แชร์

บทที่ 175

ผู้เขียน: ชาผลไม้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-01-02 16:00:01
เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น และทุกคนต่างก็หันไปมอง ก่อนจะเห็นสตรีในอาภรณ์สีขาวแซมฟ้าเดินเข้ามาช้า ๆ

นางดูจิตใจดี สง่างาม และมีจิตวิญญาณแห่งเทพธิดาที่ไม่เคยถูกมนุษย์ทำให้ต้องแปดเปื้อน

นางเดินเข้าไปหาไทเฮาก่อนจะโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า และลักยิ้มลูกแพร์ทั้งสองข้างริมฝีปากของนางก็เพิ่มความน่ารักขึ้นอีกเล็กน้อย

“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ”

“รีบลุกขึ้นเถิด!” ไทเฮามีความสุขทันทีเมื่อเห็นเย่หลิงเอ๋อร์ ไทเฮาช่วยพยุงนางขึ้นและจับมือของนางไว้ “ที่นี่ลมแรง เจ้าร่างกายไม่แข็งแรง เหตุใดถึงไม่พักอยู่ในตำหนักล่ะ? "

“ลูกได้ยินมาว่าเสด็จแม่จัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศ หลิงเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ จึงอยากมาร่วมสนุกน่ะเพคะ!”

เย่หลิงเอ๋อร์ถือโอกาสนั่งลงข้างไทเฮา ทันใดนั้นก็มองไปที่ฉู่เหนียนซี ก่อนจะกระพริบตาให้นาง “เสี่ยวซีเอ๋อร์ มานั่งข้าง ๆ ข้าสิ”

ซุนจื่อซีที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่เมื่อเห็นดวงตาของเย่หลิงเอ๋อร์ นางก็หยุดเดินและมองฉู่เนี่ยนซีที่เดินไปหยุดข้างหน้าเย่หลิงเอ๋อร์

“เสี่ยวซีเอ๋อร์ เจ้าสวยขึ้นอีกแล้ว”

หากเป็นคนอื่น ฉู่เนี่ยนซีคงคิดว่าคน ๆ นี้กำลังเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 176

    ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนมีพระชนมายุมากกว่าห้าสิบพรรษา พระองค์มีองค์หญิงเพียงองค์เดียวนั่นก็คือเย่หลิงเอ๋อร์ เมื่อพระองค์ขึ้นสู่อำนาจทุกคนต่างก็เทิดทูนหลังจากที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็ให้ความสำคัญกับน้องสาวเพียงคนเดียวคนนี้ โดยหาทุกสิ่งมาให้ตามที่นางต้องการการได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิทั้งสองพระองค์นั้นคือการดำรงอยู่ของการได้รับความรักจากคนนับพันไทเฮาที่อยู่ด้านข้างมองการกระทำของเย่หลิงเอ๋อร์ และอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ "หลิงเอ๋อร์เจ้าไปรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อใด?"เย่หลิงเอ๋อร์มองไทเฮาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ความลับเพคะ นี่เป็นความลับระหว่างลูกและเสี่ยวซีเอ๋อร์ที่ไม่อาจบอกได้เพคะ"ขณะที่พูด นางก็ขยิบตาอย่างขี้เล่นให้กับฉู่เนี่ยนซีเมื่อเห็นท่าทางขี้เล่นของนาง ฉู่เนี่ยนซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก และลูบหัวนางอย่างไม่รู้ตัวทุกคนรอบข้างกลั้นหายใจและมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความตกตะลึงนางช่างกล้าจริง ๆ นางปฏิบัติต่อองค์หญิงฉางเล่อราวกับพระองค์เป็นเด็กและลูบหัวนางอย่างนั้นหรือ?เย่หลิงเอ๋อร์เองก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อเห็นดวงตาที่ยิ้มแย้มของฉู่เนี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-02
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 177

