิงใหญ่พยักหน้า: “ท่านอาจารย์ของฮ่องเต้โปรดสั่งสอน แม้จะไม่ใช้กำลังของจักรพรรดิ หลายปีมานี้ข้าก็มีกำลังไม่น้อยในแคว้นโวกั๋ว” แปะ แปะ! องค์หญิงใหญ่ตบมือ ดวงตาสองตาหลายคู่ปรากฏขึ้นในห้องโดยสารที่มืดมิด ไอสังหารแผ่ซ่านออกมาทันที! เป็นนินจาหญิงที่สวมชุดรัดรูปสีแดง สวมหน้ากาก รูปร่างอรชร! เสิ่นชิงโจวลูบเคราสีขาว: “น
เสิ่นชิงโจวเปลี่ยนสีหน้า จ้องมององค์หญิงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า: “มิเช่นนั้นเล่า?” เสิ่นชิงโจวเริ่มวางแผนเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ให้องค์หญิงใหญ่ติดต่อกับโจรแคว้นโวกั๋ว หากมีคนทำลายแผนการของตน จะได้มีทางหนีทีไล่ องค์หญิงใหญ่ตัวสั่นเทา บัดนี้นางเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดเมื่อก่อนเสิ่นชิงโจวถึงคัดค้านเสียงส่วนใหญ่ ยืนกรานให้นางเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นโวกั๋ว! คาดไม่ถึงว่าแผนการของท่านอาจารย์ของฮ่องเต้จะลึกซึ้งเพียงนี้! “ท่านอาจารย์ของฮ่องเต้ ตั้งแต่ตอนนั้นท่านก็เริ่มวางแผนสำหรับทางหนีทีไล่ของตนเองแล้ว?” “หรือว่า ท่านก็ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่องค์ชายใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว?” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ องค์หญิงไท่ผิงก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย องค์ชายใหญ่ในฐานะโอรสองค์โต มีรัศมีเจิดจ้าเกินไป ตั้งแต่เล็กจนโต องค์หญิงใหญ่อยู่ภายใต้เงาของเขา ไม่ว่าเรื่องใด ตนเองจะทำได้ดีเพียงใด ฮ่องเต้หวู่ก็มองเห็นเพียงหลี่เทียนฉี่ ตั้งแต่นั้นมา องค์หญิงใหญ่ก็สาบานในใจ ไม่ว่าอย่างไร วันหนึ่งตนจะต้องเหยียบย่ำบุรุษทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้า! เพียงเพื่อต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ตนเองนั้นยอดเยี่ยมกว่า! แต่นี่ก็