เยว่ซานพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ผิด! กระหม่อมต้องการฟ้องโทษองค์ชายเก้าที่กดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซู! หวังว่าฝ่าบาทจะสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียด ลงโทษผู้กระทำผิด กำจัดความชั่วร้าย ช่วยชาวหลี่จากไฟร้อนเผาใจ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเจ้าเก้าทำตัวไร้สาระจริง แต่เขาจะไปรังแกเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูได้อย่างไร?แต่หากมีควัน ย่อมไม่ไร้ไฟ[footnoteRef:1] [1: ข่าวลือย่อมมีมูลเหตุ] เยว่ซานในฐานะผู้ตรวจการ คงไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาจากลมหรอกกระมัง?ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่ดำเป็นถ่าน “นายพลทหารของกองทัพตระกูลซู เสียสละชีวิตเพื่อแว่นแคว้น เป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย! แม่ม่ายและเด็กกำพร้าของพวกเขาควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเหมาะสมที่สุด! ผู้ใดกล้ารังแกพวกเขา ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ปล่อยปละ แต่คนทั้งใต้หล้าก็จะไม่รามือ!”“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เช่นนั้นต่อให้จะเป็นองค์ชายเก้า ข้าก็จะเอาความให้ถึงที่สุด!”“แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เจ้ามีหลักฐานจริงๆ ใช่หรือไม่?”เยว่ซานหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แม้ว่ากระหม่อมจะไร้หลักฐานที่เป็นรูปธรรมอยู่ในมือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้!
ผู้ตรวจการเยว่ซานกล่าวหาหลี่หลงหลิน โดยบอกว่าเขากดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูฮ่องเต้หวู่เดิมทีไม่เชื่อลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นไม่ว่าเจ้าเก้าจะเสเพลเพียงใด แต่เขาจะไม่ทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้แน่!ทว่า คำพูดของเยว่ซานพุ่งตรงทะลุเป้า กล้าถึงขนาดขอให้เจ้าเก้าเข้าวังมาฉะกับตนฮ่องเต้หวู่อดแสดงความลังเลไม่ได้ ไม่อาจตัดสินใจได้ในทันทีไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวเพียงหนึ่งหาก!หากสิ่งที่เยว่ซานพูดเป็นความจริง หลี่หลงหลินรังแกแม่ม่ายและเด็กกำพร้าพวกนั้นจริงๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เหลือจะกล่าว เวลาสั้นๆ นี้ ไม่แน่ว่าจะจบเรื่องลงได้!หรือว่า ต้องใช้กฎหมายมาจัดการจริงๆ ต้องส่งเจ้าเก้าเข้าคุก ให้เขาไปอยู่กับเจ้าหกจริงๆ หรือ?ฮ่องเต้หวู่ทนไม่ได้จริงๆอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนเห็นฮ่องเต้หวู่ลังเลก็ก้าวไปข้างหน้า “ฝ่าบาท! เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวัง ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางทุกคนคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกันพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำขู่!
หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่”เยว่ซานพูดต่อ “เช่นนั้นผ้าฝ้ายของท่าน ใช่หรือไม่ว่าหนึ่งพับขายเพียงแปดสิบอีแปะ ราคาถูกกว่าตลาดถึงยี่สิบอีแปะ”หลี่หลงหลินตอบ “ใช่”เยว่ซานมีสีหน้าลำพองใจ “เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่าท่านจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้า ทอผ้าให้ท่าน?”หลี่หลงหลินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบว่า “ไม่ผิด!”เสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นภายในราชสำนักในทันทีทันใดเดิมทีขุนนางใหญ่คิดว่าหลี่หลงหลินจะปฏิเสธอย่างดื้อรั้น หาข้ออ้างไม่ยอมรับคิดไม่ถึงเขายอมรับทั้งหมดโดยไม่โต้แย้ง!นี่จะต่างอันใดจากการยอมรับผิดโดยตรง?ใบหน้าเยว่ซานเผยรอยยิ้ม หมุนตัวเอ่ยกับฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายเก้ายอมรับผิดแล้ว กระหม่อมก็ไม่มีอันใดพูดอีก! ฝ่าบาทโปรดพระราชทานพระราชโองการ ลงโทษองค์ชายเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรลูกชายไม่ได้เรื่องคล้ายเกลียดเหล็กที่ไม่เป็นเหล็กกล้าอย่างขึ้งโกรธ “เจ้าเก้า! เจ้าถึงขั้นทำเรื่องชั่วเพียงนี้! เราผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก!”หลี่หลงหลินงุนงง “เสด็จพ่อ ลูกทำผิดตั้งแต่ยามใด? ลูกเพียงพูดว่าลูกว่าจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้าทำงาน มิเคยพูดว่ารังแกพวกนางมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้หวู่ตรัสอย่างพิ
ได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่ต้องการเสด็จออกจากวัง ตรวจสอบคดีนี้ด้วยพระองค์เอง ทั่วทั้งราชสำนักล้วนวุ่นวายเละเป็นโจ๊กหนึ่งหม้อที่มีท่าทีตอบสนองรุนแรงที่สุด ย่อมเป็นหัวหน้ากลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นตู้เหวินหยวนแล้วพวกเขาแต่ละคนล้วนคุกเข่าบนพื้น ร้องไห้โอดครวญ คล้ายฟ้าถล่มก็มิปานสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่เผือดซีด พระวรกายสั่นเทาพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นเหล่านี้ ปากบอกว่าทำเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของเราแต่แท้จริงแล้วกำลังควบคุมเรา!เราคือโอรสสวรรค์ หรือว่าแม้แต่อิสระก็ไม่มีกระนั้น?เราและนักโทษในคุกหลวง แตกต่างกันที่ใด?ไม่!นักโทษอิสระเสียยิ่งกว่าเรา!อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง อ่านฎีกา ติดอยู่กับหนังสือราชการเหมือนเรา... ฮ่องเต้หวู่รู้สึกเศร้าหมองภายในใจ สายตาหันมองทางเว่ยซวิน หวังให้เขาลุกออกมา ช่วยตนเองพูดสักสองประโยคเว่ยซวินจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ กลับก้มหน้าไม่พูดจาอย่างไรเสียเขาก็เป็นขันที อำนาจมากมายอย่างไร ก็ไม่สะดวกข้องเกี่ยวกับราชสำนักยิ่งไปกว่านั้น ทั้งบุ๋นบู๊กำลังตื่นตระหนก เว่ยซวินไม่โง่งมถึงขั้นเป็นคนเสนอหน้าออกมา!“เฮ้อ...”ฮ่องเต้หวู่พรูลมหายใจยาวเหยียดออก
ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ตลาดทิศทักษิณหรือ...”พูดตามสัตย์จริง ฮ่องเต้หวู่ไม่เคยไปตลาดทิศทักษิณมาก่อนก่อนนี้เขาออกจากวัง ก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ขุนนางชั้นสูงเข้าออกทั้งสิ้นกระนั้นฮ่องเต้หวู่เคยได้ยินมาว่า ตลาดทิศทักษิณเป็นสถานที่ที่ราษฎร์ไปบ่อยๆ สกปรกวุ่นวาย ภายในอากาศล้วนมีกลิ่นเหม็น...เทียบกับตลาดทิศประจิมแล้ว ตลาดทิศทักษิณซบเซากว่ามากยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เผ่าหมานใกล้จะตีเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย คนไม่น้อยหลีกเลี่ยงลงใต้ ขายร้านในตลาดทิศทักษิณในราคาถูกเมื่อเป็นเช่นนี้ ตลาดทิศทักษิณก็ซบเซามากยิ่งขึ้น...หลังผ่านไปครู่หนึ่งรถม้าของฮ่องเต้หวู่มาหยุดหน้าตลาดทิศทักษิณแล้วตู้เหวินหยวน เยว่ซานและพวกฝ่ายปกครอง ล้วนถอดชุดของราชสำนัก เปลี่ยนสวมชุดธรรมดา รออยู่ที่นี่นานมากแล้วฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้า พวกเขาก็รีบเข้าไปห้อมล้อมตู้เหวินหยวนพูดอย่างสะท้อนใจ “ต้องให้ฝ่าบาทเสด็จมาสถานที่สกปรกซอมซ่อเช่นนี้ ไม่สมควรเลยจริงๆ! ก่อนนี้กระหม่อมเคยผ่านที่นี่ น้ำสกปรกเจิ่งนอง เต็มไปด้วยดินโคลน กลิ่นเหม็นนั้น ทำให้กระหม่อมกินข้าวไม่ลงถึงสามวัน!”เยว่ซานร้องรับ “ใช่แล้ว! ตลาดทิศทักษิณสถา
