การมาของเย่เฟยหลีทำลายบรรยากาศลงอย่างมากแต่อย่างไรก็ตาม ในเรือนนี้ฉู่เนี่ยนซีใหญ่ที่สุด ดังนั้นอวี๋ตงจึงเป่าขลุ่ยต่อ ส่วนอวี๋ซีก็หันไปย่างแกะ ด้านอวี๋หนานก็กลับมาวุ่นวายกับน่องไก่ในมือ และอวี๋เป่ยที่ยืนอยู่หลังฉู่เนี่ยนซีด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาเกรงว่าหากเย่เฟยหลีระเบิดโมโหขึ้นมา คงได้ทะเลาะกับนายหญิงของเขาแน่ ๆมีเพียงเสี่ยวเถาเท่านั้นที่ยังคงยืนสงวนท่าทีทำความเคารพเย่เฟยหลีอยู่ด้านหลัง แม้จะตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็คอยสังเกตการแสดงออกของเย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีอย่างระมัดระวังเย่เฟยหลีกลอกตามองไปทางเสี่ยวเถาและเชิดหน้าขึ้น “บอกข้ามาซิ คนเฝ้ายามกับสาวใช้ที่เรือนนี้หายไปไหนหมด?”“ระ...เรียนองค์ชาย พระชายาตรัสว่าวันนี้อยากให้ทุกคนได้พักผ่อน จึงปล่อยพวกเขากลับบ้านไปเพคะ...”ฉู่เนียนซีคัดน่องไก่สวย ๆ น่องหนึ่งจากโต๊ะมายื่นให้กับเย่เฟยหลีก่อนที่เขาจะว่าอะไรนาง “เอาล่ะ เป็นความผิดข้าเองที่ไม่แบ่งอะไรให้ท่านกิน นี่น่องไก่ของท่าน ถือว่านั่นคือคำขอโทษจากข้า”พูดจบ นางก็หันไปตะโกนเสียงดังกับอวี๋ตง “เป่าต่อไป! อย่าหยุด!”อวี๋ตงพยักหน้า แม้แรงกดดันจากเย่เฟยหลีจะรุนแรงมาก แต่
จากนั้นเหลียงหยวนจึงเดินโซซัดโซเซออกไปฉู่เนี่ยนซีที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดื่มมาเยอะเช่นกัน นางก้าวเข้าห้องอย่างเชื่องช้า เท้าเซเล็กน้อยเย่เฟยหลี่วางถ้วยสุราลง เดินไปหานางเงียบ ๆ ในขณะที่นางกำลังจะล้มตรงหน้าประตูเขาก็โอบเอวของนางเอาไว้อวี๋ซีที่เหลือบมองมาทางพวกเขา ทะยานขึ้นไปบนชายคาด้วยความเงียบเชียบ ทำหน้าที่เฝ้าเรือนคนเดียวต่อไปแม้ฉู่เนี่ยนซีจะดื่มไปเยอะ แต่ก็ยังมีสติอยู่ นางขยับตัวหนีโดยสัญชาตญาณเพื่อหลีกเลี่ยงลมหายใจที่รดใบหูอยู่ “กลับไปนอนที่ห้องท่านเถอะ”“เจ้าใช้น่องแกะกับสาเกล่อข้าไว้ที่นี่ ตอนนี้กลับจะไล่ข้าไป?”“ออกไป! ข้าง่วงแล้ว จะนอน!”ขณะที่เขาพูด ฉู่เนี่ยนซีพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ก็เผลอทำให้เขาล้มลงบนเตียงไปด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจหลายวันมานี้ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกว่าชายคนนี้ทำตัวน่ารำคาญมาก ความง่วงในตอนนี้ทำให้อารมณ์ของนางขุ่นมัวกว่าเก่า จนอดไม่ได้ที่จะใช้เท้าเตะเขาเย่เฟยหลีเลิกคิ้วคว้าข้อเท้าของนางไว้ “เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าเตะข้า”ฉู่เนี่ยนซีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากดึงข้อเท้าของตนออกจึงรีบเอาผ้าห่มมาม้วนตัวเองเอาไว้หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือนางจะไม่ยอมแบ่งผ
