ฮองไทเฮาสกุลหลู่เป็นคนมัธยัสถ์ ใช้จักรเย็บผ้าทอผ้าในวังหลังบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงไม่รู้สึกแปลกใหม่เทียบกันแล้ว ผ้าฝ้ายที่สกุลซูขาย ไม่เพียงหนา แต่ยังถี่ แม้เรียบรื่นไม่เท่าผ้าแพรต่วน แต่ก็เป็นของชั้นดีนี่มิใช่ผ้าไม่ดีอย่างที่ตู้เหวินหยวนพูด!ฮ่องเต้หวู่ถามหญิงชรา “ผ้าฝ้ายหนึ่งพับนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะจริงหรือ?”หญิงชราตอบยิ้มๆ “หลายวันก่อนก็ขายแปดสิบอีแปะจริง ระยะสองสามวันนี้ลดราคาลง เหลือเพียงเจ็ดสิบอีแปะ! ผ้าหยาบที่สุดของแปดหอการค้าใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งร้อยอีแปะ!”“ผ้าฝ้ายสกุลซูนี้คุณภาพดี ราคายังถูกอีกด้วย”“องค์ชายเก้าก็คือผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง!”ได้ยินหญิงคนนั้นชื่นชม สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงไม่ยินดี แต่ยังเคร่งขรึมขึ้นอีกด้วยดูแล้วคำพูดของเยว่ซาน ทุกประโยคล้วนเป็นจริงเจ้าเก้าเพื่อยึดครองตลาด แย่งชิงกับแปดหอการค้าใหญ่ กดราคาผ้าฝ้ายลงต่ำ ชนิดที่ว่ายอมขายขาดทุนขนแกะออกจากตัวแกะไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่เสียอันใดเว้นเสียแต่เอาเปรียบแรงงานหญิง ฮ่องเต้หวู่ก็คิดวิธีอื่นที่สามารถลดต้นทุนอย่างน่ากลัวเพียงนี้ไม่ออกเว่ยซวินเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่พอ
ตู้เหวินหยวนทางด้านข้าง เหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผากเขาเองก็ไม่คาดคิด ฝ่าบาทมาสืบคดีขององค์ชายเก้า เหตุใดจับพลัดจับผลูมาข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินชดเชยได้หากฝ่าบาทรู้ ตนเองเป็นผู้ยักยอกเงินชดเชยทั้งหมด ไม่แจกจ่ายไปแม้อีแปะเดียว เช่นนั้นก็แย่แล้วดังนั้น ตู้เหวินหยวนรีบเบี่ยงประเด็น “เฝิงเฉวียจื่อคนนี้จิตใจคับแคบ เพียงมองดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี! ทุกคำของเขาพูดว่าราชสำนักมิได้แจกจ่ายเงินชดเชย ถ้าอย่างนั้นหลายปีมานี้ เขาใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ยังมีร้านแผงลอยนี้ หากเขาไม่มีเงิน ไฉนเลยจะสามารถเช่าได้?”เฝิงเฉวียจื่อได้ยิน ร้อนใจขึ้นมาในทันใด เกร็งคอร้องตะโกน “หากมิใช่องค์ชายเก้ามีเมตตา ปล่อยร้านให้เช่าโดยไม่คิดเงิน ข้าเฝิงเฉวียจื่อคงกินได้เพียงลมตะวันตกเฉียงเหนือไม่มีอะไรกินแล้ว!”“ท่านถามข้าหลายปีมานี้ใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ขอทานข้างถนนอย่างไรเล่า อยากกินข้าว...ไม่รู้ต้องถูกมองด้วยสายตาเย็นชามากน้อยเพียงใด! ราชสำนักเคยใยดีพวกเราด้วยหรือ...”เฝิงเฉวียจื่อยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน ปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสุดระงับตู้เหวินหยวนเห็นท่าไม่ดี พาฮ่องเต้หวู่มาที่อีกฝั่ง “ฝ่าบาท คำพูดของคนผู้นี้ มิ
