Share

บทที่ 89

Author: ชาผลไม้
ฉู่เนี่ยนซีหันไปมองตามต้นเสียง แล้วเงยหน้าขึ้นมอง บนต้นไม้ใหญ่ด้านหนึ่งของสำนักหมอหลวง มีสตรีคนหนึ่งสวมกระโปรงสีน้ำเงินเข้มปักลายดอกไม้สีขาวกำลังจ้องมองมาที่นาง

เมื่อเห็นว่านางมองอยู่ สตรีผู้นั้นก็บินลงจากต้นไม้ กิ่งก้านใบไม้ขยับตามการเคลื่อนไหวของนาง และใบไม้บางส่วนก็ปลิวตามลมร่วงลงมาที่พื้น ดูส่งเสริมกันอย่างงดงาม ดูแล้วราวกับเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์

ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังคิดอยู่ สตรีผู้นั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้านาง เมื่อได้มองเห็นอีกฝ่ายในระยะใกล้จึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีผิวขาวละเอียดอ่อน ดวงตาได้รูปดูสดใส จมูกเล็กจิ้มลิ้ม ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ และสองลักยิ้มข้างแก้มให้ความรู้สึกน่ารักและขี้เล่น

“เจ้าคือพระชายาหลี?” เสียงของสตรีคนนั้นเบาและอ่อนหวาน

ฉู่เนี่ยนซีได้สติกลับคืนมา ก่อนจะยิ้มหวาน “ใช่แล้ว”

“ได้ยินชื่อเสียงมาเนิ่นนานแล้ว แต่…เจ้าดูไม่เหมือนกับในข่าวลือเลย” หญิงสาวจ้องมองหน้านาง ในแววตาคู่นั้นไม่มีความมุ่งร้ายอะไรเลยแม้แต่น้อย “แต่…ข้าไม่เคยเชื่อข่าวลือพวกนั้นเลยสักนิด เจ้าทั้งสวย ทั้งเก่งกาจ และฉลาดโดดเด่นกว่าใครในวังแห่งนี้เสียอีก!”

ฉู่เนี่ยนซีนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกคนวิ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 90

    ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังสั่งให้สาวใช้ในเรือนช่วยนางยกอ่างน้ำร้อนเอากลับไปที่เรือน ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลังฉู่เนี่ยนซีรู้ว่าเป็นใครได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด นางกลอกตาอย่างขอไปทีก่อนจะหันกลับไป“ก็ดี แล้วน้องหญิงทำไมถึงได้มีเวลาว่างมาเดินในสวนได้?”เมื่อซ่างกวานเยียนเห็นสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไรของอีกฝ่าย ก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นในใจ พวกหมอหลวงนวังที่เก่งกาจจนไม่มีหมอคนไหนมาเทียบได้จะมาฟังผู้หญิงไร้ชื่อเสียงแบบนางได้เช่นไร?!นางก็อยากเห็นเหมือนกันว่าฉู่เนี่ยนซีจะรักษาหน้าตัวเองไปได้สักกี่น้ำ!“พี่หญิงเอาอะไรมาพูด ข้าไม่ได้ออกไปข้างนอกได้บ่อยเหมือนท่าน ก่อนออกเรือน ท่านแม่ของข้ามักจะสอนข้าตลอดว่า ออกเรือนไปแล้วก็ต้องฝเฝ้าอยู่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม ดังนั้น หากน้องไม่มีธุระอะไรก็จะมาเดินเล่นที่สวนของจวนเช่นนี้เสมอ”แน่นอนว่านางจะไม่บอกสตรีอัปลักษณ์คนนี้ว่าท่านอ๋องกับอ๋องเจ็ดเพิ่งกลับมาจากกองทัพ ตอนนี้กำลังคุยธุระกันอยู่ที่ศาลาในสวน นางจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะกลัวแต่ว่าสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้ก็รู้ว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่ เลยเลือกที่จะเดินทางนี้เช่นกันฉู่เนี่ยนซีได้ยินคำพูดอันแปลก

