ดวงตาของหลี่เซวียนแดงก่ำ เขาจ้องหลี่หลงหลินอย่างดุเดือด เกลียดชังจนถึงแก่นกระดูกเขาคิดคำนวณทุกอย่างไว้อย่างถี่ถ้วนแล้วเว้นเพียงเจ้าเก้าที่ไร้ประโยชน์คนนี้เท่านั้น!“ยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก!”“แม่ทัพซุน!” “เจ้าไปฆ่าซูเฟิ่งหลิง เพื่อเป็นขวัญกําลังใจให้กับกองทัพของเรา!” หลี่เซวียนสูดลมหายใจลึก ควบคุมจิตใจให้สงบนิ่ง และออกคําสั่งกับซุนกวางเสี้ยวซุนกวางเสี้ยวเป็นแม่ทัพที่ดุร้ายคนแรกภายใต้การบังคับบัญชาของเขา!ทหารที่เหลืออยู่พันนายของตระกูลซู เดิมคือจะหนีกลับจากดินแดนทางเหนือ ขวัญกําลังใจทหารของพวกเขาต่ำมาก เมื่อซูเฟิ่งหลิงแม่ทัพรบจนตัวตาย งั้นขวัญกำลังใจทหารของทหารที่เหลืออยู่ของตระกูลซูคงพังทลายลงอย่างแน่นอน พ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้! ดวงตาของซุนกวางเสี้ยวฉายแววตาดูถูกเหยียดหยาม เขาเอ่ยเยาะเย้ย: “ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่านางจะชื่อเสียงโด่งดังสักเพียงใด จะมีความสามารถสักแค่ไหนเชียว? ขวานใหญ่ของรองแม่ทัพ หิวโหยมานานแล้ว! ไม่จําเป็นต้องร่วมมือกัน ก็ตัดหัวนางลงจากหลังม้าได้อย่างแน่นอน! ” เมื่อหลี่เซวียนเห็นว่าซุนกวางเสี้ยวมั่นอกมั่นใจมากเช่นนี้ เขาเพียงพยักหน้าและพูดว่า “ไ
พระราชโองการของฝ่าบาท เป็นขวัญกําลังใจให้แก่ทหารที่เหลืออยู่ของตระกูลซู พวกเขารีบรุดวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวความตาย พวกหน่วยทหารกล้าตายแปดร้อยนายจะเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้ยังไง พวกเขาถูกจู่โจมจนเละตุ้มเปะไปหมด พ่ายแพ้ราบคาบ! ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม กลุ่มกบฏส่วนใหญ่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือคุกเข่ายอมจํานน ซูเฟิ่งหลิงจับหลี่เซวียนด้วยมือตัวเอง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนา และพาเขาไปหาฝ่าบาท “ดี!” ฝ่าบาทดีใจมาก เขามองไปที่ซูเฟิ่งหลิง: “ข้าพูดคำไหนคำนั้น! เจ้าต้องการรางวัลอะไร? เครื่องประดับทอง ชุดเกราะและดาบ เรือนหลังงามที่ดินแปลงสวย เจ้าเอ่ยปากมาได้! ” ซูเฟิ่งหลิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว นางคุกเข่าลงบนพื้นแล้วส่ายหัว: “ฝ่าบาท! หม่อมไม่ต้องการรางวัลเหล่านี้! ” ฝ่าบาทประหลาดใจ: “ห๊า? แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด? ” ดวงตาของซูเฟิ่งหลิงแดงระเรื่อ: “แม่ทัพสิบแปดคนของตระกูลซู ได้ปกป้องชายแดนทางเหนือมาเป็นเวลาหลายปี มีความจงรักภักดี สร้างชัยชนะในการรบ! แต่พวกเขาตกเป็นเหยื่อของผู้ทรยศและเสียชีวิตในสนามรบ กองทัพตระกูลซูก็เหลือทหารเพียงพันนายเท่านั้น! ” “ทุกวันนี้ มีคนไม่น้อยใส่ร้
มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า การประชุมขุนนางในตอนนี้ แบ่งพรรคแบ่งพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก่งแย่งชิงดีระหว่างขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆขุนนางฝ่ายบู๊ส่วนใหญ่เป็นญาติสายตรงของตระกูลซู พวกเขาสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงให้ลงสนามรบ เช่นนี้ไม่มีอะไรให้วิจารณ์ได้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงเช่นเดียวกัน ก็สมควรที่จะไตร่ตรองดูแล้ว!นอกจากนี้ ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือบารมีของตระกูลซูในกองทัพทหาร!ถ้าหากซูเฟิ่งหลิงลงสนามรบ ถูกคนฆ่าตาย ตัดสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลซูเกรงว่าจะต้องเกิดการก่อกบฏขึ้นในกองทัพ!ถึงตอนนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเร่งเดินทัพบุกเข้ามา ต้าเซี่ยก็จบเห่แน่!เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่า ฮ่องเต้หวู่ก็เห็นจุดนี้แล้ว ถึงได้ลังเลเช่นนี้ในเมื่อฮ่องเต้หวู่ไม่สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงนำทัพทหารพ่ายศึกลงสนามรบ ไปตายอย่างเสียเปล่าได้เช่นนั้นเขาทำได้แค่เพียงปฏิเสธซูเฟิ่งหลิง คิดหาหนทางให้นางกับทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนายรั้งอยู่ที่เมืองหลวงในความเป็นจริง นี่คือเส้นทางที่เดินต่อไปไม่ได้เช่นกันซูเฟิ่งหลิงกลับไม่สนใจส่วนที่สำคัญอยู่ที่ทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนาย!มีผู้มารุกรานอาณาเ
องค์ชายเก้าเองก็อยากยกทัพไปปราบหมานอี๋ ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเช่นกัน?เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นบู๊ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตนเององค์ชายเก้าขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรก่อนหน้านี้กองทัพตระกูลซูทำสงครามกับเผ่าหมาน อยู่ที่ดินแดนทางเหนือ เขาตกใจจนหนีการสู้รบ ทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายเหตุใดตอนนี้องค์ชายเก้านิสัยถึงได้เปลี่ยนไป?องค์ชายพระองค์อื่น ก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน จ้องมองน้องชายคนเล็กสุดของตนพวกเขาเข้าใจอุปนิสัยของหลี่หลงหลินเป็นที่สุดแล้วไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เหตุใดหลี่หลงหลินถึงเป็นฝ่ายเสนอตัวขอนำทัพ ออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือซูเฟิ่งหลิงเองก็ตกใจเช่นกัน ดวงตานกการะเวกจ้องมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจองค์ชายเก้าผู้ไร้ความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะไม่กลัวตาย ยอมยกทัพออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกับตนถึงแม้ว่าเขาจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแต่ความกล้าหาญครั้งนี้ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่!มีเพียงฮ่องเต้หวู่ที่โมโหจนควันออกหู หัวใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ค้อนหลี่หลงหลินด้วยความดุร้าย!เจ้าเก้ายังคงเป็นคนไร้ประโยชน์คนนั้นเช่นเดิม!เราพูดชั
แม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ก็เชื่อไม่ได้ จะมอบอำนาจทางทหารให้พวกเขาไม่ได้ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีอยู่ไม่กี่คนที่มีอำนาจทางทหารเนื่องจากเจ้าหกไม่มีอำนาจทหาร ถึงได้คิดว่าฮ่องเต้หวู่เมินตนเอง ถึงได้เลี้ยงดูทหารหน่วยกล้าตาย ทำการก่อกบฏ!เจ้าเก้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรมาร้องขออำนาจทหาร?อีกทั้ง เจ้าเก้ายังอยากจะสร้างทหารใหม่อะไรอีก?บัดนี้เผ่าหมานได้โจมตีแนวป้องกันดินแดนทางเหนือแตกแล้ว เดินทัพลงใต้ ประชิดเมืองหลวงสร้างกองทัพทหารใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง?รอให้เจ้าสร้างกองทัพสำเร็จ ก็คงสายเกินไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างกองทัพทหารใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเสบียง เงินเดือนทหาร อาวุธ...นั่นไม่ใช่เป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ!บัดนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า ราชสำนักมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ อย่าว่าแต่สร้างกองทัพทหารใหม่ แม้แต่เงินเดือนทหารรักษาพระองค์ยังค้างจ่ายหลายเดือน!นี่ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกหรือ?ฮ่องเต้หวู่จะรับปากเจ้าได้อย่างไร!ในความเป็นจริง ตอนแรกฮ่องเต้หวู่เองก็คิดว่าคำพูดของหลี่หลงหลิน เหลวไหลเกินไปจร
