องค์จักรพรรดิกล่าวว่า “ดี” ทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลง ทุกคนยกย่องบุรุษทั้งสองตามองค์จักรพรรดิ สำหรับความกล้าหาญและทักษะของพวกเขาทั้งสองทำความเคารพองค์จักรพรรดิ ไป๋ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน "ยังเหลือเวลาอีกนาน เส้นทางแค้นระหว่างเรายังอีกห่างไกล"“ได้ทุกเมื่อ” เย่เฟยหลีตอบก่อนจะยืนขึ้นสีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง ก่อนจะโค้งคำนับแล้วจากไปความรังเกียจของไป๋ชิงหลั่งไหลออกมาในขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะสถบเบา ๆ ตามหลังเย่เฟยหลีที่จากไปเย่เฟยหลีกลับมาที่ที่นั่งเดิมอย่างมั่นคง ฉู่เนี่ยนซีเอียงคอมอง นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าจะกลับมาเย็นชาตามเดิมมีเพียงระยะใกล้เท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ บนหน้าผากของเย่เฟยหลีได้ เมื่อครู่ ไป๋ชิงมัวแต่มุ่งเน้นไปที่การต่อสู้จึงไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเย่เฟยหลีในขณะนี้ฉู่เนี่ยนซีกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เย่เฟยหลี ได้ยินเสียงหายใจที่อ่อนแรงของเขา เมื่อเห็นหน้าอกที่กระเพื่อม ซึ่งเขาพยายามอย่างมากที่จะปกปิดมัน แต่ก็ยังคงแสดงออกมาให้เห็นเล็กน้อย และมือขวาของเขาที่ถือดาบก็สั่นเทาฉู่เนี่ยนซีรู้ถึงควา
หากคู่เคียงเรียงหมอนของไป๋ชิงเป็นคนของเขา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่พ้นหูของเขาไปได้ ครานี้อยากจะทำอะไรก็ง่ายดาย“ใช่แล้ว พี่สองเพิ่งได้นางสนมคนใหม่มา สวยมากเชียวนะ เหตุใดพี่สองไม่แบ่งปันวิธีการกับให้แม่ทัพไป๋บ้างล่ะเผื่อว่าเขาจะได้นางสนมที่สวยงามด้วย” เย่เฟยหลีพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แม้ว่าจะไม่ได้เห็นสีหน้าของเขา แต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยหลายคนรู้เรื่องนี้ และความรักระหว่างชายและหญิงเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่ต้องการทิ้งภาพลักษณ์ความลุ่มหลงผู้หญิงของตัวเองต่อหน้าจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่หวังว่าดวงตาของเขาจะกลายเป็นมีดทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเย่เฟยหลี“เหตุใดเสี่ยวเถายังไม่กลับมา หรือว่านางจะหลงทางอย่างนั้นหรือ? ข้าจะไปตามนางหน่อย”ฉู่เนี่ยนซีมวดคิ้ว สีหน้าเป็นกังวล เสี่ยวเถาคือคนของจวนองค์ชายหลีเพียงคนเดียวที่เป็นห่วงเป็นใยฉู่เนี่ยนซี หากนางหลงทางก็เป็นเรื่องเล็ก แต่ขออย่าให้อะไรเกิดขึ้นกับนางก็พอ“เหลียงหยวน ไปกับพระชายา”"ไม่ต้อง"ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีที่มองเย่เฟยหลีกลับมาเย็นชาเหมือนเมื่อก่อน แต่นางกำลังสับสนกับความคิดที่มีเกี่ยวกับเย่เฟยหลี การออกห่า
“ใครเป็นคนสอนกฎเหล่านี้ให้กับเจ้า? ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้ากลับกล้าพูดว่าสอนบทเรียนแทนข้า”บุคลิกของฉู่เนี่ยนซีนั้นเข้าถึงได้ยากเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้บวกกับท่าทางสง่างามตอนพูด ยิ่งทำให้นางกำนัลตัวสั่น“เขาว่ากันว่าสุนัขที่หวงอาหารนั้นน่ากลัว วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว เป็นเช่นนี้นี่เอง” เจี่ยงจาวอวิ๋นออกจากงานเลี้ยงแล้วเดินมาพบฉู่เหนียนซีเข้าเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามและหยิ่งผยองของนาง ฉู่เนี่ยนซีก็หรี่ตาลง ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับนางอีกต่อไป ทันใดนั้น ก้อนหินก็ลอยขึ้นมาจากใต้เท้าของนาง และกระแทกเข่าของเจี่ยงจาวอวิ๋น ทำเอาเจี่ยงจาวอวิ๋นกรีดร้องเสียงดังก่อนจะล้มลงไป“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตีข้า?”เจี่ยงจาวอวิ๋นพูดขึ้นทันควัน และเมื่อเห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายและดวงตาเยือกเย็นของฉู่เนี่ยนซี ไม่รู้ว่าในใจของนางตอนนี้มีความกลัวหรือความเสียใจกันแน่“ท่านบอกเองว่าสุนัขที่หวงอาหารนั้นน่ากลัวไม่ใช่หรือ ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อน ขอบคุณท่านจริง ๆ ที่ทำให้ข้าได้เห็นโลกมากขึ้น” ฉู่เนี่ยนซีตอบอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่โหดร้ายมากขึ้นอีกเล็กน้อย“เจ้า...สุนัขทาสของเจ้าผิดเอง จะถูกลงโทษไม่ได้เลยรึ?”เ
