แม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ก็เชื่อไม่ได้ จะมอบอำนาจทางทหารให้พวกเขาไม่ได้ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีอยู่ไม่กี่คนที่มีอำนาจทางทหารเนื่องจากเจ้าหกไม่มีอำนาจทหาร ถึงได้คิดว่าฮ่องเต้หวู่เมินตนเอง ถึงได้เลี้ยงดูทหารหน่วยกล้าตาย ทำการก่อกบฏ!เจ้าเก้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรมาร้องขออำนาจทหาร?อีกทั้ง เจ้าเก้ายังอยากจะสร้างทหารใหม่อะไรอีก?บัดนี้เผ่าหมานได้โจมตีแนวป้องกันดินแดนทางเหนือแตกแล้ว เดินทัพลงใต้ ประชิดเมืองหลวงสร้างกองทัพทหารใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง?รอให้เจ้าสร้างกองทัพสำเร็จ ก็คงสายเกินไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างกองทัพทหารใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเสบียง เงินเดือนทหาร อาวุธ...นั่นไม่ใช่เป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ!บัดนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า ราชสำนักมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ อย่าว่าแต่สร้างกองทัพทหารใหม่ แม้แต่เงินเดือนทหารรักษาพระองค์ยังค้างจ่ายหลายเดือน!นี่ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกหรือ?ฮ่องเต้หวู่จะรับปากเจ้าได้อย่างไร!ในความเป็นจริง ตอนแรกฮ่องเต้หวู่เองก็คิดว่าคำพูดของหลี่หลงหลิน เหลวไหลเกินไปจร
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลี่หลงหลินหลุดออกจากปาก ทั้งท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึงทันทีไม่ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ หรือว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ทั้งหมดสงสัยว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว!องค์ชายเก้าบ้าไปแล้วหรือ?ทุกคนต่างต้องการกำจัดองค์ชายหกออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงหลี่หลงหลินที่ก้าวออกมาโต้แย้ง ขอความเมตตาแทนองค์ชายหก?มีเหตุผลอะไรกันแน่?ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินถูกจับเข้าคุก เกือบจะต้องตาย ก็เป็นเพราะองค์ชายหกเป็นผู้ส่งเสริม อยู่เบื้องหลัง!ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลิน กล่าวอย่างตื่นตะลึง “ท่านกำลังทำอะไรอยู่? องค์ชายหกทำร้ายท่านอย่างน่าสงสารขนาดนี้! ยังทำร้ายตระกูลซูของข้าจนหมดสิ้น แต่ท่านกลับช่วยเขาพูด!หลี่หลงหลินเหลือบมองซูเฟิ่งหลิงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ “ที่นี่คือท้องพระโรง ในเมื่อเจ้าไม่เข้าใจ ก็อย่าพูดจาเหลวไหล ระวังจะเป็นอันตรายต่อตนเอง!”ซูเฟิ่งหลิงสำลักจนพูดไม่ออก ใบหน้าดำคร่ำเครียดฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว กล่าวอย่างสนใจ “เจ้าเก้า เราไม่คิดเลยว่า เจ้าจะขอควาเมตตาแทนเจ้าหก! เจ้าลองว่ามา มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่สังหารเขา!”หลี่หลงหลินสีหน้าลำบากใจ จ้องมององค์ชายและบรรดาขุนนางใหญ่
“วางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ไม่เพียงขุนนางบุ๋นบู๊ แม้แต่เสด็จพ่อ ท่านก็ถูกหลอกลวงเช่นกัน! เป็นไปได้จริง ๆ งั้นหรือ?”ฮ่องเต้หวู่สีหน้าตกละลึงในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกว่ามีจุดที่ผิดปกติ!นั่นก็เป็นเพราะเป็นแผนก่อกบฏของเจ้าหก รีบร้อนจนเกินไป โง่เขลาเกินไปจริง ๆ!กล่าวว่าเขาเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด เป็นตัวการใส่ร้ายตระกูลซู?คนโง่ถึงจะเชื่อ!ในเมื่อไม่ใช่เจ้าหก เช่นนั้นมือมืดเบื้องหลังยังมีคนอื่นอยู่!ไม่เพียงเจ้าเก้า แม้แต่เจ้าหก ก็เป็นแพะรับบาปที่คนผู้นี้จัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!ถ้าหากตนโมโห ไม่แยกแยะถูกผิด ฆ่าเจ้าหกเช่นนั้น มือมืดเบื้องหลังผู้นี้ไม่เพียงสามารถปิดฟ้าข้ามทะเล รอดพ้นภัยพิบัติอีกทั้งตั้งแต่บัดนี้ไป ก็จะต้องแบกชื่อจักรพรรดิทรราช!คนผู้นี้อาจจะอยู่เบื้องหลัง ปลุกปั่นเจตนาของชาวบ้าน ยุแยงตะแคงรั่วตามอำเภอใจ !ฮ่องเต้หวู่ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกกลัวในภายหลัง อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเหงื่อแตก!ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเตือนได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงโง่งมจักรพรรดิผู้สูงส่ง ถูกคนหลอกใช้กลายเป็นหมาก กลายเป็นตัวตลก ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หวู่โมโห!“