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลี่หลงหลินหลุดออกจากปาก ทั้งท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึงทันทีไม่ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ หรือว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ทั้งหมดสงสัยว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว!องค์ชายเก้าบ้าไปแล้วหรือ?ทุกคนต่างต้องการกำจัดองค์ชายหกออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงหลี่หลงหลินที่ก้าวออกมาโต้แย้ง ขอความเมตตาแทนองค์ชายหก?มีเหตุผลอะไรกันแน่?ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินถูกจับเข้าคุก เกือบจะต้องตาย ก็เป็นเพราะองค์ชายหกเป็นผู้ส่งเสริม อยู่เบื้องหลัง!ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลิน กล่าวอย่างตื่นตะลึง “ท่านกำลังทำอะไรอยู่? องค์ชายหกทำร้ายท่านอย่างน่าสงสารขนาดนี้! ยังทำร้ายตระกูลซูของข้าจนหมดสิ้น แต่ท่านกลับช่วยเขาพูด!หลี่หลงหลินเหลือบมองซูเฟิ่งหลิงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ “ที่นี่คือท้องพระโรง ในเมื่อเจ้าไม่เข้าใจ ก็อย่าพูดจาเหลวไหล ระวังจะเป็นอันตรายต่อตนเอง!”ซูเฟิ่งหลิงสำลักจนพูดไม่ออก ใบหน้าดำคร่ำเครียดฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว กล่าวอย่างสนใจ “เจ้าเก้า เราไม่คิดเลยว่า เจ้าจะขอควาเมตตาแทนเจ้าหก! เจ้าลองว่ามา มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่สังหารเขา!”หลี่หลงหลินสีหน้าลำบากใจ จ้องมององค์ชายและบรรดาขุนนางใหญ่
“วางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ไม่เพียงขุนนางบุ๋นบู๊ แม้แต่เสด็จพ่อ ท่านก็ถูกหลอกลวงเช่นกัน! เป็นไปได้จริง ๆ งั้นหรือ?”ฮ่องเต้หวู่สีหน้าตกละลึงในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกว่ามีจุดที่ผิดปกติ!นั่นก็เป็นเพราะเป็นแผนก่อกบฏของเจ้าหก รีบร้อนจนเกินไป โง่เขลาเกินไปจริง ๆ!กล่าวว่าเขาเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด เป็นตัวการใส่ร้ายตระกูลซู?คนโง่ถึงจะเชื่อ!ในเมื่อไม่ใช่เจ้าหก เช่นนั้นมือมืดเบื้องหลังยังมีคนอื่นอยู่!ไม่เพียงเจ้าเก้า แม้แต่เจ้าหก ก็เป็นแพะรับบาปที่คนผู้นี้จัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!ถ้าหากตนโมโห ไม่แยกแยะถูกผิด ฆ่าเจ้าหกเช่นนั้น มือมืดเบื้องหลังผู้นี้ไม่เพียงสามารถปิดฟ้าข้ามทะเล รอดพ้นภัยพิบัติอีกทั้งตั้งแต่บัดนี้ไป ก็จะต้องแบกชื่อจักรพรรดิทรราช!คนผู้นี้อาจจะอยู่เบื้องหลัง ปลุกปั่นเจตนาของชาวบ้าน ยุแยงตะแคงรั่วตามอำเภอใจ !ฮ่องเต้หวู่ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกกลัวในภายหลัง อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเหงื่อแตก!ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเตือนได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงโง่งมจักรพรรดิผู้สูงส่ง ถูกคนหลอกใช้กลายเป็นหมาก กลายเป็นตัวตลก ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หวู่โมโห!“
จางไป่เจิง!หลี่หลงหลินตะลึงงันไปทันที!เขานำทัพทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่งแสนนาย ไปทำศึกกับเผ่าหมานไม่ใช่หรือ?เหตุใดจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?ไม่ช้า หลี่หลงหลินก็เข้าใจฮ่องเต้หวู่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!เรื่องอื่น ฮ่องเต้หวู่เดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้าหกจะก่อกบฏด้วยเหตุนี้ เขาจึงจงใจให้จางไป่เจิงนำทัพออกศึก สร้างภาพลวงตาว่ากำลังทหารในเมืองหลวงว่างเปล่า!ความเป็นจริง จางไป่เจิงไม่ได้ไปไหนเลย แอบซุ่มอยู่ในวังหลวง รอให้เจ้าหกเข้ามาติดกับเอง!แม้ว่าตนจะไม่ได้ให้ซูเฟิ่งหลิงนำทหารพ่ายศึกตระกูลซูปราบกบฏฮ่องเต้หวู่วางแผนการทุกอย่างเอาไว้แต่แรก จัดการเจ้าหกอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส!หลี่หลงหลินเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจทันที!เอาแต่จ้องจะเล่นงานผู้อื่น โดยไม่คาดว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องเล่นงานอยู่เช่นกัน!อย่างไรเสียฮ่องเต้หวู่ก็คือจักรพรรดิ ความคิดล้ำลึก ราวกับเหวลึกและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างทอดถอนใจ “เสด็จพ่อ ที่แท้ท่านก็วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว! ต่อให้ลูกไม่ลงมือ ท่านก็สามารถอยู่ในตำแหน่ง
ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
พูดตามตรง การที่หลี่หลงหลินสามารถล้มตู้เหวินยวนและยังจะประหารชีวิตเขาหลังฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างที่สุดแล้ว! ส่วนเรื่องการกำจัดทั้งเก้าชั่วโคตรของเขานั้น หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ! ในหมู่ชนชั้นสูงของแคว้นต้าเซี่ย ผ่านการแต่งงานผูกสัมพันธ์กันมานานแล้ว จนกลายเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนพันกันยุ่งเหยิง ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า หากต้องกำจัดเก้าชั่วโคตรของตู้เหวินยวนจริงๆ อาจจะต้องถอนรากถอนโคนชนชั้นสูงของต้าเซี่ยทั้งหมดเลยก็เป็นได้! อย่างน้อยในสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หลิ่วหรูเยียนร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกไปแล้วกลับมานวดคอให้หลี่หลงหลินต่อ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย แล้วข่าวดีข้อที่สามล่ะ?” จริงๆ แล้วสำหรับหลิ่วหรูเยียน ข่าวสองข้อแรกก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว ข่าวดีข้อที่สามคงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม หลี่หลงหลินเอ่ยขึ้นทันทีว่า “บิดาของเจ้า ชื่อหลิ่วชิงหยางหรือไม่?” หลิ่วหรูเยียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความประหลาดใจออกมา “องค์ชาย ทราบชื่อบิดาของข้าได้อย่างไร หรือว่าท่านไปตรวจสอบบ
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเฟิ่งหลิงเรียกคนจากภูเขาทิศประจิมมาช่วยขนหีบทั้งหมดในห้องใต้ดินขึ้นรถม้า แล้วส่งไปยังพระราชวัง เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็ทรงยิ้มอย่างพอพระทัย ส่วนหีบที่บรรจุจดหมายลับ หลี่หลงหลินเก็บไว้เองและนำกลับไปยังจวนตระกูลซู หลังอาหารเย็น หลี่หลงหลินแอบขึ้นไปยังหอละอองฝน และพบกับพี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียน หลิ่วหรูเยียนสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู นอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ยาว ในมือถือหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่ง อ่านอย่างเพลิดเพลิน ข้างกายนางมีสาวใช้ชื่อเหอเย่อยู่ ซึ่งหลิ่วหรูเยียนพาตัวออกมาจากสำนักการสังคีต เหอเย่กำลังจับเท้าเล็กๆเรียวงามของหลิ่วหรูเยียนไว้และนวดคลายเส้นบริเวณฝ่าเท้า หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจนเผลอครางเบาๆ เสียงนั้นช่างชวนให้จินตนาการ “พี่สะใภ้สี่!” เมื่อหลี่หลงหลินเห็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลิ่วหรูเยียนเห็นหลี่หลงหลินมา ก็โบกมือไล่สาวใช้ออกไปพร้อมรอยยิ้มยินดี “ท่านมาแล้ว! มาลองชิมขนมโก๋กุ้ยฮวาที่ข้าทำเองดูสิ ข้าใส่น้ำตาลทรายขาวที่ท่านคิดค้นด้วย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หลงหลินไ
ตู้เหวินยวนครองอำนาจบริหารบ้านเมืองมาหลายสิบปี เขาได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เรียกได้ว่าเลวร้ายจนแทบจารึกไม่หมด! เนื้อหาในจดหมายเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตู้เหวินยวน แต่ยังโยงใยถึงข้าราชการอีกมากมาย หากเปิดเผยจดหมายเหล่านี้ออกมา จะต้องเกิดความสั่นสะเทือนทั้งราชสำนักอย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าจะมีขุนนางกี่คนที่จะต้องเกี่ยวพันไปด้วย อย่างเบาที่สุดก็คือถูกปลดจากตำแหน่ง อย่างหนักก็คงต้องถูกตัดหัว ซูเฟิ่งหลิงมองดูจดหมายเหล่านี้ด้วยความตื่นตระหนกจนหนังศีรษะชา “ตู้เหวินยวนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! ทำไมถึงเก็บหลักฐานความผิดของตัวเองไว้แบบนี้? ทำไมไม่ทำลายทิ้งไปเสียให้หมด?” หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่! นี่แหละคือความชาญฉลาดของตู้เหวินยวน! จดหมายเหล่านี้เป็นหลักฐานความผิดของเขาเอง แต่ก็เป็นจุดอ่อนของข้าราชการคนอื่นๆ ด้วย! ตู้เหวินยวนใช้วิธีนี้เพื่อจับจุดอ่อนของเหล่าข้าราชการ และบีบบังคับให้พวกเขารวมกลุ่มสมคบคิดกัน” “เจ้าแก่จิ้งจอกนี่มันร้ายกาจจริงๆ!” ซูเฟิ่งหลิงเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ไม่น่าแปลกใจที่ท่านปู่ของนางมักจะเตือนเสมอว่า แวดวงราชการนั้นเต็มไปด้วยอันตราย เหมือนเหยียบพื้นน้ำ
จวนส่วนตัวหลังที่สอง ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้า หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงบุกเข้าไปค้นหากันพักใหญ่ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ซูเฟิ่งหลิงเริ่มรู้สึกหมดหวัง “หรือว่าเจ้าแก่ตู้เหวินยวนมันหลอกเราอีกแล้ว!” หลี่หลงหลินที่ตอนแรกมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่แล้ว... เมื่อมาถึงจวนหลังที่สาม พวกเขาก็พบสิ่งที่ตามหา ห้องใต้ดินที่นี่ไม่ได้ลึกนัก ดูเหมือนห้องเก็บของธรรมดาๆ ที่ใช้เก็บผัก หลี่หลงหลินจุดตะเกียงน้ำมันที่ผนัง แล้วห้องใต้ดินมืดมิดก็สว่างขึ้นทันที และเห็นว่าตรงหน้ามีหีบขนาดใหญ่เรียงรายเต็มห้อง มุมหนึ่งของห้องใต้ดินมีชั้นวางของแบบโบราณ ที่บนนั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่าและของหายากต่างๆ “ในที่สุดก็เจอแล้ว!” ซูเฟิ่งหลิงรีบเปิดหีบใบหนึ่ง เมื่อเห็นเงินแท่งสีเงินเต็มหีบ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง ที่นี่คือที่ที่ตู้เหวินยวนซ่อนทรัพย์สินที่ยักยอกมา! ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นสุดขีด กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีใจ แต่หลี่หลงหลินกลับไม่ได้สนใจเงินทองเหล่านั้น เขาเดินตรงไปที่ชั้นวางของโบราณ ดูเครื่องกระเบื้องและหยกที่จัดวางอยู่ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกตะลึง ทองคำมีมู
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “นี่เจ้าพูดเองนะ! เสด็จพ่อให้ข้าไปยึดจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไปเองแล้วกัน!” เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที: “ไม่ได้! ได้ยินว่ามีเงินอยู่ในจวนนั้นตั้งยี่สิบล้านตำลึง ถ้าท่านคิดฮุบไว้คนเดียวจะทำยังไง? ข้าจะไปด้วย!” ตามปกติแล้ว หากหลี่หลงหลินจะไปตรวจสอบจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ควรจะเรียกทหารไปด้วย แต่ตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ ซื้อจวนธรรมดา ๆ ในย่านชุมชนคนทั่วไปเอาไว้ ถ้าหากนำกำลังทหารไปอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจพาซูเฟิ่งหลิงไปสำรวจก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง แล้วค่อยเรียกทหารมาตรวจค้นอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลี่หลงหลินสั่งให้ซูเฟิ่งหลิงนั่งรถม้าตรงเข้าสู่เมืองหลวงทันที มุ่งหน้าไปยังจวนหลังแรก จวนหลังนี้เป็นจวนธรรมดาติดทะเลสาบ ดูจากภายนอกทรุดโทรมพอสมควร ซูเฟิ่งหลิงหรี่ตา มองจวนอย่างพินิจพิเคราะห์: “จิ้งจอกเฒ่าตู้เหวินยวนซ่อนเก่งจริง ๆ! ถ้าเขาไม่สารภาพเอง คงไม่มีทางหาเงินสกปรกนี่เจอแม้แต่ตำลึงเดียว!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “เร
สีหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมนจนถึงขีดสุด พระองค์รู้ดีว่าตู้เหวินยวน ชายชราผู้มากเล่ห์หลายกลซึ่งครองอำนาจในแผ่นดินมายาวนานนั้นได้กอบโกยเงินทองไว้ไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จะมากมายถึงเพียงนี้ ยี่สิบล้านตำลึง? นี่มันหมายความว่าอะไร! รายได้จากภาษีทั้งปีของแคว้นต้าเซี่ยยังไม่เท่านี้เลย และนี่ ยังไม่นับรวมเรือนตากอากาศที่เขาซื้อไว้บนเขาทิศประจิม และเงินอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เคยอ้างว่าใช้ในการสร้างค่ายพักพิงสำหรับผู้อพยพ! ตู้เหวินยวนไม่ใช่แค่ข้าราชการที่ฉ้อโกงธรรมดา! เขาคือมหาโจรที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหอเซินเลยทีเดียว! ฮ่องเต้หวู่โบกมือพร้อมรับสั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ลากตัวไป!” “ตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง!” ฮ่องเต้หวู่ไม่อยากเห็นหน้าตู้เหวินยวน โบกมือพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา ตู้เหวินยวนที่หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าเรียบเฉย ถูกองครักษ์เสื้อแพรลากตัวออกไปโดยไม่ปริปากขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะว่า ตู้เหวินยวนเขารู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่ยังเมตตาเขาอยู่ หนึ่งคือ การริบทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ประหารล้างโคตร สองคือ การตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายความว่าการประหารจะเกิดขึ้นหลังวันศารทวิษุวัตของปีนี้
ในตอนนั้นเอง หลี่หลงหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: “เสด็จพ่อ ลูกไม่เหมือนพวกไร้ค่าพวกนั้นหรอก!” ฮ่องเต้หวู่ถึงกับชะงัก มองหลี่หลงหลินพลางถาม: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินยิ้มเย็นชา ก่อนกล่าวด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง: “คดีที่สามศาลไม่สามารถสืบได้ ข้าจะสืบเอง! เงินสกปรกที่สามศาลหาไม่เจอ ข้าจะหาเอง!” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำยังไง? ในเมื่อทุกคนช่วยกันสืบยังสืบไม่ได้ แล้วองค์ชายเก้าจะมาดูแคลนสามศาลได้ยังไง? เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยความไม่พอใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่พูดหรือ?” เจ้ากรมศาลต้าหลี่หัวเราะเยาะ: “ข้าจะให้เวลาท่านอีกเดือนหนึ่ง ถ้าท่านทำให้ตู้เหวินยวนยอมรับสารภาพได้ ข้าจะยอมลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านเกิดไปเลย!” ผู้ตรวจการราชสำนักเพียงแต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านยังอ่อนประสบการณ์เกินไป การสอบสวนมันคือศิลปะ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น...” ฮ่องเต้หวู่เองก็เอ่ยเช่นกัน: “เจ้าเก้า เจ้าเป็นดาบที่อายจนไม่กล้าคืนฝักหรือไง? ฟังคำเราเถิด ช่างมันเถอะ! ค่อย ๆ สืบไป สุดท้ายก็ต้องมีผลออกมาเอง!”
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต