ซุนจื่อซีอยู่ข้าง ๆ ไทเฮา เมื่อเห็นว่าไทเฮาทรงหดหู่และกังวลเรื่องน้ำท่วมทางใต้ นางจึงเล่าเรื่องตลกหลายเรื่องต่อ ๆ กัน แม้ว่าไทเฮาจะชอบหลานสาวของนาง แต่นางก็ไม่เคยยิ้มเลย“เสด็จย่า เพื่อเห็นแก่ซีเอ๋อร์ที่อยากทำให้ท่านมีความสุข ยิ้มสักหน่อยนะเพคะ”ซุนจื่อซีกึ่งหมอบอยู่ข้างไทเฮา พลางจับมือนางทั้งสองข้างเขย่าไปมา เสียงอันไพเราะของนางราวกับดอกกุหลาบที่บานในฤดูใบไม้ผลิไทเฮาเห็นนางทำหน้ามุ่ยและขมวดคิ้ว จึงหัวเราะกับท่าทางขี้เล่นของนาง“กราบทูลฝ่าบาท ท่านอ๋องหลีขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเฉินเดินเข้ามาและคำนับพวกเขา “ไปเรียกมา” องค์จักรพรรดิลูบหน้าผากตัวเอง เขานอนไม่หลับมาหลายวันแล้วเพราะเรื่องน้ำท่วมทางตอนใต้ และขณะนี้สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“หลี่เอ๋อร์ถวายบังคมเสด็จพ่อและเสด็จย่าพ่ะย่ะค่ะ”เย่เฟยหลีก้มศีรษะทำความเคารพ เนื่องจากเขาขี่ม้ามาตลอดทางและดวงอาทิตย์ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินยังร้อนแรงพอ ใบหน้างดงามของเขาจึงแดงเล็กน้อย“เงยหน้าเถิด” ไทเฮาโบกมือให้นางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ “หาที่นั่งให้หลีเอ๋อร์สิ”หลังจากที่เย่เฟยหลีอธิบายความตั้งใจของเขา ทุกคนก็ดูประหลาดใจเล็กน้
เดิมทีเย่เฟยหลีวางแผนที่จะให้ฉู่เนี่ยนซีเดินทางด้วยรถม้า เพื่อที่เดินทางระยะไกลจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป แต่ฉู่เนี่ยนซีก็โบกมือแล้วไปที่คอกม้าเพื่อเลือกม้าที่ดูแข็งแรงลักษณะดีและขี่มันไปเมืองหนานหลินท้องฟ้ากลางดึกดำมืดราวกับหมึกที่ไหลลงสู่ท้องฟ้า พระจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่บนนั้น แสงจันทร์ตกกระทบพื้นกระเบื้อง ราวกับกำลังแผ่ชั้นน้ำแข็งสีขาวออกไปมหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินยังคงกังวลเกี่ยวกับฉู่เนี่ยนซีที่จะไปยังเมืองทางใต้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาที่จวนอ๋องหลีเพื่อฝากฝังให้ฉู่เนี่ยนซีดูแลตัวเองให้ดีฮูหยินจับมือของฉู่เนี่ยนซีพลางน้ำตาไหลด้วยความทุกข์ และเจ็บคอมากจนพูดไม่ออกฉู่เนี่ยนซีมองฮูหยินพลางคิดถึงตอนที่ตัวเองฝ่าห่ากระสุนปืนกลางสนามรบในยุคใหม่ รอดพ้นจากการไล่ตามของศัตรู ประสบกับความยากลำบากทุกรูปแบบ และไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของนางเลย แต่ตอนนี้นางมีแม่ที่ห่วงใยนางมากเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ จนดวงตาของนางแดงก่ำมหาเสนาบดีฉู่ดึงฮูหยินออกมา ปาดน้ำตาบนใบหน้าให้นาง แล้วพูดปลอบเบา ๆ “ข้าบอกแล้วว่าไม่ให้มา ถ้ามาเจ้าจะต้องเสียใจแน่ อย่าร้องไห้เลย ในเมื่อนางตั้งใจขนาดนี้ก็ให้นา