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 91

    ดวงตากลมโตดุจกวางของซ่างกวานเยียนหรี่ลง นางเคลื่อนตัวไปทางด้านหลังของฉู่เนี่ยนซี ประสาทสัมผัสของฉู่เนี่ยนซีไวกว่าผู้อื่น ขณะนี้คล้ายว่านางจะรู้สึกแปลก ๆ สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ตอนที่ซ่างกวานเยียนกำลังจะแตะแผ่นหลังของนาง ฉู่เนี่ยนซีก็เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ซ่างกวานเยียนที่พุ่งมาด้วยความเร็วจึงพลาดท่า ยังดีที่นางมีแรงหมุนตัวกลับ จึงไม่ได้หล่นลงไปในสระบัวโดยตรงเพียงแต่ล้มลงไปที่พื้นแทน ฉู่เนี่ยนซียิ้มเยาะ สายตาเย็นชามองมาชวนให้ซ่างกวานเยียนรู้สึกกดดัน “เจ้าคิดว่าวันนี้อากาศร้อนรึ ถึงได้อยากให้ข้าลงไปคลายร้อน?” ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของฉู่เนี่ยนซีเปล่งเสียงเยือกเย็นออกมา ส่งผลให้ซ่างกวานเยียนตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก “มะ...เมื่อครู่ข้าสะดุดก้อนหินโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เลยเผลอล้มไป” “อ้อ? จริงหรือ…” ฉู่เนี่ยนซีมีเสียงต่ำเนิบ ๆ และพูดต่อ “ข้าก็นึกว่าเจ้าล้มพับไปเพราะโรคลมแดดเสียอีก” “เช่นนั้นก็…” ฉู่เนี่ยนซีก้มมองร่างกายของนางอย่างเย็นชา “ถอดเสื้อคลุมพวกนี้ออกแล้วลงไปอาบน้ำเสียสิ!” จู่ ๆ ม่านตาของซ่างกวานเยียนก็ขยาย มองฉู่เนี่ยนซีด้วยความหวาดหวั่น “เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ท่านอ๋องไม

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 92

    เย่ฉงเฉิงรู้สึกอยู่เสมอว่าซ่างกวานเยียนไม่เพียงแต่งดงาม ทั้งยังจิตใจดี และเป็นสตรีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพี่สามของเขา แต่กลับกลายเป็นว่านางถูกฉู่เนี่ยนซีแย่งตำแหน่งชายาเอกไปอย่างไร้ยางอาย อีกทั้งยังถูกฉู่เนี่ยนซีกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ตอนนี้เขาจึงอยากออกตัวแทนเพื่อปกป้องซ่างกวานเยียน “ตำแหน่งชายาเอกของพี่สามควรเป็นของนาง เจ้าขโมยตำแหน่งคนอื่นไปไม่พอ ยังจะฆ่านางด้วย! ไม่แปลกใจที่พี่สามเกลียดเจ้าถึงขนาดนี้! หากเป็นข้า คงจะทอดทิ้งเจ้าไปนานแล้ว!” ท่าทางของเย่ฉงเฉิงไม่ต่างไปจากกำลังขุดหลุมศพบรรพบุรุษของครอบครัวของตัวเองขึ้นมาตะโกนสาปแช่ง ฉู่เนี่ยนซีสงบสติอารมณ์ได้แล้วในตอนแรก แต่เมื่อนางเห็นเย่ฉงเฉิงทำท่าเคร่งขรึมด้วยใจอันชอบธรรมกำลังสั่งสอนนาง จู่ ๆ นางก็รู้สึกโกรธจนในใจเดือดพล่าน และรัศมีอันเยือกเย็นราวกับสระน้ำแข็งก็ค่อย ๆ กระจายออกมาจากรอบ ๆ ตัวของนาง “สมมติว่านางได้ตำแหน่งชายาเอกของเย่เฟยหลี ถ้าหม่อมฉันแย่งมันมาแล้วจะทำไมเล่า! หากไม่พอพระทัยก็ไปคุยกับพระบิดาของพระองค์สิเพคะ! แล้วอีกอย่าง ในชีวิตนี้ไม่มีใครที่จะทอดทิ้งหม่อมฉันได้! องค์ชายเองไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะแต่งงานกับหม่อมฉัน