“มันก็แค่ปิ่นระย้า มันแตกไปแล้วก็แล้วกันไป องค์หญิงห้าสามารถชดใช้คืนให้เจ้าได้เป็นสิบ ๆ อัน”เจี่ยงจาวอวิ๋นเตะเศษชิ้นส่วนด้วยเท้าของนาง ไม่แยแสต่อสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย“เห็นได้ชัดว่าสุนัขทาสคนนี้พึ่งจะทำความผิด ทำไมกันนะ จะถูกลงโทษไม่ได้เลยหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีใช้คำพูดของเจี่ยงจาวอวิ๋นมาปิดปากของนาง เมื่อเห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นโกรธมากจนพูดไม่ออก ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกโล่งใจลงมาบ้าง“ม้าที่ดีย่อมคู่กับอานที่ดี และอานที่ดีย่อมคู่กับม้าที่ดี ปิ่นระย้านี้เป็นปิ่นที่ดีจริง ๆ เท่าที่ข้าดู มันคงเต็มใจแตกหักดีกว่าอยู่บนหัวของเจ้ามากกว่า”เจี่ยงจาวอวิ๋นมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีอย่างเยาะเย้ย ราวกับว่านางจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นตราบใดที่ใช้ใบหน้านี้โจมตีนางได้“ใช่เพคะ ใบหน้าของข้าเทียบไม่ได้กับชายาผู้สูงศักดิ์ของท่านอ๋องเหลียน ไม่อย่างนั้นจะอนุญาตให้องค์ชายเหลียนทำเรื่องมั่วโลกีย์ในเวลากลางวันแสก ๆ ได้อย่างไร นั่นเท่ากับการเอาหน้าของท่านวางไว้บนพื้นแล้วเหยียบย่ำไม่ใช่หรือ?”เมื่อเห็นใบหน้าของเจี่ยงจาวอวิ๋นแดงด้วยความโกรธ ฉู่เนี่ยนซีก็หันไปหาเสี่ยวเถาและพูดว่า "เมื่อครู่นางตีเจ้าอย่างไร ตอนนี้เจ้าก็ตีกลับไ
ระหว่างทางกลับเข้างานเลี้ยง เสี่ยวเถาก็ซาบซึ้งเสียจนน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตา นางพยายามอย่างมากเพื่อห้ามไม่ให้มันไหลออกมา แต่ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า“พระชายา จริง ๆ แล้วเมื่อครู่ท่านไม่จำเป็นต้องโกรธแทนเสี่ยวเถาเลย เสี่ยวเถาโดนตบแค่สองครั้งไม่เป็นอะไรเลยเพคะ กลัวแต่ว่าองค์หญิงห้าจะโกรธเกลียดท่าน และสร้างปัญหาให้ท่านในอนาคต"“เสี่ยวเถาผู้โง่เขลา หากเจ้าไม่ใช่คนของข้า ก็คงไม่โดนตบเช่นนี้” ฉู่เนี่ยนซีสัมผัสแก้มสีแดงของเสี่ยวเถา ก่อนจะหยิบตลับยาออกมาทาให้นาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยบวมแดงในวันพรุ่งนี้ "นางตบเจ้า ข้าจะปล่อยนางไปได้อย่างไร?”"ขอบคุณพระชายาที่ปกป้องเสี่ยวเถาเพคะ""ไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณ เจ้าติดตามข้ามาหลายปีแล้ว ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยข้าจากใจจริง" ฉู่เนี่ยนซีแตะจมูกของเสี่ยวเถา และพานางกลับไปที่งานเลี้ยงเหลียงหยวนรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับเย่เฟยหลี แต่เย่เฟยหลีเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก และมองไปที่เย่เหลียนด้วยท่าทางที่น่ากลัวมากขึ้น“องค์หญิง นางแพศยานี่ผยองมากเพคะ นางไม่เกรงใจกับท่านด้วยซ้ำ!” เจี่ยงจาวอวิ๋นเสริ
“องค์หญิงยังต้องฝึกฝนกลยุทธ์หน่อยนะเพคะ แม้แต่เด็กสามขวบก็รู้ว่าองค์หญิงต้องการอะไร”อยากจะสร้างความร้าวฉานระหว่างนางกับเย่เฟยหลีเหตุใดไม่คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ นางคิดจริง ๆ หรือเปล่าว่าเย่เฟยหลีจะทำอะไรนางด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้?นิสัยของนางไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นนี้แค่วันสองวัน หากต้องการสร้างปัญหาขึ้นมาจริง ๆ แม้แต่เย่เฟยหลีนางก็ไม่สนใจ“ก็แค่สาวใช้เพียงคนเดียว เหตุใดชายาของข้าจะลงโทษไม่ได้ หากเจ้าทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตไปถึงหูท่านพ่อ ระวังจะถูกส่งไปเป็นภิกษุณีทั้งที่เพิ่งกลับวังมาได้ไม่นาน” เย่เฟยหลีเย็นชา เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อน้องสาวคนนี้เลย ตอนนี้เมื่อเห็นว่านางกลั่นแกล้งฉู่เนี่ยนซี ใบหน้าของเขาก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น“เหอะ วันนี้ลูกพี่ลูกน้องของข้ากลับมาถึงวังแล้ว เสด็จพ่อไม่มีทางส่งข้ากลับไปแน่!”เย่เซวียนเล่อเหลือบมองด้านข้างของฉู่เนี่ยนซี จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเพื่อเหวี่ยงแส้ใส่นางฉู่เนี่ยนซีกำลังจะโยนเข็มเงินออกไปก็เห็นเย่เฟยหลีตีข้อมือของเย่เซวียนเล่อเสียงดัง ‘เพียะ’ แส้หล่นลงไปบนพื้นเสียงสนั่นเย่เซวียนเล่อมองเย่เฟยหลีด้วยความโกรธ "ท่านกล้าตีข้างั้นหรือ? ข้าจะรายง
วันรุ่งขึ้น ฉู่เนี่ยนซีตื่นแต่เช้า เสี่ยวเถาได้ยินเสียงจึงรีบจัดการทุกอย่างก่อนจะเดินถืออ่างน้ำเข้าไป “ท่านอ๋องล่ะ?” ฉู่เนี่ยนซีหาวและถามขึ้น“ไปท้องพระโรงแล้วเพคะ ท่านอ๋องบอกว่าวันนี้จะกลับมาช้า เลยให้ท่านทานอาหารก่อนได้เลยเพคะ”“อ้อ” ฉู่เนี่ยนซีตอบเบา ๆ ก่อนจะล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็นั่งหน้ากระจก แล้วปล่อยให้เสี่ยวเถาจัดการตามต้องการในเวลานี้ เย่เฟยหลีได้ยืนอยู่ในท้องพระโรงและฟังคำอภิปรายของเจ้าหน้าที่มาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโต้เถียงไปมาของทุกคน จักรพรรดิจึงตอบแบบขอไปทีแล้วไม่พูดถึงมันอีก“หากไม่มีอะไรจะรายงานแล้ว ก็ออกจากท้องพระโรงไปเถิด” เมื่อจักรพรรดิผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรโบกมือ บรรดารัฐมนตรีข้างล่างก็จากไปพร้อมกัน เมื่อเย่เฟยลี่เงยหน้าขึ้น เขาก็สบตากับจักรพรรดิ และเข้าใจในทันทีก่อนจะเดินตามรัฐมนตรีออกจากท้องพระโรงอย่างสงบ เพียงแต่ก้าวเดินของเขานั้นช้าลงเล็กน้อยหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ขันทีเฉินซึ่งอยู่ด้านข้างจักรพรรดิ์ก็วิ่งเข้ามาข้างหลังเขาและตะโกนขึ้นว่า "องค์ชายหลีช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ"“องค์ชายหลี ฝ่าบาทมีเรื่องจะหารือกับท่
องค์จักรพรรดิมองตรงไปที่เย่เฟยหลีด้วยท่าทางอันน่าเกรงขามและดวงตาเฉียบคม นี่คือองค์ชายที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดเขาหวังว่าเย่เฟยหลีจะไม่เพียงแค่สามารถรับผิดชอบงานสำคัญ ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังจะสามารถปกครองเมืองรัตติกาลและกลายเป็นองค์จักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมหลังจากที่เขาสวรรคตไปแล้ว“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เย่เฟยหลีดูจริงจัง และคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางของเขากลับไม่มีความอบอุ่นใดใด“เจ้าควรตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป เมื่อคืนเจ้าและไป๋ชิงได้ประลองกัน และสุดท้ายก็เสมอกัน จากนั้นเจ้าก็บอกว่ารู้สึกไม่สบายและออกไปก่อน พอมาดูตอนนี้ก็เหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โกหกเพื่อหักหน้าไป๋ชิง บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงและสายตาขององค์จักรพรรดิอ่อนโยนขึ้น“ไม่มีใครที่จะเข้าใจลูกได้ดีไปกว่าเสด็จพ่อ ที่ลูกทูลว่าไม่สบายไม่ใช่เรื่องโกหกพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นรวมไปถึงสายตาคู่นั้น หัวใจของเย่เฟยหลีก็ดำดิ่งลง หากองค์จักรพรรดิทรงเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้และส่งคนไปตรวจสอบ เบาะแสเพียงเล็กน้อยก็อาจฆ่าฉู่เนี่ยนซีได้“เจ้าต้องดูแลตัวเองและอย่าทำงานหนักเกินไป” องค์จักรพรรดิคิดครู่หนึ่ง “เจ้าได้รับบาด