ขณะเดียวกัน ณ ลานในเรือนของชายาหลีอาจเป็นเพราะเมื่อคืนดื่มไปมาก ไม่ว่าฉู่เนี่ยนซีจะพลิกตัวไปมากี่ครั้งก็ไม่สามารถโงหัวลุกขึ้นจากที่นอนได้ มีก็แต่ความรู้สึกเวียนหัว ขมับและท้ายทอยตึงไปหมดเท่านั้นแต่เดิมเย่เฟยหลีคอแข็งเป็นอันดับต้น ๆ ในแผ่นดินนี้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตื่นตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนในยามปกติ ถึงอย่างไรเขาก็สั่งให้คนนำงานราชการมาทำที่นี่ และนั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีด้านฉู่เนี่ยนซีที่เวียนหัวมาตลอดนั้น ก็ลืมตาขึ้นหลังจากการหลับนานจนสายป่านนี้สายตาของนางหยุดไปยังเย่เฟยหลีที่ใส่เพียงเสื้อคลุมชั้นใน และเสื้อคลุมตัวนอกที่ใส่มาเมื่อวาน นั่งห่างจากนางไม่ถึงสองฟุต กำลังตั้งสมาธิกับการเขียนรายงานเมื่อก้มมองดูตัวเอง พบว่าที่นอนถูกเก็บรวมเป็นกองเดียวกัน จำได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปหนักมาก เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นได้จากคราบมันสองคราบเป็นดวง ๆ บนชุดที่เลอะเพราะกินน่องไก่เป็นหลักฐานหากเทียบกันแล้ว ฉู่เนี่ยนซีคิดว่าตนเป็นเพียงหญิงสาวหยาบกระด้าง แต่เย่เฟยหลีเป็นองค์ชายที่ถูกเลี้ยงดูอบรมมาเป็นอย่างดี‘พรึ่บ’ ฉู่เนี่ยนซีลุกขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว
‘ไร้สาระ? นางจะบอกว่า การมีแผลเป็นบนใบหน้านั้นเป็นเรื่องไร้สาระรึ?’เห็นได้ชัดว่าเย่เฟยหลีเริ่มสงสัย แต่ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังนวดขมับเพราะมีอาการเมาค้างก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรต่อ นางเดินออกไปหาเสี่ยวกับอวี๋หนานให้ทำน้ำแกงแก้เม้าค้างให้เย่เฟยหลีกระชับเสื้อคลุมแน่น แม้จะเป็นช่วงกลางฤดูร้อน แต่ตอนเช้าเช่นนี้ก็มีลมเย็น ๆ อยู่เล็กน้อย เขาเห็นฉู่เนี่ยนซีกำลังนั่งกินน้ำแกงแก้เมาค้างกับเสี่ยวเถาและคนอื่น ๆ อยู่ตรงลานในเรือน เขาเห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกว่าชีวิตนี้ก็ดูสงบดีไม่เบา‘ฉู่เนี่ยนซีไม่เหมือนกับหญิงสาวนางอื่น ที่จะรั้งแขกไว้อย่างเต็มที่เวลาพวกเขามาเยี่ยมเยียน’‘แต่กลับตรงกันข้าม ประมาณว่าถ้าเจ้ามาข้าก็ต้อนรับขับสู้ แต่ถ้าจะไปก็ขอไม่ส่งแล้วกัน’เย่เฟยหลีอยู่ที่เรือนนี้มาจวนจะหนี่งวันแล้ว คงอยู่นานมากกว่านี้ไม่ได้ ขณะที่เดินออกจากเรือนของฉู่เนี่ยนซี ก็เห็นชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมปักลายยับ ๆ วิ่งพรวดพราดเข้ามา“นี่ พี่สามของข้า ท่านมาอยู่ที่นี่นี่เอง”เมื่อเย่ฉงเฉิงเปิดปากพูดก็มีกลิ่นสุราลอยออกมาหึ่ง “ข้าถูกนายแม่ของหอดนตรีหมายหัว แต่ผู้ติดตามของข้าถูกจับตัวไว้ที่นั่น ไม่มีทางเลือกแล้ว ให้ข้าซ่
