ลูกค้าร้านขายผ้าตระกูลเจียมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านและเหล่าลูกจ้าที่เพิ่งได้รับจ้างเข้ามาใหม่เริ่มงานล้นมือ ลั่วอวี้จู๋จึงรีบไปช่วย เหลือไว้เพียงหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิง คนว่างงานทั้งสองใบหน้างามของซูเฟิ่งหลิงแดงก่ำ นางเข้ามาใกล้หลี่หลงหลินและกระซิบ “ถึงตอนนั้นที่ท่านทำตัวองอาจ ปล้นคนรวยแจกคนจน นับข้าไปด้วยนะเจ้าคะ! มิฉะนั้น ข้าไม่จบสิ้นกับท่านแน่!”หลี่หลงหลินหัวเราะร่า “เจ้าอยากเป็นวีรสตรีหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงเขินอายเป็นที่สุด แต่ก็ยังพยักหน้าหลี่หลงหลินสืบเท้าเข้ามาใกล้ กอดเอวของซูเฟิ่งหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของเจ้าแล้ว!”ก่อนที่ซูเฟิ่งหลิงจะทันได้โต้ตอบ หลี่หลงหลินก็ฉกลงมาหอมแก้มนางไปเสียก่อนซูเฟิงหลิงตกตะลึง ราวกับสายฟ้าผ่าใส่หัว ในสมองว่างเปล่า!หลังจากนั้นไม่นาน ซูเฟิ่งหลิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง กำหมัดแน่นและกัดฟัน “เจ้ากล้าเอาเปรียบมารดา หาเรื่องตายแล้ว!”หลี่หลงหลินสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่า วิ่งหนีไปนานแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมา “ตอนนี้ พวกเราก็หายกันแล้ว!”“เจ้าคนสารเลว...” ซูเฟิ่งหลิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธวีรส
อย่างไรเสีย ยังมีองค์ชายองค์อื่นๆ อีกหลายคน ตนเองจะตระหนกไปไย?ตู้เหวินยวนขมวดคิ้ว “แต่ว่าฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็เป็นพวกเราจริงๆ! ทว่าภัยคุกคามหาได้มาจากฮ่องเต้ แต่มาจากหลี่หลงหลิน!”หลี่จื้อตกใจ “เจ้าเก้า? เหตุใดถึงเป็นมันอีกแล้ว?! หรือว่าเจ้าเก้าจะเป็นคนที่ยื่นฎีกาใส่ร้ายข้าให้เสด็จพ่อ หลอกให้พระองค์สั่งปิดแปดหอการค้าใหญ่?”ดวงตาของตู้เหวินยวนแลดูน่ากลัว “สถานการณ์โดยละเอียด ข้ายังไม่ทราบชัด แต่ฮ่องเต้สั่งปิดแปดหอการค้าใหญ่ เป็นเพราะเจ้าของร้านแพร่ข่าวลือ! และข่าวลือนี้ มุ่งเป้าไปที่หลี่หลงหลิน!”“สรุปแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลี่หลงหลินอย่างแยกไม่ออก!”“อีกอย่าง...”“เมื่อคืนก่อน ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ ทั้งยังมอบไข่มุกทางใต้อันล้ำค่ามากราคาแก่หลินกุ้ยเฟย!”“เกรงว่าทั้งสอง จะมีความเชื่อมโยงกัน!”หลี่จื้อโกรธอย่างยิ่ง กัดฟันกรอด “ต้องเป็นหลินกุ้ยเฟยปีศาจนั่นแน่ ที่ปรุงน้ำแกงยาเสน่ห์ป้อนเข้าปากเสด็จพ่อ! ท่านพ่อถึงได้ลำเอียงระหว่างข้ากับเจ้าเก้านัก! พ่อตา ท่านรีบคิดหาวิธี กำจัดหลินกุ้ยเฟย…”ใบหน้าของตู้เหวินยวนมืดมน “องค์ชาย ระวังวาจา! สนมปีศาจเพิ่งได้เลื่