จางไป่เจิง!หลี่หลงหลินตะลึงงันไปทันที!เขานำทัพทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่งแสนนาย ไปทำศึกกับเผ่าหมานไม่ใช่หรือ?เหตุใดจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?ไม่ช้า หลี่หลงหลินก็เข้าใจฮ่องเต้หวู่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!เรื่องอื่น ฮ่องเต้หวู่เดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้าหกจะก่อกบฏด้วยเหตุนี้ เขาจึงจงใจให้จางไป่เจิงนำทัพออกศึก สร้างภาพลวงตาว่ากำลังทหารในเมืองหลวงว่างเปล่า!ความเป็นจริง จางไป่เจิงไม่ได้ไปไหนเลย แอบซุ่มอยู่ในวังหลวง รอให้เจ้าหกเข้ามาติดกับเอง!แม้ว่าตนจะไม่ได้ให้ซูเฟิ่งหลิงนำทหารพ่ายศึกตระกูลซูปราบกบฏฮ่องเต้หวู่วางแผนการทุกอย่างเอาไว้แต่แรก จัดการเจ้าหกอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส!หลี่หลงหลินเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจทันที!เอาแต่จ้องจะเล่นงานผู้อื่น โดยไม่คาดว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องเล่นงานอยู่เช่นกัน!อย่างไรเสียฮ่องเต้หวู่ก็คือจักรพรรดิ ความคิดล้ำลึก ราวกับเหวลึกและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างทอดถอนใจ “เสด็จพ่อ ที่แท้ท่านก็วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว! ต่อให้ลูกไม่ลงมือ ท่านก็สามารถอยู่ในตำแหน่ง
เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ยิ่งใหญ่และสำคัญเกินไป ไม่ใช่เรื่องที่แม่ทัพฝ่ายบู๊อย่างเขาจะสามารถยุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดจาเพ้อเจ้อฮ่องเต้หวู่ทอดถอนใจ กล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สถานการณ์ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นอย่างไรบ้าง?”จางไป่เจิงกล่าวเสียงขรึม “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกำลังเดินทางลงใต้ บุกโจมตีอย่างฮึกเหิม! กระหม่อมจำเป็นต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้ เพื่อเร่งเดินทางให้ทันทัพใหญ่พ่ะย่ะค่ะ! มิเช่นนั้น ไม่มีนายพลคอยสั่งการ เกรงว่าจิตใจของเหล่าทหารจะไม่สงบ!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด!”จางไป่เจิงสีหน้าลำบากใจ “ฝ่าบาท ทัพใหญ่ออกศึก ปูนบำเหน็จรางวัลให้สามเหล่าทัพ บรรดาพลทหารจึงจะมีขวัญกำลังใจ ต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ! แต่ทหารรักษาพระองค์ไม่ได้เบี้ยเลี้ยงมาสามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่กล่าวอย่างไม่พอใจ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะทางใต้น้ำท่วม เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย จึงนำเงินออกมาจนเกลี้ยงท้องพระคลัง! เราจะค้างจ่ายเงินเดือนของเหล่าทหารได้อย่างไร? แต่บัดนี้ เงินของราชสำนักขัดสนรุนแรง ท้องพระคลังว่างเปล่า นำเงินออกมาไม่ได้จริง