ฮองไทเฮาสกุลหลู่เป็นคนมัธยัสถ์ ใช้จักรเย็บผ้าทอผ้าในวังหลังบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงไม่รู้สึกแปลกใหม่เทียบกันแล้ว ผ้าฝ้ายที่สกุลซูขาย ไม่เพียงหนา แต่ยังถี่ แม้เรียบรื่นไม่เท่าผ้าแพรต่วน แต่ก็เป็นของชั้นดีนี่มิใช่ผ้าไม่ดีอย่างที่ตู้เหวินหยวนพูด!ฮ่องเต้หวู่ถามหญิงชรา “ผ้าฝ้ายหนึ่งพับนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะจริงหรือ?”หญิงชราตอบยิ้มๆ “หลายวันก่อนก็ขายแปดสิบอีแปะจริง ระยะสองสามวันนี้ลดราคาลง เหลือเพียงเจ็ดสิบอีแปะ! ผ้าหยาบที่สุดของแปดหอการค้าใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งร้อยอีแปะ!”“ผ้าฝ้ายสกุลซูนี้คุณภาพดี ราคายังถูกอีกด้วย”“องค์ชายเก้าก็คือผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง!”ได้ยินหญิงคนนั้นชื่นชม สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงไม่ยินดี แต่ยังเคร่งขรึมขึ้นอีกด้วยดูแล้วคำพูดของเยว่ซาน ทุกประโยคล้วนเป็นจริงเจ้าเก้าเพื่อยึดครองตลาด แย่งชิงกับแปดหอการค้าใหญ่ กดราคาผ้าฝ้ายลงต่ำ ชนิดที่ว่ายอมขายขาดทุนขนแกะออกจากตัวแกะไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่เสียอันใดเว้นเสียแต่เอาเปรียบแรงงานหญิง ฮ่องเต้หวู่ก็คิดวิธีอื่นที่สามารถลดต้นทุนอย่างน่ากลัวเพียงนี้ไม่ออกเว่ยซวินเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่พอ
ตู้เหวินหยวนทางด้านข้าง เหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผากเขาเองก็ไม่คาดคิด ฝ่าบาทมาสืบคดีขององค์ชายเก้า เหตุใดจับพลัดจับผลูมาข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินชดเชยได้หากฝ่าบาทรู้ ตนเองเป็นผู้ยักยอกเงินชดเชยทั้งหมด ไม่แจกจ่ายไปแม้อีแปะเดียว เช่นนั้นก็แย่แล้วดังนั้น ตู้เหวินหยวนรีบเบี่ยงประเด็น “เฝิงเฉวียจื่อคนนี้จิตใจคับแคบ เพียงมองดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี! ทุกคำของเขาพูดว่าราชสำนักมิได้แจกจ่ายเงินชดเชย ถ้าอย่างนั้นหลายปีมานี้ เขาใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ยังมีร้านแผงลอยนี้ หากเขาไม่มีเงิน ไฉนเลยจะสามารถเช่าได้?”เฝิงเฉวียจื่อได้ยิน ร้อนใจขึ้นมาในทันใด เกร็งคอร้องตะโกน “หากมิใช่องค์ชายเก้ามีเมตตา ปล่อยร้านให้เช่าโดยไม่คิดเงิน ข้าเฝิงเฉวียจื่อคงกินได้เพียงลมตะวันตกเฉียงเหนือไม่มีอะไรกินแล้ว!”“ท่านถามข้าหลายปีมานี้ใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ขอทานข้างถนนอย่างไรเล่า อยากกินข้าว...ไม่รู้ต้องถูกมองด้วยสายตาเย็นชามากน้อยเพียงใด! ราชสำนักเคยใยดีพวกเราด้วยหรือ...”เฝิงเฉวียจื่อยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน ปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสุดระงับตู้เหวินหยวนเห็นท่าไม่ดี พาฮ่องเต้หวู่มาที่อีกฝั่ง “ฝ่าบาท คำพูดของคนผู้นี้ มิ