    "เจ้า..." เจี่ยงจาวอวิ๋นชี้ไปที่นาง และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าไทเฮาทันที "เสด็จย่า อวิ๋นเอ๋อร์เพียงแค่ล้อเล่น อวิ๋นเอ๋อร์ไม่อยากถูกโบยเพคะ"ไทเฮาทนไม่ได้เมื่อเห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นร้องไห้อย่างน่าสงสาร บวกกับที่นางไม่ชอบฉู่เนี่ยนซีตั้งแต่แรก หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว นางจึงพูดขึ้นว่า "ก็แค่เรื่องล้อเล่นกันเท่านั้น ข้าว่าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเถอะ”“ล้อเล่นหรือเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หากคนที่ถูกโบยคือหม่อมฉัน ไทเฮาจะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นอยู่ไหม? แล้วจะละเว้นโทษเช่นนี้ไหมเพคะ?”คำถามของฉู่เนี่ยนซีทำให้ทุกคนสูดหายใจลึก ฉู่เนี่ยนซีเป็นคนแรกที่กล้าสบตาไทเฮาและตั้งคำถามเช่นนี้ใบหน้าของไทเฮายังมีความโกรธ และเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "นี่เจ้ากำลังกังขาถึงความยุติธรรมกับข้าอย่างนั้นหรือ?"“กังขาหรือเพคะ? ซีเอ๋อร์มิกล้า หม่อมฉันเพียงแค่สงสัยเท่านั้นเพคะ”“ได้! ได้ ในเมื่อเจ้าสงสัย งั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ หากคนที่ถูกโบยคือเจ้า ข้าก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นและละเว้นโทษแบบนี้เช่นกัน!” ไทเฮาจ้องนางอย่างไม่หลบสายตา โดยไม่มีทีท่าร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-03
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 178

    ฉู่เนี่ยนซีเดินไปหาจักรพรรดิและกำลังจะทำความเคารพ แต่จักรพรรดิก็ยกมือขึ้นห้ามนางไว้ "ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รีบเข้าไปดูสนมฉิงเถิด"ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า และในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป สนมลี่และขันทีหนุ่มอีกสองนายก็มาถึง ขันทีหนุ่มคนหนึ่งกระซิบบางอย่างกับเย่เหลียน และเย่เหลียนก็มองมาที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยดวงตามืดมน และใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยและเดินตรงเข้าไปด้านในห้องทันทีที่เข้ามาด้านในกลิ่นคาวเลือดก็ลอยแตะจมูก ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่สตรีที่นอนอยู่บนเตียง เห็นว่าใบหน้าของนางซีดเผือดและหน้าผากก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ส่วนหมอตำแยที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนบอกให้นางออกแรงอย่างสุดกำลัง นางดูอ่อนแรงมากจนไม่มีแรงเหลือ ดังนั้นจึงได้แต่นอนหอบหายใจฉู่เนี่ยนซีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อหมอตำแยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฉู่เนี่ยนซีก็ชิงพูดขึ้นก่อน "องค์จักรพรรดิขอให้ข้ามาช่วยสนมฉิง พวกเจ้าฟังข้าก็พอ"พูดจบ นางก็หันไปตรวจอาการของสนมฉิงก่อนจะขมวดคิ้ว จากนั้นจึงป้อนยาเม็ดสีม่วงเข้าปากของนางอย่างรวดเร็ว“สิ่งนี้จะสามารถช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้ แม้ว่าทารกในครรภ์จะอายุเพียงแปดเดือนและยังไม่ถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-03
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 179

    เมื่อจักรพรรดิได้ยินดังนั้น ก็รีบคว้าจี้หยกในมือก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงของฮ่องเฮาตวาดขึ้น "ผ่าคลอด? ชายาหลี เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? นั่นเป็นการลงโทษสำหรับอาชญากรนะ"ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย "ที่นี่หม่อมฉันคือหมอ และบอกวิธีที่ดีที่สุดให้กับพวกท่านเท่านั้น ส่วนการผ่าคลอดที่ทุกคนบอกว่าเป็นการลงโทษ ที่นี่เป็นเพียงขั้นตอนการรักษาเท่านั้นเพคะ! เช่นเดียวกับการฟังเข็ม และการสั่งยา มันคือหลักการเดียวกัน!”“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ก็ไม่มีเหตุผลที่จะผ่าคลอดพระสนม!” ฮ่องเฮาพูดอย่างชอบธรรม แต่มีอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้แวบขึ้นมาในดวงตาของนางฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองนางอย่างเย็นชาแล้วหันไปมองจักรพรรดิ “หวังว่าเสด็ตพ่อจะทรง คิดทบทวน บนเตียงนี้มีสองชีวิต คนหนึ่งคือพระสนมของท่าน ส่วนอีกคนในท้องคือองค์ชายของพระองค์ หากไม่ผ่าคลอดอาจจะเสียทั้งสองชีวิตไปเพคะ!”“องค์ชาย?” จักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะถาม“ถูกต้องเพคะ! ชีพจรของพระสนมฉิงนั้นดูเหมือนกำลังตั้งท้ององค์ชายเพคะ”จักรพรรดิขมวดคิ้วและดูลังเล“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะเชื่อใจชายาหลีเพคะ! หม่อมฉันยินดีแลกชีวิตเพื่อลูกในท้อง!”เสียงอันอ่อนแรงของพระสนม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-03
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 180

    ด้านนอก จักรพรรดิและคนอื่น ๆ กำลังรออย่างใจจดใจจ่อ โดยมองเข้าไปในห้องเป็นครั้งคราวไม่รู้ว่านานเท่าใด แต่แล้วในห้องก็มีเสียงเด็กร้องดังขึ้น "อุแว้..." ทุกคนลุกขึ้นยืนทันที จักรพรรดิหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และเดินไปที่ประตูในห้องนั้น ฉู่เนี่ยนซีกำลังอุ้มเด็กด้วยมือทั้งสองเบา ๆ และมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก“ใครก็ได้ มาพาเด็กไปทำความสะอาดที่ด้านนอกที”เมื่อจักรพรรดิได้ยินสิ่งนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และเขาก็รีบบอกหมอตำแยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า "เร็วเข้า รีบเข้าไปดู"ใบหน้าของหมอตำแยมีความตื่นเต้นเช่นกัน และนางก็รีบเข้าไปด้านในทันทีหมอหลวงที่อยู่ด้านข้างต่างก็เช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก และมองหน้ากันโดยไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นได้หลังจากนั้นไม่นาน หมอตำแยก็พันตัวเด็กแล้วกลับมาที่ห้องด้านนอก "ทูลจักรพรรดิทูลฮ่องเฮา เป็นองค์ชายเพคะ!"“ดี ดี รีบส่งมาให้ข้าอุ้มเร็วเข้า!” จักรพรรดิดูตื่นเต้นเมื่อฮ่องเฮาที่อยู่ข้างหลังได้ยินว่าเป็นองค์ชาย ก็มีร่องรอยความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง แต่มันก็ถูกปกปิดไว้อย่างรวดเร็วเย่เฟยหลีเหลือบมองเด็กในอ้อมแขนของจักรพรรดิ และมองไปรอบ ๆ ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-04
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 181

    “นี่ น้ำ!” พูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ประคองฉู่เนี่ยนซีขึ้น แล้วยื่นแก้วน้ำไปที่ปากของนาง ฉู่เนี่ยนซีจิบน้ำเล็กน้อย ลืมตาขึ้นช้า ๆ และเห็นสายตาที่เป็นกังวลของเย่เฟยหลี “ขอบคุณ!” เย่เฟยหลีขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวของนาง “ดื่มเพิ่มอีกหน่อย” ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าและจิบน้ำอีกสองสามครั้ง “ข้าจะไปให้คนเตรียมอาหาร!” เย่เฟยหลีให้ฉู่เนี่ยนซีนอนลง และหลังจากสั่งให้ขันทีเตรียมอาหารเสร็จ เขาก็กลับมา “เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่!” ฉู่เนี่ยนซีส่ายหัว ค่อย ๆ เอ่ยปากออกมา “ข้าสบายดี แค่ใช้แรงมากไปก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย พวกเราอยู่ที่พระราชวังแล้วหรือ สนมฉิงเป็นอย่างไรบ้าง?” “ทุกอย่างเรียบร้อยดี หมอหลวงได้ตรวจวินิจฉัยแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ และเนื่องจากนางให้กำเนิดองค์ชาย จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นพระชายา” เย่เฟยหลีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “แต่ว่าถุงบรรจุเลือดกับท่อที่เจ้าใช้ที่เรือนของสนมฉิงวันนี้...ของพวกนั้นเจ้าไปเอามาจากที่ใด?” ฉู่เนี่ยนซีตกใจ และความง่วงที่มีก็หายเกือบครึ่ง “อะ...เอ่อ...ก่อนหน้านี้ข้าเอาเข้าไปด้วยน่ะ!” “เอาเข้าไปหรือ เจ้าเอาติดตัวเข้าไปด้วย?” เย่เฟยหลีมองพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-04
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 182

