ฉู่เนี่ยนซีกลับมายังตำหนักโซ่วคังเพื่อบอกเรื่องทั้งหมดกับฉู่กุ้ยเฟย ฉู่กุ้ยเฟยแตะท้องตัวเองแล้วถามอย่างกังวล “แล้วลูกของข้า…”ฉู่เนี่ยนซีจับชีพจรของฉู่กุ้ยเฟยอีกครั้งและพยายามสงบความกลัวของฉู่กุ้ยเฟยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ลมปราณแต่กำเนิดของท่านป้าได้รับความเสียหาย และทารกในครรภ์ย่อมต้องได้รับความเสียหายบ้างตามร่างกายของผู้เป็นแม่ แต่ท่านป้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ลูกของท่านก็จะถือกำเนิดได้อย่างปลอดภัย”ฉู่เนี่ยนซีพบบางสิ่งแปลก ๆ ในอ่างถ่านบริเวณห้องโถงใหญ่ของตำหนักโซ่วคัง เมื่อนึกได้เช่นนั้นความโกรธในใจของนางก็ปะทุขึ้นนางมองไปยังถ่านที่เก็บไว้และพบว่าไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ตำหนักเต๋อซิ่ง“ท่านป้าเจ้าคะ มีคนเอาอะไรผสมกับผงถ่านแล้วใส่ลงไปในอ่างถ่าน จากนั้นก็ทับด้วยถ่านใหม่จึงไม่มีใครสังเกตเห็น สิ่งของประเภทนี้พอใช้แค่ในหน้าหนาวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ประสิทธิภาพของมันจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ยิ่งอุณหภูมิลดลงก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมาก ฉะนั้นท่านป้าจะรู้สึกหนาว และยิ่งอากาศหนาวเย็นเท่าไหร่ ถ่านในอ่างถ่านก็จะถูกเผาไหม้มากขึ้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของท่านก็จะเกิดความเสียหายเ
นางกำนัลตอบรับคำสั่งและกำลังจะออกไป แต่จู่ ๆ เย่เซวียนเล่อก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อน”เย่เซวียนเล่อมาหานางกำนัลพลางกระซิบ จากนั้นแววตามุ่งร้ายก็แวบผ่านดวงตาของนาง และรอยยิ้มบนริมฝีปากเผยให้เห็นความชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวไม่นานหลังจากที่นางกำนัลออกไป นางก็กลับมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย นางลังเลที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดม่านและพูดด้วยความกลัว“รายงานต่อองค์หญิง พระชายาหลีกล่าวว่ามีสนมหลายท่านมาหานาง สนมเหล่านั้นแจ้งว่าจะไปที่ตำหนักโซ่วคังในช่วงบ่ายเพื่อขอให้นางตรวจชีพจรให้ นางจึงไม่มีเวลามาที่ศาลาจิ่งอวิ๋นเพคะ”“สนมคนไหน?”สายตาที่เย่เซวียนเล่อเหลือบมองนั้นน่าหวาดกลัวมากจนนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ กลั้นหายใจ“หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีพระชายาหู สนมชิว และพระชายาฉิงที่เป็นผู้เชิญพระชายาหลีไปที่ตำหนักเต๋อซิ่งเพคะ”“สนมชิว? หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่นางจะปีนขึ้นสู่ตำแหน่งสนมได้หรือ? ตอนนี้ไม่เพียงแต่นางจะไม่พูดคุยกับเสด็จแม่ ทว่านางยังย้ายไปอยู่ฝ่ายฉู่กุ้ยเฟยด้วย ครั้งต่อไปหากข้าเจอนางก็คงจะต้องจับเข่าคุยกันเสียหน่อยแล้วล่ะ” เย่เซวียนเล่อกัดฟันค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว ฉู่เนี่ยนซีและฉู่กุ้ยเฟ