ซ่างกวานเยียนเช็ดน้ำตา เฟยจูนำเสื้อคลุมมาคลุมนางไว้แล้วปลอบอย่างใจดี “คุณหนูอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะเจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าเมื่อคืนวานในเรือนของพระชายาแค่จัดงานเลี้ยงกัน ระหว่างทางท่านอ๋องบังเอิญไปเห็นเข้าเลยสนใจจึงร่วมวงด้วยเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”“ใช่ บังเอิญ”ซ่างกวานเยียนกำหมัดแน่น ปลายเล็บจิกที่ฝ่ามือจนเกือบจะเลือดไหล “บรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้ท่านอ๋องหลีถึงได้มาค้างที่เรือนของท่านพี่หญิง จริง ๆ แล้วข้าอยากไปด้วย แต่รออยู่ทั้งคืนก็ไม่เห็นส่งคนมาเชิญ ข้า...ข้าต้องทำอะไรผิดไปจนทำให้ท่านพี่ไม่พอใจแน่ ๆ”เย่ฉงเฉิงตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะคิดได้ว่าเย่เฟยหลีนอนค้างกับซ่างกวานเยียนอยู่ถึงกลางดึก แล้วก็รีบไปหาพระชายาหลี?พี่สามมีความสัมพันธ์อันดีกับฉู่เนี่ยนซีตั้งแต่เมื่อไหร่?ยังได้ยินเฟยจูพูดต่อ “คุณหนูต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะเจ้าคะ พระชายาทำให้คุณหนูลำบากมาทั้งวันแล้ว ไม่แน่อาจจะหาเหตุผลอะไรมาทำให้คุณหนูลำบากกว่าเดิมก็ได้”ซ่างกวานเยียนรีบห้ามปราม “เฟยจู นางเป็นพี่ ข้าเป็นน้อง ที่ข้าได้เข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องหลีก็เป็นเพราะความเมตตาของท่านอ๋องเอง เจ้าไม่ควรพูดถึงพระชายาลับหลังเช่นนี้ นางเป็นชายา
ณ ริมสระน้ำเย่ฉงเฉิงเดินอย่างรีบร้อน ในฐานะที่เขาเป็นองค์ชายคงจะไปโต้แย้งโดยตรงกับฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ เรื่องนี้คุยกับเย่เฟยหลีต่อหน้าจะดีที่สุดแต่ยังไม่ทันจะเดินถึงเรือนของเย่เฟยหลี เขาก็ปะทะกับฉู่เนี่ยนซีที่กำลังเดินพลางกินขนมฝูหรงที่อยู่ในมือเมื่อเย่ฉงเฉิงเห็นฉู่เนี่ยนซี เขาก็ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขญะ ถ้าฉู่เนี่ยนซีไม่หันหน้าที่มีรอยแผลเป็นมาทางเขา หากมองเพียงรูปร่างอันอรชรสง่างามของนาง เกือบจะเข้าใจไปว่านางสวรรค์ที่เจอในคืนนั้นตอนที่ไล่จับแมวตรงจวนขององค์ชายหลีได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเองอีกครั้งคงเป็นเพราะดื่มมากเกินไป อีกทั้งยังโมโหกับท่าทีของเย่เหลียนเมื่อคืน เย่ฉงเฉิงจึงสบัดหัวตัวเองเพื่อให้ได้สติไม่จริง! นางสรรค์ที่มีผิวพรรณผุดผ่องในคืนนั้นไม่มีทางเป็นฉู่เนี่ยนซีไปได้ฉู่เนี่ยนซีที่เห็นเขา ก็ทำเพียงพยักหน้าให้ ไม่ได้เดินไปหาเขา แต่กลับเดินไปทางเรือนของตัวเองแม้เย่ฉงเฉิงจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เขาก็เป็นถึงองค์ชาย เติบโตขึ้นมาในวังโดยแท้ ถึงจะมีคนไม่ชอบเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะไม่รักษามารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้ นั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ จึงก้าวมาหยุดอยู่ตรงห