หลังจากส่งมหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินกลับไปแล้ว ฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลี ก็หันหลังกลับเดินเคียงข้างกัน นางพูดอย่างสงบและหยั่งเชิงเล็กน้อย “ขอบคุณที่ปกป้องศักดิ์ศรีของข้าในฐานะพระชายาหลีต่อหน้าพวกเขา”“เจ้าควรกลับไปพักผ่อนโดยเร็ว พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”เมื่อเย่เฟยหลีได้ยินสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูด เขาก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่บางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ และน้ำเสียงของเขาก็ไม่อบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนตอนแรก“ได้”ฉู่เนี่ยนซีเดินไปที่เรือนของตัวเอง พลางขมวดคิ้วและกัดริมฝีปาก ‘ฉู่เนี่ยนซีนะฉู่เนี่ยนซี เจ้าคาดหวังอะไรอยู่ ความหมายของเขาไม่ชัดเจนพอหรือ?’ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การหยอกล้อเท่านั้น ท่าทางที่เย็นชาของเขาที่มีต่อนางและคำพูดที่เอาใจใส่แบบขอไปทีในตอนนี้คือความคิดที่แท้จริงที่เขามีต่อตัวนางเมื่อนางกลับมาที่หอนอน ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่มีความคิดที่ยุ่งเหยิงอีกต่อไป เย่เฟยหลีก็คือเย่เฟยหลี และนางก็คือนาง พวกเขาได้ลงนามในหนังสือหย่าแล้ว ซึ่งจะเหลือเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น แล้วพวกเขาก็จะไม่มีความข้องเกี่ยวกันอีกต่อไปในตอนเช้าพวกเขาเก็บข้าวของและมาถึงประตูเมืองรั
ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถจริง ๆรอยยิ้มของไป๋ชิงดูอันตราย เขามองไปที่เย่เหลียนด้วยดวงตาอันน่าสะพรึงราวกับว่ากำลังเลียเลือดจากปลายมีด“ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหมอเทวดาเฮ่อหลาน หอการแพทย์ ฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลี่นั้นมีความลึกซึ้งกันมากแค่ไหน เราต้องคว้าโอกาสเอาไว้และทำให้พวกเขาตกอยู่ใต้อำนาจของพวกเรา”“เช่นนั้นเราก็ตีสนิทหมอเทวดาเฮ่อหลานก่อน หากเราไม่ประสบความสำเร็จก็ค่อยถึงตาฉู่เนี่ยนซี แบบนั้นเราก็สามารถติดต่อหมอเทวดาเฮ่อหลานและเข้าไปในหอการแพทย์ได้เช่นกัน ถึงอย่างไรก็เข้าทางพวกเราอยู่ดี”เย่เหลียนเงยหน้ามองไป่ชิงและยิ้ม ดูเหมือนว่าหอการแพทย์จะเป็นของพวกเขาไปแล้วหลังจากการเดินทางอันยาวนานหลายวัน ในที่สุดคณะเดินทางก็มาถึงเมืองหนานหลินไม่มีทหารเฝ้าประตูเมือง แต่ระหว่างทางได้เห็นผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ที่สามารถหนีได้ก็หนีไป ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหนีได้ ก็อยู่ได้เฉพาะในเมืองหนานหลินหรือเมืองโดยรอบเท่านั้นถนนที่มีเสียงดังแต่เดิมตอนนี้รกร้างราวกับเมืองร้าง เมื่อเจ้าเมืองหนานหลินได้ยินว่าเย่เฟยหลีและคนอื่น ๆ กำลังมา เขาก็มารออยู่ที่ประตูเมืองด้วยตัวเอง“กระหม่อ
“แม้ว่าข้าจะเป็นพระชายาหลี แต่หอการแพทย์ก็เปิดทำการด้วยตัวตนของซีซานเซิง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับใคร และไม่อยู่ภายใต้อำนาจของราชสำนัก เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวแปลกแยกกับเย่เหลียนและคนอื่น ๆ เพราะข้าที่มีตัวตนในฐานะพระชายาหลี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ต้นจนจบ เราก็เป็นเพียงเรา”ฉู่เนี่ยนซีรู้อย่างชัดเจนว่าก้าวต่อไปของตัวเองจะเป็นอย่างไรและนางก็รู้ด้วยว่าทุกสิ่งในโลกเป็นเพียงเรื่องของผลกำไร จะมีสัมพันธ์กับเย่เฟยหลีหรือเย่เหลียนก็ล้วนไม่ต่างกัน ตราบใดที่เป็นผลดีสำหรับนาง“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะวางตัวเป็นกลาง”หมอเทวดาเฮ่อหลานมองใบหน้าอันสงบนิ่งของฉู่เนี่ยนซีราวกับว่าเขากำลังมองดูทะเลอันไร้ขอบเขต ที่บนพื้นผิวนั้นเขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริง การต่อสู้ที่สิ้นหวังและทุก ๆ สิ่งล้วนถูกปกปิดด้วยทะเลอันนิ่งสงบเย่เฟยหลีและคนอื่น ๆ มาถึงเขื่อนที่พัง พวกเขายืนอยู่บนฝั่งและฟังเสียงน้ำเชี่ยวกราก ได้แต่มองดูน้ำท่วมสกปรกที่ไหลไปข้างหน้าราวกับสัตว์ร้าย เย่เฟยหลีตะโกนเสียงดังเพื่อให้เจ้าเมืองได้ยิน “ไปเกณฑ์คนหนุ่มสาวที่ไม่เจ็บป่วยมาที่นี่ เราต้องการคนจำนวนมาก!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เย
หลังจากที่บรรดาหมอหลวงได้กินยาเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ก็กล่าวว่า “ทุกอย่างจะเป็นไปตามคำสั่งของพระชายาหลีพ่ะย่ะค่ะ”คนที่อยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นคนอายุน้อย แข็งแรงและต่อต้านเชื้อได้ดีมหาเสนาบดีฉู่เคยให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่นี่ ผู้ที่ติดเชื้อไม่รุนแรงจะอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนผู้ที่ติดเชื้อรุนแรงจะอยู่ทางทิศตะวันตก“ผู้ดูแลหอการแพทย์ เจ้านำบรรดาหมอจากหอการแพทย์ไปยังเขตตะวันออก ที่นั่นมีคนมากมาย เจ้าต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบและอย่าได้พลาดสิ่งใดไปเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ตงรับคำสั่งและเดินไป“ผู้อาวุโสเฮ่อหลาน ไปที่เขตตะวันตกพร้อมกับหมอหลวงกันเถอะ” ฉู่เนี่ยนซีพูดอย่างจริงจังพร้อมแบกกล่องยาไว้ที่หลังของนาง“พ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงคนอื่น ๆ ต่างติดตามฉู่เนี่ยนซีไป ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ตัวเองอ่านตำราค้นหาความรู้มาน้อยจนทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ที่นี่ แต่อีกใจหนึ่งพวกเขาก็อุทานกันว่าความรู้และทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เนี่ยนซีนั้นช่างน่าอัศจรรย์ คงจะเป็นเรื่องที่โชคดีมากหากพวกเขาสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากนางมาได้แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยหนักในเขตตะวันตกจะมีไม่มากเท่าเขตตะวันออก แต่พวกเขาก็มีอ