    เมื่อทั้งคู่ทานอาหารเย็นเสร็จ ไม่นานก็หลับไปอีกครั้ง เนื่องจากฉู่เนี่ยนซียังไม่หายดีนัก เย่เฟยหลีจึงรีบกลับจวนอ๋องแต่เช้าหลังจากตื่นนอน หลังจากนั้นรางวัลจากองค์จักรพรรดิก็มาถึงจวนอ๋องหลี นอกจากเครื่องประดับ เงินทอง เครื่องหัว ผ้าและอื่น ๆ แล้ว องค์จักรพรรดิยังมอบป้ายตราสำนักหมอหลวงซึ่งทำให้นางสามารถเข้าออกจากสำนักหมอหลวงได้อย่างอิสระ แม้ว่านางจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดใด แต่ก็จะได้รับประโยชน์จากหมอหลวง เย่เฟยลี่ที่ลงจากรถม้าพอดีพร้อมกับอุ้มฉู่เนี่ยนซีกลับไปที่เรือน ซ่างกวานเยียนเห็นดังนั้น ก็แทบอยากจะกัดฟันของตัวเองให้แตกออกเป็นชิ้น ๆ! นางกำมือแน่น พลางมองด้วยสายตาดุร้าย “ช่วงนี้ฉู่หว่านเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” เฟยจูที่อยู่ด้านข้างโน้มตัวไปข้างหน้า “เรียนคุณหนู หลังจากที่นางถูกท่านอ๋องเหลียนลงโทษ ก็ถูกส่งกลับไปยังจวนมหาเสนาบดีฉู่ เดิมทีนางจะถูกส่งกลับไปที่บ้านเกิด ตีฟู่ แต่ดูเหมือนว่าฮูหยินฉู่จะใจอ่อน ขอว่าให้ฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงดีก่อนค่อยส่งกลับเจ้าค่ะ!” “ฟื้นฟูร่างกาย? เกรงว่าหากนางหายดีแล้วคงจะไม่เต็มใจกลับไปน่ะสิ” ซ่างกวานเยียนใช้ความคิด สายตาของนางเหม่อมองไปยังเรือนขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-04
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 183

    ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมามองที่ซ่างกวานเยียน และอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันในใจ ‘ต้องมีอะไรบางอย่างร้ายแรงแอบแฝงอยู่แน่ ซ่างกวานเยียนคิดจะทำอะไรถึงได้มาบอกข้าโต้ง ๆ ว่าเย่เฟยหลีรักแต่นาง? อยากให้ข้าหึงรึ?’ “ที่นี่มีเราแค่สองคน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำท่าทางอวดดีเช่นนี้ คิดจะทำอะไรก็พูดออกมาเลยดีกว่า!” ฉู่เนี่ยนซีเสียบปิ่นปักผมเข้าไปในผมมวยของตัวเองแล้วพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “ฮ่าฮ่า...” ซ่างกวานเยียนปิดปากหัวเราะ ทำท่าทางไร้เดียงสาอีกครั้ง “พี่หญิง ท่านกำลังพูดถึงอะไร เยียนเอ๋อร์มาเชิญท่านด้วยความจริงใจ หรือว่าพระชายาเช่นท่านจะกลัวเสียแล้ว?” ฉู่เนี่ยนซีที่มองนางอย่างเรียบเฉย ก็หัวเราะขึ้น “ฮ่าฮ่า...กลัวหรือ? เจ้าหรือเปล่าที่กลัว? ในเมื่อต้องการให้ข้าไปมากนัก หากข้าไม่ทำตามคำขอก็คงจะไม่ได้” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ลุกขึ้นและเดินนำไปยังประตู เมื่อนางไปถึงประตู นางก็หยุดและหันกลับมาทันที “จริงสิ ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นพระชายา เช่นนั้นเจ้าก็ควรรู้สิว่าสถานะปัจจุบันของตัวเองไม่เหมาะกับอาภรณ์ชุดนี้” “เปลี่ยนอาภรณ์เสียเถอะ จะได้ไม่ถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเอา!” ฉู่เนี่ยนซีกล่าวพลางเดินพ้นจากประตูไป ซ่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-05

บทล่าสุด

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

DMCA.com Protection Status