ณ ริมสระน้ำเย่ฉงเฉิงเดินอย่างรีบร้อน ในฐานะที่เขาเป็นองค์ชายคงจะไปโต้แย้งโดยตรงกับฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ เรื่องนี้คุยกับเย่เฟยหลีต่อหน้าจะดีที่สุดแต่ยังไม่ทันจะเดินถึงเรือนของเย่เฟยหลี เขาก็ปะทะกับฉู่เนี่ยนซีที่กำลังเดินพลางกินขนมฝูหรงที่อยู่ในมือเมื่อเย่ฉงเฉิงเห็นฉู่เนี่ยนซี เขาก็ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขญะ ถ้าฉู่เนี่ยนซีไม่หันหน้าที่มีรอยแผลเป็นมาทางเขา หากมองเพียงรูปร่างอันอรชรสง่างามของนาง เกือบจะเข้าใจไปว่านางสวรรค์ที่เจอในคืนนั้นตอนที่ไล่จับแมวตรงจวนขององค์ชายหลีได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเองอีกครั้งคงเป็นเพราะดื่มมากเกินไป อีกทั้งยังโมโหกับท่าทีของเย่เหลียนเมื่อคืน เย่ฉงเฉิงจึงสบัดหัวตัวเองเพื่อให้ได้สติไม่จริง! นางสรรค์ที่มีผิวพรรณผุดผ่องในคืนนั้นไม่มีทางเป็นฉู่เนี่ยนซีไปได้ฉู่เนี่ยนซีที่เห็นเขา ก็ทำเพียงพยักหน้าให้ ไม่ได้เดินไปหาเขา แต่กลับเดินไปทางเรือนของตัวเองแม้เย่ฉงเฉิงจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เขาก็เป็นถึงองค์ชาย เติบโตขึ้นมาในวังโดยแท้ ถึงจะมีคนไม่ชอบเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะไม่รักษามารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้ นั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ จึงก้าวมาหยุดอยู่ตรงห
ตอนแรกฉู่เนี่ยนซีจะเดินหนีไปแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเย่ฉงเฉิงจะพูดจาลามปามนางได้อย่างน่าไม่อายเช่นนี้นางทิ้งขนมฝูหรงที่เหลือลงสระน้ำ สีหน้าเย็นชามากกว่าเดิมสิ่งที่นางเกลียดที่สุดคือการที่มีคนมายุ่งเรื่องของนาง หรือตัดสินนางโดยไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย เหมือนกับที่เย่ฉงเฉิงกำลังทำอยู่ตอนนี้“คนที่เห็นข้าในคืนนั้นคือพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ?”“ใช่ ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่สามได้อย่างไร?”“ไร้สาระ!”ดวงตาของเย่เฟยหลีเบิกกว้าง หญิงนางนี้กล้าดีอย่างไรมาบอกว่าเขาพูดไร้สาระ?ฉู่เนี่ยนซีแค่นเสียงเย็นชา “เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่เห็นหม่อมฉันในคืนนั้นคือคนขององค์ชายเหลียน เขาใช้ประโยชน์จากจิตใจของพระองค์ที่ปรารถนาดีต่อเย่เฟยหลี ถึงได้แสร้งทำเป็นบอกข่าวแก่พระองค์ ไม่เช่นนั้นพระองค์ทรงคิดว่าเหตุใดเย่เฟยหลีถึงได้ถูกลอบสังหารระหว่างทางกลับจวนล่ะเพคะ? นั่นเป็นเพราะพระองค์ถูกหลอกใช้อย่างไรเล่า!”เย่ฉงเฉิงคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะบานปลายได้เช่นนี้ ว่าแต่เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่องที่เย่เฟยหลีถูกลอบสังหาร?เหตุใดก่อนหน้านี้พี่สามถึงไม่บอกเขา?“ปีนี้พระองค์อายุยี่สิบแล้วแท้ ๆ แต่จิตใจกลับยังเหมือ