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 93

    เห็นดังนั้น ทั้งสองจึงหลบอย่างรวดเร็ว ซึ่งยังดีที่พอจะหลบได้ จากนั้นเข็มเงินอีกหลายเล่มก็พุ่งตามกันมา บังคับให้เย่เฟยหลีต้องลุกขึ้นยืน ฉู่เนี่ยนซีมองเขาและยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็รีบดึงคอเสื้อของซ่างกวานเยียนขึ้นอย่างแรง ส่งผลให้เสื้อคลุมฉีกออก และแล้วนางก็ถีบซ่างกวานเยียนให้ลงไปในสระบัว เย่เฟยหลีคาดไม่ถึงว่าฉู่เนี่ยนซีจะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินซ่างกวานเยียนตะโกนขอความช่วยเหลือ เขาก็ไม่สนใจสิ่งใดและกระโดดลงไปในน้ำทันที เย่ฉงเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ มองฉู่เนี่ยนซีอย่างฉุนเฉียว “เจ้า นางคนอัปลักษณ์! ข้าไม่เคยเห็นใครโหดร้ายและบ้าบิ่นเท่านี้มาก่อน บังอาจฆ่าคนต่อหน้าผู้อื่นรึ?” “หม่อมฉันบ้าได้มากกว่านี้อีก พระองค์แค่ยังไม่เคยเห็น!” ฉู่เนี่ยนซีเป็นเหมือนงูพิษที่กำลังโกรธเกรี้ยว รอโอกาสที่จะตะครุบเหยื่อ นางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ขณะเดียวกันเข็มเงินก็พุ่งออกไป เป้าหมายคือดวงตาของเขา เย่ฉงเฉิงไม่คาดคิดว่านางจะเป็นเช่นนี้ เขาจึงหลบอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่ละสายตา เขาก็รู้สึกเจ็บที่คอและขา จึงสำรวจดูก็พบว่าบริเวณนั้นมีเข็มปักอยู่แน่น “อา...” เย่ฉงเฉิงดึงเข็มเงินออกมา ทันใดนั้นขาและเท้

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 94

    ฉู่เนี่ยนซีหยิบสมุนไพรที่คัดไว้แยกออกมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หุบเขาสมุนไพรมีวิธีการเก็บรักษาแบบพิเศษ ตอนนี้จึงสามารถชะลอการเสื่อมสภาพของสมุนไพรได้ คุณสมบัติของยายังคงเดิมไม่เปลี่ยน ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่รู้ว่าสมุนไพรที่เปราะบางเหล่านี้จะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ กระแสพลังในจิตสำนึกของฉู่เนี่ยนซีสว่างวาบ นางวางสมุนไพรลงดินทีละต้น ในชั่วพริบตา สมุนไพรเหล่านั้นก็งอกขึ้นมาเหมือนหน่อไม้หลังฝนตกในฤดูใบไม้ผลิ ใบแผ่ออกทีละใบ ต้นที่มีใบสีเขียวก็เขียวชอุ่มราวกับมรกต ส่วนต้นที่ใบเป็นสีแดงก็มีสีแดงสดสวย ไม่เพียงแค่ดูมีชีวิตชีวา แต่ยังให้ความรู้สึกเหมือนพืชเหล่านี้เติบโตขึ้นด้วย แม้แต่ข้อมูลคุณสมบัติของสมุนไพรที่ปรากฏขึ้นในหัวของฉู่เนี่ยนซี ก็ยังได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น นั่นทำให้นางประหลาดใจในทันที ไม่คาดคิดว่าพื้นที่ที่เพิ่งเปิดใช้งานของนางนี้จะเป็นพื้นที่แห่งจิตวิญญาณจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มคุณภาพของสมุนไพรเท่านั้น ทั้งยังช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชอีกด้วย “ดูท่าจะสามารถนำสมุนไพรที่ใช้ในหอการแพทย์มาปลูกที่นี่ได้สักระยะหนึ่ง” ดวงตาโค้งมนของฉู่เนี่ยนซีฉายแววโล่งใ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 95

    อีกด้าน หลังจากที่เย่เฟยหลีออกมาจากเรือนของซ่างกวานเยียน เขาก็มาหยุดที่หน้าเรือนของฉู่เนี่ยนซีโดยไม่รู้ตัว เขามองไปยังเรือนที่ปิดสนิท ร่องรอยของความรำคาญใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาส่ายหัวแล้วกำลังหันหลังตั้งท่าจะจากไป “ท่านอ๋อง กระหม่อมรู้ว่าพระองค์จะต้องเสด็จมาแน่” เย่เฟยหลีมองคนตรงหน้า รู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับได้ แต่ไม่นานความเย็นชาก็กลับคืนสู่ดวงตาของเขา “เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” “เรียนท่านอ๋อง หมอที่รักษาท่านอ๋องเฉิงบอกว่าไม่สามารถรักษาเพิ่มเติมได้แล้ว แต่อาการที่ขาจะหายเอง ตอนนี้ท่านผู้นั้นกำลังพังข้าวของอยู่พ่ะย่ะค่ะ” เหลียงหยวนอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ และมีสีหน้าลำบากใจ แม้ว่าจวนแห่งนี้จะไม่ได้ขาดเงินทอง แต่พังข้าวของขนาดนี้ค่าใช้จ่ายคงท่วมหัว เขาที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเป็นทุกข์ “หมอธรรมดาสามารถรักษาสิ่งที่นางทำได้อย่างไร?” เย่เฟยหลีมองไปยังเรือนของฉู่เนี่ยนซีและพูดอย่างนิ่งเฉย เหลียงหยวนมีสีหน้าสงสัย “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เขาดูเหมือนจะคิดอะไรออก และทำสีหน้าประหลาดใจ “นี่…หรือว่า…” เหลียงหยวนกำลังจะพูดแต่ก็หยุดลงเมื่อเห็นเย่เฟยหลีพยักหน้า “ข้

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 96

    เนื่องจากที่นี่เคยเปิดกิจการมาก่อน ทั้งทำเลและแผนผังภายในดีมาก ตัวอาคารยังคงเป็นสามชั้น นอกจากนี้ยังทำให้ง่ายต่อการแจกจ่ายยาและการรักษาในอนาคต “นายท่าน มาแล้วหรือขอรับ?” ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีมาถึง อวี๋ตงและอวี๋ซีก็ออกมาทักทาย ทั้งสองคนแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำ เนื่องจากมีสถานะพิเศษ พวกเขาจึงสวมหน้ากากสีเงินเอาไว้ รูปร่างของทั้งคู่สูงชะลูดและดูลึกลับ ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าและเดินเข้าไปในหอ “ท่านผู้อาวุโสเฮ่อหลานมาถึงแล้วหรือยัง?” ฉู่เนี่ยนซีถามขณะดูแผนผังของหอ “ยังเลยขอรับ เมื่อคืนอวี๋หนานไม่ได้พบท่านหมอเทวดา หมอฝึกหัดบอกว่าเขามีคนไข้คนสำคัญ จำต้องออกไปรักษา กลับมาอีกทีก็ตอนเช้านี้” บนใบหน้าอันสงบนิ่งของอวี๋ตงเต็มไปด้วยความกังวล “อวี๋หนานไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” “เมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้วขอรับ” ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว บ้านของหมอเทวดาเฮ่อหลานอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ อย่างอวี๋หนานคงใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งในสี่ของเวลาที่ว่าเท่านั้น แม้ว่าเขาจะกลับมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย แต่ไม่ได้เจอใครเลยภายเวลาหนึ่งชั่วยามน่ะหรือ “ช่างเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เตรียมตัวเปิดร้านได้เลย” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็เดินไปที

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 97

    “เจ้าเป็นหมอเจ้าของหอการแพทย์แห่งนี้หรือ? เจ้ายังเด็กมากและดูจะทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่เจ้าก็ยังคงยืนกรานที่จะใช้ชื่อเสียงของหมอเทวดาเฮ่อหลานมาแอบอ้างและหลอกลวงงั้นรึ?!” ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบ มีดวงตารีเล็ก ความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของฉู่เนี่ยนซี คนที่มาด้วยจุดประสงค์ไม่ดีเช่นนี้ คงจะมาเพื่อจับผิดโดยเฉพาะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหนเท่านั้น “หากท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าคงต้องไปฟ้องร้องต่อศาลาว่าการว่าท่านแพร่ข่าวลือและสร้างปัญหาแล้วกระมัง” ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาหรี่เล็กคาดไม่ถึงว่านางจะสามารถพูดได้อย่างนิ่งเฉย หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาก็เย้ยหยันว่า “หมอเทวดาเฮ่อหลานเป็นคนเช่นไร ผู้น้อยเช่นเจ้าเนี่ยนะจะสามารถไปเชิญเขามาได้? ทั้งยังบอกว่าจะมานั่งตรวจเอง ตลกไปหน่อยแล้ว” ทันทีที่คนผู้นี้พูด ทุกคนก็ดูเหมือนจะตระหนักได้ และการสนทนาก็แพร่กระจายไปทั่วบริเวณถนน “พูดก็พูดเถอะ คนอย่างท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานจะมาตรวจคนไข้ในสถานที่ที่ไร้ชื่อเสียงและไร้อำนาจแห่งนี้ได้อย่างไร” “นั่นสิ หากท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานจะมาอยู่ในหอการแพทย์ไร้ชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร หากเขา

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status