ตอนแรกฉู่เนี่ยนซีจะเดินหนีไปแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเย่ฉงเฉิงจะพูดจาลามปามนางได้อย่างน่าไม่อายเช่นนี้นางทิ้งขนมฝูหรงที่เหลือลงสระน้ำ สีหน้าเย็นชามากกว่าเดิมสิ่งที่นางเกลียดที่สุดคือการที่มีคนมายุ่งเรื่องของนาง หรือตัดสินนางโดยไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย เหมือนกับที่เย่ฉงเฉิงกำลังทำอยู่ตอนนี้“คนที่เห็นข้าในคืนนั้นคือพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ?”“ใช่ ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่สามได้อย่างไร?”“ไร้สาระ!”ดวงตาของเย่เฟยหลีเบิกกว้าง หญิงนางนี้กล้าดีอย่างไรมาบอกว่าเขาพูดไร้สาระ?ฉู่เนี่ยนซีแค่นเสียงเย็นชา “เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่เห็นหม่อมฉันในคืนนั้นคือคนขององค์ชายเหลียน เขาใช้ประโยชน์จากจิตใจของพระองค์ที่ปรารถนาดีต่อเย่เฟยหลี ถึงได้แสร้งทำเป็นบอกข่าวแก่พระองค์ ไม่เช่นนั้นพระองค์ทรงคิดว่าเหตุใดเย่เฟยหลีถึงได้ถูกลอบสังหารระหว่างทางกลับจวนล่ะเพคะ? นั่นเป็นเพราะพระองค์ถูกหลอกใช้อย่างไรเล่า!”เย่ฉงเฉิงคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะบานปลายได้เช่นนี้ ว่าแต่เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่องที่เย่เฟยหลีถูกลอบสังหาร?เหตุใดก่อนหน้านี้พี่สามถึงไม่บอกเขา?“ปีนี้พระองค์อายุยี่สิบแล้วแท้ ๆ แต่จิตใจกลับยังเหมือ
ฉู่เนี่ยนซีอึ้งไปเล็กน้อย และเมื่อได้เห็นสายตาอันร้อนแรงที่เย่เฟยหลีส่งมาโดยไม่รู้ตัว นางก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จึงพูดเลี่ยง ๆ “ท่านก็คิดมากเกินไป ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านแล้วจะให้ข้าอยู่เฉย ๆ ได้เช่นไร”ขณะพูด นางก็ปัดเศษขนมที่ติดมือออก รีบเดินกลับเรือนของตัวเองโดยเมินสายตาอันตรายของเย่เฟยหลีเมื่อท้องอิ่ม ก็เริ่มแผนที่จะซื้อโรงพนันหลังจากที่ได้กำหนดเวลา ฉู่เนี่ยนซีก็เตรียมจะออกไปข้างนอกกับอวี้เป่ยเนื่องจากโดนเย่เฟยหลีจับได้ตอนออกไปครั้งแรก นางก็ได้เรียนรู้มากขึ้น และทำตัวสงบเสงี่ยมในหลายวันที่ผ่านมาแม้จะพาอวี๋เป่ยไปด้วย แต่เมื่อเห็นท่าทางของอวี๋หนานที่คล้ายจะบอกว่า ‘เหตุใดนายหญิงถึงไม่พาข้าไปเที่ยวเล่นด้วย’ นางจึงสั่งว่า “เจ้าช่วยเฝ้าที่นี่ให้ข้าหน่อย ถ้าเย่เฟยหลีมาถามว่าข้าไปไหน ให้บอกว่าข้าไปเที่ยวที่หอจุ้ยเยว่ ถ้าเขาทำเหมือนจะไปหอจุ้ยเยว่ให้รีบแจ้งข้าด้วย เจ้าว่องไวและพลังกำลังดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ไปถึงก่อนเขาแน่นอน”อวี๋หนานรับคำสั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทะยานขึ้นชายคาเพื่อเฝ้าเรือน เพียงไม่กี่ก้าวก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงาฉู่เนี่ยนซีปลอมตัวเป็นผู้ชา