ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้!หลิวซื่อผู้ซึ่งไม่มีอะไรจะพูดได้แต่จ้องมอง และฉู่เนี่ยนซีที่ดูสงบก็จากไปอย่างเงียบ ๆสิ่งที่ทำให้ฉู่เนี่ยนซีประหลาดใจก็คือคราวนี้จ้าวม่อเหยียนไม่ได้จากไปกับหลิวซื่อนางค่อย ๆ มาหาฉู่เนี่ยนซีและขอโทษด้วยความอับอาย“ข้าขอโทษด้วย แม่ของข้าเป็นคนช่างพูด ท่านอย่าไปสนใจเลย”ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้า และในเวลาเดียวกันนางก็สังเกตเห็นความเศร้าที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของจ้าวม่อเหยียน ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้แม้นปากบอกไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วนางก็กังวลเรื่องการไม่มีลูกเป็นของตัวเองกับเขาด้วยเหมือนกันด้วยความเข้าใจ ฉู่เนี่ยนซีจึงจับมือของจ้าวม่อเหยียนและมุ่งหน้าไปยังห้องตำราขณะที่ถูกฉู่เนี่ยนซีลากไปนั้น จ้าวม่อเหยียนก็รู้สึกงุนงงและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พระชายา ท่านจะพาข้าไปไหน?”“ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง”การกระทำของฉู่เนี่ยนซีทำให้จ้าวม่อเหยียนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงห้องทำงาน ฉู่เนี่ยนซีหยิบกระดาษออกมาอย่างคล่องแคล่ว หยิบพู่กันขึ้นมาจดเทียบยาแล้วยื่นให้นาง“พี่สะใภ้ใหญ่ไปรับยาตามที่อยู่นี้นะ ท่านและพี่ใหญ่ควรทานวันละครั้ง แต่อย่าดื่มมากเกินไป ไม่
เมื่อรู้สึกถึงความกังวลอย่างสุดซึ้งในสายตาของพี่สะใภ้ใหญ่ ฉู่เนี่ยนซีจึงยื่นมือออกมาจับมือนางไว้แน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ตราบใดที่ท่านป้ารับปากว่าจะยับยั้งตัวเองต่อจากนี้ ข้าก็จะรักษาท่านให้”“แน่นอน!” ด้วยคำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากสายตาของนาง ดวงตาของจ้าวม่อเหยียนเปล่งประกายด้วยความหวังอันริบหรี่หลังจากคุยกันอีกสองสามคำ ฉู่เนี่ยนซีก็ไปหาฮูหยินฉู่ฮูหยินฉู่ทั้งประหลาดใจและตกใจกับการกลับมาของลูกสาว และยืนกรานที่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้นางในตอนเย็น ฉู่เนี่ยนซีพักที่จวนมหาเสนาบดีฉู่เพื่อรับประทานอาหารเย็นทันทีที่จับมือกับฮูหยินฉู่เดินไปถึงห้องอาหาร ก็พบพ่อ พี่ชายและพี่สะใภ้ใหญ่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง และตรงกลางมีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเย่เฟยหลียืนอยู่‘เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่?’ ในใจของฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจ แต่ยังคงเดินต่อไปโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเมื่อฮูหยินฉู่เห็นเย่เฟยหลี นางก็รีบดึงฉู่เนี่ยนซีเข้ามาทำความเคารพ“ท่านอ๋องหลี”ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีปรากฏตัว ดวงตาที่เย็นชาของเย่เฟยหลีก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย เขาจับตาดูนางอย่างไม่ละสายตามหาเสนาบดีฉู่ที่อยู
ระหว่างทางมีแต่ความเงียบสงัดหนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา รถม้าก็หยุดและยังคงมีแต่ความเงียบ ทุกคนต่างกลับเข้าไปในเรื่อนของตนทันทีที่เย่เฟยหลีเข้าไปในห้อง เหลียงหยวนก็ปรากฏตัวราวกับผี“ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” ดวงตาของเย่เฟยหลีเย็นชา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ชวนให้ผู้คนกลัวตัวสั่น“เมื่อเช้านี้ พระชายาได้พบกับชายารองซ่างกวาน และมีปากเสียงกันนิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”ได้ยินเช่นนั้น เย่เฟยหลีก็หลุบตาลง ขนตาที่หลุบลงมาด้วยได้ปิดบังความซับซ้อนในสายตาของเขาเอาไว้ไม่แปลกใจที่นางทำตัวเฉยชาใส่เขา ในที่สุดเย่เฟยหลีก็เข้าใจเหตุผลเขาเงยหน้าส่งสัญญาณให้เหลียงหยวนดำเนินการต่อ“พรุ่งนี้เป็นการประมูลประจำปีของโรงพนันหุยหุน คืนนั้นจะมีการประมูลของล้ำค่า และจะมีคนมากมายไปที่นั่น นอกจากนี้ เจ้าของของโรงพนันหุยหุนก็จะปรากฏตัวด้วย!”พูดจบ ดวงตาที่ลึกล้ำของเย่เฟยหลีเผยให้เห็นแสงที่เจิดจ้าและรุนแรง เย็นเฉียบราวกับสระน้ำลึกพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ เพราะนั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดในการจับกุมเจ้าของโรงพนันหุยหุนอีกด้านหนึ่ง ฉู่เนี่ยนซีที่กลับมาถึงหอนอนก็นั่งนิ่ง ๆ ใช้นิ้วเรียวเคาะโต
อวี๋เป่ยเม้มริมฝีปากอย่างเหนื่อยหน่าย พลางเขกศีรษะอวี๋หนาน น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย “ทำในสิ่งที่เราควรทำ อย่าถามในสิ่งที่เราไม่ควรสงสัย!”อวี๋หนานรู้สึกผิดหลังจากถูกตี พร้อมจับบริเวณที่ถูกตีไว้ จากนั้นก็จอดรถม้าอย่างว่าง่าย พลางตามอวี๋เป่ยไปยังโรงพนันหุยหุนพ่อค้าหาบเร่หลายคนเอาแต่ตะโกนและทั้งซอยก็ดูมีชีวิตชีวามากโรงพนันหุยหุนเป็นโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีผู้คนจำนวนมากเคยไปที่นั่นเพื่อความสนุกสนาน แต่เนื่องจากทางเข้าโรงพนันคือโรงเต้นรำ ฉู่เนี่ยนซีจึงกั้นมันและสร้างขึ้นใหม่ในสถานที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนเข้าใจผิดที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่องานในวันนี้ชั้นล่างของโรงพนันหุยหุนมีเสียงคนตะโกน หัวเราะ ร้องไห้ ฯลฯ มากมายปะปนกันทำให้มีเสียงดังมากจนหนวกหู"ขออภัยเจ้าค่ะ กรุณาสวมหน้ากากก่อนเข้ามาด้วยเจ้าค่ะ” คนรับใช้แจกหน้ากากแบบต่าง ๆ ให้กับทุกคนด้วยความใจดีและอดทนเป็นอย่างมากทุกคนที่เข้ามาสวมหน้ากากและเดินอย่างสบาย ๆคนรวยมักจะเลือกที่นั่งบนชั้นสอง ในขณะที่คนธรรมดาที่มีพอจะมีเงินอยู่บ้างจะเลือกม้านั่งยาวที่ชั้นหนึ่ง“นายท่าน การประมูลจะเริ่มขึ้นในอี
การเต้นรำเต็มไปความสวยงามและสร้างสรรค์หลังจากจบเพลง ผู้คนก็รู้สึกลีงเลที่จะจากไป“เอาล่ะ!”ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นผู้นำ ทั้งห้องโถงถึงได้มีเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นเมื่อความสนุกสนานพุ่งสูงขึ้น บุรุษสวมหน้ากากเงินคนหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวที อีกสองคนนำโต๊ะมาวาง มีถาดอยู่บนโต๊ะและถาดนั้นก็ถูกปิดไว้ ทำให้คนอื่น ๆ ต้องชะเง้อคอมองและคาดเดาถึงสิ่งที่อยู่ข้างในบุรุษผู้นั้นพยักหน้าให้ทุกคน จากนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้น“การประมูลได้เริ่มขึ้นแล้ว!”“ต่อไปนี้ ข้าจะแนะนำกฎให้ทุกท่านทราบ กฎนั้นง่ายมาก ตอนนี้ทุกท่านมีป้ายอยู่ในมือ ตัวเลขบนป้ายคือหมายเลขประจำตัวของแขกแต่ละท่าน ตอนนี้ในมือของข้ามีถ้วยหนึ่งใบและลูกเต๋าสามลูก ชูป้ายหมายเลขแล้วเสนอราคา หากใครให้ราคาสูงสุดก็มาทายแต้มลูกเต๋า หากทายถูกจะสามารถลดราคาได้ครึ่งหนึ่งและจะได้รับของในถาดนี้ไป แต่หากทายผิดจะต้องเพิ่มเงินหนึ่งส่วน แล้วจึงค่อยเอาสิ่งของที่อยู่ในถาดไป!”หลังจากแนะนำคร่าว ๆ แล้ว บุรุษผู้นั้นก็หันไปอีกด้านหนึ่งแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ลำดับต่อไป ขอเชิญผู้ดูแลโรงพนันหุยหุน ท่านอาซื่อมาประกาศให้ทุกท่านทราบถึงสินค้าชิ้นแรกที่จะทำการประมูล!”อ
