“มันก็แค่ปิ่นระย้า มันแตกไปแล้วก็แล้วกันไป องค์หญิงห้าสามารถชดใช้คืนให้เจ้าได้เป็นสิบ ๆ อัน”เจี่ยงจาวอวิ๋นเตะเศษชิ้นส่วนด้วยเท้าของนาง ไม่แยแสต่อสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย“เห็นได้ชัดว่าสุนัขทาสคนนี้พึ่งจะทำความผิด ทำไมกันนะ จะถูกลงโทษไม่ได้เลยหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีใช้คำพูดของเจี่ยงจาวอวิ๋นมาปิดปากของนาง เมื่อเห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นโกรธมากจนพูดไม่ออก ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกโล่งใจลงมาบ้าง“ม้าที่ดีย่อมคู่กับอานที่ดี และอานที่ดีย่อมคู่กับม้าที่ดี ปิ่นระย้านี้เป็นปิ่นที่ดีจริง ๆ เท่าที่ข้าดู มันคงเต็มใจแตกหักดีกว่าอยู่บนหัวของเจ้ามากกว่า”เจี่ยงจาวอวิ๋นมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีอย่างเยาะเย้ย ราวกับว่านางจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นตราบใดที่ใช้ใบหน้านี้โจมตีนางได้“ใช่เพคะ ใบหน้าของข้าเทียบไม่ได้กับชายาผู้สูงศักดิ์ของท่านอ๋องเหลียน ไม่อย่างนั้นจะอนุญาตให้องค์ชายเหลียนทำเรื่องมั่วโลกีย์ในเวลากลางวันแสก ๆ ได้อย่างไร นั่นเท่ากับการเอาหน้าของท่านวางไว้บนพื้นแล้วเหยียบย่ำไม่ใช่หรือ?”เมื่อเห็นใบหน้าของเจี่ยงจาวอวิ๋นแดงด้วยความโกรธ ฉู่เนี่ยนซีก็หันไปหาเสี่ยวเถาและพูดว่า "เมื่อครู่นางตีเจ้าอย่างไร ตอนนี้เจ้าก็ตีกลับไ
ระหว่างทางกลับเข้างานเลี้ยง เสี่ยวเถาก็ซาบซึ้งเสียจนน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตา นางพยายามอย่างมากเพื่อห้ามไม่ให้มันไหลออกมา แต่ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า“พระชายา จริง ๆ แล้วเมื่อครู่ท่านไม่จำเป็นต้องโกรธแทนเสี่ยวเถาเลย เสี่ยวเถาโดนตบแค่สองครั้งไม่เป็นอะไรเลยเพคะ กลัวแต่ว่าองค์หญิงห้าจะโกรธเกลียดท่าน และสร้างปัญหาให้ท่านในอนาคต"“เสี่ยวเถาผู้โง่เขลา หากเจ้าไม่ใช่คนของข้า ก็คงไม่โดนตบเช่นนี้” ฉู่เนี่ยนซีสัมผัสแก้มสีแดงของเสี่ยวเถา ก่อนจะหยิบตลับยาออกมาทาให้นาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยบวมแดงในวันพรุ่งนี้ "นางตบเจ้า ข้าจะปล่อยนางไปได้อย่างไร?”"ขอบคุณพระชายาที่ปกป้องเสี่ยวเถาเพคะ""ไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณ เจ้าติดตามข้ามาหลายปีแล้ว ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยข้าจากใจจริง" ฉู่เนี่ยนซีแตะจมูกของเสี่ยวเถา และพานางกลับไปที่งานเลี้ยงเหลียงหยวนรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับเย่เฟยหลี แต่เย่เฟยหลีเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก และมองไปที่เย่เหลียนด้วยท่าทางที่น่ากลัวมากขึ้น“องค์หญิง นางแพศยานี่ผยองมากเพคะ นางไม่เกรงใจกับท่านด้วยซ้ำ!” เจี่ยงจาวอวิ๋นเสริ
“องค์หญิงยังต้องฝึกฝนกลยุทธ์หน่อยนะเพคะ แม้แต่เด็กสามขวบก็รู้ว่าองค์หญิงต้องการอะไร”อยากจะสร้างความร้าวฉานระหว่างนางกับเย่เฟยหลีเหตุใดไม่คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ นางคิดจริง ๆ หรือเปล่าว่าเย่เฟยหลีจะทำอะไรนางด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้?นิสัยของนางไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นนี้แค่วันสองวัน หากต้องการสร้างปัญหาขึ้นมาจริง ๆ แม้แต่เย่เฟยหลีนางก็ไม่สนใจ“ก็แค่สาวใช้เพียงคนเดียว เหตุใดชายาของข้าจะลงโทษไม่ได้ หากเจ้าทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตไปถึงหูท่านพ่อ ระวังจะถูกส่งไปเป็นภิกษุณีทั้งที่เพิ่งกลับวังมาได้ไม่นาน” เย่เฟยหลีเย็นชา เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อน้องสาวคนนี้เลย ตอนนี้เมื่อเห็นว่านางกลั่นแกล้งฉู่เนี่ยนซี ใบหน้าของเขาก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น“เหอะ วันนี้ลูกพี่ลูกน้องของข้ากลับมาถึงวังแล้ว เสด็จพ่อไม่มีทางส่งข้ากลับไปแน่!”เย่เซวียนเล่อเหลือบมองด้านข้างของฉู่เนี่ยนซี จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเพื่อเหวี่ยงแส้ใส่นางฉู่เนี่ยนซีกำลังจะโยนเข็มเงินออกไปก็เห็นเย่เฟยหลีตีข้อมือของเย่เซวียนเล่อเสียงดัง ‘เพียะ’ แส้หล่นลงไปบนพื้นเสียงสนั่นเย่เซวียนเล่อมองเย่เฟยหลีด้วยความโกรธ "ท่านกล้าตีข้างั้นหรือ? ข้าจะรายง
วันรุ่งขึ้น ฉู่เนี่ยนซีตื่นแต่เช้า เสี่ยวเถาได้ยินเสียงจึงรีบจัดการทุกอย่างก่อนจะเดินถืออ่างน้ำเข้าไป “ท่านอ๋องล่ะ?” ฉู่เนี่ยนซีหาวและถามขึ้น“ไปท้องพระโรงแล้วเพคะ ท่านอ๋องบอกว่าวันนี้จะกลับมาช้า เลยให้ท่านทานอาหารก่อนได้เลยเพคะ”“อ้อ” ฉู่เนี่ยนซีตอบเบา ๆ ก่อนจะล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็นั่งหน้ากระจก แล้วปล่อยให้เสี่ยวเถาจัดการตามต้องการในเวลานี้ เย่เฟยหลีได้ยืนอยู่ในท้องพระโรงและฟังคำอภิปรายของเจ้าหน้าที่มาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโต้เถียงไปมาของทุกคน จักรพรรดิจึงตอบแบบขอไปทีแล้วไม่พูดถึงมันอีก“หากไม่มีอะไรจะรายงานแล้ว ก็ออกจากท้องพระโรงไปเถิด” เมื่อจักรพรรดิผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรโบกมือ บรรดารัฐมนตรีข้างล่างก็จากไปพร้อมกัน เมื่อเย่เฟยลี่เงยหน้าขึ้น เขาก็สบตากับจักรพรรดิ และเข้าใจในทันทีก่อนจะเดินตามรัฐมนตรีออกจากท้องพระโรงอย่างสงบ เพียงแต่ก้าวเดินของเขานั้นช้าลงเล็กน้อยหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ขันทีเฉินซึ่งอยู่ด้านข้างจักรพรรดิ์ก็วิ่งเข้ามาข้างหลังเขาและตะโกนขึ้นว่า "องค์ชายหลีช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ"“องค์ชายหลี ฝ่าบาทมีเรื่องจะหารือกับท่
องค์จักรพรรดิมองตรงไปที่เย่เฟยหลีด้วยท่าทางอันน่าเกรงขามและดวงตาเฉียบคม นี่คือองค์ชายที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดเขาหวังว่าเย่เฟยหลีจะไม่เพียงแค่สามารถรับผิดชอบงานสำคัญ ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังจะสามารถปกครองเมืองรัตติกาลและกลายเป็นองค์จักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมหลังจากที่เขาสวรรคตไปแล้ว“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เย่เฟยหลีดูจริงจัง และคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางของเขากลับไม่มีความอบอุ่นใดใด“เจ้าควรตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป เมื่อคืนเจ้าและไป๋ชิงได้ประลองกัน และสุดท้ายก็เสมอกัน จากนั้นเจ้าก็บอกว่ารู้สึกไม่สบายและออกไปก่อน พอมาดูตอนนี้ก็เหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โกหกเพื่อหักหน้าไป๋ชิง บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงและสายตาขององค์จักรพรรดิอ่อนโยนขึ้น“ไม่มีใครที่จะเข้าใจลูกได้ดีไปกว่าเสด็จพ่อ ที่ลูกทูลว่าไม่สบายไม่ใช่เรื่องโกหกพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นรวมไปถึงสายตาคู่นั้น หัวใจของเย่เฟยหลีก็ดำดิ่งลง หากองค์จักรพรรดิทรงเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้และส่งคนไปตรวจสอบ เบาะแสเพียงเล็กน้อยก็อาจฆ่าฉู่เนี่ยนซีได้“เจ้าต้องดูแลตัวเองและอย่าทำงานหนักเกินไป” องค์จักรพรรดิคิดครู่หนึ่ง “เจ้าได้รับบาด
“เสด็จพ่อและน้องสามคุยกันเรื่องอะไร? พวกเขาคุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว?” เย่เหลียนหันหลังให้กับดวงอาทิตย์แลดูมืดมน เขามองไปทางประตูสีแดงพลางถามขันทีเฉินด้วยเสียงทุ้มต่ำ“ท่านอ๋อง กระหม่อมเฝ้าอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ไม่ทราบจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่เวลาเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน คงพูดคุยกันไปแค่ไม่กี่คำหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเฉินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากได้ยินเสียงองค์จักรพรรดิทรงอนุญาต เขาก็เปิดประตูห้องทรงงานให้เย่เหลียน“ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสองพูดพร้อมกัน เย่เฟยหลีหันหลังจากไป ส่วนเย่เหลียนเดินไปข้างหน้า ทั้งสองได้เผชิญหน้ากัน สายตาประชันใส่กันเป็นประกายราวกับสายฟ้าท้องฟ้าปลอดโปร่งและมีฝุ่นลอยเล็กน้อย ขันทีเฉินส่งเย่เฟยหลีออกไป เขาถือแส้โค้งตัวแล้วพูดกับเย่เฟยหลีว่า “กระหม่อมรู้ดีว่าท่านอ๋องหลีเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ข่าวลือมากมายนั่น ขอท่านอ๋องโปรดอย่านำมาใส่ใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณขันทีเฉิน กลับไปเถอะ” เย่เฟยหลีพยักหน้าและขอบคุณขันทีเฉินที่เตือน“กระหม่อมน้อมส่งท่านอ๋องหลีพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีปลอมตัวเสร็จ นางก็ขึ้นรถม
นางจึงฝังเข็มให้ผู้ป่วยทันทีโดยรักษาอาการของเขาให้คงที่ก่อน แต่นางยังไม่รู้ว่าเป็นเชื้อไวรัสตัวไหน จึงต้องใช้เวลาศึกษาอย่างละเอียดจึงจะทราบลักษณะและยารักษาโรคได้ฉู่เนี่ยนซีถอดผ้าปิดปาก หมวกคลุมผม และถุงมือออก ห่อด้วยผ้าสะอาดแล้วนำไปให้อวี๋ตงเผาทิ้งนอกจากนี้นางยังใบสั่งยาสองใบและให้อวี๋ตงส่งคนแยกกันไปต้มยา อย่างน้อยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้คนที่มีสุขภาพดีเหล่านี้ติดเชื้อและบรรเทาอาการของผู้ที่ติดเชื้อได้ในเวลาเดียวกัน นางให้อวี๋เป่ยไปค้นหาว่าเชื้อไวรัสมาจากไหน เนื่องจากตอนนี้มันรุนแรงมาก จนคนที่แพร่เชื้ออาจป่วยหนักจนถึงระยะสุดท้ายแล้ว“อวี๋หนาน เจ้าเก่งเรื่องวิชาตัวเบา ไปเชิญท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานมาโดยเร็วที่สุด”ฉู่เนี่ยนซีให้สั่งงานอย่างเป็นระเบียบแล้วเข้าไปในห้องที่ไม่มีคน แม้ว่าห้วงว่างเปล่าจะยังเปิดไม่เต็มที่ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก อย่างน้อยนางก็สามารถเข้าไปศึกษาลักษณะพิเศษของเชื้อไวรัสได้นางกวาดตามองอย่างสบาย ๆ และทันใดนั้นก็พบว่าผลทุกข์ระทมที่นางโยนลงไปก่อนหน้านี้ได้หยั่งรากและแตกหน่อออกเป็นใบสีเขียวเล็กๆ สองใบที่น่ารักมากนั่นทำให้นางประหลาดใจ ผลทุกข์ระทมมีอยู่จริงหรือ?บ
“ท่านอ๋อง โปรดเสวยอะไรสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เมื่ออาหารทั้งหมดถูกนำมาวาง เหลียงหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่เฟยหลีก็พูดขึ้น “ยามใดแล้ว?” เย่เฟยหลีเขียนต่อโดยไม่เงยหน้า“ยามอู่*กว่า ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไม่แน่ใจว่าฉู่เนี่ยนซีทานอะไรแล้วหรือยัง เย่เฟยหลีจเงยหน้าและให้เหลียงหยวนไปเชิญฉู่เนี่ยนซี มารับประทานอาหารกลางวันกับเขาหลังจากนั้นไม่นาน เหลียงหยวนก็กลับมารายงานว่าพระชายาหลีไม่อยู่ในเรือนนอน หลังจากถามคนรับใช้ที่นั่น พวกเขาไม่รู้ว่าพระชายาหลีไปที่ใดเย่เฟยหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘ฉู่เนี่ยนซีนี่ช่างหาตัวยากจริง ๆ ไม่รู้หายไปไหนอีก’‘หากนางไปที่โรงพนันหุยหุนแล้วถูกสายลับขององค์จักรพรรดิเห็นเข้าเล่า?’“ส่งคนไปตามหานาง”“พ่ะย่ะค่ะ”เย่เฟยหลียังคงจมอยู่กับกองเอกสารราชการ สีหน้าของเขาสงบ แต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับดูวุ่นวาย มีเรื่องที่ต้องจัดการครุ่นคิดมากมาย และแต่ละเรื่องล้วนทำให้เขาหนักใจเขากังวลเกี่ยวกับประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่ และยังไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเรื่องน้ำท่วมได้ อีกทั้งก็ต้องลาดตระเวนฝั่งมณฑลตะวันตกเพื่อหาข่าว รวมไปถึงต้องปกป้องฉู่เนี่ยนซีจากการถูกทำร้าย แต่ความสงส