“เว่ยซวิน!”ฮ่องเต้หวู่ตะเบ็งเสียงเฉียบ “เจ้าเก้าเล่า? ให้เขาไสหัวมาบัดเดี๋ยวนี้!”เว่ยซวินรีบค้อมตัวตอบ “บ่าวจะไปพาองค์ชายเก้ามาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ...”ตอนนี้เอง หนึ่งผู้เฒ่าหนึ่งหญิงสาวสองคนได้ยินเสียงภายในเรือน เงยหน้าอย่างแปลกใจมาก มองเห็นชายแปลกหน้ารัศมีไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง ทันใดนั้นตกใจสะดุ้งโหยง “ท่านเป็นใคร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่ตอบ แต่ถามกลับ “พวกเจ้าใช่แม่ม่ายของกองทัพสกุลซูหรือไม่?”หญิงสาวออกเรือนแล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เดินไปหยุดหน้าจักรทอผ้า ลูบผ้าฝ้ายเนื้อหนาละเอียดผืนนั้น “พวกเจ้าทำงานที่ร้านขายผ้าสกุลซู?”หญิงสาวออกเรือนแล้วเอ่ยตอบ “ใช่แล้ว? มีปัญหาอันใดหรือเจ้าคะ?”เยว่ซานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “แม่ม่ายของสกุลซู กลับอยู่ในสถานที่พรรค์นี้ ช่างชวนให้หัวใจคนสั่นสะท้านจริงๆ! ดูๆ เรือนหลังนี้ สภาพย่ำแย่เพียงใด...”หญิงสาวออกเรือนแล้วชะงักงัน พูดอย่างไม่เข้าใจ “ย่ำแย่? บ้ารกก็รกอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าย่ำแย่กระมัง?”เยว่ซานร้อนใจอยู่บ้าง “มิใช่เรือนล้อมกำแพงสี่ทิศ อะไรก็ไม่มีหรือ?”หญิงสาวออกเรือนแล้วยิ้มขมปร่าพลางพูด “ครอบครัวยากจน จะมีเรือนที่ดีอันใด มีข้
“มีเงินเหล่านี้ พวกเราไม่เพียงมีชีวิตดียิ่งขึ้น ส่งลูกเข้าเรียนในสำนักศึกษา ท่านแม่ข้าร่างกายไม่แข็งแรง เงินที่เหลือก็นำมาซื้อยารักษาให้นาง!”“บัดนี้ นางกินยาแล้ว ร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”“องค์ชายเก้าคือผู้มีบุญคุณดุจบิดามารดา ไฉนเลยจะข่มเหง?”ผู้เฒ่าเองก็เปิดปากพูด “ใช่แล้ว! ชีวิตของข้านี้ ล้วนเป็นองค์ชายเก้ามอบให้! หากมิใช่เขา...ครอบครัวพวกเราทั้งเด็กและผู้ชรา ก็คงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว...”พวกนางย้อนคิดถึงความเจ็บปวดในอดีตเหล่านั้น ขอบตาแดงก่ำ สะอื้นออกมาแล้วปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับราษฎร์ยากจน!ฮ่องเต้หวู่ปวดแสบจมูก ขอบตาแดงเรื่อต้าเซี่ยยึดหลักความกตัญญูปกครองใต้หล้าฮ่องเต้หวู่มองผ่านตัวผู้เฒ่า คิดถึงมารดาของตนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ฮองไทเฮาสกุลหลู่ ก็คือคนมัธยัสถ์ ทอผ้าอยู่ในวังบ่อยๆตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ภายนอกประตูเว่ยซวินรีบเดินเข้ามาหยุดหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท องค์ชายเก้ามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ที่หน้าประตูหลี่หลงหลินพาญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดของสกุลซู เร่งเดินทางมาถึงแล้วซูเฟิ่งหลิง ลั่วอวี้จู๋ หลิ่วหรูเยียน กงซูหว่าน ชนิดที่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูก็
เยว่ซานคลานอยู่บนพื้น เสียงสั่นเครือ “ฝ่าบาท กระ..กระหม่อมถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรทางเยว่ซาน แย้มพระโอษฐ์อย่างเยียบเย็น “ปรักปรำ? เราได้รู้ความจริงจากปากหญิงออกเรือนแล้วคู่นี้แล้ว เจ้ายังขวัญกล้าแก้ตัว?”เยว่ซานเห็นท่าไม่ดี พูดอย่างหวาดหวั่น “ฝ่าบาท หญิงออกเรือนแล้วคู่นี้ รวมถึงเฝิงเฉวียจื่อคนนั้น เห็นได้ชัดว่าถูกองค์ชายเก้าซื้อไว้แล้ว...คำพูดของพวกนาง เชื่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่มีโทสะมากขึ้นถึงสามจั้ง ตรัสอย่างพิโรธ “น่ากลัวว่าก็ถูกพวกเจ้าปรักปรำกระมัง ถึงตั้งใจหลีกเลี่ยงเช่นนี้! คิดไม่ถึง เขาทำได้ถึงขั้นนี้ เจ้ายังใส่ร้ายป้ายสีสาดน้ำสกปรกใส่เขา!”“ดีๆ! เจ้าพูดว่าเจ้าเก้าซื้อหญิงออกเรือนแล้ว รวมถึงเฝิงเฉวียจื่อคนนั้น!”“เช่นนั้นเราขอถามคนอื่น!”ฮ่องเต้หวู่กวาดสายพระเนตรผ่านราษฎร์ทั้งหมด เปล่งพระสุรเสียงดังกังวาน “ในหมู่พวกเจ้า มีทหารพิการแม่ม่ายเด็กกำพร้าของสกุลซูมากน้อยเพียงใด ทั้งหมดล้วนยืนขึ้นให้เรา!”ทันใดนั้นคนนับหลายร้อยคนก็ลุกขึ้นยืน ดำทะมึนเป็นหนึ่งปื้นใหญ่ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเอง...”พระสุรเสียงของฮ่องเต้หวู่ดังกังวานดุจระฆัง ตรัสว่า “เราถามพวก
เหล่าราษฎรโมโหไม่พอใจ ต่างพากันตะโกน “คุณหนูใหญ่ซูพูดมีเหตุผล!”“ทำความดีเป็นกบฏ? ถุย! ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”“พวกเจ้าขุนนางเหล่านี้วางท่าวางอำนาจ ไม่สนใจความเป็นตายของราษฎร! องค์ชายเก้าทำเรื่องดีมีคุณธรรม ครั้นอยู่ในปากเจ้า กลับกลายเป็นทำผิดเสียอย่างนั้น?”ตู้เหวินหยวนพูดเสียงเรียบ “คนธรรมดาทำเรื่องดี ย่อมคือทำความดี! ทว่า องค์ชายเก้ามิใช่คนธรรมดา แต่เป็นองค์ชาย! กอปรกับบัดนี้เขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ! เขาทำเรื่องดี ต้องเป็นเพราะต้องการซื้อใจคน วางแผนก่อกบฏเป็นแน่!”“ใต้เท้าทุกท่าน พวกท่านคิดเห็นเช่นไร?”ขุนนางทั้งหมดต่างพากันลุกขึ้นยืนพูดออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ท่านตู้พูดถูกแล้ว!”“ฝ่าบาท หรือพระองค์ลืมไปแล้ว ก่อนองค์ชายหกก่อกบฏ ก็แจกจ่ายเงินอย่างกว้างขวาง ซื้อใจคน บอกต่อความดีผ่านปากของราษฎร!”“ต้าเซี่ยตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นตายล้วนมีค่าเท่ากัน จะปล่อยให้ความวุ่นวายขององค์ชายหก เกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้!”ทันใดนั้นเหล่าขุนนางต่างพากันเห็นด้วย สนับสนุนคำพูดของตู้เหวินหยวน คิดว่าองค์ชายเก้าก่อกบฏ ขอร้องให้ลงโทษสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ เย็นชาจนน่ากลัวเว่ยซวินยืนที่ฝั่งห
เดิมทีเป็นคดีผู้ตรวจการเยว่ซานปรักปรำหลี่หลงหลินคิดไม่ถึง กลับทำให้ฝ่าบาทตกพระทัยเสด็จออกจากวัง ยังไม่ต้องพูดว่าสืบคดีด้วยพระองค์เอง ยังเกี่ยวโยงถึงสกุลซูซื้อใจคน วางแผนก่อกบฏอีกด้วยที่ชวนให้คนตกตะลึงที่สุดคือ สกุลซูถึงขั้นยอมรับผิดแล้ว!ภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปลงรวดเร็วยิ่งนัก ทำให้คนมีตาไม่พอให้มอง ตกตะลึงอ้าปากค้างหลี่หลงหลินขมวดคิ้วสกุลซูสามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าซูย่อมไม่ขาดความดีความชอบ!แม้อายุมากแล้ว แต่กลับคิดคำนวณเรื่องในราชสำนักได้อย่างยอดเยี่ยมเวลาเพียงชั่วครู่ ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็สามารถตัดสินชี้ขาด กันตนเองออกไป ให้สกุลซูรับผิดแทนบัดนี้สกุลซู คล้ายเรือหนึ่งลำกำลังฝ่าพายุบนมหาสมุทรที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว ก็คือหลี่หลงหลิน!หากหลี่หลงหลินล้มลง สกุลซูต้องล่มสลายเป็นแน่!ขอเพียงหลี่หลงหลินไม่ล้ม สกุลซูก็ยังมีหนทางช่วยเหลือ!เพราะเหตุนี้ จึงยอมเสียสละโดยไม่นึกเสียดาย ปกป้องหลี่หลงหลินไว้แล้วสิ่งนี้สำหรับสกุลซู คือผลลัพธ์ดีที่สุด!ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษของสกุลซู ล้วนตายเพราะสงครามทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวอ้างว้างโดดเดี่ยวฝ่าบาทโง่งมเพียงใด ก็ไม่โอหัง
สิ่งที่หลี่หลงหลินพูดมานั้นเป็นความจริงเพราะตระกูลซูก็ตกอยู่ในวิกฤติใหญ่เช่นกัน แทบไม่สามารถเอาเงินออกมาได้มากมายขนาดนั้นพระพักตร์ของฮ่องเต้หวู่ก็พลันอ่อนลง “เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์! แต่ว่าเจ้าไม่คิดหรือว่าหากเจ้าเป็นฝ่ายยอมรับผิด ข้าจะให้อภัยเจ้าง่ายๆ? เจ้าไม่สมควรใช้ความคิดไม่ดีไปซื้อใจคน!”หลี่หลงหลินตะโกนออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “เสด็จพ่อ นี่ท่านกำลังใส่ร้ายลูกอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ลูกไปซื้อใจคนที่ไหนกัน! ไม่ว่าจะในหมู่ประชาชน หรือในกองทัพ ชื่อเสียงของลูกก็เน่าเฟะจนไม่น่าฟังแล้ว!”“ลูกยังได้ยินมาว่าผู้ตรวจการเยว่ซานกล่าวโทษลูก บอกว่าลูกคือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้า!”“เสด็จพ่อ ท่านบอกได้หรือไม่ ว่าลูกกำลังซื้อใจคนอยู่หรือเปล่า?” เยว่ซานมีใบหน้าตกตะลึงไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึง คำพูดที่ตนใส่ร้ายหลี่หลงหลินนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาใช้เป็นโล่กำบังนี่เรื่องอะไรกัน?ฮ่องเต้หวู่ตะลึงทันที เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ชื่อเสียงของเจ้ามันเน่าเฟะจริงๆ แต่นั่นล้วนเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทั้งนั้น ข้าได้ถ่ายทอดราชโองการลงไปเพื่อช่วยบรรเทาความคับข้องใจของเจ้าแล้วมิใช่หรือ...”หลี่หลงหลินก
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้
หลิ่วหรูเยียนเห็นขุนนางทั้งราชสำนัก แทบจะเทใจสนับสนุนองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ทั้งหมด พากันกล่าวโทษหลี่หลงหลินอย่างรุนแรง นางก็ตื่นตระหนก คิดว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาเยือนนางได้มอบชีวิตของตนให้แก่หลี่หลงหลินแล้ว ยินยอมที่จะตายแทนเขาดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาใด หลิ่วหรูเยียนก็รับไว้ทั้งหมดโดยไม่ลังเล!“พี่สะใภ้สี่ เจ้า...”หลี่หลงหลินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยความซาบซึ้งใจเขาก็คาดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเขา!ตัวเขาเป็นถึงรัชทายาท ข้อหาหมิ่นประมาทบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ก็มีโทษเพียงแค่ริบเบี้ยหวัดเท่านั้นแต่หลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงสามัญชน ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี ไม่มีผู้หนุนหลังหากนางต้องรับโทษนี้ มีหวังต้องหัวหลุดจากบ่าฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้วขึ้น มองหลิ่วหรูเยียนด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะรับผิดแล้วหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า โทษนี้ เจ้าคนเดียวไม่อาจรับไหว!”บนใบหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ปรากฏรอยยิ้มที่งดงามปนเศร้า “ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นโทษทัณฑ์ใด หม่อมฉันก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด!”“ช่างเป็นคนมีน้ำใจ...”ฮ่องเต้หวู่รำพึงในใจ “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้แต่ง “ความฝันในหอแดง” ได้...”
ไม่ยอมรับ!ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับป่าช้า!เหล่าขุนนางเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตนได้ยินฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น แววตาฉายแววขุ่นเคืองและผิดหวัง “เจ้าเก้า! เจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้าอย่างนั้นหรือ? จำเป็นต้องมาขัดขวางข้าต่อหน้าธารกำนัล ในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาเช่นนี้?”เขาเป็นทั้งฮ่องเต้และบิดา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ก็ต้องรักษาไว้ซึ่งบารมี!พูดกันตามตรงไม่ว่าใครก็ต่างมองว่าฮ่องเต้หวู่ทรงลำเอียงเข้าข้างหลี่หลงหลินอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นที่เรียกว่าทรงโปรดปรานก็ว่าได้!การลงโทษให้ริบเบี้ยหวัดเพียงสามเดือน ก็เป็นเงินแค่สามร้อยตำลึงโทษทัณฑ์นี้เบาบางยิ่งนักพูดง่ายๆ ก็คือทำเป็นพิธีไปเท่านั้นหลี่หลงหลินจะไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่ปลายก้อยแต่ฮ่องเต้หวู่ทรงทำเพื่อหลี่หลงหลินถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินกลับยังคงไม่ยอมรับผิด!“แม้แต่โทษเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”“เจ้าเก้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”“ข้าหวังดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจในใจความหวังดีของเขาถูกหล
ฮ่องเต้หวู่อ่านกลับไปกลับมาหลายรอบ ก็ยังไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่เทียนฉี่ก้มหน้าทูล “ทูลเสด็จพ่อ ในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับนี้ เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งชิงหลวน เป็นแบบอย่างที่ดี ลูกศิษย์มากมาย มีคุณธรรมสูงส่ง!”“องค์รัชทายาทกลับเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายชื่อเสียงของบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง!”“บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งอ่านแล้ว โกรธจนกระอักเลือด แทบสิ้นลม จนถึงตอนนี้ก็ยังอาการสาหัส!”“ขุนนางทั้งราชสำนัก เป็นพยานให้บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งได้”“เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระสิ้นดี!”“ขอให้ฝ่าบาททรงประทานความเป็นธรรมแก่บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง และบัณฑิตทั้งแผ่นดินด้วย!”เมื่อสิ้นเสียงเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างพากันยืนขึ้น แสดงความไม่พอใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมทั้งหลายยินดีเป็นพยาน! เรื่องราวที่เขียนในหนังสือพิมพ์ ล้วนเป็นเรื่องโกหก พูดจาเหลวไหล!”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง ไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน!”“หวังว่าฝ่าบาทจะทรงผดุงความยุติธรรม นำตัวผู้ปล่อยข่าวใส่ร้ายมาลงโทษ!”“หากบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ยังถูกใส่ร้ายป้าย
เทพธิดาบุปผา?หลี่เทียนฉี่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ในสวนของตำหนักฉางเล่อ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านนี่มันเรื่องอะไรกัน?เริ่มจากเครื่องทำความร้อนใต้พื้นและลางดี จากนั้นหลี่หลงหลินก็แต่งบทกวีห่วยๆ...เอาเถอะไม่ใช่บทกวีไร้ค่า แต่เป็นบทกวีอมตะที่วิจิตรงดงามเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลิน จู่ๆ ก็ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นเทพธิดาบุปผา?ความรู้สึกถึงภยันตรายอันใหญ่หลวง ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์ กลืนกินหลี่เทียนฉี่จนแทบจมหายไปในชั่วพริบตาโบราณว่า แม่มีคุณธรรมลูกจึงได้ดีในราชวงศ์ องค์ชายและพระมารดานั้นต่างต้องพึ่งพาอาศัย ส่งเสริมซึ่งกันและกันทำไมหลี่เทียนฉี่ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท?ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกาจอะไรแต่เป็นเพราะว่า แม่ของเขาคือฮองเฮาหลู่!เขาคือโอรสองค์โตที่เกิดจากฮองเฮา!ดังนั้น เขาจึงเป็นองค์รัชทายาทโดยกำเนิด!บัดนี้ นางหลู่ถูกถอดถอน ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นส่วนแม่ของหลี่หลงหลิน นางหลิน กลับได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แถมยังกลายเป็นเทพธิดาบุปผาคราวนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของหลี่หลงหลิน ก็มั่นคง ยากจะหาผู้ใดมาสั่นคลอน!“เจ้าเก้า...”“เจ้ามันเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”หลี่เทียน
หลี่เทียนฉี่พึมพำหลี่เทียนฉี่ยังคงไม่ยอมแพ้ ดึงกลีบดอกไม้ออกจากกิ่งทีละกลีบ เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ถูกแปะติดไว้ เขาก็อึ้งไปทั้งร่าง!ภาพดอกไม้บานในฤดูหนาว เกินกว่าความเข้าใจของเขาแม้จะได้เห็นกับตา หลี่เทียนฉี่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตนเองมันช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก!หลังจากที่เว่ยซวินเข้ามาในสวน เขาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกันอันที่จริง เขาก็คิดว่าหลี่หลงหลินใช้วิธีอะไรบางอย่าง เช่น มายากลของยุทธภพ หรือภาพลวงตา มาหลอกลวงฮ่องเต้หวู่ก็เพราะว่าการฝืนลิขิตฟ้าดิน ทำให้ดอกไม้บานในฤดูหนาว ช่างน่าอัศจรรย์ ราวกับเรื่องราวในตำนาน!เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ เว่ยซวินพบว่าเป็นของจริง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับคืนมา เขาเด็ดดอกอิ๋งชุนสีเหลืองอ่อนมาสองสามกิ่ง แล้วเดินรีบเดินกลับไปหาฮองไทเฮา “ฮองไทเฮา โปรดทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองไทเฮา ขยับแว่นสายตา จ้องมองดอกอิ๋งชุนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ “ฮ่องเต้ ดอกไม้นี่ของจริง! เป็นลางดีจริงๆ! ข้ารู้สึกมานานแล้วว่า ฮองเฮาหลินไม่ใช่คนธรรมดา...”ฮ่องเต้หวู่หัวเราะเสียงดัง “เสด็จแม่ ข้ารู้นานแล้วว่า ฮองเฮาไม่ใช่คนธรรมดา! นางสามารถทำให้บุปผานานาพันธุ
ลางดี!ฮ่องเต้หวู่ตระหนักได้ในทันใด ตรัสด้วยความยินดี “เดือนอ้ายฤดูหนาว บุปผานานาพันธุ์เบ่งบาน นับเป็นลางดีอย่างแท้จริง!”ต้องทราบไว้ว่าคนโบราณเชื่อเรื่องโชคลางหิมะไม่ตก ดาวตก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นลางร้ายร้ายแรงที่สุด ฮ่องเต้ต้องประกาศราชโองการสำนึกผิด ทูลขออภัยโทษต่อสวรรค์ส่วนเรื่องลางดี ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนขุดพบหัวไชเท้าใหญ่ในดิน ก็สามารถป่าวประกาศว่าเป็นลางดีได้ไม่ต้องพูดถึงการที่บุปผาเบ่งบานในฤดูหนาวนี่คือทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ที่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อนจะเรียกว่าเป็นลางดี ก็ไม่เกินจริงเลยแต่ที่เว่ยซวินกล่าวว่า เป็นเพราะคุณธรรมของฮองเฮาหลิน จึงเกิดลางดีนี้ขึ้น ฟังดูแล้วก็ดูจะเป็นการเชื่อมโยงที่ฝืนไปสักหน่อยแต่ถึงกระนั้นทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ที่บุปผาเบ่งบาน เกิดขึ้นที่ตำหนักฉางเล่อทำไมตำหนักอื่นถึงไม่มี?นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วมิใช่หรือว่า ลางดีนี้เกิดขึ้นเพราะฮองเฮาหลิน“ลางดี...”“เป็นลางดีจริงๆ!”ไทเฮาประคองร่างอันสั่นเทามาที่หน้าต่าง โดยมีหลี่หลงหลินคอยประคอง เมื่อเห็นภาพบุปผานานาพันธุ์แข่งกันเบ่งบานในสวน ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกตลอดมา ไทเ
ความหมายนั้นชัดเจนยิ่งนักก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่ยอมช่วยข้า!บัดนี้ ข้าลุกขึ้นยืนหยัดต่อกรด้วยตนเองหากพวกเจ้ายังไม่ยอมสนับสนุนข้าอีก ยังคิดจะโค่นล้มหลี่หลงหลินอีกหรือ?อีกไม่กี่ปี เมื่อฮ่องเต้หวู่สละราชสมบัติ และให้หลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป พวกเจ้าจะได้ลิ้มรสผลกรรมอย่างแน่นอน!เหล่าขุนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา พวกเขาสบตากันและกัน ก่อนจะพากันเอ่ยสนับสนุน “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องยิ่ง! งานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา งานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา แล้วร้อยบุปผาอยู่ที่ใดเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“เมื่อไม่มีบุปผานานาพันธุ์ แล้วจะเรียกว่างานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาได้อย่างไร?”“นี่เป็นการหลอกลวงเบื้องสูงอย่างแท้จริง!”“องค์รัชทายาทคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ควรยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลัก!”เหล่าขุนนางต่างหันมาอยู่ข้างหลี่เทียนฉี่ สถานการณ์พลิกผันอย่างฉับพลันฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว มองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า เจ้ามีอะไรจะแก้ตัว?”หลี่หลงหลินไม่สะทกสะท้าน “เสด็จพ่อ ในเมื่อลูกกล้าทูลเชิญเสด็จแม่ให้จัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา ย่อมต้องมีเหตุผล!
เพียงสิ้นคำนางกำนัลทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้ามา ยกน้ำร้อนสิบถ้วยวางเรียงกันต่อหน้าหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินยิ้มดีใจ “องค์ชายใหญ่ ดื่มตอนร้อนๆ เถอะ!”“เจ้า...”หลี่เทียนฉี่ลืมตาอ้าปากค้าง จ้องหลี่หลงหลินเขม็งเจ้าเก้าไอ้คนเจ้าเล่ห์!ไม่เพียงวางแผนทำให้ตนร้อนตาย!ยังจะทำให้ตนจุกตายอีกด้วย!น้ำร้อนสิบถ้วย ยังเป็นถ้วยใหญ่ หากดื่มลงไป กระเพาะจะต้องพังแน่ทว่าไทฮองไทเฮากลับเชื่อคำพูดเหลวไหลของหลี่หลงหลิน เผยสีหน้ากังวล “องค์ชายใหญ่ ข้าร้อนจนเหงื่อออกแล้ว เจ้ากลับรู้สึกหนาว ยังสวมใส่หนาถึงเพียงนี้ เห็นชัดว่าร่างกายอ่อนแอ”“ในเมื่อหมอเทวดาซุนพูดแล้วว่าดื่มน้ำร้อนสามารถรักษาโรคได้”“เจ้าก็ดื่มตอนยังร้อนเถอะ อย่าปฏิเสธความปรารถนาดีของเจ้าเก้าเลย”ความปรารถนาดี?หลี่เทียนฉี่คล้ายถูกเหวี่ยงหมัดใส่แรงๆ กระอักโลหิตขึ้นมาภายใต้ความเอือมระอา หลี่เทียนฉี่ใช้สายตาขอความช่วยเหลือ หันมองเหล่าขุนนางหวังให้พวกเขาลุกออกมาช่วยตนเองพูดสักสองประโยคหากไม่ได้ ก็ช่วยตนดื่มน้ำร้อนสักถ้วย นี่ย่อมได้กระมัง?ปรากฏว่าเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้นเหล่าขุนนางล้วนหดหัวงอตัว เห็นว่าสถานการณ์เสียเปรียบ แต่ละคน