เนื่องจากมันเป็นสมุนไพรที่หายากและล้ำค่า ทุกคนจึงอยากได้และวางเดิมพันกันมากมาย แต่ในท้ายที่สุด คนผู้นี้เป็นคนที่วางเดิมพันมากที่สุดแต่ผลลัพธ์กลับน้อยนิดยิ่งตรงที่นั่งชั้นพิเศษ เย่เฟยหลีเฝ้าดูอย่างเย็นชาในขณะที่ผู้คนด้านล่างต่างกำลังคลั่งไคล้ กิจกรรมในครั้งนี้น่าสนใจมากซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าของโรงพนันก็ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง น่าเสียดายที่พรสวรรค์นี้ไม่มีประโยชน์กับเขา อีกทั้งยังเป็นปฏิปักษ์กับเขาด้วย น่าเสียดายจริง ๆ“ท่านอ๋อง เจ้าของโรงพนันหุยหุนยังไม่ปรากฏตัว หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ?”เหลียงหยวนขมวดคิ้วพลางจ้องมองความสนุกสนานที่เบื้องล่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจเย่เฟยหลียิ้มเยาะพลางพูดยืนยัน “เขามาแน่”สายตาเย็นชาของเขาล่องลอยไปทางชายในชุดคลุมสีขาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมองอย่างร้อนแรง ชายในชุดคลุมสีขาวมองกลับไปสบตากับเย่เฟยหลี พลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้า“ท่านอ๋อง เขา…” เหลียงหยวนรู้สึกว่าชายคนนั้นดูคุ้นตา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน“ในเมื่อเจ้าของคนเก่าของโรงพนันหุยหุนและโรงเต้นรำอยู่ที่นี่ เขาก
เจ้าของโรงพนันผู้นี้ไม่มีกำลังภายในเลยแม้แต่นิด นึกว่าจะจัดการได้ง่าย แต่เขากลับสามารถหลบฝ่ามือได้ ช่างน่าสนใจ!คนบนเวทีทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน คนข้างล่างบ้างก็คิดว่าเป็นการแสดง บ้างก็ว่าเริ่มวิวาทกันเพราะไม่พอใจกันคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนรีบรุดไปหาคนสองสามคนที่อยู่ด้านหน้า และเมื่อคนของโรงพนันเห็นเจ้านายและชายในชุดดำต่อสู้กัน พวกเขาต่างก็ก้าวไปช่วย แต่ก็ถูกคนของเย่เฟยหลีขัดขวางไว้ จนกลายเป็นการต่อสู้กันอีกกลุ่ม“เจ้าเป็นใคร?” ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีดูน่ากลัว เผยให้เห็นจิตสังหารที่ไม่สามารถปกปิดได้เย่เฟยหลียิ้มเยาะพลางพูดอย่างตรงไปตรงมา “คนที่จะจับเจ้าอย่างไรเล่า!”พูดจบ การเคลื่อนไหวของเขาก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และโจมตีตำแหน่งสำคัญทุกแห่ง ดูเหมือนว่าเขาแค่อยากจะจับเป็น!“นายท่าน!”เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังดิ้นรน อวี๋เป่ยจึงตะโกนเรียก จากนั้นก็รีบกำจัดคนที่อยู่รอบตัวเขา แล้วรีบไปอยู่ข้างกายฉู่เนี่ยนซีและจะแทงชายชุดดำด้วยดาบของเขาเย่เฟยหลีไม่ยอมให้เขาทำสำเร็จ จึงรีบถอยหลบ เหลียงหยวนที่กำลังให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างเจ้านายของเขากับเจ้าของโรงพนันหุยหุน เมื่อ
เย่เฟยหลีเปลี่ยนพลังภายในทั้งหมดของเขาส่งมายังฝ่ามือ หากมันทะลุเข้าไปในร่างกายของฉู่เนี่ยนซี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กล้ามเนื้อและกระดูกของนางก็จะหัก และนางก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ไม่เพียงแต่ท่าทางการใช้เข็มเงินของเจ้าของโรงพนันหุยหุนจะเหมือนกับของ ฉู่เนี่ยนซีทุกประการ เสน่ห์ตรงหว่างคิ้วของเขาก็นับว่าคล้ายกันมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่แสนเย็นชาเหล่านั้น เย่เฟยหลีถึงกับเผลอคิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือฉู่เนี่ยนซีคิดได้ดังนั้น เย่เฟยหลีจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบังคับตัวเองให้ดึงฝ่ามือกลับและหยุดคนอื่นด้วยเสียงเย็นชา“ทุกคนหยุด!”หลังจากได้ยินคำสั่งของเย่เฟยหลี คนของเขาก็หยุด เหลียงหยวนมองไปที่เย่เฟยหลีด้วยความสับสน และไม่เต็มใจอีกนิดเดียวก็จะสามารถจับตัวเจ้าของโรงพนันหุยหุนได้แล้ว เหตุใดจู่ ๆ ท่านอ๋องถึงบอกให้หยุด?“ถอย!” เสียงของเย่เฟยหลีดังขึ้นและเยือกเย็นไม่มีใครกล้าต่อต้านคำสั่งของเย่เฟยหลี ดังนั้นเย่เฟยหลีจึงพาคนของเขาจากไปอย่างเร่งรีบ“ไม่ต้องตามเขาไป!” ฉู่เนี่ยนซีมองร่างของชายคนนั้นที่จากไปด้วยดวงตาที่ซับซ้อนเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงอาร