ผิวหนังที่เปลือยเปล่า ประกอบกับอากาศเย็นทำให้รู้สึกหนาวกายความเจ็บปวดตามร่างกายของนางและรอยแดงบนที่นอน ล้วนทำให้นางนึกถึงความเร่าร้อนเมื่อคืนนี้อีกครั้งซ่างกวานเยียนหน้าแดงเบา ๆ พลางเผยรอยยิ้ม บางทีวันนี้ท่านอ๋องอาจมีสิ่งที่ต้องทำ จึงออกไปแต่เช้า เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกนาง เขาจึงเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังในตอนที่ออกไปเมื่อคิดดังนั้น สีหน้าของซ่างกวานเยียนก็ยิ่งมีความเขินอายมากขึ้น“พวกเจ้าเข้ามาได้!”สาวใช้ที่รออยู่ข้างนอกนานแล้วก็เปิดม่านเข้าไป ซ่างกวานเยียนปิดปากแล้วยิ้มเบา ๆ “ท่านอ๋องเสด็จออกไปเมื่อไหร่?”สาวใช้เหลือบมองรอยแดงบนร่างของซ่างกวานเยียน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข“ตอนบ่าวตื่นมาก็ไม่เห็นท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ายินดีด้วยนะเจ้าคะคุณหนู!”ซ่างกวานเยียนพยักหน้าเบา ๆ ให้กับสาวใช้ กำลังจะพูด แต่ด้วยการเคลื่อนไหวดังกล่าว ซ่างกวานเยียนก็ตัวแข็งทื่อทันที ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ? ท่านรู้สึกไม่สบายใจตรงไหนเจ้าคะ?” เมื่อสาวใช้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็รีบถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวานเยียนสะดุดไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เตรียม
ซ่างกวานเยียนไม่ชอบได้ยินคำว่านางสนม ทันใดนั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและอวดดีของนาง ก็เปลี่ยนมาจ้องมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความโกรธ แต่เมื่อนางคิดถึงคืนแห่งความอ่อนโยนของเมื่อวาน ดวงตาที่โกรธแค้นของนางก็กลับกลายเป็นเย่อหยิ่งดังเดิม“เฮอะ! หรือว่าพี่หญิงอิจฉาเจ้าคะ? ตายแล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้ไปค้างแรมที่เรือนของพี่หญิงเลย ไม่ทราบว่าอยากให้ข้าไปช่วยท่านพี่ปัดฝุ่นที่หมอนสักหน่อยหรือไม่?”ขณะที่ซ่างกวานเยียนพูด ก็ดูเหมือนว่านางจะคิดอะไรออก สายตาอันโกรธเกรี้ยวของนางจ้องมองไปที่รอยแผลเป็นที่น่าขยะแขยงบนใบหน้าของฉู่เนี่ยนซี แววตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ พลางพูดอย่างประชดประชันว่า “อืม หากท่านอ๋องไปหาพี่หญิงก็คงทำได้แค่ปิดไฟ เพราะจะได้ไม่เสียสายตา!”พูดจบ นางก็ปิดปากแล้วยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเถาจึงนึกโกรธ ‘พระชายาไม่มีรอยแผลเป็นเสียหน่อย นางสวยกว่าเจ้าเป็นหมื่นเท่าเสียด้วยซ้ำ! ช่างไร้ยางอายนัก!’เมื่อรับรู้ถึงความโกรธของผู้คนที่อยู่รอบตัว ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง นางก้าวไปข้างหน้าและจ้องมองไปที่ซ่างกวานเยียนอย่างดูหมิ่นพลางกระซิบเบา ๆ “คืนก่อนที่เจ้าจะเข้าจวนม
เนื่องจากนางกำลังจะแต่งงานกับท่านอ๋องเหลียน คนที่ดูถูกนางจึงทำได้เพียงพูดคุยเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ลับหลัง แต่ดวงตาของพวกเขายังคงมีแต่ความเหยียดหยาม นางสามารถทนกับสิ่งเหล่านี้ได้ แต่สำหรับฉู่เนี่ยนซีนั้นถือเป็นข้อยกเว้น!นางจ้องมองด้วยความโกรธ ดวงตาของนางเป็นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจขณะที่ฉู่หว่านเอ๋อร์กำลังจะพูด มหาเสนาบดีที่ดีใจมากเมื่อได้ยินว่าบุตรสาวของเขากลับมา เขาจึงวางงานในมือลงทันที แล้วรีบไปที่จวนเพื่อต้อนรับนาง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับฉู่หว่านเอ๋อร์ตรงหน้าประตูจวนเมื่อเห็นว่านางมีสายตาโกรธขึงในขณะที่บุตรสาวของเขาดูสงบ ก็เดาได้ว่าฉู่หว่านเอ๋อร์คงมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอีกแล้วสีหน้าของเขาขรึมขึ้นพลางก้าวไปข้างหน้า“ซีเอ๋อร์ เหตุใดไม่แจ้งพ่อล่วงหน้าตอนที่กลับมาเล่า? หากรู้ก่อนหน้าคงขอให้แม่ทำน้ำแกงที่เจ้าชอบให้แล้ว!”เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรสาวของเขา มหาเสนาบดีฉู่ก็ยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก เจือไปด้วยความกังวล “ดูสิ เจ้าผอมลงอีกแล้ว! จากนี้ต้องกินให้มากกว่านี้!”เมื่อได้ยินเสียงของมหาเสนาบดีฉู่ ความเยือกเย็นในดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็หายไป และถูกแท
มหาเสนาบดีฉู่ส่งสัญญาณให้ฉู่เนี่ยนซีกินมากขึ้น พลางอธิบายว่า “แม่ของเจ้ากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง”เมื่อมองดูขนมอบบนจาน ฉู่เนี่ยนซีก็ส่ายหน้าและปฏิเสธอย่างสุภาพ “ท่านพ่อ ข้าอยากไปหาท่านแม่ ส่วนขนมอบจานนี้ข้าฝากท่านกินนะเจ้าคะ!”พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ขยิบตาอย่างซุกซนและจากไปอย่างรวดเร็วมหาเสนาบดีฉู่ส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเด็กคนนี้โตมาเหมือนใครระหว่างทางไปหอนอนของท่านป้าฉู่ นางก็พบกับศาลาหลังหนึ่ง ตอนแรกฉู่เนี่ยนซีไม่ได้สนใจ แต่ในขณะที่นางเดินผ่านไป เสียงกระซิบของคนสองคนก็ดังมาจากในศาลา“เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงยังไม่ตั้งครรภ์? รู้ไว้ด้วยว่าตอนนี้สามีเจ้าสบายดีแล้ว ในอนาคตตำแหน่งมหาเสนาบดีก็จะเป็นของเขา! ถึงตอนนั้นเขาจะต้องรับอนุภรรยาอย่างแน่นอน หากอนุคนใหม่ที่เข้ามาตั้งครรภ์ก่อนเจ้า ในภายภาคหน้านางคงทำตัวไม่ไว้หน้าเจ้าแน่! เชื่อฟังแม่ของเจ้าและรีบตั้งครรภ์โดยเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าลูกจะรับประกันสถานะของเจ้าได้! อีกทั้งในวันข้างเจ้าก็ยังสามารถช่วยพ่อและพี่น้องได้อีกด้วย เข้าใจหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็เลิกคิ้ว ช่างเป็นฉากที่คล้ายกันเหลือเกิน!เมื่อฟังน้
ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้!หลิวซื่อผู้ซึ่งไม่มีอะไรจะพูดได้แต่จ้องมอง และฉู่เนี่ยนซีที่ดูสงบก็จากไปอย่างเงียบ ๆสิ่งที่ทำให้ฉู่เนี่ยนซีประหลาดใจก็คือคราวนี้จ้าวม่อเหยียนไม่ได้จากไปกับหลิวซื่อนางค่อย ๆ มาหาฉู่เนี่ยนซีและขอโทษด้วยความอับอาย“ข้าขอโทษด้วย แม่ของข้าเป็นคนช่างพูด ท่านอย่าไปสนใจเลย”ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้า และในเวลาเดียวกันนางก็สังเกตเห็นความเศร้าที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของจ้าวม่อเหยียน ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้แม้นปากบอกไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วนางก็กังวลเรื่องการไม่มีลูกเป็นของตัวเองกับเขาด้วยเหมือนกันด้วยความเข้าใจ ฉู่เนี่ยนซีจึงจับมือของจ้าวม่อเหยียนและมุ่งหน้าไปยังห้องตำราขณะที่ถูกฉู่เนี่ยนซีลากไปนั้น จ้าวม่อเหยียนก็รู้สึกงุนงงและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พระชายา ท่านจะพาข้าไปไหน?”“ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง”การกระทำของฉู่เนี่ยนซีทำให้จ้าวม่อเหยียนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงห้องทำงาน ฉู่เนี่ยนซีหยิบกระดาษออกมาอย่างคล่องแคล่ว หยิบพู่กันขึ้นมาจดเทียบยาแล้วยื่นให้นาง“พี่สะใภ้ใหญ่ไปรับยาตามที่อยู่นี้นะ ท่านและพี่ใหญ่ควรทานวันละครั้ง แต่อย่าดื่มมากเกินไป ไม่
เมื่อรู้สึกถึงความกังวลอย่างสุดซึ้งในสายตาของพี่สะใภ้ใหญ่ ฉู่เนี่ยนซีจึงยื่นมือออกมาจับมือนางไว้แน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ตราบใดที่ท่านป้ารับปากว่าจะยับยั้งตัวเองต่อจากนี้ ข้าก็จะรักษาท่านให้”“แน่นอน!” ด้วยคำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากสายตาของนาง ดวงตาของจ้าวม่อเหยียนเปล่งประกายด้วยความหวังอันริบหรี่หลังจากคุยกันอีกสองสามคำ ฉู่เนี่ยนซีก็ไปหาฮูหยินฉู่ฮูหยินฉู่ทั้งประหลาดใจและตกใจกับการกลับมาของลูกสาว และยืนกรานที่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้นางในตอนเย็น ฉู่เนี่ยนซีพักที่จวนมหาเสนาบดีฉู่เพื่อรับประทานอาหารเย็นทันทีที่จับมือกับฮูหยินฉู่เดินไปถึงห้องอาหาร ก็พบพ่อ พี่ชายและพี่สะใภ้ใหญ่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง และตรงกลางมีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเย่เฟยหลียืนอยู่‘เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่?’ ในใจของฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจ แต่ยังคงเดินต่อไปโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเมื่อฮูหยินฉู่เห็นเย่เฟยหลี นางก็รีบดึงฉู่เนี่ยนซีเข้ามาทำความเคารพ“ท่านอ๋องหลี”ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีปรากฏตัว ดวงตาที่เย็นชาของเย่เฟยหลีก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย เขาจับตาดูนางอย่างไม่ละสายตามหาเสนาบดีฉู่ที่อยู
ระหว่างทางมีแต่ความเงียบสงัดหนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา รถม้าก็หยุดและยังคงมีแต่ความเงียบ ทุกคนต่างกลับเข้าไปในเรื่อนของตนทันทีที่เย่เฟยหลีเข้าไปในห้อง เหลียงหยวนก็ปรากฏตัวราวกับผี“ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” ดวงตาของเย่เฟยหลีเย็นชา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ชวนให้ผู้คนกลัวตัวสั่น“เมื่อเช้านี้ พระชายาได้พบกับชายารองซ่างกวาน และมีปากเสียงกันนิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”ได้ยินเช่นนั้น เย่เฟยหลีก็หลุบตาลง ขนตาที่หลุบลงมาด้วยได้ปิดบังความซับซ้อนในสายตาของเขาเอาไว้ไม่แปลกใจที่นางทำตัวเฉยชาใส่เขา ในที่สุดเย่เฟยหลีก็เข้าใจเหตุผลเขาเงยหน้าส่งสัญญาณให้เหลียงหยวนดำเนินการต่อ“พรุ่งนี้เป็นการประมูลประจำปีของโรงพนันหุยหุน คืนนั้นจะมีการประมูลของล้ำค่า และจะมีคนมากมายไปที่นั่น นอกจากนี้ เจ้าของของโรงพนันหุยหุนก็จะปรากฏตัวด้วย!”พูดจบ ดวงตาที่ลึกล้ำของเย่เฟยหลีเผยให้เห็นแสงที่เจิดจ้าและรุนแรง เย็นเฉียบราวกับสระน้ำลึกพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ เพราะนั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดในการจับกุมเจ้าของโรงพนันหุยหุนอีกด้านหนึ่ง ฉู่เนี่ยนซีที่กลับมาถึงหอนอนก็นั่งนิ่ง ๆ ใช้นิ้วเรียวเคาะโต
อวี๋เป่ยเม้มริมฝีปากอย่างเหนื่อยหน่าย พลางเขกศีรษะอวี๋หนาน น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย “ทำในสิ่งที่เราควรทำ อย่าถามในสิ่งที่เราไม่ควรสงสัย!”อวี๋หนานรู้สึกผิดหลังจากถูกตี พร้อมจับบริเวณที่ถูกตีไว้ จากนั้นก็จอดรถม้าอย่างว่าง่าย พลางตามอวี๋เป่ยไปยังโรงพนันหุยหุนพ่อค้าหาบเร่หลายคนเอาแต่ตะโกนและทั้งซอยก็ดูมีชีวิตชีวามากโรงพนันหุยหุนเป็นโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีผู้คนจำนวนมากเคยไปที่นั่นเพื่อความสนุกสนาน แต่เนื่องจากทางเข้าโรงพนันคือโรงเต้นรำ ฉู่เนี่ยนซีจึงกั้นมันและสร้างขึ้นใหม่ในสถานที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนเข้าใจผิดที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่องานในวันนี้ชั้นล่างของโรงพนันหุยหุนมีเสียงคนตะโกน หัวเราะ ร้องไห้ ฯลฯ มากมายปะปนกันทำให้มีเสียงดังมากจนหนวกหู"ขออภัยเจ้าค่ะ กรุณาสวมหน้ากากก่อนเข้ามาด้วยเจ้าค่ะ” คนรับใช้แจกหน้ากากแบบต่าง ๆ ให้กับทุกคนด้วยความใจดีและอดทนเป็นอย่างมากทุกคนที่เข้ามาสวมหน้ากากและเดินอย่างสบาย ๆคนรวยมักจะเลือกที่นั่งบนชั้นสอง ในขณะที่คนธรรมดาที่มีพอจะมีเงินอยู่บ้างจะเลือกม้านั่งยาวที่ชั้นหนึ่ง“นายท่าน การประมูลจะเริ่มขึ้นในอี