“ไทเฮาเพคะ ตอนนี้ท่านป้าของหม่อมฉันคอยดูแลหกตำหนักฝ่ายใน แม้นางจะอยู่ใกล้ชิดพระองค์เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเห็นว่าพระองค์ทรงรักใคร่เอ็นดูซีเอ๋อร์และองค์หญิงห้า ท่านป้าจึงเรียนรู้สิ่งนั้นมาด้วย นางจึงได้พูดแก้ตัวแทนเนี่ยนซีเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีตอบโต้ไทเฮาอย่างไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ ทำให้ไทเฮาตรัสอะไรไม่ออก หากนางจะตำหนิอีกฝ่ายก็เหมือนกำลังตำหนิตัวเองด้วยทุกคนสนทนากับไทเฮาอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้วจึงพากันกลับเมื่อใกล้ค่ำลมหนาวก็พัดกรรโชกเสียงดังหลังจากที่เสี่ยวเถาปิดหน้าต่างอย่างแน่นหนา นางก็เดินเข้าไปในศาลาอุ่นร้อนพร้อมเทียนที่จุดใหม่ในมือกำลังจะนำไปเปลี่ยนแทนที่เทียนเก่าที่กำลังจะไหม้หมด เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซียังคงยุ่งอยู่ นางจึงพูดด้วยความกังวล “พระชายา ตอนนี้แสงเทียนสลัวแล้ว ทำต่อวันพรุ่งนี้เถอะเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีวางดอกเก๊กฮวยแห้งจำนวนหนึ่งไว้ในตะกร้าอีกใบหนึ่งในมือ พลางเหยียดหลังแล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “กว่าท่านป้าจะตั้งครรภ์ได้นั้นไม่ง่าย ข้าว่าจะใช้ดอกเก๊กฮวยมาทำหมอนนุ่ม ๆ ท่านป้าจะได้นอนหลับได้ดีขึ้น”“กุ้ยเฟยคงจะดีใจมากที่ได้รู้ว่าพระชายามานั่งเลือกดอกไม้ทีละ
บุรุษผู้นั้นตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองฟาดไม้ผิดคน ทันทีที่เขาปล่อยไม้ มันก็กลิ้งไปที่เท้าของฉู่เนี่ยนซี“จะเลือกความตายหรือจะพูดคุยกันดี ๆ?”น้ำเสียงที่สงบของฉู่เนี่ยนซียิ่งน่ากลัวมากขึ้น ทำให้ขันทีผู้น้อยตัวสั่นในทันที“กระหม่อมสมควรตาย พระชายาโปรดอภัยให้ด้วย อภัยให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมไม่สามารถพูดอะไรได้ หากกระหม่อมพูดก็จะต้องตาย แต่ครั้นจะไม่ทำกระหม่อมก็ไม่กล้า ไม่เช่นนั้นก็ต้องตายอีกเช่นกัน กระหม่อมไม่มีทางเลือกนอกจากขอความเมตตาจากพระชายา โปรดเห็นใจกระหม่อมด้วยเถิด”ขันทีผู้น้อยตื่นตระหนกมากจนต้องหมอบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยทิ้งรอยเลือดไว้บนก้อนกรวดที่เขาคุกเข่า เมื่อมองจากระยะไกลดูเหมือนดอกพลับพลึงแดงบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ“พระชายา เสี่ยวเถาเห็นเขาเมื่อวานนี้ เขาเดินวนแถวประตูตำหนักโซ่วคังหลายครั้ง ตอนนั้นหม่อมฉันเห็นเขาท่าทางแปลก ๆ เลยคิดว่าจะเดินไปสอบถาม แต่เขาก็รีบจากไปก่อนเพคะ”เสี่ยวเถามองหน้าของขันทีผู้น้อยอย่างพินิจและจำได้ในทันที“จริง ๆ แล้วเจ้าอยากจะมาบอกข้าตั้งแต่เมื่อวานใช่หรือไม่?”ความเยือกเย็นในดวงตาของฉู่เนี่ยนซีคลายลงไปมาก นางรู้ดีถึงความยากลำบากของคนผ
ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่เย่เซวียนเล่ออย่างเย้ยหยัน แต่มีความคิดคลุมเครือผุดขึ้นมาในใจของนาง“พี่สะใภ้รอง ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”เย่เซวียนเล่อเดาว่าถ้าฉู่เนี่ยนซีได้ยินอะไรบางอย่างจริง นางจะต้องสั่งให้ขันทีหนุ่มมาเป็นพยานด้วยตนเอง หากไม่เป็นเช่นนั้น นางก็อาจจะกำลังปั้นเรื่องขึ้นมาเองฉู่เนี่ยนซีแค่มองไปที่เย่เซวียนเล่อโดยไม่ได้พูดอะไร ไม่สำคัญว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ ดูจากการที่เย่เซวียนเล่อทดสอบนางนั่นก็เพียงพอแล้วเย่เซวียนเล่อรู้สึกโล่งใจที่เห็นฉู่เนี่ยนซีไม่ได้พูดอะไร และทันใดนั้นบนใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย“พี่สะใภ้รอง ท่านกำลังใส่ร้ายข้า หากท่านย่าทราบเข้าล่ะก็ ท่านย่าจะไม่มีวันปล่อยพี่สะใภ้รองไปแน่”“เช่นนั้นก็ให้ไทเฮาตรวจสอบดูว่าเป็นฝีมือใครก็แล้วกัน”ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นด้วยรูปลักษณ์สวยงามที่ไม่มีใครเทียบได้และความสูงเพรียวของนาง ท่าทางที่สงบและมั่นใจของนางทำให้เย่เซวียนเล่อสั่นเล็กน้อย“เช่นนั้นเราก็ไปตรวจสอบที่พระตำหนักอันชิ่งกันเลย”เย่เซวียนเล่อมั่นใจ นางเตือนคนที่ลงมือแล้ว หากเขากล้าพูดอะไรออกมา ไม่เพียงตัวเขาเองเท่านั้น แต่ครอบครัวของเขาก็จะไม่พ้นไปได้ฉู่เ
เมื่อเสี่ยวเถาเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีปลอดภัย นางก็รีบโน้มตัวออกไปและพยายามเอื้อมมือดึงฉู่เนี่ยนซีที่กำลังว่ายน้ำเข้ามา หลังจากดึงฉู่เนี่ยนซีขึ้นฝั่งได้แล้ว ทั้งสองก็ช่วยกันยกซุนจื่อซีขึ้นไปก่อน จากนั้นฉู่เนี่ยนซีค่อยปีนตามขึ้นมาเย่เซวียนเล่อไม่คิดว่าฉู่เนี่ยนซีจะว่ายน้ำเป็น แต่นางก็ยังคงแสดงสีหน้าไร้เดียงสา“โถ่ เมื่อครู่ข้าสะดุดก้อนหิน พี่สะใภ้รองจะโทษข้าไม่ได้นะ”ซุนจื่อซีจับแขนของฉู่เนี่ยนซีพลางหอบหายใจอย่างหนัก “พระชายาหลี ซีเอ๋อร์เห็นว่า… พระนางกำลังจะตกลงไปในน้ำ จึงรีบวิ่งเข้ามาเพื่อ…ดึงพระนางเอาไว้ แต่หม่อมฉันวิ่งเร็วเกินไปจึงหยุดไม่อยู่ ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ ขอบพระทัยชายาหลีมากเพคะที่ช่วยหม่อมฉันเอาไว้”ความสงสัยแวบขึ้นมาในดวงตาของฉู่เนี่ยนซี แต่นางก็เก็บมันไว้ในใจและไม่ได้กล่าวถึงในขณะนั้นหลังจากตรวจสอบชีพจรของซุนจื่อซีเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี นางถึงรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะวางซุนจื่อซีลงบนพื้น และให้เสี่ยวเถาค่อย ๆ ติดตามนางไปฉู่เนี่ยนซีหันกลับมามองเย่เซวียนเล่อด้วยสายตาสงบก่อนเกิดพายุลูกใหญ่เป็นการทิ้งทวน“พี่สะใภ้รอง ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ เจ้าอย่าได้คิดเ
นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ คลุมผ้าห่มให้เย่เซวียนเล่อและพูดด้วยความโกรธ “องค์หญิงอย่าปล่อยนางไปนะเพคะ!""ไปพระตำหนักอันชิ่งกัน ข้าจะให้เสด็จย่าลงโทษนางสารเลวคนนั้นให้สาสม!"เย่เซวียนเล่อโกรธจนร่างกายร้อนจัด ดังนั้นนางจึงเลิกผ้าห่มออกและเตรียมออกไปข้างนอก“องค์หญิงต้องสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกหนา ๆ ด้วยนะเพคะ ไม่เช่นนั้นจะป่วยเอาได้ แล้วจะทรงเห็นไทเฮาลงโทษนางด้วยตาตัวได้อย่างไรกันล่ะเพคะ?”นางกำนัลดึงเย่เซวียนเล่อไว้พร้อมกับเกลี้ยกล่อมนาง จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมออกมาจากตู้แล้วสวมให้เย่เซวียนเล่อ ก่อนจะคลุมศีรษะของนางด้วยหมวกคลุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็ติดตามเย่เซวียนเล่อไปยังพระตำหนักอันชิ่งเมื่อเย่เซวียนเล่อมาถึงพระตำหนักอันชิ่งด้วยความโกรธ สี่เชว่นางกำนัลรับใช้ซุนจื่อซีก็รออยู่ที่ประตูแล้ว เมื่อนางเห็นเย่เซวียนเล่อก็รีบเอ่ยทักทายทันที “ถวายบังคมองค์หญิงห้าเพคะ”เย่เซวียนเล่อมองนางอย่างไม่อดทน “มีเรื่องอะไร?”“คุณหนูซีเอ๋อร์บอกว่า นางคาดไว้แล้วว่าท่านจะเสด็จมาที่พระตำหนักอันชิ่ง จึงสั่งให้บ่าวมารอต้อนรับองค์หญิงห้าที่นี่เพคะ คุณหนูซีเอ๋อร์มีเรื่องอยากจะพูดคุยกับองค์หญิงหน้าเพคะ” สี่เชว่ต
นางคิดว่าซุนจื่อซีเกลียดฉู่เนี่ยนซีเพราะเย่เฟยหลี แต่ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วนางจะเป็นคนตีสองหน้า ด้านหนึ่งทำเป็นอยู่ฝ่ายเดียวกับนางแต่ในเวลาเดียวกันก็ประจบประแจงฉู่เนี่ยนซี “ซีเอ๋อร์จะขัดแย้งกับองค์หญิงห้าได้อย่างไรกันเพคะ? อย่างไรเสียหม่อมฉันก็เติบโตมาได้เพราะเสด็จย่า และหม่อมฉันก็รักและเคารพองค์หญิงมาก แต่องค์หญิงห้าก็ทราบดีว่าเวลานั้นความจริงเป็นเช่นไร”เย่เซวียนเล่อจ้องมองใบหน้าของนางด้วยแววตาเฉียบคมทันที“นี่ท่านกำลังข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ? ซุนจื่อซี ท่านก็เป็นแค่คนที่ถูกเสด็จย่าเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใครสิ”“ซีเอ๋อร์มิกล้า หม่อมฉันเพียงแค่อยากเป็นพยานให้กับองค์หญิงห้า เพื่อป้องกันไม่ให้ชายาหลีโกรธและทำร้ายองค์หญิงห้าก็เท่านั้นนะเพคะ”เย่เซวียนเล่อดูถูกการแสดงออกถึงความมีน้ำใจและความเป็นห่วงเป็นใยของซุนจื่อซี“ข้ายังต้องกลัวด้วยงั้นรึ?”“องค์หญิงห้าเป็นองค์หญิงเชื้อพระวงศ์ เช่นนั้นย่อมเป็นที่รักใคร่โดยธรรมชาติ แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงเปลี่ยนทัศนคติทันทีเมื่อชายาหลีถูกตัดสินโทษ หม่อมฉันเกรงว่าหากองค์จักรพรรดิทราบเรื่องนี้ นอกจากจะไม่