ฉู่เนี่ยนซีอึ้งไปเล็กน้อย และเมื่อได้เห็นสายตาอันร้อนแรงที่เย่เฟยหลีส่งมาโดยไม่รู้ตัว นางก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จึงพูดเลี่ยง ๆ “ท่านก็คิดมากเกินไป ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านแล้วจะให้ข้าอยู่เฉย ๆ ได้เช่นไร”ขณะพูด นางก็ปัดเศษขนมที่ติดมือออก รีบเดินกลับเรือนของตัวเองโดยเมินสายตาอันตรายของเย่เฟยหลีเมื่อท้องอิ่ม ก็เริ่มแผนที่จะซื้อโรงพนันหลังจากที่ได้กำหนดเวลา ฉู่เนี่ยนซีก็เตรียมจะออกไปข้างนอกกับอวี้เป่ยเนื่องจากโดนเย่เฟยหลีจับได้ตอนออกไปครั้งแรก นางก็ได้เรียนรู้มากขึ้น และทำตัวสงบเสงี่ยมในหลายวันที่ผ่านมาแม้จะพาอวี๋เป่ยไปด้วย แต่เมื่อเห็นท่าทางของอวี๋หนานที่คล้ายจะบอกว่า ‘เหตุใดนายหญิงถึงไม่พาข้าไปเที่ยวเล่นด้วย’ นางจึงสั่งว่า “เจ้าช่วยเฝ้าที่นี่ให้ข้าหน่อย ถ้าเย่เฟยหลีมาถามว่าข้าไปไหน ให้บอกว่าข้าไปเที่ยวที่หอจุ้ยเยว่ ถ้าเขาทำเหมือนจะไปหอจุ้ยเยว่ให้รีบแจ้งข้าด้วย เจ้าว่องไวและพลังกำลังดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ไปถึงก่อนเขาแน่นอน”อวี๋หนานรับคำสั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทะยานขึ้นชายคาเพื่อเฝ้าเรือน เพียงไม่กี่ก้าวก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงาฉู่เนี่ยนซีปลอมตัวเป็นผู้ชา
หลายวันผ่านไป อากาศในเดือนแปดไม่ได้เย็นลง แต่กลับค่อย ๆ ร้อนขึ้นทุกวันฉู่เนี่ยนซีที่ต้องเผชิญกับฤดูร้อนที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเป็นครั้งแรก และทุกวันต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้น อีกทั้งอุณหภูมิที่สูงตลอดวัน ทำให้นางรู้สึกไม่สบาย ไม่อยากกินอะไร แล้วก็ไม่อยากออกไปไหนเย่เฟยหลีถึงกับสงสัยว่านางโดนวางยาพิษเหมือนเขารึเปล่า ฉู่เนี่ยนซีที่ได้ยินก็รู้สึกละเหี่ยใจ ‘พวกเจ้าไม่เข้าใจความสุขของคนยุคใหม่หรอก’ที่บ่อนพนันก็มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจค้าสมุนไพรที่นางแอบไปทำการสำรวจก็ได้ผลตอบรับที่แตกต่างไปในแต่ละวันตอนนี้ธุรกิจทั้งหมดของฉู่เนี่ยนซีได้กลายเป็นธุรกิจที่ต้องทำในยามกลางคืนแล้วแต่เดิมนางตั้งใจไว้ว่าใช้เวลาช่วงกลางวันที่ศาลากับริมทะเลสาบตลอดช่วงฤดูร้อนทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน มหาเสนาบดีฉู่ส่งคนมาแจ้งข่าวว่าขาของพี่ชายคนโตฉู่เจี้ยนอี้นั้นหายดีแล้ว และยังได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางระดับสูงขั้นห้าประจำราชสำนัก ที่จวนมหาเสนาบดีจะจัดงานเลี้ยงฉลองในอีกสามวันจากนี้ ซึ่งบัตรเชิญนั้นได้ถูกส่งถึงเย่เฟยหลีก่อนแล้วคิด ๆ ดูก็เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้กลับไปจวนมหาเสนาบดี ตอ