“เว่ยซวิน!”ฮ่องเต้หวู่ตะเบ็งเสียงเฉียบ “เจ้าเก้าเล่า? ให้เขาไสหัวมาบัดเดี๋ยวนี้!”เว่ยซวินรีบค้อมตัวตอบ “บ่าวจะไปพาองค์ชายเก้ามาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ...”ตอนนี้เอง หนึ่งผู้เฒ่าหนึ่งหญิงสาวสองคนได้ยินเสียงภายในเรือน เงยหน้าอย่างแปลกใจมาก มองเห็นชายแปลกหน้ารัศมีไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง ทันใดนั้นตกใจสะดุ้งโหยง “ท่านเป็นใคร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่ตอบ แต่ถามกลับ “พวกเจ้าใช่แม่ม่ายของกองทัพสกุลซูหรือไม่?”หญิงสาวออกเรือนแล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เดินไปหยุดหน้าจักรทอผ้า ลูบผ้าฝ้ายเนื้อหนาละเอียดผืนนั้น “พวกเจ้าทำงานที่ร้านขายผ้าสกุลซู?”หญิงสาวออกเรือนแล้วเอ่ยตอบ “ใช่แล้ว? มีปัญหาอันใดหรือเจ้าคะ?”เยว่ซานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “แม่ม่ายของสกุลซู กลับอยู่ในสถานที่พรรค์นี้ ช่างชวนให้หัวใจคนสั่นสะท้านจริงๆ! ดูๆ เรือนหลังนี้ สภาพย่ำแย่เพียงใด...”หญิงสาวออกเรือนแล้วชะงักงัน พูดอย่างไม่เข้าใจ “ย่ำแย่? บ้ารกก็รกอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าย่ำแย่กระมัง?”เยว่ซานร้อนใจอยู่บ้าง “มิใช่เรือนล้อมกำแพงสี่ทิศ อะไรก็ไม่มีหรือ?”หญิงสาวออกเรือนแล้วยิ้มขมปร่าพลางพูด “ครอบครัวยากจน จะมีเรือนที่ดีอันใด มีข้
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว
ฮ่องเต้หวู่ปวดหัวแทบระเบิด สองมือกดขมับคลึงเค้น สมองแทบเหลวเป็นแป้งเปียก ฮ่องเต้หวู่จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลี่หลงหลินอย่างจนปัญญา: “เจ้าเก้า เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ ใกล้ค่ำแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเพียงเท่านี้เถิด! สุขภาพของท่านสำคัญยิ่งนัก รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก: “แยกย้ายกันเพียงเท่านี้? แล้วคดีทุจริตของซ่งชิงหลวนเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินผายมือ: “ก็ทำตามที่ควรทำ ตอนนี้เสด็จพ่อมีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ให้พวกเขาไปสืบสวนก็สิ้นเรื่อง! ควรจับก็จับ ควรตัดสินก็ตัดสิน ควรประหารก็ประหาร!” “การสอบคัดเลือกขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งนี้ต้องสืบสวนให้ถึงที่สุด!” ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที เมื่อก่อนข้าพึ่งพาเหล่าขุนนางมากเกินไป จึงสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ ทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวัง กระทั่งถูกริดรอนอำนาจ เป็นฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้ามีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาขุนนางพวกนี้อีกต่อไป! ข้าอยากจะสืบสวนอย่างไร ก็ทำได้ตามใจ! ดี! ฮ่องเต้หวู
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจัดเดิมที เขาทรงคิดว่าซ่งชิงหลวนเป็นผู้มีปัญญามาก มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือ คาดไม่ถึงเลยจริงๆหลายปีมานี้ ซ่งชิงหลวนสมคบกับตู้เหวินยวน ผูกขาดการสอบขุนนาง ทุจริต ฉ้อฉล ไม่รู้ว่ารีดไถทรัพย์สินจากราษฎรไปเท่าไหร่การคดโกงเงินทองนั้น จริงๆ แล้วฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ใส่พระทัยขุนนางทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่ไม่รับสินบน?บัณฑิตร่ำเรียนมาสิบปี หวังจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพื่ออะไรกัน?เพื่อทำตามความฝันและปณิธานของตนเอง?เหลวไหล!ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง?ปัญหาคือ คนดีรักทรัพย์สิน ก็ควรได้มาโดยชอบธรรมหากซ่งชิงหลวนเพียงแค่ยักยอกค่าเล่าเรียนเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็แล้วไป!เขากลับใช้การสอบขุนนางเป็นเครื่องมือ!ช่างเกินไปแล้ว!มิน่าเล่า ในราชสำนัก ขุนนางที่ไร้ความสามารถจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ละคนถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตีสามครั้งก็ยังไม่ปริปากให้ไปปกครองบ้านเมือง ก็ทำได้แย่มิน่าเล่า หนิงชิงโหว ผู้มีความรู้ความสามารถ ถึงได้สอบตกแม้ว่าภายหลัง หนิงชิงโหวจะสอบได้จอหงวน ก็ยังเลือกที่จะไปเป็นอาจารย์อยู่ที่เขาประจิม ไม่ยอมเข้ารับราชการแท้จริงแล้ว รากฐานของต้าเซี่ย