ท้องพระโรงฮ่องเต้หวู่สวมเสื้อคลุมมังกร ประทับสูงสง่าอยู่บนบัลลังก์มังกรขุนนางร้อยคนเคารพนบนอบ สรรเสริญให้พระชนมายุยืนยาว“ขุนนางทั้งหลาย ตามสบายเถิด!”ฮ่องเต้หวู่แย้มยิ้ม ดูเหมือนจะอารมณ์ดี ไม่เศร้าหมองเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วมีเงินอยู่ในมือ ทำให้จิตใจสงบลงได้ฮ่องเต้หวู่ส่งคนไปปิดหอการค้าใหญ่ทั้งแปด ยึดเงินมาได้จำนวนมาก นำใช้ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนอกเมือง นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่าขุนนางรู้ดีว่า เงินทั้งหมดที่ฮ่องเต้หวู่ใช้ในการตั้งสร้างรกร้างให้ผู้ลี้ภัยใหม่นั้น แท้จริงคือเงินของพวกเขา ทุกคนต่างก็มีหลั่งเลือดอยู่ในใจแต่ภายนอก เหล่าขุนนางแสร้งทำเป็นยินดี กล่าววาจาเทิดทูนและยกย่องความหลักแหลมของฮ่องเต้หวู่พันหมื่นมีให้สวมใส่ เว้นไว้เพียงคำเยินยอ[footnoteRef:1] [1: แปลว่า เสื้อผ้ามีให้สวมมากมาย แต่คำพูดเยินยอไม่อาจเอามาสวมใส่ได้ หรือก็คือ ไม่อาจใส่ใจเกินไปได้] แน่นอนว่า ฮ่องเต้หวู่เองก็รู้ดีว่าเหล่าขุนนางหน้าไหว้หลังหลอก และคำชมที่ไม่ได้มาจากใจจริงนี้ คือกำลังตบตูดม้า[footnoteRef:2]ตนอยู่ [2: ประจบประเจง] แต่เขายังสุขใจอยู่ ดวงตาหรี่ลง ดูเกินงามไปเล็กน
เยว่ซานพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ผิด! กระหม่อมต้องการฟ้องโทษองค์ชายเก้าที่กดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซู! หวังว่าฝ่าบาทจะสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียด ลงโทษผู้กระทำผิด กำจัดความชั่วร้าย ช่วยชาวหลี่จากไฟร้อนเผาใจ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเจ้าเก้าทำตัวไร้สาระจริง แต่เขาจะไปรังแกเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูได้อย่างไร?แต่หากมีควัน ย่อมไม่ไร้ไฟ[footnoteRef:1] [1: ข่าวลือย่อมมีมูลเหตุ] เยว่ซานในฐานะผู้ตรวจการ คงไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาจากลมหรอกกระมัง?ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่ดำเป็นถ่าน “นายพลทหารของกองทัพตระกูลซู เสียสละชีวิตเพื่อแว่นแคว้น เป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย! แม่ม่ายและเด็กกำพร้าของพวกเขาควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเหมาะสมที่สุด! ผู้ใดกล้ารังแกพวกเขา ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ปล่อยปละ แต่คนทั้งใต้หล้าก็จะไม่รามือ!”“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เช่นนั้นต่อให้จะเป็นองค์ชายเก้า ข้าก็จะเอาความให้ถึงที่สุด!”“แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เจ้ามีหลักฐานจริงๆ ใช่หรือไม่?”เยว่ซานหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แม้ว่ากระหม่อมจะไร้หลักฐานที่เป็นรูปธรรมอยู่ในมือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้!
ผู้ตรวจการเยว่ซานกล่าวหาหลี่หลงหลิน โดยบอกว่าเขากดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูฮ่องเต้หวู่เดิมทีไม่เชื่อลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นไม่ว่าเจ้าเก้าจะเสเพลเพียงใด แต่เขาจะไม่ทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้แน่!ทว่า คำพูดของเยว่ซานพุ่งตรงทะลุเป้า กล้าถึงขนาดขอให้เจ้าเก้าเข้าวังมาฉะกับตนฮ่องเต้หวู่อดแสดงความลังเลไม่ได้ ไม่อาจตัดสินใจได้ในทันทีไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวเพียงหนึ่งหาก!หากสิ่งที่เยว่ซานพูดเป็นความจริง หลี่หลงหลินรังแกแม่ม่ายและเด็กกำพร้าพวกนั้นจริงๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เหลือจะกล่าว เวลาสั้นๆ นี้ ไม่แน่ว่าจะจบเรื่องลงได้!หรือว่า ต้องใช้กฎหมายมาจัดการจริงๆ ต้องส่งเจ้าเก้าเข้าคุก ให้เขาไปอยู่กับเจ้าหกจริงๆ หรือ?ฮ่องเต้หวู่ทนไม่ได้จริงๆอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนเห็นฮ่องเต้หวู่ลังเลก็ก้าวไปข้างหน้า “ฝ่าบาท! เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวัง ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางทุกคนคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกันพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำขู่!
หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่”เยว่ซานพูดต่อ “เช่นนั้นผ้าฝ้ายของท่าน ใช่หรือไม่ว่าหนึ่งพับขายเพียงแปดสิบอีแปะ ราคาถูกกว่าตลาดถึงยี่สิบอีแปะ”หลี่หลงหลินตอบ “ใช่”เยว่ซานมีสีหน้าลำพองใจ “เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่าท่านจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้า ทอผ้าให้ท่าน?”หลี่หลงหลินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบว่า “ไม่ผิด!”เสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นภายในราชสำนักในทันทีทันใดเดิมทีขุนนางใหญ่คิดว่าหลี่หลงหลินจะปฏิเสธอย่างดื้อรั้น หาข้ออ้างไม่ยอมรับคิดไม่ถึงเขายอมรับทั้งหมดโดยไม่โต้แย้ง!นี่จะต่างอันใดจากการยอมรับผิดโดยตรง?ใบหน้าเยว่ซานเผยรอยยิ้ม หมุนตัวเอ่ยกับฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายเก้ายอมรับผิดแล้ว กระหม่อมก็ไม่มีอันใดพูดอีก! ฝ่าบาทโปรดพระราชทานพระราชโองการ ลงโทษองค์ชายเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรลูกชายไม่ได้เรื่องคล้ายเกลียดเหล็กที่ไม่เป็นเหล็กกล้าอย่างขึ้งโกรธ “เจ้าเก้า! เจ้าถึงขั้นทำเรื่องชั่วเพียงนี้! เราผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก!”หลี่หลงหลินงุนงง “เสด็จพ่อ ลูกทำผิดตั้งแต่ยามใด? ลูกเพียงพูดว่าลูกว่าจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้าทำงาน มิเคยพูดว่ารังแกพวกนางมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้หวู่ตรัสอย่างพิ
ได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่ต้องการเสด็จออกจากวัง ตรวจสอบคดีนี้ด้วยพระองค์เอง ทั่วทั้งราชสำนักล้วนวุ่นวายเละเป็นโจ๊กหนึ่งหม้อที่มีท่าทีตอบสนองรุนแรงที่สุด ย่อมเป็นหัวหน้ากลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นตู้เหวินหยวนแล้วพวกเขาแต่ละคนล้วนคุกเข่าบนพื้น ร้องไห้โอดครวญ คล้ายฟ้าถล่มก็มิปานสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่เผือดซีด พระวรกายสั่นเทาพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นเหล่านี้ ปากบอกว่าทำเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของเราแต่แท้จริงแล้วกำลังควบคุมเรา!เราคือโอรสสวรรค์ หรือว่าแม้แต่อิสระก็ไม่มีกระนั้น?เราและนักโทษในคุกหลวง แตกต่างกันที่ใด?ไม่!นักโทษอิสระเสียยิ่งกว่าเรา!อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง อ่านฎีกา ติดอยู่กับหนังสือราชการเหมือนเรา... ฮ่องเต้หวู่รู้สึกเศร้าหมองภายในใจ สายตาหันมองทางเว่ยซวิน หวังให้เขาลุกออกมา ช่วยตนเองพูดสักสองประโยคเว่ยซวินจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ กลับก้มหน้าไม่พูดจาอย่างไรเสียเขาก็เป็นขันที อำนาจมากมายอย่างไร ก็ไม่สะดวกข้องเกี่ยวกับราชสำนักยิ่งไปกว่านั้น ทั้งบุ๋นบู๊กำลังตื่นตระหนก เว่ยซวินไม่โง่งมถึงขั้นเป็นคนเสนอหน้าออกมา!“เฮ้อ...”ฮ่องเต้หวู่พรูลมหายใจยาวเหยียดออก
ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ตลาดทิศทักษิณหรือ...”พูดตามสัตย์จริง ฮ่องเต้หวู่ไม่เคยไปตลาดทิศทักษิณมาก่อนก่อนนี้เขาออกจากวัง ก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ขุนนางชั้นสูงเข้าออกทั้งสิ้นกระนั้นฮ่องเต้หวู่เคยได้ยินมาว่า ตลาดทิศทักษิณเป็นสถานที่ที่ราษฎร์ไปบ่อยๆ สกปรกวุ่นวาย ภายในอากาศล้วนมีกลิ่นเหม็น...เทียบกับตลาดทิศประจิมแล้ว ตลาดทิศทักษิณซบเซากว่ามากยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เผ่าหมานใกล้จะตีเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย คนไม่น้อยหลีกเลี่ยงลงใต้ ขายร้านในตลาดทิศทักษิณในราคาถูกเมื่อเป็นเช่นนี้ ตลาดทิศทักษิณก็ซบเซามากยิ่งขึ้น...หลังผ่านไปครู่หนึ่งรถม้าของฮ่องเต้หวู่มาหยุดหน้าตลาดทิศทักษิณแล้วตู้เหวินหยวน เยว่ซานและพวกฝ่ายปกครอง ล้วนถอดชุดของราชสำนัก เปลี่ยนสวมชุดธรรมดา รออยู่ที่นี่นานมากแล้วฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้า พวกเขาก็รีบเข้าไปห้อมล้อมตู้เหวินหยวนพูดอย่างสะท้อนใจ “ต้องให้ฝ่าบาทเสด็จมาสถานที่สกปรกซอมซ่อเช่นนี้ ไม่สมควรเลยจริงๆ! ก่อนนี้กระหม่อมเคยผ่านที่นี่ น้ำสกปรกเจิ่งนอง เต็มไปด้วยดินโคลน กลิ่นเหม็นนั้น ทำให้กระหม่อมกินข้าวไม่ลงถึงสามวัน!”เยว่ซานร้องรับ “ใช่แล้ว! ตลาดทิศทักษิณสถา
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้
หลิ่วหรูเยียนเห็นขุนนางทั้งราชสำนัก แทบจะเทใจสนับสนุนองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ทั้งหมด พากันกล่าวโทษหลี่หลงหลินอย่างรุนแรง นางก็ตื่นตระหนก คิดว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาเยือนนางได้มอบชีวิตของตนให้แก่หลี่หลงหลินแล้ว ยินยอมที่จะตายแทนเขาดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาใด หลิ่วหรูเยียนก็รับไว้ทั้งหมดโดยไม่ลังเล!“พี่สะใภ้สี่ เจ้า...”หลี่หลงหลินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยความซาบซึ้งใจเขาก็คาดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเขา!ตัวเขาเป็นถึงรัชทายาท ข้อหาหมิ่นประมาทบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ก็มีโทษเพียงแค่ริบเบี้ยหวัดเท่านั้นแต่หลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงสามัญชน ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี ไม่มีผู้หนุนหลังหากนางต้องรับโทษนี้ มีหวังต้องหัวหลุดจากบ่าฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้วขึ้น มองหลิ่วหรูเยียนด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะรับผิดแล้วหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า โทษนี้ เจ้าคนเดียวไม่อาจรับไหว!”บนใบหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ปรากฏรอยยิ้มที่งดงามปนเศร้า “ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นโทษทัณฑ์ใด หม่อมฉันก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด!”“ช่างเป็นคนมีน้ำใจ...”ฮ่องเต้หวู่รำพึงในใจ “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้แต่ง “ความฝันในหอแดง” ได้...”