ฉู่เนี่ยนซีเปิดกล่องยา หยิบพู่กันกับกระดาษออกมา แล้วจดความคิดในใจของนางอย่างรวดเร็ว โดยมีเฮ่อหลานคอยพูดคุยเรื่องปริมาณยากับนางบ้างเป็นครั้งคราวแสงเทียนสลัวกระทบใบหน้าที่ปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าของนาง จนเปล่งรัศมีออกมา เสียงที่เด็ดเดี่ยวและไม่แยแสทำให้บรรยากาศห้องรู้สึกว่างเปล่าเป็นอย่างมากหลังจากนั้นไม่นานก็เขียนใบสั่งยาเทียบยาใหม่เสร็จสิ้น เฮ่อหลานก็เดินออกมาจากห้องแล้วยื่นให้เสี่ยวเถา เขาอธิบายรายละเอียดอย่างรอบคอบและขอให้นางพาคนไปต้มยามาเพิ่ม ซึ่งจะช่วยให้นางหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นได้ด้วยได้ยินเสียง “ซี๊ด” ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะได้รับบาดแผลเพิ่มฉู่เนี่ยนซีมองตามเสียงไป คนคนนั้นเห็นพระชายาผู้สูงศักดิ์ผู้นี้ ไม่รังเกียจพวกเขาที่ใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและสกปรก อีกทั้งยังพยายามอย่างดีที่สุดและมีความสามารถแท้จริง ทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก จึงพลิกตัวเผยให้เห็นบาดแผลที่หลังของเขาบาดแผลที่หลังมีขนาดประมาณห้าถึงหกนิ้ว เนื่องจากแช่น้ำสกปรกแล้วติดเชื้อ ชิ้นเนื้อทั้งสองข้างถูกเปิดออกไปด้านข้าง ดูเหมือนแผลจะไม่ตื้นนักแต่ยาสมุนไพรนั้นให้ผลลัพธ์ช้า ฉู่เนี่ยนซีคิดอยู่ครู่หนึ
เสี่ยวเถานำยาน้ำสองชามไปให้ฉู่เนี่ยนซี เมื่อเห็นใครบางคนเดินมาข้างหน้านางนางก็เหล่ตามองใกล้ ๆ แต่มันมืดเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัด นางจึงเข้าไปส่งยาในห้องก่อน“พระชายา ดูเหมือนว่าท่านอ๋องหลีจะมาถึงแล้ว”เสี่ยวเถายื่นยาให้ผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง เอียงศีรษะแล้วพูดกับฉู่เนี่ยนซีอย่างลังเลฉู่เนี่ยนซีกำลังจัดกล่องยา เมื่อได้ยินเสี่ยวเถาพูดเช่นนั้นนางก็มองไปที่ประตู สิ่งที่นางเห็นไม่ใช่อ๋องหลีแต่กลับเป็นอ๋องเหลียน“ข้าเป็นห่วงที่เจ้าต้องรักษาคนมากมาย ดังนั้นหลังจากปิดกั้นน้ำท่วมเสร็จก็เลยรีบมาเพื่อดูว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”อ๋องเหลียนมองฉู่เหนียนซีที่กำลังยุ่งและเหงื่อออก ดวงตาสีเหลืองอำพันของเขายังคงสดใสจนน่าทึ่งภายใต้แสงเทียน เขาลืมแม้กระทั่งรอยแผลเป็นที่ปกปิดผ้าคลุมหน้าของฉู่เนี่ยนซีเสี่ยวเถาขมวดคิ้วและทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ‘นี่คือพระชายาหลีนะ คนที่เป็นห่วงควรจะเป็นท่านอ๋องหลีสิ’ฉู่เนี่ยนซียังคงก้มหน้าเก็บยา พลางตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ใดใดในใจออกมาทางสีหน้า “ท่านอ๋องเหลียนกังวลว่าจะทำให้ผู้ลี้ภัยติดเชื้อ เนี่ยนซีขอขอบพระทัยท่านอ๋องเหลียนแทนพวกเขาด้วยเพคะ”เย่เหลียนตกตะ