เรื่องน่าอับอายของซ่งชิงหลวนเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางกุขึ้นเองทั้งสิ้นหลักฐานของหลี่หลงหลินมาจากไหน?หรือว่าเพื่อช่วยนาง หลี่หลงหลินคิดจะปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงเบื้องสูง?นี่... นี่ไม่ได้!การหลอกลวงเบื้องสูงเป็นความผิดมหันต์ต่อให้หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ก็ไม่อาจแบกรับไหว!ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้หวู่กำลังทรงกริ้ว ถึงขั้นคิดจะถอดหลี่หลงหลินออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลี่หลงหลินเสี่ยงอันตราย หากถูกฮ่องเต้หวู่จับได้ ก็คงจะถึงคราววิบัติ“องค์รัชทายาท”“อนาคตของท่านยังอีกยาวไกล เพื่อหญิงต่ำต้อยเช่นข้า เหตุใดต้องทำลายอนาคตตนเอง?”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดจะเปิดเผยความจริงหลี่หลงหลินรีบส่งสัญญาณให้ซูเฟิ่งหลิง “เจ้าพาพี่สะใภ้สี่ไปด้านข้าง อย่าให้นางพูดอะไรเหลวไหล”ซูเฟิ่งหลิงจับแขนหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย! ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทเถิด! มีเขาอยู่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ถอยไปด้านข้างหลี่หลงหลินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวเกือบไปแล้ว!เกือบจะเกิดศึกภายใน ทำลายแผนการจนหมดสิ้นหลิ่วหรูเยียนยังขาดประสบการณ์ในเรื่องให
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้
หลิ่วหรูเยียนเห็นขุนนางทั้งราชสำนัก แทบจะเทใจสนับสนุนองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ทั้งหมด พากันกล่าวโทษหลี่หลงหลินอย่างรุนแรง นางก็ตื่นตระหนก คิดว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาเยือนนางได้มอบชีวิตของตนให้แก่หลี่หลงหลินแล้ว ยินยอมที่จะตายแทนเขาดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาใด หลิ่วหรูเยียนก็รับไว้ทั้งหมดโดยไม่ลังเล!“พี่สะใภ้สี่ เจ้า...”หลี่หลงหลินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยความซาบซึ้งใจเขาก็คาดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเขา!ตัวเขาเป็นถึงรัชทายาท ข้อหาหมิ่นประมาทบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ก็มีโทษเพียงแค่ริบเบี้ยหวัดเท่านั้นแต่หลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงสามัญชน ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี ไม่มีผู้หนุนหลังหากนางต้องรับโทษนี้ มีหวังต้องหัวหลุดจากบ่าฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้วขึ้น มองหลิ่วหรูเยียนด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะรับผิดแล้วหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า โทษนี้ เจ้าคนเดียวไม่อาจรับไหว!”บนใบหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ปรากฏรอยยิ้มที่งดงามปนเศร้า “ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นโทษทัณฑ์ใด หม่อมฉันก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด!”“ช่างเป็นคนมีน้ำใจ...”ฮ่องเต้หวู่รำพึงในใจ “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้แต่ง “ความฝันในหอแดง” ได้...”
ไม่ยอมรับ!ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับป่าช้า!เหล่าขุนนางเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตนได้ยินฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น แววตาฉายแววขุ่นเคืองและผิดหวัง “เจ้าเก้า! เจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้าอย่างนั้นหรือ? จำเป็นต้องมาขัดขวางข้าต่อหน้าธารกำนัล ในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาเช่นนี้?”เขาเป็นทั้งฮ่องเต้และบิดา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ก็ต้องรักษาไว้ซึ่งบารมี!พูดกันตามตรงไม่ว่าใครก็ต่างมองว่าฮ่องเต้หวู่ทรงลำเอียงเข้าข้างหลี่หลงหลินอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นที่เรียกว่าทรงโปรดปรานก็ว่าได้!การลงโทษให้ริบเบี้ยหวัดเพียงสามเดือน ก็เป็นเงินแค่สามร้อยตำลึงโทษทัณฑ์นี้เบาบางยิ่งนักพูดง่ายๆ ก็คือทำเป็นพิธีไปเท่านั้นหลี่หลงหลินจะไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่ปลายก้อยแต่ฮ่องเต้หวู่ทรงทำเพื่อหลี่หลงหลินถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินกลับยังคงไม่ยอมรับผิด!“แม้แต่โทษเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”“เจ้าเก้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”“ข้าหวังดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจในใจความหวังดีของเขาถูกหล
ฮ่องเต้หวู่อ่านกลับไปกลับมาหลายรอบ ก็ยังไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่เทียนฉี่ก้มหน้าทูล “ทูลเสด็จพ่อ ในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับนี้ เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งชิงหลวน เป็นแบบอย่างที่ดี ลูกศิษย์มากมาย มีคุณธรรมสูงส่ง!”“องค์รัชทายาทกลับเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายชื่อเสียงของบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง!”“บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งอ่านแล้ว โกรธจนกระอักเลือด แทบสิ้นลม จนถึงตอนนี้ก็ยังอาการสาหัส!”“ขุนนางทั้งราชสำนัก เป็นพยานให้บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งได้”“เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระสิ้นดี!”“ขอให้ฝ่าบาททรงประทานความเป็นธรรมแก่บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง และบัณฑิตทั้งแผ่นดินด้วย!”เมื่อสิ้นเสียงเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างพากันยืนขึ้น แสดงความไม่พอใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมทั้งหลายยินดีเป็นพยาน! เรื่องราวที่เขียนในหนังสือพิมพ์ ล้วนเป็นเรื่องโกหก พูดจาเหลวไหล!”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง ไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน!”“หวังว่าฝ่าบาทจะทรงผดุงความยุติธรรม นำตัวผู้ปล่อยข่าวใส่ร้ายมาลงโทษ!”“หากบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ยังถูกใส่ร้ายป้าย
เทพธิดาบุปผา?หลี่เทียนฉี่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ในสวนของตำหนักฉางเล่อ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านนี่มันเรื่องอะไรกัน?เริ่มจากเครื่องทำความร้อนใต้พื้นและลางดี จากนั้นหลี่หลงหลินก็แต่งบทกวีห่วยๆ...เอาเถอะไม่ใช่บทกวีไร้ค่า แต่เป็นบทกวีอมตะที่วิจิตรงดงามเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลิน จู่ๆ ก็ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นเทพธิดาบุปผา?ความรู้สึกถึงภยันตรายอันใหญ่หลวง ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์ กลืนกินหลี่เทียนฉี่จนแทบจมหายไปในชั่วพริบตาโบราณว่า แม่มีคุณธรรมลูกจึงได้ดีในราชวงศ์ องค์ชายและพระมารดานั้นต่างต้องพึ่งพาอาศัย ส่งเสริมซึ่งกันและกันทำไมหลี่เทียนฉี่ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท?ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกาจอะไรแต่เป็นเพราะว่า แม่ของเขาคือฮองเฮาหลู่!เขาคือโอรสองค์โตที่เกิดจากฮองเฮา!ดังนั้น เขาจึงเป็นองค์รัชทายาทโดยกำเนิด!บัดนี้ นางหลู่ถูกถอดถอน ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นส่วนแม่ของหลี่หลงหลิน นางหลิน กลับได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แถมยังกลายเป็นเทพธิดาบุปผาคราวนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของหลี่หลงหลิน ก็มั่นคง ยากจะหาผู้ใดมาสั่นคลอน!“เจ้าเก้า...”“เจ้ามันเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”หลี่เทียน