ไม่ยอมรับ!ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับป่าช้า!เหล่าขุนนางเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตนได้ยินฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น แววตาฉายแววขุ่นเคืองและผิดหวัง “เจ้าเก้า! เจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้าอย่างนั้นหรือ? จำเป็นต้องมาขัดขวางข้าต่อหน้าธารกำนัล ในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาเช่นนี้?”เขาเป็นทั้งฮ่องเต้และบิดา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ก็ต้องรักษาไว้ซึ่งบารมี!พูดกันตามตรงไม่ว่าใครก็ต่างมองว่าฮ่องเต้หวู่ทรงลำเอียงเข้าข้างหลี่หลงหลินอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นที่เรียกว่าทรงโปรดปรานก็ว่าได้!การลงโทษให้ริบเบี้ยหวัดเพียงสามเดือน ก็เป็นเงินแค่สามร้อยตำลึงโทษทัณฑ์นี้เบาบางยิ่งนักพูดง่ายๆ ก็คือทำเป็นพิธีไปเท่านั้นหลี่หลงหลินจะไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่ปลายก้อยแต่ฮ่องเต้หวู่ทรงทำเพื่อหลี่หลงหลินถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินกลับยังคงไม่ยอมรับผิด!“แม้แต่โทษเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”“เจ้าเก้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”“ข้าหวังดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจในใจความหวังดีของเขาถูกหล
ฮ่องเต้หวู่อ่านกลับไปกลับมาหลายรอบ ก็ยังไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่เทียนฉี่ก้มหน้าทูล “ทูลเสด็จพ่อ ในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับนี้ เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งชิงหลวน เป็นแบบอย่างที่ดี ลูกศิษย์มากมาย มีคุณธรรมสูงส่ง!”“องค์รัชทายาทกลับเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายชื่อเสียงของบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง!”“บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งอ่านแล้ว โกรธจนกระอักเลือด แทบสิ้นลม จนถึงตอนนี้ก็ยังอาการสาหัส!”“ขุนนางทั้งราชสำนัก เป็นพยานให้บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งได้”“เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระสิ้นดี!”“ขอให้ฝ่าบาททรงประทานความเป็นธรรมแก่บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง และบัณฑิตทั้งแผ่นดินด้วย!”เมื่อสิ้นเสียงเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างพากันยืนขึ้น แสดงความไม่พอใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมทั้งหลายยินดีเป็นพยาน! เรื่องราวที่เขียนในหนังสือพิมพ์ ล้วนเป็นเรื่องโกหก พูดจาเหลวไหล!”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง ไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน!”“หวังว่าฝ่าบาทจะทรงผดุงความยุติธรรม นำตัวผู้ปล่อยข่าวใส่ร้ายมาลงโทษ!”“หากบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ยังถูกใส่ร้ายป้าย
เทพธิดาบุปผา?หลี่เทียนฉี่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ในสวนของตำหนักฉางเล่อ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านนี่มันเรื่องอะไรกัน?เริ่มจากเครื่องทำความร้อนใต้พื้นและลางดี จากนั้นหลี่หลงหลินก็แต่งบทกวีห่วยๆ...เอาเถอะไม่ใช่บทกวีไร้ค่า แต่เป็นบทกวีอมตะที่วิจิตรงดงามเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลิน จู่ๆ ก็ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นเทพธิดาบุปผา?ความรู้สึกถึงภยันตรายอันใหญ่หลวง ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์ กลืนกินหลี่เทียนฉี่จนแทบจมหายไปในชั่วพริบตาโบราณว่า แม่มีคุณธรรมลูกจึงได้ดีในราชวงศ์ องค์ชายและพระมารดานั้นต่างต้องพึ่งพาอาศัย ส่งเสริมซึ่งกันและกันทำไมหลี่เทียนฉี่ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท?ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกาจอะไรแต่เป็นเพราะว่า แม่ของเขาคือฮองเฮาหลู่!เขาคือโอรสองค์โตที่เกิดจากฮองเฮา!ดังนั้น เขาจึงเป็นองค์รัชทายาทโดยกำเนิด!บัดนี้ นางหลู่ถูกถอดถอน ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นส่วนแม่ของหลี่หลงหลิน นางหลิน กลับได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แถมยังกลายเป็นเทพธิดาบุปผาคราวนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของหลี่หลงหลิน ก็มั่นคง ยากจะหาผู้ใดมาสั่นคลอน!“เจ้าเก้า...”“เจ้ามันเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”หลี่เทียน
หลี่เทียนฉี่พึมพำหลี่เทียนฉี่ยังคงไม่ยอมแพ้ ดึงกลีบดอกไม้ออกจากกิ่งทีละกลีบ เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ถูกแปะติดไว้ เขาก็อึ้งไปทั้งร่าง!ภาพดอกไม้บานในฤดูหนาว เกินกว่าความเข้าใจของเขาแม้จะได้เห็นกับตา หลี่เทียนฉี่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตนเองมันช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก!หลังจากที่เว่ยซวินเข้ามาในสวน เขาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกันอันที่จริง เขาก็คิดว่าหลี่หลงหลินใช้วิธีอะไรบางอย่าง เช่น มายากลของยุทธภพ หรือภาพลวงตา มาหลอกลวงฮ่องเต้หวู่ก็เพราะว่าการฝืนลิขิตฟ้าดิน ทำให้ดอกไม้บานในฤดูหนาว ช่างน่าอัศจรรย์ ราวกับเรื่องราวในตำนาน!เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ เว่ยซวินพบว่าเป็นของจริง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับคืนมา เขาเด็ดดอกอิ๋งชุนสีเหลืองอ่อนมาสองสามกิ่ง แล้วเดินรีบเดินกลับไปหาฮองไทเฮา “ฮองไทเฮา โปรดทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองไทเฮา ขยับแว่นสายตา จ้องมองดอกอิ๋งชุนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ “ฮ่องเต้ ดอกไม้นี่ของจริง! เป็นลางดีจริงๆ! ข้ารู้สึกมานานแล้วว่า ฮองเฮาหลินไม่ใช่คนธรรมดา...”ฮ่องเต้หวู่หัวเราะเสียงดัง “เสด็จแม่ ข้ารู้นานแล้วว่า ฮองเฮาไม่ใช่คนธรรมดา! นางสามารถทำให้บุปผานานาพันธุ
ลางดี!ฮ่องเต้หวู่ตระหนักได้ในทันใด ตรัสด้วยความยินดี “เดือนอ้ายฤดูหนาว บุปผานานาพันธุ์เบ่งบาน นับเป็นลางดีอย่างแท้จริง!”ต้องทราบไว้ว่าคนโบราณเชื่อเรื่องโชคลางหิมะไม่ตก ดาวตก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นลางร้ายร้ายแรงที่สุด ฮ่องเต้ต้องประกาศราชโองการสำนึกผิด ทูลขออภัยโทษต่อสวรรค์ส่วนเรื่องลางดี ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนขุดพบหัวไชเท้าใหญ่ในดิน ก็สามารถป่าวประกาศว่าเป็นลางดีได้ไม่ต้องพูดถึงการที่บุปผาเบ่งบานในฤดูหนาวนี่คือทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ที่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อนจะเรียกว่าเป็นลางดี ก็ไม่เกินจริงเลยแต่ที่เว่ยซวินกล่าวว่า เป็นเพราะคุณธรรมของฮองเฮาหลิน จึงเกิดลางดีนี้ขึ้น ฟังดูแล้วก็ดูจะเป็นการเชื่อมโยงที่ฝืนไปสักหน่อยแต่ถึงกระนั้นทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ที่บุปผาเบ่งบาน เกิดขึ้นที่ตำหนักฉางเล่อทำไมตำหนักอื่นถึงไม่มี?นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วมิใช่หรือว่า ลางดีนี้เกิดขึ้นเพราะฮองเฮาหลิน“ลางดี...”“เป็นลางดีจริงๆ!”ไทเฮาประคองร่างอันสั่นเทามาที่หน้าต่าง โดยมีหลี่หลงหลินคอยประคอง เมื่อเห็นภาพบุปผานานาพันธุ์แข่งกันเบ่งบานในสวน ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกตลอดมา ไทเ
ความหมายนั้นชัดเจนยิ่งนักก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่ยอมช่วยข้า!บัดนี้ ข้าลุกขึ้นยืนหยัดต่อกรด้วยตนเองหากพวกเจ้ายังไม่ยอมสนับสนุนข้าอีก ยังคิดจะโค่นล้มหลี่หลงหลินอีกหรือ?อีกไม่กี่ปี เมื่อฮ่องเต้หวู่สละราชสมบัติ และให้หลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป พวกเจ้าจะได้ลิ้มรสผลกรรมอย่างแน่นอน!เหล่าขุนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา พวกเขาสบตากันและกัน ก่อนจะพากันเอ่ยสนับสนุน “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องยิ่ง! งานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา งานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา แล้วร้อยบุปผาอยู่ที่ใดเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“เมื่อไม่มีบุปผานานาพันธุ์ แล้วจะเรียกว่างานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาได้อย่างไร?”“นี่เป็นการหลอกลวงเบื้องสูงอย่างแท้จริง!”“องค์รัชทายาทคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ควรยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลัก!”เหล่าขุนนางต่างหันมาอยู่ข้างหลี่เทียนฉี่ สถานการณ์พลิกผันอย่างฉับพลันฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว มองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า เจ้ามีอะไรจะแก้ตัว?”หลี่หลงหลินไม่สะทกสะท้าน “เสด็จพ่อ ในเมื่อลูกกล้าทูลเชิญเสด็จแม่ให้จัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา ย่อมต้องมีเหตุผล!
เพียงสิ้นคำนางกำนัลทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้ามา ยกน้ำร้อนสิบถ้วยวางเรียงกันต่อหน้าหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินยิ้มดีใจ “องค์ชายใหญ่ ดื่มตอนร้อนๆ เถอะ!”“เจ้า...”หลี่เทียนฉี่ลืมตาอ้าปากค้าง จ้องหลี่หลงหลินเขม็งเจ้าเก้าไอ้คนเจ้าเล่ห์!ไม่เพียงวางแผนทำให้ตนร้อนตาย!ยังจะทำให้ตนจุกตายอีกด้วย!น้ำร้อนสิบถ้วย ยังเป็นถ้วยใหญ่ หากดื่มลงไป กระเพาะจะต้องพังแน่ทว่าไทฮองไทเฮากลับเชื่อคำพูดเหลวไหลของหลี่หลงหลิน เผยสีหน้ากังวล “องค์ชายใหญ่ ข้าร้อนจนเหงื่อออกแล้ว เจ้ากลับรู้สึกหนาว ยังสวมใส่หนาถึงเพียงนี้ เห็นชัดว่าร่างกายอ่อนแอ”“ในเมื่อหมอเทวดาซุนพูดแล้วว่าดื่มน้ำร้อนสามารถรักษาโรคได้”“เจ้าก็ดื่มตอนยังร้อนเถอะ อย่าปฏิเสธความปรารถนาดีของเจ้าเก้าเลย”ความปรารถนาดี?หลี่เทียนฉี่คล้ายถูกเหวี่ยงหมัดใส่แรงๆ กระอักโลหิตขึ้นมาภายใต้ความเอือมระอา หลี่เทียนฉี่ใช้สายตาขอความช่วยเหลือ หันมองเหล่าขุนนางหวังให้พวกเขาลุกออกมาช่วยตนเองพูดสักสองประโยคหากไม่ได้ ก็ช่วยตนดื่มน้ำร้อนสักถ้วย นี่ย่อมได้กระมัง?ปรากฏว่าเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้นเหล่าขุนนางล้วนหดหัวงอตัว เห็นว่าสถานการณ์เสียเปรียบ แต่ละคน