เสียงดังของนางดึงดูดให้ผู้คนหันมามองเป็นตาเดียว จ้าวม่อเหยียนรู้สึกอายจนทำตัวไม่ถูก จึงทำมือเป็นสัญญาณให้นางลดเสียงลงแต่ในเมื่อหลิวซื่อมีความสุขขนาดนี้ จะไปสนใจคนอื่นทำไมกัน?“บอกแม่มาเร็ว มีเทพเซียนอาศัยที่จวนท่านมหาเสนาบดีใช่หรือไม่? ถึงได้รักษาขาของลูกเขยให้หายดีได้?”เหมือนหลิวซื่อจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เลยรีบลดเสียงลง “ข้าได้ยินคนนอกพูดกันว่าพวกเจ้าพาหมอเทวดามา หมอคนนั้นชื่อ...ชื่ออะไรนะ...”“เรียนฟูเหริน ชื่อว่าหมอเทวดาเฮ่อหลานเจ้าค่ะ”ขณะนั้น ฉู่หว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดอกไม้บนมวยผมอันบอบบางช่วยทำให้นางดูเหมือนดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ คนหนุ่มสาวที่ยังไม่แต่งงานต่างแอบมองนางอยู่หลายหนฉู่เนี่ยนซียิ้มบาง ๆ รินจอกสุราของตนเอง แล้วค่อย ๆ ยกขึ้นจิบหลิวซื่อได้ยินดังนั้น ก็ดีใจจนหน้าบาน และดึงฉู่หว่านเอ๋อร์เข้ามาคุยอย่างสนิทสนม“สาวน้อย บอกข้ามาเร็ว คนที่จวนนี้ปากหนักกันมากเลย ข้าอยากจะตอบแทนน้ำใจหมอท่านนี้ที่ช่วยรักษาขาของลูกเขยข้าจะได้หรือไม่ ถือว่าช่วยข้าเถิด”จ้าวม่อเหยียนคิ้วขมวด เหลือบมองไปทางฉู่เนี่ยนซีโดยไม่รู้ตัว และได
“เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือ?”อยู่ดี ๆ เสียงทุ้มกังวานของเย่เฟยหลีก็ดังเข้าหู นางตกใจเล็กน้อยและหันไปดู พบว่าเขาอยู่ใกล้นางมากเสียจนปลายจมูกเกือบชนกัน“อ้อ ไม่เป็นไร แค่ร้อนนิดหน่อย” นางลูบใบหูที่ถูกลมหายใจของเขารดใส่โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังถอยออกมาเพราะทำตัวไม่ถูก “เมื่อครู่ข้าเห็นชื่อเย่เหลียนอยู่ในรายชื่อ ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่?”เย่เฟยหลีบ่นพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเรียกคนรับใช้มาเปลี่ยนเครื่องดื่มในมือของฉู่เนี่ยนซี จากสุราเป็นชาสมุนไพร“ถ้าเขามาข้าก็ไม่แปลกใจ”บรรยากาศรอบข้างที่ผู้คนพลุกพล่าน รออยู่นานกว่าจะสงบลง เย่เฟยหลีมองไปยังฉู่เจี้ยนอี้และกระซิบถาม “เจ้าเป็นคนรักษาขาของฉู่เจี้ยนอี้ใช่หรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซีชะงักเบา ๆ แต่กระนั้นก็สบายใจ เพราะในเมื่อนางเป็นคนล้างพิษตกค้างในตัวเย่เฟยหลีในเวลาสั้น ๆ การที่เขาเดาได้ว่าตนเองเป็นคนรักษาขาให้ฉู่เจี้ยนอี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ“อืม”“ดูเหมือนที่นี่จะมีคนไม่ชอบเจ้า“ แม้เย่เฟยหลีจะคุยกับฉู่เนี่ยนซี แต่ตากลับจ้องไปยังฉู่หว่านเอ๋อร์ฉู่เนี่ยนซีที่เข้าใจว่าเขาหมายถึงใคร ก็แค่นเสียงเย็นชา “ตัวข้าไม่ใช่เงินทอง จะให้ทุกคนมาชอบคงทำไม่ได
ขณะที่การแสดงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ฉู่หว่านเอ๋อร์ที่หายไปครู่หนึ่งก็ปรากฎตัวอยู่ด้านหลังลูกไฟในชุดสีแดง มนุษย์พ่นไฟได้สร้างลูกบอลไฟขนาดใหญ่ขึ้นมา ฉายให้ผู้ชมได้เห็นภาพของสตรีผู้งดงามอาบอัคดีฟื้นชีวาเปลวเพลิงโชติช่วงอันแสนเร้าใจ!ทุกสายตาต่างจับจ้อบไปยังฉู่หว่านเอ๋อร์ ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีกลองตั้งอยู่บนเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉู่หว่านเอ๋อร์เคลื่อนไหวด้วยรอยยิ้มอันเย้ายวน สะบัดชายผ้าผืนยาว วางเท้าเปล่าลงบนกลองและออกท่วงท่าร่ายรำ ทำเอาผู้ชมมองกันตาไม่กะพริบการแสดงระบำกลองนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชมส่วนมาก ขณะกำลังจะปิดม่านการแสดงและทำการขอบคุณ จู่ ๆ คนรับใช้ที่พยุงนางไว้ก็เสียหลัก ทำให้นางร้องเสียงหลงและตกลงมาจากเวทีสูงบรรดาผู้ชมต่างตกใจ รีบลุกขึ้นดูเหตุการณ์ คนรับใช้หลายคนรีบไปช่วยกันพยุงขึ้นมา จ้าวม่อเหยียนที่เห็นก็ตกใจไม่แพ้กัน นางยกชายกระโปรงและวิ่งไปตรงนั้นอย่างรีบร้อนฉู่เนี่ยนซีกวาดตามองแขกในงาน เห็นเย่เหลียนจิบสุราอย่างไม่แยแส ส่วนมหาเสนาบดีฉู่ผู้เป็นประธานงานเลี้ยงก็คิ้วขมวดแน่นจนเห็นรอยย่นตรงหว่างคิ้วชัดเจน มีเพียงเย่เฟยหลีที่ถามเสียงเบา ๆ ว่า “น้องสาวของเจ้านี่ความสามารถไ
“พี่หญิง ได้โปรดดูอาการบาดเจ็บของน้องหว่านเอ๋อร์หน่อย นี่ยังมีเลือดออกอยู่เลยเจ้าค่ะ” ซ่างกวานเยียนที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดกับนางด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ ฉู่เนี่ยนซีมองนางอย่างไม่เข้าใจ ซ่างกวานเยียนพยายามใช้กลอุบายอะไร นางอยากให้เรื่องที่ตนเองมีความรู้ทางการแพทย์เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะให้ผู้อื่นรู้ แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูคนอื่น มันเหมือนกับพวกเขาได้ยินเรื่องที่ตลกมาก ๆ เรื่องหนึ่ง แล้วก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นมา “ข้าเกรงว่าชายารองคงดื่มจนเมาเสียแล้ว ใครจะไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระชายาหลีบ้าง? นางไม่เพียงแต่หน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ยังไม่มีพรสวรรค์หรือคุณธรรมด้วย หากให้พระชายามาช่วยดูอาการบาดเจ็บของนาง ข้ากลัวว่าอาจจะเป็นอันตรายกับคุณหนูหว่านเอ๋อร์ก็เป็นได้...” “ข้าว่านางคงจะมีจิตใจดีเกินไปเลยไม่ทันได้ไตร่ตรอง หากพระชายาหลีมีความรู้ทางการแพทย์ หลังจากนี้ข้าจะเอาตำราแพทย์มาต้มกินเลย” “ฮ่าฮ่า... ข้าได้ยินคนใช้ในบ้านลูกพี่ลูกน้องภรรยาของข้าคุยกับคนนอก ว่ากันว่าตอนนั้นพระชายาหลีวางยาท่านอ๋องหลี พวกเขาจึงกลายเป็นสามีภรรยากัน เลยไม่แน่ใจนักว่าพระชายาหลีม