หลี่หลงหลินออกนอกวัง ก็ตรงมาที่ตระกูลซูทันทีที่เขาเดินเข้าประตู ก็เห็นซูเฟิ่งหลิงยังไม่ได้ถอดชุดเกราะ ในมือถือทวนเงิน เดินเข้ามาหาตนด้วยท่าทางอาฆาตครั้งนี้ หลี่หลงหลินฉลาดขึ้นแล้ว ตะโกนเสียงดัง “ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยด้วย! ซูเฟิ่งหลิงจะฆ่าข้าอีกแล้ว!!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูได้ยิ้นเสียงตะโกนของหลี่หลงหลิน ก็รีบเดินออกมาจากในห้อง กล่าวตำหนิ “นังหนูคนนี้ เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก!”“ท่านย่า!”ซูเฟิ่งหลิงสีหน้าน้อยใจ “ครั้งนี้ ท่านขวางข้าไม่ได้! ข้าจะต้องฆ่าไอ้ชาติชั่วหลี่หลงหลินนี่ให้ได้!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าจะฆ่าองค์ชายเก้าอีกแล้ว? ไม่พูดถึงว่าฝ่าบาทพระราชทานงานอภิเษก จะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องเป็นสามีของเจ้าอยู่ดี! ย่าได้ยินมาว่า วันนี้เจ้านำทัพปราบกบฏ เลือดนองเต็มลานไป๋อวี้ น่าเกรงขามยิ่ง ยังสร้างความชอบอันใหญ่หลวงต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทอีกด้วย!”“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความชอบขององค์ชายเก้า!”ซูเฟิ่งหลิงโมโหยิ่งกว่าเดิม “ถูกต้อง ข้ากับบรรดาแม่ทัพและพลทหารตระกูลซูต่อสู้อย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ความวุ่นวายสงบลงไม่ง่ายเลย ฝ่าบาททรงมีความสุขมาก ทรงตรัสว่าจะประทานรางวัลให้! ผลสุดท้าย ก็
“จบราชโองการ!” เว่ยซวินอ่านราชโองการหลี่หลงหลินรับราชโองการ “ลูกขอบพระทัยความเมตตาของเสด็จพ่อ! ทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นปี! หมื่น ๆปี!”สำหรับราชโองการฉบับนี้ อย่างไรเสียหลี่หลงหลินก็รู้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิดคนตระกูลซูกลับตกตะลึงกันไปหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเฟิ่งหลิง เรียกได้ว่าไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตนเองฝ่าบาททรงพระราชทานชุดกินเลน นี่ยังไม่เท่าไหร่ ถือว่าเป็นของรางวัลปกติปัญหาคือ หลี่หลงหลินไอ้ชาติชั่วนี่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพยกทัพออกศึกไปยังดินแดนทางตอนเหนือ สร้างกองทัพทหารตระกูลซูขึ้นมาใหม่?หลี่หลงหลินร้องขอรางวัลที่มากเกินไปขนาดนี้กับฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับทรงรับปากจริง ๆอย่างนั้นหรือ?เป็นไปได้อย่างไรกัน?แต่ว่า ราชโองการอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกนางไม่เชื่อ!“แค่ก ๆ...”เมื่อเว่ยซวินเห็นว่าคนของตระกูลซูไม่ยอมกล่าวขอบคุณ จึงกระแอมสองทีเพื่อเป็นการเตือนสติฮูหยินผู้เฒ่าซูราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน เพิ่งฟื้นคืนสติ รีบพาคนตระกูลซูคุกเข่าพร้อมกล่าวขอบคุณ “ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี!”เว่ยซวินพยักหน้า “ลุกขึ้
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ หลี่หลงหลินก็รู้สึกตื่นตระหนกถึงแม้ว่าซูเฟิ่งหลิงจะสวยงามมาก แต่ที่มีมากกว่าคือความองอาจผ่าเผยหรือพูดอีกอย่างว่า นางไม่ได้มีความเป็นกุลสตรีเท่าใดนักแต่หญิงสาวตรงหน้า เป็นคนละขั้วกับซูเฟิ่งหลิงสวมกระโปรงยาว ใบหน้าแบบฉบับที่งดงามละเอียดอ่อน รูปร่างเพรียวบางสง่างาม เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่“นางเป็นใคร?”หลี่หลงหลินตกตะลึง “คนที่งามกินใจคนเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นพี่สาวของซูเฟิ่งหลิง? ไม่ใช่สิ! ซูเฟิ่งหลิงเป็นสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลซูไม่ใช่หรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “องค์ชายเก้าอาจจะยังไม่ทราบ! นางคือลั่วอวี้จู๋พี่สะใภ้ใหญ่ของท่าน นอกจากนางแล้ว ท่านยังมีพี่สะใภ้อีกหลายคนที่ไม่ได้อยู่บ้าน ไว้มีโอกาสค่อยพามาแนะนำให้ท่านรู้จัก!”หลี่หลงหลินเข้าใจทันที “ข้าคิดว่าเป็นพี่สาวเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพี่สะใภ้!”ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกสาวคนเล็กสุดของตระกูลซู นางยังมีพี่ชายอีกหลายคนสวรรค์ไม่มีตา ให้ผู้ชายทั้งหมดของตระกูลซูต้องตายในสนามรบ สละชีพเพื่อชาติ เหลือไว้แต่เด็กกำพร้าและแม่หม้ายลั่วอวี้จู๋หญิงสาวที่หน้าตางดงามและอ่อนเยาว์แบบนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค